Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    ประกาศเตือน :: ถ้าคุณคิดจะไปดู "Watchmen" ..เพราะต้องการความสนุกอย่างยิ่งยวด ...ขอให้เปลี่ยนความคิดโดยด่วน!!!

    เพราะ "Watchmen" ไม่ได้เป็นหนังที่คุณจะคาดหวังความสนุก ดูบันเทิง ได้เพียงเพราะการดูตัวอย่างอันมันส์ระเบิด มองหน้าหนังด้วยภาพลักษณ์ซูเปอร์ฮีโร่รวมพลังสู้ แบบคลึงๆกับ "X-Men" หรือรู้เบื้องหลังว่าผู้กำกับเป็นเจ้าของผลงานเดียวกับหนังแอ๊ค(ชั่น)อาร์ดมาดแมนอย่าง "300"

    หากถ้าคุณคิดเช่นนั้นที่ผมว่ามา ..ขอเตรียมตัวเตรียมใจต้อนรับความผิดหวังอันใหญ่หลวงไว้ได้เลย

    เพราะ Watchmen ตัวจริงเสียงจริง คือ หนังซูเปอร์ฮีโร่ที่มืด หม่น อลตระการ ..ที่หนักหน่วง และเข้มข้นกว่า อีกหนึ่งซูเปอร์ฮีโร่จากหลังคา(DC Comics)เดียวกัน อย่างพี่ค้างคาวรัตติกาล "The Dark Knight" ...ที่กล้าพูดได้เลยว่า เรื่องหลัง ยังชิลกว่ามากมาย

    สิ่งที่ผมจะมาพูดในกระทู้ประกาศเตือนนี้ ...นี่คือ ความปรารถนาที่ผมหวังลึกๆว่า มันคงพอจะช่วยแบ่งความหนักหน่วงที่อาจจะมีคนดูหนังมาแล้ว เข้ามาสาดเสียเทเสีย ให้เบาลง ..แม้ไม่ว่าสุดท้ายจะช่วยน้อย หรือช่วยมาก ก็ขอให้ประเด็นที่ผมจะพูดต่อไปนี้ เป็นข้อๆ ..ได้รับพิจารณาจากคนที่ยังมีความอยากไปดูหนังเรื่องนี้...

    เพราะผมเชื่อและคาดว่า ..นับจากนี้อีกสักระยะหนึ่งในห้องเฉลิมไทยแห่งนี้ ประเด็นของความชื่นชอบ หรือ รังเกียจที่มีต่อหนังเรื่องนี้ ...น่าจะลุกลามใหญ่โตเป็นไฟไหม้ฟางก็น่าเป็นไปได้



    1) Watchmen... คือ หนังที่เรียกร้อง "สมาธิ" จากคนดูอย่างยิ่งยวด

    ไม่ว่าคุณจะยังมีความคิดหวังว่า หนังเรื่องนี้คงจะสร้างความบันเทิงให้คุณได้ตามที่ต้องการ ..หรือไม่ว่า อาจไม่ขออะไรมาก แค่ได้ดูหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่ดีอีกเรื่อง

    ผมก็ยังอยากจะขอให้คุณเตรียมตัวเตรียมใจไปรับชม "ความทรมานบันเทิง" เรื่องนี้ ด้วยใจที่จดจ่อกับตัวหนัง ตัวละคร เรื่องราว เหตุการณ์ กระทั่งรายละเอียดยิบย่อยในส่วนที่เป็นไดอะล็อกคำพูด เหนือสิ่งอื่นใด

    เพราะถ้าคุณหลุดจากตรงนี้ไปสักจุด ..ความสนุกก็อาจจะมีหดลดลงไปเล็กน้อยถึงพอประมาณ ...แต่ถ้าคุณแทบไม่สามารถจับติดในสาระส่วนลึก หรือกระทั่งแทบไม่เข้าใจในสิ่งที่หนังบอกกล่าวแบบผิวเผิน ..ความสนุกจะกลายเป็นสิ่งที่อาจหาไม่ได้จากหนังเรื่องนี้

    Watchmen คงมีความตั้งใจอย่างมาก ที่จะทำให้คนดูได้คิดตามหนัง มากกว่าจะให้หนังเดาความคิดคนดูแล้วนำเสนอสิ่งที่คนดูคาดหวังแบบทันด่วนเฉกเช่นหนังในตระกูลนี้ทั่วๆไป ...เลยนำเสนอทุกสิ่งทุกอย่างแบบละเอียด จนแทบจะหาที่ว่างของความน่าสงสัยจากหนังเรื่องนี้ไม่ได้

    ซึ่งนั่นจะเป็นปัญหาอย่างมากกับคนดู ที่คาดหวังจะให้หนังเป็นไปอย่างที่คิดภาพไว้ ซึ่งอาจไม่ต้องละเอียดละอออะไรมากนัก ..แล้วต้องมาพบกับภาพจริงๆ ที่แทบไม่ได้อิงกับหน้าหนังเคยได้โฆษณาเอาไว้ก่อนหน้าเลย มิหนำซ้ำยังพบว่ามันคือหนังที่ใช้ความคิดเยอะ จนน่าให้ปวดสมอง

    ฉะนั้นแล้ว ถ้าคุณยังอยากดูหนังเรื่องนี้ด้วยใจจริง ..ก็ขอให้พยายามลืมภาพที่หนังเคยโปรโมทเอาไว้ ...และต้องเปลี่ยนความคิดจากการดูหนังเพื่อความบันเทิง ผ่อนคลาย มาเป็นการบริหารสมอง

    แน่นอน ว่ามันต้องเหนื่อย ...แต่ถ้าคุณอยากจะสนุกอย่างจริงๆจังๆ ก็ต้องยอมแลกกับความสบายกันสักหน่อย

    ที่ไม่มากไม่มายอะไรนักหรอก ..แค่เกือบๆ 3 ชั่วโมง ที่มากมาย และยืดยาว กว่าหนังซูเปอร์ฮีโร่ทั่วๆไปเขาพึงมีกัน (เอาชนะได้กระทั่ง The Dark Knight ..ราวๆ 10 กว่านาทีซะงั้น)  

    ถ้าไม่ไหวจริงๆ ...มีหวังได้สลบยาว เบื่อๆหน่อย ก็นั่งหยุกหยิก หรือหนักกว่านั้น คือ เดินออกจากโรงไปแต่ราวครึ่งเรื่อง เช่นเดียวกับในรอบที่ผมประสบ ในจำนวน 10 กว่าชีวิต ที่เมื่อออกไปแล้ว ก็ไม่ได้รับรู้ถึงความเคลื่อนไหวกลับมาจากพวกเขาอีกเลย




    2) Watchmen... คือ หนังที่เรียกร้องให้จับจดใน "องค์ประกอบหลัก" มากกว่าจะใส่ใจในฉากหลัง ที่มีบทบาทเป็นตัวประกอบไปเลย

    ถ้ามองว่านี่คือ ผลงานชิ้นใหม่ของผู้กำกับ 300 ...ย่อมเป็นสิ่งแน่นอนที่ใครหลายคน คงจะเข้าใจว่ามันต้องเป็นหนังที่เน้นขายในส่วนทางเทคนิคที่โดดเด้ง จนแทบจะตัดปัจจัยของตัวเรื่องราวให้เป็นประเด็นรองๆไปได้เลย

    แต่เอาเข้าจริงแล้ว หนังเรื่องใหม่ของ "แซ็ค สไนเดอร์" เรื่องนี้ ในความคิดและสายตาของผม... แทบจะดูว่าเป็นผลงานของผู้กำกับ คนละคน จากหนังสงครามมาดแมนเรื่องนั้นกันไปได้เลย

    แทนที่ผมจะได้พบเห็น ความล้ำเลิศของ CG ที่ถูกนำมาประยุกต์เพื่อรับใช้การนำเสนอเรื่องราวไซไฟในห้วงเวลายุค 80 ที่ดูฟุ้งฝัน แต่สมจริงสมจัง.. หนังกลับเลือกจะเทน้ำหนักไปยังเนื้อหา การเล่าเรื่อง แสดงรายละเอียดยิบย่อยมากมาย ที่แทบจะกลบความเด่นของงานเทคนิคในทุกส่วน ให้เหลือเพียงแค่หน้าที่เป็นฉากหลัง อันบ่งบอกเอกลักษณ์ที่หนังเรื่องนี้มีมาเสนอเป็นของกำนัลเท่านั้น

    แม้ในความคิดเห็นส่วนตัว ผมจะยอมรับอย่างองอาจ ว่านี่คือ หนังที่ดีที่สุดของผู้กำกับคนนี้ ..ที่ฉายแววก้าวหน้าก้าวใหญ่ๆ มากลายเป็นนักเล่าเรื่องที่ดีในหนังสเกลใหญ่อีกคนหนึ่ง ทั้งยังสอดแทรกในแก่นสาร อย่างเฉียบและคมเข้าฝัก จนน่าจับตามองมากขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง

    แต่เมื่อตัดความรู้สึกชอบใจในตัวผู้กำกับออกไปแล้ว ...ก็ไม่อยากให้คนที่ยังติดใจใน 300 มาดูหนังเรื่องนี้ เพียงเพราะเชื่อมั่นว่า งานเทคนิคต้องเทพ อย่างที่เคยเป็น

    เพราะถ้าลองอยากซื้อตั๋วมานั่งดูความอลังเอาเข้าว่า ..มิวาย จะรู้สึกเฉยชา จนแทบหาความคุ้มค่าให้ตื่นตาตื่นใจมิได้เลย





    3) Watchmen... คือ หนังที่เรียกร้องให้คนดูควรจะมี "ความรู้" ในเรื่องที่เป็นยุคสมัยในหนัง

    เพราะถ้าเข้ามาดูโดยคิดแต่จะให้บทหนังพาคนดูไปรู้เรื่องทุกสิ่งทุกอย่างแทบทั้งหมด ..ปัญหาอย่างหนึ่ง ที่จะเกิดขึ้น เมื่อดูหนังจบคือ ความมึนงง ที่พาลไม่เข้าใจว่าอะไร ทำไม ใคร ถึงเป็นเช่นนี้ เช่นนั้น

    เมื่อ Watchmen ไม่ใช่หนังซูเปอร์ฮีโร่ที่เล่าเรื่องร่วมสมัย ใช้พื้นหลังเหตุการณ์ต่างๆ โดยอ้างอิงความจริงที่เกิดขึ้นในวันปัจจุบัน ..แต่กลับเป็นว่า มันได้พาเราย้อนเวลาไปอยู่ในอเมริกัน ที่ยุคสมัยตั้งแต่ปี 30 จวบจน สงครามเย็น (อเมริกัน-รัสเซีย) เป็นช่วงเวลาแห่งการเดินเรื่อง ...ถ้าคนดูขาดความรู้เกี่ยวกับสิ่งที่เคยเป็นไปในวันเวลาที่ว่า มันอาจจะไปพร่องความเข้าใจ กร่อนความสนุก ในตัวหนังพอสมควร กระทั่งบางคนอาจจะรู้สึกถึงขั้นเซ็ง ที่เล่าให้เห็นแต่ภาพ ส่วนเนื้อเรื่องเหตุการณ์ต่างๆ กลับให้เราไปคิดกันเองว่าเป็นมาอย่างไร

    ฉะนั้น สิ่งที่จำเป็นอีกอย่าง ที่จะทำให้ดูหนังเรื่องนี้ได้ลื่น ก็คือ การได้รับรู้ข้อมูลที่เป็นองค์ประกอบของหนัง โดยเฉพาะกับยุคสมัยหลักๆที่หนังเล่า ซึ่งเราจะได้เห็นถึงการเน้นย้ำประเด็นในเรื่องของสงครามเย็น โดยที่มีประธานาธิบดีจอมอื้อฉาวอย่าง "ริชาร์ด นิกสัน" (*ในที่นี้ ถ้ายึดเวลาจริงๆ ..ไม่ใช่สมัยของนิกสันหรอก แต่หนังเลือกจะยึดตามการ์ตูนต้นฉบับที่ทำล้อไปเนียนๆ) เป็นตัวแปรสำคัญของเหตุการณ์ความเป็นความตายระดับโลกนี้

    ยิ่งถ้าใครได้รู้ดี รู้ลึก และรู้จริง ในเรื่องของอเมริกา ดินแดนแห่งเสรีภาพนี้ มากเท่าไหร่ ...มันก็จะช่วยเสริมความเข้าใจที่มีต่อหนังได้ถึงจุดที่หนังตั้งใจเสียดสีอย่างเจ็บแสบ ทั้งส่วนที่เป็นการเมือง และบ้านเมือง

    แม้ส่วนตัวผม อาจจะพอเคยรู้มาเป็นกระสาย เล็กน้อย จากบทเรียนวิชาสังคม ที่สอนแบบผิวเผิน ..แต่ก็ถือว่า การที่มีหลงเหลือมาบ้าง ทำให้ผมใช้ความพยายามเข้าถึงหนังได้ไม่ยากเย็นนัก ...ถึงจะมีบางห้วงที่มึนๆ ตามประสาเด็กไทยก็ตามที





    เมื่อเอา 3 ข้อที่ว่า ..มารวมความ และสรุปแบบรวบรัดกันแล้ว ผมก็อยากจะเน้นย้ำด้วยใจจริง ว่า "Watchmen" ต้องไม่ใช่หนังที่เกิดมาเพื่อสร้างความบันเทิงให้กับคนที่เน้นความเอ็นจอยในชีวิต ...หากมันคือหนังที่เครียด หนัก และหน่วงไปด้วยความยืดยาว ที่เนิบนาบ นวยนาด จนอาจจะใจร้าย ไม่เรียกว่ามันเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ ก็ยังได้ด้วยซ้ำ

    แม้จะมีหน้าเป็นหนังตลาด ..แต่ความกล้าองอาจพอจะสร้างความแตกต่างจากบรรดาซูเปอร์ฮีโร่บ้านๆ ทำให้มันต้องมิวายถูกวางตัวให้เป็นหนัง "ฟิล์มนัวร์" ที่หม่น มืด และอึมครึม ถึงที่สุด น่าจะเข้าท่ามากกว่า

    ฉะนั้นแล้ว ...ถ้าคุณอยากดูหนังที่ไม่เรียกร้องอะไรกับคุณ นี่คือหนังที่ควรหลีกเลี่ยงเป็นอย่างยิ่ง ด้วยความหวังดี

    เพราะถ้าคุณเลือกจะยอมเสียตังค์ให้หนังเรื่องนี้ โดยเรียกร้องแต่ให้หนังสร้างความสนุกให้ ...ก็ขอให้เตรียมเปิดตู้ แบ่งพื้นที่ และต้อนรับหนังเรื่องนี้เข้าไปอยู่ในลิ้นชักความทรงจำที่อยากลืมได้เลย

    เพราะ Watchmen อาจจะทำตามความต้องการของคุณไม่ได้ ...ถ้าคุณไม่ยอมเปิดใจให้กับสิ่งที่หนังต้องการตั้งแต่แรก




    สุดท้ายนี้ โดยส่วนตัวของผม "ชอบหนังเรื่องนี้มากกกกกกกกกกกกก" ...เพราะหนังเรื่องนี้ให้ผมครบได้ตามที่ต้องการ แม้เรื่องของความบันเทิงจะไม่ใช่สิ่งที่ครบถ้วนเลยซะทีเดียว

    แม้จะต้องยอมทำใจว่ามันเป็นความทรมานบันเทิง ที่ต้องอดและทน นั่งติดตามไปตลอด ..แต่ความมีแก่นสารของมัน ทำให้ผมเลือกจะมองข้าม และเห็นหนังเรื่องนี้เป็นความสนุกบนความลำบากที่น่าพึงพอใจ ...แม้ใจจริงยังเคยจะมีบางครั้งที่ภาวนาขอให้หนังรีบจบเรื่องไปให้เร็วๆเหอะ แต่ผมก็ยังยินดีจะรอดูทีท่า กับสิ่งที่เป็นไป เพื่อจะได้รู้ว่า หนังจะไปจบในอีท่าไหน

    ซึ่งมันก็เลือกจบได้ในท่าที่สวยงาม โดนใจจังๆ ...และถ้าถือให้ตัวเองเป็นกรรมการ ก็ยินยอมพร้อมใจ ชูป้าย 10 คะแนน แสดงความปลาบปลื้มในทันใด

    เพราะฉะนั้น ส่วนตัวผมจึงอยากอาสาเป็นหน้าม้า ...อยากให้คนที่เป็นคอหนัง ได้มีโอกาสดู อีกหนึ่งหนังซูเปอร์ฮีโร่ชั้นเยี่ยม เรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง

    แต่ถ้าไม่ใช่ความบันเทิงในอุดมคติจริงๆ ..ก็ต้องยกผลประโยชน์ให้คุณผู้อ่าน(บางท่าน)โดยจำยอมล่ะครับ





    ปล. ขอยืนยันว่ามีเซ็นเซอร์ อยู่ฉาก สองฉาก ..แต่ยังพอคลายหงุดหงิดได้บ้าง ที่ไม่เซ็นจนเซ่อ เว่อร์จนเหวอ ...เพราะเอาเข้าจริง ยังมีอีกมากมายหลายฉากที่โหดซาดิสม์ แต่ไม่มีเมฆหมอก หรือโมเสกมาบดบัง

    แต่ที่น่าเซ็งที่สุดในเรื่องนี้ ...คือ การขึ้นคำเตือน(ของค่ายหนัง) ที่อุตส่าห์บอกล่วงหน้ากับเด็กต่ำกว่า 18 ให้พึงสังวรณ์ ..ก็ยังมิวายที่เจ้าของหนัง ยังบังอาจกล้าเซ็นหนังตัวเอง เพื่อสร้างความสมเพศ ให้ตัวมันเองซะอย่างงั้น

    ถือซะว่า พูดแค่นี้ละกัน ...กระทู้ล่างๆ ที่คิดเหมือนๆกัน ได้พูดแทนมาเยอะแล้ว



    หมายเหตุ : ขอแก้ไขข้อมูลเกี่ยวกับ ปธน.นิกสัน ครับผม

    แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 52 03:02:21

    แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 52 02:12:24

    แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 52 02:10:16

    แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 52 01:57:38

    แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 52 01:51:51

    จากคุณ : OncE UPoN'-'a MaN - [ 6 มี.ค. 52 01:51:14 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com