| ไปดูโรง SFX หรือเครื่ออื่น ถ้าเข้า (3 คน) |
| รอเช่าเเผ่น DVD VCD (1 คน) |
| รอซื้อเเผ่น ถูกลิขสิทธิ์ (0 คน) |
| ซื้อเเผ่นผี สะเลย (1 คน) |
| โหลดบิท จากเว็ป (2 คน) |
| รอดูจากช่อง Cable (0 คน) |
| ไม่ดูเลย (0 คน) |
| จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 7 คน |
สวัสดีครับ ผมรอหนัง Will Smith หลังจาก Happiness ที่ดูแล้วประทับใจเหลือเกินกับบทหนังชีวิต ครับ ในที่สุดหนังเรื่องนี้ก้อเข้าแล้วครับ โรงหนังที่ผมดูประจำคือ Espanade and Major ดูเพราะสะดวกครับและโรงหนังสะอาดห้องน้ำสะอาด ครับ ส่วนโรงหนังที่ชอบแต่ไม่ได้ดูบ่อยอีกคือเครื่อ Apex ครับชอบเรื่องราคาเหมาะสมกับยุคนี้ดีไม่ขึ้นราคาเลยนานมาก และเป็นโรงเเห่งความทรงจำเเรกๆในการดูหนังครับ หนังที่ไปดูล่าสุดคือ Slumdog Millionaire
ในทีสุด Major ก้อทำกับผมได้ครับ หนังเรื่อง Seven Pounds ที่ผูกขาดเข้า เฉพาะเครื่อ Major ก้อเข้าเเค่หนึ่งโรงเท่านั้นในโรงเมเจอร์แต่ เข้าเฉพาะโรง Digital เท่านั้นครับ ที่นั่งละ 170 บาท ไม่มีโรงธรรมดาที่มีที่นั้ง 120 -140 บาท ให้เลือกเลย เป็นการเหมือนการบังคับขาย ขี้ราคา อีก 25% สำหรับคนดูหนังปรกติเลย เรื่องราคา สำหรับผมเเล้วไม่ได้เเพงมากหรอกครับ ผมจ่ายได้ครับ ผมดูที่ Espanade เป็นประจำอยู่แล้ว แต่มันเสียความรู้สึกครับ ว่า Major นี้เอาเปรียบผู้บริโภคมากเกินไป ผมไม่ชอบการถูกบังคับ การเอารัดเอาเปรียบที่มากเกินจะรับได้ เพราะผู้บริโภคไม่มีทางเลือก
ผมไม่คิดว่าผู้บริหารหรือเจ้าของ Major จะได้อ่านกระทู้นี้หรอกครับ แต่ผมคิดว่าผมและอีกหลายๆแฟนหนังโรงคงจะรู้สึกเหมือนๆกับผมในเรื่องนี้ เรื่องหนังโรงเป็นเหมือนกับส่วนหนึ่งกับชีวิตของผมมาตั้งแต่เด็ก นักเรียนจนถึงปัจจุบัน เป็นที่ๆพักผอนหย่อนใจและในหลายๆครั้ง เป็นที่หลบหนีเรื่องปัญหาชีวิตในเวลา 2 ชั่วโมงและเข้าสู่ชีวิตของตัวละครในหนังและในหลายๆครั้งออกจากโรงหนังรู้สึกสบายจากการออกจากตัวเองเหมือนกับได้พักผ่อนและมีแรงในการดำเนินชีวิตอีกครั้ง
การเติบโตของธุรกิจหนังรวมนั้นคือการสร้างจำนวนคนดูให้มากขึ้นและเพิ่มจำนวนรอบดูต่อปีให้มากขึ้น จะทำให้ธุรกิจโรงหนังทำการไรได้มากขึ้น แต่สิ่งที่ Major ทำเป็นไปในตรงกันข้ามครับ เพิ่มราคาขึ้นเรื่อยๆ จากเหตุการณ์สร้างโรงหนังที่มีราคาแพงขึ้น อย่าง Espanade สร้างโรงดิจิตอล ทำเก้าอี้ใหม่และใหญ่ แล้วสุดท้ายก้อขึ้นราคา 20-30 % 30-40 บาท การทำอย่างนี้เป็นการลดจำนวนคนดูหนังลงครับ นักเรียน นักศีกษา ข้าราชการ พนักงานที่เพิ่งจบใหม่ ครอบครัวคนชั้นกลาง จะมีจำนวนทีน้อย แทนที่จะเพิ่มขี้น จำนวนหนังที่จะดูได้ต่อคนต่อปีจะน้อยลงด้วย หรือ แฟนหนังโรงที่ดูประจำจะดูหนังได้น้อยลงคือเลือกหนังดูมากขี้น และผลกระทบจะกลับมาหาเจ้าของธุรกิจเอง คือแฟนหนังโรงที่เป็นฐานลูกค้าจะน้อยลง กำไรอาจจะมากขี้นแต่ในระยะเวลาที่สั้นเท่านั้น เนื่องจากเจ้าของหนังบังคับให้พฤติกรรมคนดูหนังเลือกหนังที่ดูมากขี้น ในท้ายที่สุด จำนวน,ฐานคนดูที่น้อยลง และจำนวนหนังที่ดูต่อคนต่อปีจะน้อยลง รายได้ของเจ้าของจะน้อยลงครับ และผลกระทบจะกลับมาที่คนดูด้วยครับ คือหนังใหม่จะเข้าน้อยลงและกว่าจะเข้าต้องรอนานขี้น จำนวนคนดูและรายได้จะลดลงอีก ทำให้ธุรกิจหนังเหมือนประเทศในอังกฤษ ยุโรป ญี่ปุ่น หรือ นิวซีแลนด์ ที่หนังจะเข้าน้อยและหนังใหม่จะเข้าช้าครับ เพราะคนเค้าไม่ได้ดูหนังโรงเป็นการพักผ่อนหรืองานอดิเรกอีกต่อไป ต่างจากประเทศอเมริกาที่ราคาตั๋วถูกเมือเทียบกับรายได้ครับที กรรมกร ทำงานแค่หนึ่งชั่วโมงก็ดูหนังโรงได้แล้วการดูหนังเป็นงานอดิเรกของคนอเมริกามีคนดูเยอะและมีหนังเข้าเยอะ จากการผลกระทบนี้จะโดนไปที่หนังไทยด้วยครับเนื่องจากจะทำให้หนังไทยแพงขี้นสำหรับคนดู คนดูน้อยลงจำนวนหนังที่จะสำเร็จจะน้อยลงแค่ปีละไม่เกิน 3-5 เรื่อง แนวหนังที่จะทำจะน้อยลงมีความเสี่ยงมากขึ้นธุรกิจหนังไทยจะหดตัวมากกว่าที่เป็นอยู่ กลายเป็นหนังเกรดต่ำ VCD เท่านั้น หรือทำแต่หนังตลกหรือหนังผีแนวเดียวเท่านั้น
ผมคิดว่าเสียงของผมเสียงเดียวคงไม่มีผลกับ Major แต่เชื่อมันในพลังสมัคคีของพวกเราลูกค้าที่จะแสดงออกซึ่งการตอบโต้หาทางเลือกอื่นแทนการเดินเข้าโรงหนัง Major ครับ ผมเป็นคนดูหนัง ปีละ 60-70 เรื่อง 80 เปอร์เซ้นต์ดู เมเจอร์ครับ แต่จากเหตุการณ์นี้ ผมเลยตั้งเป้าไว้ว่า จะดูหนังโรงแค่เดือนละเรื่องเท่านั้นโดยเลือกหนังที่ผมชอบมากที่สุด ส่วนหนังที่เหลือ คงจะโหลดหนังมาดูที่บ้านดีกว่า ได้ฝึกภาษาไปด้วยสนุกดีครับ ผมเริ่มจากหนังเรื่องนี้เลยครับเพื่อนๆ
เพื่อนๆคิดว่าอย่าไงเสนอความคิดและโหวตเข้ามาหน่อยครับ
ผมจะบอกว่าเจ้าของตัวจริงของโรงหนังคือพวกเราคอหนังครับ
จากคุณ :
Rick_Kiss
- [
19 มี.ค. 52 09:52:15
]