Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    ต่อพงษ์ จวก Beethoven Virus ของเกาหลี โครตเน่า ยิ่งดูยิ่งอยากอ้วก

    ผมโดน Beethoven Virus ของเกาหลีเล่นงาน/ต่อพงษ์


          เห็นโฆษณา Change ทางไทยพีบีเอสแล้วก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาว่า อย่างน้อยคนที่เคยอ่านคอลัมน์ของผมแต่ยังไม่เคยดูซีรีส์จากแดนอาทิตย์อุทัยเรื่องนี้จะได้รับรู้ว่า ละครที่มันสร้างสรรค์ความหวังให้กับคนในสังคม โดยเฉพาะในเรื่องของ ‘การเมืองใหม่’ นั้นมันเป็นอย่างไร
         
           เพราะคนไทยจำนวนมากของสังคมนั้นยังติดภาพของละครว่าจะต้องมีอิจฉา ตบดี ตลกทะลึ่งบ้อง เสียงกรี๊ด ความรัก ความไร้สาระ และความกักขฬะรวมกันอยู่ ซึ่งทั้งหมดนี้รวมๆ กันอยู่ในละครไทยในทุกๆ ช่วง
         
           จะว่าไปละครที่ “ใกล้เคียง” กับของไทยนั้น...พูดไปแล้วอาจจะขัดใจวัยรุ่นนะครับ แต่ต้องฟันธงลงไปว่า ‘ละครเกาหลี’ นี่มาอันดับหนึ่งทีเดียว อย่าไปเทียบว่า เขาสวย หรือ หล่อกว่า หรืองานสร้างเขาดีกว่า แต่ต้องนึกว่าทั้งเนื้อหาและกลวิธีในการดำเนินเรื่องนั้นมันชั่งคล้ายคลึงกันเสียเหลือเกิน
         
           คือถ้าเป็นละครที่เป็นโศกนาฏกรรม (Tragedy) เกาหลีก็จะมีตัวละครและพล็อตเรื่องที่ว่าด้วยความรักที่ไม่สมหวัง โดยมีอุปสรรคมากมายมาจากทั้งความแตกต่างทั้งบ้านและสังคม แม่ผัวกับแม่ยายเจ้าเล่ห์ นังตัวร้ายที่หวังเคลมพระเอก การกระทำที่หวังดีแต่ประสงค์ร้ายจากเพื่อนทุยๆ ของนางเอก จนทำให้เกิดความเข้าใจผิดและกลายเป็นรักสามเส้า หรือเมื่อตกลงกันได้ว่าใครจะได้กับใคร แต่สุดท้ายโรคห่าประหลาดๆ ที่รักษาไม่ได้ก็จะมาพรากความรักของพวกเขาไปอีก หรือถ้าไม่ถึงขั้นตายก็ต้องมีใครซักคนพิการ...
         
           ผมดูละครเกาหลีนั้นก็เกิดความรู้สึกว่า ถ้าน้ำตาไม่แตกคาจอ ปัสสาวะก็คงแตก เพราะรอดูนางเอกหรือพระเอกตายจนลืมเข้าห้องน้ำละครับ
         
           แต่ถ้าเป็นเรื่องตลก (Comedy) ...มันก็ว่าด้วยเรื่องของความบังเอิญที่พระเจ้า (หรือซาตาน) ทำให้คนสองคนต้องมาเจอกัน เริ่มความสัมพันธ์แรกพบแบบไม่ดีเลย ต้องมามีเรื่องโต้เถียงกันแบบไม่น่าเถียง แต่ต้องมาเจอเงื่อนไขประหลาดๆ ที่เจ้าปู่ เจ้าย่าทิ้งเอาไว้ จนต้องมาทำงานร่วมกัน อยู่ร่วมกัน ต้องมาสวมบทเจ้าแง่:-)อน แกล้งโน่นแกล้งนี่กันจนสุดท้ายกลายมาเป็นรักกันเสียอย่างงั้น...แต่รักกันเฉยๆ ก็ไม่ได้ ต้องมีนางอิจฉา หรือ นายอิจฉาเข้ามาเสียบเพื่อให้ทั้งคู่เข้าใจผิด คือต่อให้เป็นละครตลกก็ต้องมีน้ำตาเสียบกันมาหน่อยให้มันเป็นเกาหลี
         
           ผมจำได้ว่าผมเริ่มดูละครเกาหลีครั้งแรกจากเพลงรักในสายลมหนาว เพราะเพลงที่เขาตัดเอามาโฆษณาในไอทีวีสมัยโน้นมันไพเราะดี แต่ก็รู้สึกรำคาญตัวเองเป็นอย่างยิ่งว่ากูมาทนดูอะไรอยู่ได้ เพราะ ผมมองไม่เห็นความแตกต่างระหว่างละครไทยกับละครเรื่องนี้เลย ข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดอย่างเดียวก็คือ ความประณีตของการถ่ายทำซึ่งต้องยอมรับว่า ของเกาหลีเขาแน่ ทั้งฉาก ทั้งมุมกล้อง ทั้งแสง ไปจนกระทั่งเครื่องแต่งกายและดนตรีประกอบนั้นเลิศมาก แต่เมื่อมาดูเนื้อหาก็พบว่ามันค่อนข้างจะเสียเวลาที่จะดู เพราะไม่ได้หนีไปจากวังวนของละครน้ำเน่าเลย
         
           โดยเฉพาะเสียงคนพากย์เป็นนางเอกที่ร้องคำว่า...พี่ชายคะๆๆๆๆๆๆๆ บอกได้คำเดียวว่าเสียวหูมาก
         
           หลังจากนั้นผมก็ดูบ้างไม่ดูบ้าง ที่ไม่ดูก็เพราะมักจะโดนภรรยากับแม่บ่นว่าดูอะไรที่มันประเทืองปัญญามากกว่านี้ได้หรือเปล่า ซึ่งผมก็เห็นด้วยเพราะความสมเหตุผล และแรงผลักดันของตัวละครมันหนีจากความจริงอย่างที่สุด คือถ้าเผื่อคุณสนุกกับละครช่อง 7 หรือช่อง 3 คุณก็จะสนุกกับละครเกาหลีได้ไม่ยาก
         
           ล่าสุดผมโดนภรรยาค้อนตาเขียวหลังจากที่สั่งหนังได้รางวัลเยอะแยะเลยจากเกาหลีในชื่อ Beethoven Virus ก็ให้เหตุผลกับภรรยาว่า เห็นเขาว่าละครเรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจจาก Nodame Cantabile ของญี่ปุ่นซึ่งเป็นเรื่องที่เราติดใจกันทั้งครอบครัวและทั่วเอเชีย ก็เลยอยากจะลองดู อีกทั้งมีน้องบางท่านที่เคยอ่านคอลัมน์ผมได้ถามถึงเรื่องนี้มาด้วยก็เลยต้องสั่งซื้อมาดูประดับความรู้สักหน่อย
         
           บอกได้คำเดียวว่างานนี้ผมดูแล้วเกิดอาการชาราวกับโดนไวรัสเล่นงานที่ระบบรับรู้เสียเอง

          โดยโครงสร้างของละครนั้นดูเหมือนว่าคนทำฝั่งเกาหลีจะได้อิทธิพลของ Nodame มาจริงๆ จากเรื่องของคนสองคนที่ไม่น่าจะไปกันได้เลย นั่นคือ คอนดักเตอร์นิสัยกักขฬะและไม่ให้เกียรติผู้อื่น กับอดีตเด็กชายเป่าแตรอัจฉริยะที่มาเป็นตำรวจ (มีแก๊กให้ชวนหัวตั้งแต่ต้นคือทั้งสองคนดันมีชื่อเหมือนกันเปี๊ยบคือชื่อ คัง กอน วู) แต่สุดท้ายต้องมาอยู่ร่วมกันเพื่อทำวงออร์เคสตร้า โดยมีสาวนักไวโอลินสมัครเล่นชื่อ ดู รี มิ ซึ่งซวยเพราะโดนคนโกงเงินทำโครงการออร์เคสตร้านี้มาเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์
         
           มันคุ้นๆ ไหมละครับถ้าเทียบกับฝั่ง Nodame ของญี่ปุ่นที่พระเอกรู้สึกว่าคนรอบข้างไม่เก่ง กับนางเอกซึ่งเป็นอัจฉริยะแต่ไร้ระเบียบทั้งการเล่นและไร้ระเบียบกับการจัดการชีวิตตนเองมาเชื่อมกัน แต่ไม่ต้องมีคนที่สามเพราะดนตรีเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์และพัฒนาการของ EQ ทั้งคู่
         
           ข้อแตกต่างระหว่างเกาหลีกับญี่ปุ่นก็คือ ของเกาหลีนั้นจะให้ตัวเอกของเรื่องคือมือเป่าแตรกับคอนดักเตอร์มารักกันไม่ได้ เพราะไม่งั้นเขาต้องเลือกผู้กำกับเป็น พจน์ อานนท์ แทน (แล้วชื่อเรื่องก็คงต้องเปลี่ยนจาก ไวรัส เบโธเฟน เป็น มาเอสโตร...กรูรักมรึงว่ะ) ไม่ใช่นาย ลี แจ คิว แบบที่เป็นอยู่
         
           ดูไปได้ 2 แผ่น จากทั้งหมด 9 แผ่นก็เกิดอาการคลื่นเหียนกับเรื่องราวที่ดำเนินไปอย่างชนิดที่เรียกว่า..........โคตรเน่า!! แต่ความที่มันเน่านั้นยังไม่สามารถจะเทียบได้กับความไม่สนุกของเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเผื่อใครคิดจะหาเรื่องนี้มาดูเพียงเพราะข้อมูลที่บอกว่ามันมีการสร้างจากแรงบันดาลใจของ Nodame แล้วคิดว่าจะสนุกแบบเดียวกัน คุณจะเกิดอาการเศร้าเหมือนที่ผมเป็น
         
           ผมเข้าใจเอาว่าหนังที่สนุกหรือไม่สนุกนั้น เหตุผลและความเป็นไปได้ที่จะทำให้คนเชื่อในพฤติกรรมของตัวละครนั้นเป็นเรื่องสำคัญ ถ้ามันแน่นหนา สอดรับกันอย่างมีเหตุผลที่จะเชื่อได้ และทำให้คนดูสามารถเถียงแทนตัวละครนั้นๆ ได้ ละครเรื่องนั้นจะประสบความสำเร็จ เพราะคนดูจะเอาใจช่วยตัวละครในทุกๆ ทาง
         
           อันนี้เป็นเบื้องต้นนะครับ ส่วนที่ว่าจะเน่าหรือไม่เน่านั้นจะมีเหตุผลอื่นๆ มาประกอบด้วย
         
           Beethoven Virus นั้นขาดข้อสนับสนุนเหล่านี้ของตัวละครแต่ละตัว มันก็เลยทำให้สนุกน้อยกว่าที่คิดไว้เยอะ แถมตลกน้อยกว่า แถมแก๊กพ่อแง่:-)อน ไปจนกระทั่งการคัดเลือกคนประเภทที่เรียกว่า ผู้อ่อนด้อยทางฝีมือดนตรีมารวมกันเพื่อทำวงดนตรีที่ใส่เข้ามาให้ขำ ก็ดูจะวุ่นวายน่ารำคาญมากกว่าจะเห็นความสัมพันธ์ที่ชวนปลื้ม
         
           ส่วนในพาร์ทหลังของเรื่อง (ตั้งแต่ตอนที่ 9 เป็นต้นไป) ทางเกาหลีขยายให้มันเข้มข้นสมกับเป็น ‘ละครเกาหลี’ ไปเสียอีกด้วยการให้ เจ้าทรัมเป็ตต้องกลายมาเป็นคอนดักเตอร์จำเป็น เพราะทั้งวงที่เป็นสมัครเล่นโดนเจ้าคอนดักเตอร์เขี่ยออกหมดเพราะต้องการมืออาชีพ แน่นอนมันก็เลยต้องแข่งขันกันว่า Underdog ที่ถูกเขี่ยออกและมีคอนดักเตอร์สมัครเล่นจะเอาชนะมืออาชีพกับคอนดักเตอร์อาชีพได้ไหม
         
           (อันนี้ก็คล้ายๆ กับที่ จิอากิในโนดาเมะ อยากจะเปลี่ยนวงใหม่จากวง S กลายเป็นวง RS เพราะต้องการสร้างเสียงใหม่ๆ ขึ้นมา แต่เหตุผลของคอนดักเตอร์กักขฬะเกาหลีนั้นมันหยึ๋ยกว่ามาก)
         
           แต่เท่านั้นยังไม่จบครับ มันยังเป็นเกาหลีดรามาไม่พอ เพราะนอกจากจะต้องแข่งกันในเรื่องนี้แล้ว มันยังจะต้องแข่งขันกันในความรักที่มีสาวกระเปิ๊บกระป๊าบ (แต่เล่นไวโอลินงั้นๆ) มาเป็นเดิมพันซะด้วย
         
           ความบีบเค้น...น้ำตา...และรักสามเส้ายังคงจะต้องมีอยู่ในละครเกาหลีตลอดกาลไม่ว่าเรื่องนั้นจะเกี่ยวกับเรื่องดนตรีหรือทายาทมหาเศรษฐีพันล้าน!!
         
           ฟังดูแล้วมันเป็นพล็อตที่ซ้อนพล็อตแล้วก็ซ้อนกับพล็อตอีกที สำหรับคนที่คุ้นกับละครเกาหลีก็คงไม่ชวนแหวะเท่าไหร่ เพราะมันก็คือ ขนบธรรมเนียมของละครเกาหลี (Winter Love Song เป็นตัวอย่างที่ดีของขนบธรรมเนียมการซ่อนเงื่อนและซ่อนพล็อตแบบนี้...คือกว่านางเอกจะมาเจอพระเอกตาบอดในตอนจบก็พลัดพรากกันหลายรอบ ทั้งจากอุบัติเหตุความจำเสื่อม? ทั้งความสงสัยว่าคนรักจะเป็นพี่น้องหรือเปล่า? หรือก้อนเลือดคั่งในสมอง? ยันอาการตาบอดที่พระเอกต้องเจอ ?) แต่สำหรับคนที่ดูละครญี่ปุ่นที่มักจะเลือกพล็อตเดียว Theme เดียว และยาวแค่ 10-11 ตอนจบนั้น จะต้องรู้สึกว่ามันรุงรังไปมาก
         
           ยิ่งสำหรับคนที่ประทับใจกับความใสซื่อและรู้สึกยินดีที่เห็นตัวละครโตไปด้วยกันอย่างใน Nodame จะรู้สึกปวดกระเพาะปัสสาวะกับ Beethoven Virus เป็นอย่างยิ่ง
         
           แต่ก็อีกแหล่ะครับ ถึงจะดูเหมือนมันชวนเวียนหัวอยู่ แต่ในเรื่องของ ‘งานสร้าง’ และ ‘การบันทึกเสียง’ นั้นต้องยอมรับว่า ของเกาหลีนั้นยอดมาก เพลงคลาสสิกในเรื่องก็ไพเราะมากและเป็นส่วนที่ดีที่สุดของหนังซีรีส์เรื่องนี้ ที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือ ละครเกาหลีนั้นสะท้อนภาวะและแนวคิดของผู้สร้างละครได้อย่างดี...ส่วนจะเป็นแง่มุมไหนนั้น สัปดาห์หน้าจะมาขยายกันต่อ เพราะตอนนี้เนื้อที่หมดแล้ว
         
           แต่ขอแย้มไว้นิดว่า มันคือเรื่องของการซ่อนความจริงของสังคมเกาหลีจริงๆไว้ว่ามันไม่ได้โรแมนติกและหวานซึ้งเหมือนในละครเลยแม้แต่นิดเดียว
         
           ก็เหมือนที่เราจะไม่มีทางเห็นฉากผู้ชายในละครเกาหลีตบผู้หญิงคนรักเหมือนที่เห็นอย่างเจนตาตามถนนในชีวิตจริง
         
           หรือจะไม่ได้เห็นเรื่องน่าสลดของวงการบันเทิงอย่างข่าวนางเอก F4 เกาหลีฆ่าตัวตายเพราะโดนเสี่ยค่ายบันเทิงของตัวเองลากไปข่มขืนซ้ำแล้วซ้ำเล่านั่นแหล่ะครับ


    http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9520000031568

     
     

    จากคุณ : vierzig - [ 22 มี.ค. 52 18:23:05 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com