CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGang


    ดู{หนัง} วิธ มายเซลฟ์ ; “Slumdog Millionaire” ... เมื่อหมาสลัมได้เป็นเศรษฐี และ 1 อินดี้มีดีกรีเป็น 8 ออสการ์

      เกรด A (23 คน)
      เกรด B (2 คน)
      เกรด C (0 คน)
      เกรด D (0 คน)

    จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 25 คน

     92.00%
     8.00%
     0.00%
     0.00%


    ก่อนที่งานเทศกาลแจกรางวัลของโลกฮอลลีวู้ด มักจะมาถึงในช่วงปลายปี ..ในปีที่ผ่านมา จะมีคอหนังผู้ใดสักกี่มากน้อยคนเชียวที่จะได้ยินได้รู้จักชื่อของหนังดรามาเรื่องหนึ่ง ที่ได้รับการคาดหมายความสำคัญบนเวทีรางวัลต่างๆ อย่างเลื่องลือ อย่าง “Slumdog Millionaire”

    อย่าว่าแต่จะเป็นหมานอกสายตา(หนักยิ่งกว่าถูกมองเป็นม้า)ของเราๆเลย ..หัวนอนปลายเท้าของตัวหนัง ก็ยักกะไม่เคยมีใครได้ใคร่ให้สนใจมาก่อนหน้า หากเมื่อเทียบกับเพื่อนร่วมสังเวียนด้วยการที่โฆษณาประชาสัมพันธ์ตัวเองมาแต่ไก่โห่ ไม่ว่าจะเป็น “The Curious Case of Benjamin Button” , “The Reader” หรือว่า “Milk” ...ที่ต่างก็มีทีมงานระดับหวังออสการ์ มาค้ำประกันอยู่เป็นเบื้องหลังเอาไว้แล้ว

    ซึ่งก็ด้วยเหตุฉะนี้ นี่เอง ..ที่ทำเอาใครหลายคนคงออกจะมีแง่สงสัย ในความเลอเลิศของ(หนังที่ผมเรียกชื่อเล่นว่า..) “หมาสลัม” ที่ได้รับการฟันธงจากนักวิจารณ์เอย คอหนังอินดี้เอย ไปจนถึงคอหนังทั่วๆไปที่ได้ดูเสียด้วยซ้ำ ..ว่ามันจะต้องเป็นพระเอกผู้ผงาดบนเวทีรางวัลต่างๆแห่งปี อย่างที่คู่แข่งตัวใหญ่คงเป็นต้องสมบทบาท ตัวอิจฉา อย่างเลี่ยงไม่ได้

    เอาเพียงแค่ได้ยินว่ามันจะต้องเป็น พระเอก ของงานแจกรางวัลปีนี้ โดยยังไม่มองไปถึงออสการ์... ผมก็ว่า น่าสนใจแล้ว

    ยิ่งเมื่อหนังยังถูกมองล่วงว่า ออสการ์ จะต้องคำนับให้อีกประการ ...ผมก็อดไม่ได้จริงๆ ที่จะออกอาการอยากดู และอยากรู้จริงๆ ว่ามันจะสุดยอดอย่างที่เขาๆ(ในฮอลลีวู้ด)เคยว่าๆกันมาหรือเปล่า ?

    ซึ่งก็ด้วยประการนี้เอง ..ที่ทำให้ผมไม่ไหวจะรอ ยอมถอยแผ่นผีออกมาดูล่วงหน้า ...ทั้งยังเผื่อใจไว้แล้วว่า ประเทศไทย คงไม่น่ามีใครอาจหาญเอามาฉายโรงแล้วซะละมั้ง

    แต่นั่นมันก็คงถือเป็นความคิดที่ยังผิดมุมมองไปหน่อยของผม ..อันไม่ได้คิดคำนึงถึงความแรงสูงของหนังเรื่องนี้ ซึ่งเป็นเหตุเป็นผลอันสมควรให้สุดท้าย มันก็ได้มีโอกาสฉายโรงในที่สุด (แม้จะเป็นโอกาสน้อยนิดเพียงแค่โรงเดียวของโรงหนังอินดี้แห่งประเทศไทยก็ตามที)




    “Slumdog Millionaire” ...มาพร้อมกับพลอตที่เป็นเรื่องราวง่ายๆ อันว่าด้วย ความฝัน และความหวังของชายหนุ่มผู้หนึ่ง ที่หวังจะใช้โอกาสในการได้ออกทีวีของตัวเองเป็นครั้งแรก และครั้งเดียว ..เพื่อหวังจะให้เป็นตัวช่วยในการตามหาคนรักของตัวเองที่ลับลาไปนาน ให้กลับมาหาเขาอีกสักครั้ง

    แต่ความง่ายๆของหนัง ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการต้องทำให้เราได้เห็นถึงความพยายามด้วยกลวิธีต่างๆในการออกทีวีที่มีโอกาสเพียงครั้งเดียวของชายผู้นี้ ...หากที่หนังเลือกจะโฟกัสกันอย่างจริงๆจังๆ กับเป็น กลวิธีการออกสื่อที่น่าสนใจของชายที่ชื่อ “จามาล มาลิค” ..ผู้หวังใช้ ความโด่งดังของรายการควิซโชว์อย่าง “Who Want to be a Millionaire” (หรือเรียกง่ายๆ อย่างที่บ้านเราเคยเรียกและเคยมี ก็คือ “เกมเศรษฐี”) เป็นสะพานเชื่อมให้กับความรัก ..ทั้งๆที่ความเป็นจริงแล้ว มันควรจะเป็นรายการที่หวังให้คนเข้ามาร่วมเล่น เพียงต้องการเป็นทางลัดหวังจะรวยเป็นเศรษฐีกันเสียมากกว่า

    แต่ถึงแม้จุดประสงค์ที่ว่าจะแตกต่าง วิธีการจะแตกแยก ไปจากชาวบ้านร้อยพันที่หวังจะใช้รายการนี้ประชาสัมพันธ์ตัวเองให้เป็นที่รู้จัก... หากสิ่งหนึ่งที่ จามาล ยังคงมีเหมือนกับทุกๆคนที่อยากมีโอกาสได้มานั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดียวกันกับเขา ..คือ ความฝัน ที่หวังจะให้ความต้องการมันได้เป็นจริง เพียงชั่วข้ามคืน

    แต่ก่อนหน้า ที่ความฝันของทุกคนจะเป็นจริงอย่างหวัง ...ก็ยังคงมีความจริงอย่างหนึ่งที่รอคอยอยู่ตรงหน้า คือ การเอาชนะคำถาม 20 คำถาม ที่จะมีรอท่ามาวัดระดับความรู้ หรือไม่รู้ ของใครก็ตามที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวนี้ ...ซึ่งจะเป็นข้อพิสูจน์อันสมบูรณ์แบบ ว่า คนอย่างคุณ ควรแก่การทำฝันตัวเอง ให้เป็นจริงได้หรือไม่




    คนธรรมดาอย่าง จามาล มาลิค ..ดูจากภายนอกทั่วไป ไม่ว่าจะรูปพรรณสัณฐาน ใบหน้าที่ดูสัตย์ซื่อ หรืออาชีพการงานกระจอกๆที่เขาทำอยู่ (เป็นเด็กชงชา ในศูนย์คอลเซ็นเตอร์ ของเครือข่ายโทรศัพท์) เขาย่อมต้องตกเป็นเบื้องล่างให้กับผู้ที่มีศักดิ์ศรีมากกว่า การศึกษาสูงกว่า เป็นไหนๆ ..ยิ่งเฉพาะแล้วกับประเทศที่เขาอาศัยอยู่อย่าง ‘อินเดีย’ ยังแบ่งแยกฐานะของคนออกจากกันอย่างเด่นชัดแล้ว มันก็สมควรที่เขาจะเป็น หมาสลัม ในสายตาของผู้คนที่อาจหาญเรียกตัวเองว่าเป็น สามัญชน ทั้งหลายแหล่ แถมคงไม่มีใครอยากคิดว่า คนอย่างเขา จะต้องมีโอกาสเป็น คนชนชั้นสูง ได้เลย

    ฉะนั้นแล้ว เมื่อ จามาล ริจะมาแข่งบุญแข่งวาสนา กับผู้เข้าแข่งขัน เกมเศรษฐี ที่รวมพลคนที่มีศักดิ์ศรี และการศึกษา ในระดับที่สามารถเป็น หมอ วิศวกร หรือกระทั่งน้อยๆ ก็เป็นมนุษย์เงินเดือน ...จึงมิวายจะถูกค่อนขอดจาก พิธีกรปากจัดของรายการ ที่ได้รู้จักว่าเขาเป็นเพียงแค่เด็กชงชา ที่อาจหาญอยากเป็นเศรษฐี เหมือนชาวสลัมพื้นๆทั่วไปเท่านั้น

    แล้วคนจนๆอย่าง จามาลผู้นี้ จะเอาอะไรไปสู้ได้กับคนที่มีความรู้ระดับหัวไปจนถึงหางกะทิ ที่อยู่ล้อมรอบเขา ..อีกยังต้องพบกับแรงกดดันจากพิธีกรที่ดูแคลน เหมือนเขาไม่คู่ควรจะได้นั่งเก้าอี้ตัวนี้

    แต่ไม่ว่าจะเป็นเพราะด้วยแรงปาฏิหาริย์ หรือบุญพาวาสนาส่ง ช่วยเอาไว้อย่างใด... เด็กชงชา ที่ไม่น่าจะไปได้ไกลในสายตาของใครๆ กลับสามารถเอาชนะ หมอ วิศวกร กระทั่งมนุษย์เงินเดือนผู้ใดที่แล้วมา ..ไล่ตอบคำถามที่ว่ายากแสนยาก ให้กลายเป็นคำตอบสุดท้ายที่ง่ายดาย และกลายเป็นว่า จามาล คือผู้เดียวที่ผลักดัน และนำพาตัวเองมาได้เข้าใกล้ข้อสุดท้ายถึงที่สุด ..มากกว่าใครๆที่เคยเล่นเกมนี้มา!




    มันเกิดอะไรขึ้นเหรอ? ..ที่ทำให้ผู้ชายคนที่ไม่คาดหวังจะเป็นเศรษฐีผู้นี้ มีโอกาสได้ใกล้อาจเอื้อม 20 ล้านรูปี ที่ใครต่อใครใฝ่ฝันจะเอาชนะให้จนได้

    เป็นเพราะเขา... เก่ง! เป็นเพราะเขา...ฉลาด! เป็นเพราะเขา...โชคดี! หรือจะเป็นเพราะเขา...โกง!!!

    และด้วยความคิดที่พิธีกร (ผู้เป็นเจ้าของรายการ) รู้สึกจะคิดเองเออเอง ว่ามันต้องเป็นเพราะอย่างหลัง ...มันจึงทำให้เกิดการย้อนเวลากลับไปเล่าปูมหลังที่แท้จริงของ จามาล มาลิค ..หมาสลัม ที่ใครๆคิดไปเองว่าคงกระจอก หากเอาเข้าจริง เขาผู้นี้นี่แหละ ที่เคยสัมผัสกับชีวิต มาทุกด้าน หลากสีสัน และประสบการณ์ทั้งหมดสิ่งอันเคยพบ ก็กลายมาเป็น คำตอบสุดท้าย ให้กับคำถามทุกคำถามเพื่อวัด ความรู้ และไม่รู้ ของเขาในเกมการแข่งขันระดับประเทศ.. ที่มีคนนับล้าน เฝ้าจับตามองเขาอย่างสนใจ ในชั่วเวลาเพียงแค่ข้ามคืนเท่านั้น

    แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 52 21:23:07

    จากคุณ : OncE UPoN'-'a MaN - [ 25 มี.ค. 52 21:07:50 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com