ความคิดเห็นที่ 1 ขอเริ่ม Review ที่ Quantum of Solace            หลังจาก เปิดตัว Daniel Craig ได้อย่างน่าประทับใจในบท James Bond            พร้อมกับการยกเครื่องที่เปลี่ยนภาพลักษณ์ของ สายลับรหัส 007 ไปอย่างสิ้นเชิงใน Casino Royale            มาคราวนี้ Bond กลับมาพบกันผู้ชมอีกครั้ง ในตอนที่มีชื่อว่า Quantum of Solace ซึ่งเล่าเรื่องราวต่อเนื่องจาก Casino Royale ทันที            ผู้กำกับที่มารับหน้าที่ในครั้งนี้ คือ Marc Forster ผู้กำกับที่ถนัดงานในแนวดราม่า (ซึ่งสร้างความประทับใจส่วนตัวให้ผมมาแล้ว จาก Finding Neverland) ที่คราวนี้คือ การกำกับหนังแอ๊คชั่นครั้งแรกของเขา            เปิดเรื่องมาหนังก็อัดฉากแอ๊คชั่นทันที จากนั้นเรื่องราวก็เดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งจบเรื่อง โดยที่หนังพาผู้ชมตระเวนไปทั่วโลก ตามสไตล์            ส่วนที่น่าจะได้รับคำชมมากที่สุดของหนัง ก็คือ ฉากแอ๊คชั่น แม้โดยรวมแล้วมันก็ไม่ได้ดีมากนัก แต่ในช่วงแรกๆของหนัง มันก็สร้างความตื่นเต้นได้ไม่น้อย ก่อนที่จะลดระดับลงไปเรื่อยๆจนถึงกับอ่อนแรงในตอนท้าย            Quantum of Solace ขาดความลึก และความน่าเชื่อถือ แม้ว่าทั้งสองสิ่งข้างต้น จะไม่ใช่สิ่งที่สำคัญสำหรับ series นี้ แต่มันก็ควรจะมีบ้าง และควรทำได้ดีกว่านี้ เพราะมันส่งผลโดยตรงต่ออารมณ์ร่วมของผู้ชม นั่นทำให้ฉากแอ๊คชั่นในตอนท้าย ไร้ซึ่งอารมณ์กดดัน และความลุ้นระทึก จากคุณ : navagan - [ 26 มี.ค. 52 04:08:17 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ต่อ...            น่าเสียดายที่หนังได้ ผู้กำกับ อย่าง Marc Forster ที่ถนัดในการเร้าอารมณ์ผู้ชม อย่างค่อยเป็นค่อยไป (โดยเฉพาะใน Finding Neverland ที่ค่อยๆสร้างอารมณ์ร่วมกับผู้ชม ถึงกับต่อมน้ำตาแตกในตอนท้าย จำตอนดูในโรง ผมได้ยินเสียงร้องไห้ระงม ซึ่งก็รวมผมคนหนึ่งด้วย) แต่กลับไม่ได้ใช้สิ่งเหล่านี้ใน Quantum of Solace แม้แต่น้อย            การแสดงของ Daniel Craig ในบท James Bond คราวนี้ กลับดูไร้เสน่ห์ แบบที่เขาเคยทำได้ดีใน Casino Royale แต่สาเหตุมันก็น่าจะมาจากบทด้วย เพราะครั้งนี้ Bond กำลังเสียใจ และ รู้สึกแค้น จะให้มาขายเสน่ห์แบบเดิมๆก็แปลกไปหน่อย            อย่างไรก็ตาม Craig ก็ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของคาแรคเตอร์ James Bond ในแบบที่เขาสร้างขึ้นมาจาก คราวก่อนได้เป็นอย่างดี            ขณะที่บท Camille สาว Bond ตัวหลักของ Olga Kurylenko ที่มีปูมหลังเป็นการสูญเสียที่ร้ายแรงไม่แพ้ Bond เป็นแรงผลักดัน แต่ Kurylenko ไม่สามารถทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความเจ็บปวดของตัวละครของเธอได้เท่าไหร่นัก            สำหรับสาว Bond อีกคนหนึ่ง เธอไม่ได้มีบทบาทอะไรนัก พอดูจบก็แทบจะลืมชื่อของเธอทันที            ส่วนบท Dominic Greene ผู้ร้ายประจำเรื่องของ Mathieu Amalric นั้น เป็นบทที่แทบจะไม่ได้ใช้ศักยภาพความเป็นนักแสดงของเขาเลย            Quantum of Solace ทำได้ดีในความเป็นหนังแอ๊คชั่น โดยเฉพาะฉากแอ๊คชั่นทั้งหลายในครึ่งเรื่องแรก แต่โดยรวมแล้ว หนังก็แค่ดูได้สนุก ในระดับ “พอใช้ได้” เท่านั้น ที่สำคัญ คือ มันขาดเสน่ห์ และ ไม่สามารถสร้างอารมณ์ร่วมให้กับผู้ชมได้เลย                                    ขณะที่ “ปัญหา” ที่ผู้ร้ายประจำเรื่องอย่าง Greene ตั้งใจสร้างขึ้นมาเพื่อผลประโยชน์ คือ “ความแห้งแล้ง”                                                                 Quantum of Solace ก็ประสบปัญหาเดียวกันโดยไม่ได้ตั้งใจ จากคุณ : navagan - [ 26 มี.ค. 52 04:11:16 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ทีนี้มาต่อกันที่ Taken เลยครับ            Taken หนังแอ๊คชั่น ที่ฮิตแบบเหนือคาดในอเมริกาเมื่อตอนต้นปี แต่มันกลับเข้าฉายอย่างเงียบๆในบ้านเราไปแล้วตั้งแต่ กันยายน ปีที่แล้ว (2008)            นั่นก็เพราะ มันเป็นหนังสัญชาติฝรั่งเศส ของผู้อำนวยการสร้าง Luc Besson            ถึงแม้จะเป็นหนังฝรั่งเศส แต่มันกลับเล่าเรื่องราวที่มีตัวเอกเป็นชาวอเมริกัน ที่สำคัญมันนำเสนอด้านมืดของเมืองท่องเที่ยวบ้านเกิดอย่าง Paris            Taken เล่าเรื่องราวง่ายๆ เมื่อ Bryan Mills (Liam Neeson) คุณพ่ออดีตสายลับ ต้องหาทางช่วยเหลือ Kim (Maggie Grace) ลูกสาวของเขาที่ถูกจับตัวไปในฝรั่งเศส            หนังเปิดเรื่องด้วยการ ปูพื้นในส่วนของ ความสัมพันธ์ระหว่าง พ่อ – ลูก ของ Mills กับ Kim และเป็นการให้รายละเอียดเกี่ยวกับชีวิตของ Mills            แม้ว่าเรื่องราวในส่วนนี้ จะช่วยสร้าง อารมณ์ร่วม และ ความผูกพัน ระหว่างผู้ชม กับ Mills ได้ดี แต่หนังก็ใช้เวลาในส่วนนี้นานเกินจำเป็น            แต่หลังจากที่ Kim ถูกลักพาตัว หนังก็เดินหน้าด้วยความรวดเร็ว พร้อมกับฉากแอ๊คชั่นที่ใส่เข้ามาแบบไม่หยุดพัก            ซึ่งฉากแอ๊คชั่นทั้งหลายในเรื่อง ก็ไม่ได้แตกต่างจากรูปแบบเดิมๆ ที่เคยเห็นกันมาแล้วในหนังแนวเดียวกัน ทั้งฉากขับรถไล่ล่า ฉากต่อสู้มือเปล่า            แต่มันก็ได้ผลดีในแง่ของการสร้างความสนุกให้กับผู้ชม ซึ่งเป็นผลจากการที่ หนังทำได้ถูกจังหวะ และผลจาก อารมณ์ร่วม ที่หนังทำได้สำเร็จ            แต่ก็อีก การที่หนังให้ Mills เก่งเกินไป ผู้ชมก็เลยไม่ได้ลุ้นอะไรมากนัก (เพราะรู้อยู่แล้วว่ายังไงเขาก็รอด ไม่ว่าสถานการณ์จะแย่แค่ไหน) นอกจากได้อารมณ์ "สะใจ" กับปฏิบัติการตามล่า และแก้แค้นของเขา จากคุณ : navagan - [ 26 มี.ค. 52 04:14:58 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ต่อ...            เห็นได้ชัดว่า การดำเนินเรื่อง และลักษณะความเป็นสายลับของตัวละคร Mills ต้องได้แรงบันดาลใจจาก series Jason Bourne มาพอสมควร            จะว่าไปแล้ว Mills ก็เหมือนกับ Bourne ที่เกษียนแล้วนั่นเอง (แม้ 007 เวอร์ชั่น Daniel Craig จะมีความคล้ายกับ series Jason Bourne อยู่บ้าง แต่เรื่องราว และ บุคลิกของตัวละครก็มีความแตกต่าง และมีเอกลักษณ์ของตัวเองอยู่สูง)            สำหรับบทหนัง มันไม่ได้มีความซับซ้อนอะไรเลย แถมเต็มไปด้วยความไม่น่าเชื่อถือ ซึ่งการดำเนินเรื่องอย่างรวดเร็วก็ไม่สามารถปกปิดช่องโหว่ของบทหนังได้            แต่คิดว่า ทางผู้สร้างคงไม่ได้สนใจในเรื่องของ “ความสมจริง” อยู่แล้ว            จุดประสงค์ที่แท้จริง น่าจะเป็นแค่ สร้างหนังแอ๊คชั่นสนุกๆ ซักเรื่อง หนังก็เลยเว่อร์กันเต็มที่ ประเภทลุยเดี่ยว แต่กวาดเรียบทั้งแก๊ง            Liam Neeson ทำได้ดีกับการรับผิดชอบหนังทั้งเรื่อง ในบท Mills ซึ่งเป็นตัวละครที่ขับเคลื่อนเรื่องราวในหนัง ขณะที่ส่วนของแอ๊คชั่น Neeson ก็ยังทำได้ดีอีกเหมือนกัน ถึงแม้จะต้องอาศัยการตัดต่อมาเป็นตัวช่วยอยู่บ้างก็เถอะ            ส่วนบทบาทของตัวละครอื่นๆนั้น ไม่ได้มีอะไรให้เหล่านักแสดงสมทบได้แสดงความสามารถกันมากนัก แต่ละคนมีเวลาปรากฏตัวเพียงสั้นๆ เท่านั้น            ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับ Neeson ที่ปรากฏตัวอยู่บนจอแทบจะทุกฉากของเรื่อง            แน่นอน หนังเรื่องนี้ คงส่งให้ผู้กำกับ Pierre Morel เด็กปั้นอีกคนของ Luc Besson กลายเป็นผู้กำกับที่น่าจับตามอง เช่นเดียวกับที่ Besson ปั้น Louis Leterrier จนได้ดีไปแล้ว            แม้บทหนังจะขาดความน่าเชื่อถือ และ ความสมจริง เนื้อเรื่องก็คาดเดาได้ไม่ยาก ฉากแอ๊คชั่นก็ไม่ได้มีความแปลกใหม่อะไร            แต่หนังก็ทำได้ดีในการ สร้างความน่าติดตาม และ สร้างความสะใจแก่ผู้ชม แถมด้วยการดำเนินเรื่องอย่างรวดเร็วของมัน ทำให้ Taken เป็นหนังแอ๊คชั่นที่ดูได้สนุก เพลินๆ อีกเรื่องหนึ่ง จากคุณ : navagan - [ 26 มี.ค. 52 04:18:34 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ถ้ารู้สึกลายตา กับตัวหนังสือที่เยอะจัด   ขอแนะนำให้ไปอ่านใน Blog ครับ  ซึ่งมีภาพประกอบ และ ตัวอักษรแบบ มีสีสัน เน้นคำ (555 มาโปรโมต Blog อีกแล้ว) รับรองว่าอ่านง่าย สบายตา กว่านี้แน่นอน Mini Reviews 14 : Quantum of Solace, Taken http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=navagan&month=03-2009&date=26&group=2&gblog=42 อ่อ ใน Blog มีการให้คะแนนของผมด้วยนะครับ ^_^ ขอบคุณทุกท่านที่อ่านและร่วมแสดงความคิดเห็น และร่วมโหวตครับ ปล. ขอแนะนำงานเขียนชิ้นก่อนหน้า *** Watchmen *** We Watch the Watchmen. http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=navagan&month=03-2009&date=18&group=2&gblog=41 จากคุณ : navagan - [ 26 มี.ค. 52 04:24:33 ]

ความคิดเห็นที่ 6 TAKEN !!!! จากคุณ : *omega* - [ 26 มี.ค. 52 07:12:35 ]

ความคิดเห็นที่ 7 TAKEN . . . ดูแล้วเพลินดีครับ ไม่รู้สึกขัด . . . แต่ 007 นี่สิ . . . -_-' ก็มันส์อยู่หรอกนะ . . . . แต่ . . . . จากคุณ : รักสาว มธ. (NoahComeBack) - [ 26 มี.ค. 52 08:45:05 ]

ความคิดเห็นที่ 8 แนะนำ Taken ครับ มัน กลมกล่อม รสชาดกำลังพอดี แม้เนื้อเรื่องจะอ่อนไปหน่อย แต่ก็มีความสนุกที่เผ็ดจี๊ดทดแทนเข้ามา ส่วน Quantum of Solace เป็นหนังที่ปรุงมาขาดๆเกินๆ ทั้งเนื้อหาที่ไปเร็วจนจับประเด็นไม่ทัน ฉากแอคชั่นที่มากเกินไปจนรู้สึกเฟ้อ ถึงจะใส่กระหน่ำมาเยอะแต่ไม่มีความพอดี จนน่าเบื่อไปหน่อย ดังนั้นผมจึงใ ห้ Taken ชนะครับ จากคุณ : nusfish - [ 26 มี.ค. 52 09:24:45 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เจมบอนด์มันรวดเร็วเกินเหตุอะดูแทบไม่รู้เรื่องใครทำอะไรที่ไหนเมื่อไร ถ้าไม่ดูภาคแรกนี่งงตายห่า... เทคเก้นชอบมากเพราะชอบท่านเลียมนิสสันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว... จากคุณ : ผมก็ยังคิดว่าผมหล่อ - [ 26 มี.ค. 52 09:35:18 ]

ความคิดเห็นที่ 10 จขกท. วิจารณ์ตรงจุดดีคับ เห็นด้วยเลย จากคุณ : มาแต่แห่งหนไหน? - [ 26 มี.ค. 52 10:18:14 ]

ความคิดเห็นที่ 11 Quantum of Solace ดูจบมา รู้สึกเฉยๆ ฉากแอคชั่นที่ใส่ๆมา ก็ตื่นเต้นช่วงแรกที่ขับรถไล่กัน Taken พอเดินออกมาจากโรง โอยทำไม หนังมันจังแหะ จากคุณ : inin - [ 26 มี.ค. 52 10:24:25 ]

ความคิดเห็นที่ 12 taken มันมากครับ  เพราะผมอินถึงขนาดที่ว่า ถ้าผมเปนพ่อคนแบบในเรื่อง ผมก็ทำ  แล้วอาจจะโหดกว่าด้วย (ซีเรียสเกินไปแล้วเอ็งน่ะ =_=") ผมนั่งดูกับพ่อผม  พ่อยังบอกเลย เปนพ่อ พ่อก็ทำ  (รักตายเลยพ่อค้าบบ!!) ส่วนQuantum of Solace   ผมก็คิดแบบเดียวกับเพื่อนๆแหละคับ  แต่ดูผ่านๆ ก็สนุกนะ  แต่ผู้กำกับคงจะมันมือไปหน่อย  เนื้อเรื่องเลยไม่ค่อยจะมีแก่นสารที่ชัดเจน ในแบบ คาสิโน จากคุณ : บ้าหนังครับ - [ 26 มี.ค. 52 10:43:54 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ชอบตอนยิงเพื่อนเมียอ่ะ ดันปากแข็งดีนัก เป็นผมถ้ายังไม่บอกลูกมันก็โดนด้วย จากคุณ : Torrent - [ 26 มี.ค. 52 10:50:25 ]

ความคิดเห็นที่ 14 Quantum of Solace มันเป็นภาคต่อน่ะครับ เนื้อหามันต่อเนื่องกันกับภาคที่แล้วแบบนาทีต่อนาที ถ้าใครไม่ได้ดูภาคก่อนมาก็งงไปตามระเบียบ (ผมยังต้องดู คาสิโน กับ ควอนตั้มอีกรอบตอนดีวีดีออก) แต่ Taken มันจบในตอนอยู่แล้ว หนังสายลับเหมือนๆกัน แต่ผมว่าเทียบกันไม่ค่อยได้ (ถ้าเอา casino royal + Quantum of Solace มาตัดต่อใหม่รวมเป็นภาคเดียวก็คงดี) จากคุณ : Ekin - [ 26 มี.ค. 52 12:22:13 ]

ความคิดเห็นที่ 15 โหวด taken ครับ QS ตอนดูในโรงนั่งจับประเด็นแบบหลัก ๆ ไม่ได้เลย ยัดโน้นยัดนี่มาเต็มไปหมด แล้วหนังก็ดันสั้นเหลือเชื่ออีก..ยืดอีกสัก 40 นาทีก็ได้ครับ ปรับอารมณ์ไม่ทัน ว่าแล้วเลิกงานก็กลับไปดู DVD Taken ต่ออีกสักรอบดีกว่า จากคุณ : Delclaw (Delclaw) - [ 26 มี.ค. 52 17:50:52 ]

ความคิดเห็นที่ 16 กำลังจะหยิบ taken มาดูพอดีเลยแฮะ. แอบแวะเข้ามาดูสปอย จากคุณ : Kross_ISC - [ 26 มี.ค. 52 20:18:25 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ตอบแบบไม่ลังเลใจสักนิดเดียวเลยค่ะ โหวตคุณพ่อเก่งโคตรๆ แน่นอนค่ะ ขอบคุณสำหรับ Review ด้วยนะคะ จากคุณ : S@iYoJang - [ 26 มี.ค. 52 21:16:20 ]

ความคิดเห็นที่ 18 หนังดูเพลินๆของคนดูหนังแบบจริงจังบางคน แต่กลายเป็นหนัง มันส์สุดแห่งปี 2008 ของชาวเฉลิมไทยอีกเป็นร้อยๆคน Taken!!! จากคุณ : เคราครึ้ม - [ 26 มี.ค. 52 21:44:53 ]

ความคิดเห็นที่ 19 Quantum of solace จากคุณ : tdk - [ 27 มี.ค. 52 00:12:44 A:117.47.199.224 X: TicketID:196291 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณทุกความเห็นครับ อีก 2-3 วัน จะปิดโหวตแล้ว  รอดูผลลัพธ์สุดท้ายได้ครับ แค่นี้ Taken ก็นำโด่ง จากคุณ : navagan - [ 29 มี.ค. 52 03:46:56 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ขอปิดโหวตครับผม ^_^ จากคุณ : navagan - [ 30 มี.ค. 52 03:43:11 ]