ความคิดเห็นที่ 1 RCH - Reach เป็นจำนวนคนดูโทรทัศน์ ในช่วงเวลาหนึ่ง ที่นับคนดูแบบไม่ซ้ำว่า มีคนที่ดูโทรทัศน์ ตั้งแต่ 1 นาทีขึ้นไป ณ ช่วงเวลานั้น ที่ไม่ซ้ำกันเลยเป็นจำนวนเท่าใด Reach มีไว้สำหรับการเข้าถึงประชากรว่าเข้าถึงประชากรมากน้อยเพียงใด อย่างเช่น หากมีสินค้าใหม่เกิดขึ้น สินค้านั้นก็ต้องการให้สื่อเข้าไปถึงจำนวนประชากรเป็นส่วนใหญ่ให้มากที่สุด ดังนั้น สินค้าใหม่ จึงต้องโฆษณาให้น้อยที่สุด เพื่อให้ได้ Reach มากที่สุด (Reach 1+) Reach ยังสามารถกำหนดว่าคนที่ดู ตามจำนวนครั้งที่ระบุ แล้วไม่ซ้ำกันเลย มีจำนวนเท่าใดได้ด้วย ก็เพื่อที่จะดู คนที่เห็นโฆษณาหรือรายการเขาสามารถจดจำสินค้า หรือ รายการนั้นๆได้มากน้อยเพียงใด โดยปกติ จะใช้ Reach 3+ ในการรับรู้ว่ามีสินค้านี้หรือแค่คุ้นๆ   Reach 5+ เพื่อจดจำสินค้าหรือโฆษณานั้นได้ Reach 7+ ในการจดจำสินค้าหรือโฆษณาได้แม่น แน่นอนว่า Reach ตัวเลขยิ่งมาก ก็ต้องโฆษณาหรือออกอากาศให้มากครั้ง ซึ่งเป็นการเช็คการตอกย้ำว่า เราได้ตอกย้ำโฆษณาต่างๆได้มากน้อยเพียงใด ATS - Average Time Spent เป็นค่าเฉลี่ยของจำนวนนาทีของคนที่ดูโทรทัศน์ ณรายการนั้น หรือช่วงเวลานั้น ของแต่ละคนว่ามี การใช้เวลาเฉลี่ยในการดูโทรทัศน์เป็นกี่เปอร์เซ็นต์ ATS = AMR / RCH ถ้าค่า ATS มีค่ามากๆ แสดงว่ามีการเปลี่ยนช่องน้อย คนดูมีความภักดีต่อรายการสูง ATV - Average Time Viewing ค่าเฉลี่ยจำนวนนาทีต่อจำนวนประชากรในกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด ทั้งนี้ อาจจะดูเหมือน ATS แต่จริงๆ แตกต่างกัน เพราะ ATV จะน้อยกว่า ATS เนื่องจาก ATV เป็นค่าเฉลี่ยของคนทั้งหมดไม่ว่าดูหรือไม่ดู ณ ช่วงเวลานั้น ส่วน ATS เป็นค่าเฉลี่ยของคนดูเท่านั้น ATV = AMR / Universe ATV จะนำมาใช้กับการเปรียบเทียบผลของต่างช่วงเวลากัน เช่น วันจันทร์ กับ วันอังคารที่ออกอากาศ มีคนที่มีความภักดีสูงมากน้อยแตกต่างกันอย่างไรในการดูโทรทัศน์ ณ รายการนั้นๆ เพราะ เนื่องจาก ในวันจันทร์ กับ วันอังคาร อาจจะมีคนดูในช่วงเวลานั้นๆ แตกต่างกัน การใช้ ATS จึงไม่สามารถเทียบกันอย่างเป็นมาตรฐานเดียวกันได้ แต่การใช้ ATV ก็เพื่อที่จะเปรียบเทียบให้มาอยู่ในหน่วยเดียวกัน สามารถเปรียบเทียบกับได้จริงๆ จากพื้นฐานเดียวกัน ADH - Adhesion เป็นการแสดงน้ำหนักของความเหนียวแน่น ติดตาม การดูโทรทัศน์ในรายการนั้นๆว่ามีความเหนียวแน่นมากน้อยเพียงใด ซึ่งค่าที่ได้เป็นเปอร์เซ็นต์ ที่เกิดจาก จำนวนคนดูของ Target หลักทีเรากำหนด ต่อ จำนวนคนดู Target ที่เราต้องการเปรียบเทียบ เช่น ถ้า Target ของเราเป็น หญิง อายุ 15 ปีขึ้นไป ถ้าเทียบกับ คนอายุ 15 ปีขึ้นไปนั้น จะมีค่า ADH มากน้อยเพียงใด ถ้ามีค่า ADH มากแสดงว่า การลงโฆษณา หรือ รายการของเรา ตรงกับกลุ่มเป้าหมายหลักของเราที่เราต้องการที่จะให้เห็นรายการหรือโฆษณานั้นๆ AFF - Affinity เป็นสัดส่วนของ เรตติ้งของกลุ่มเป้าหมายหลัก กับ กลุ่มเป้าหมายรอง ว่ากลุ่มเป้าหมายทั้งสองกลุ่มนี้ มีความสอดคล้อง เกี่ยวข้องกันในเชิงคนดูหรือไม่ เช่น กลุ่มเป้าหมายเป็นผู้หญิง อายุ 25 ปีขึ้นไป กับ กลุ่มเป้าหมายเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี มีคนดูที่สอดคล้องกันมากเพียงใด ถ้า AFF มีค่าเท่ากับ 1 หมายถึง กลุ่มเป้าหมายทั้งสองมีความสอดคล้องกัน แต่หาก มากกว่า 1 แสดงว่า กลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้หญิง จะมากกว่ากลุ่มเป้าหมายเด็ก และ น้อยกว่า 1 ก็แสดงว่า กลุ่มเป้าหมายเด็ก มากกว่า กลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้หญิง เป็นต้นฯ เราจะเอาค่าที่ได้เพื่อไปวางแผนการออกอากาศ เช่น ถ้ารายการเด็ก มีผุ้ใหญ่ดูมากน้อยเพียงใด เพราะผู้ใหญ่เป็นค่าจ่ายเงินซื้อสินค้าของเด็ก ถึงแม้นว่าเด็กจะเป็นคนที่ต้องการตอบสนอง ดังนั้นก็ต้องดูทั้ง 2 กลุ่มเป้าหมายเพื่อให้เห็นภาพที่แท้จริงว่า มีความสัมพันธ์ของ 2 กลุ่มเป้าหมายอย่างไร จากคุณ : wbj - [ 27 มี.ค. 52 13:36:15 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ESH - Emission Share เป็นการเปรียบเทียบเวลาของการออกอากาศของเหตุการณ์หนึ่งๆเทียบกับ เวลาการออกอากาศทั้งหมด ใช้ในกรณีมีเหตุการณ์พิเศษๆ เกิดขึ้น เช่น ถ้ามีเหตุการณ์ประท้วงหน้ารัฐสภาอย่างปัจจุบ้น ถ้าคุณต้องการทราบว่า ข่าวหรือ เหตุการณ์ที่ออกอากาศเหล่านั้นใช้เวลาประมาณ กี่เปอร์เซ็นต์ ของเวลาใน 1 วันที่ออกอากาศไป ตัวเลขของ ESH จะสามารถตอบโจทย์ ในเรื่องนี้ได้ แต่โดยปกติจะนำไปใช้กับรายการใดรายการหนึ่งเท่านั้น RSH - Reception Share เป็นเรตติ้งของจำนวนคนดูในเหตุการณ์ที่เกิด เทียบกับ จำนวนคนดูโทรทัศน์ทั้งหมดของสถานีนั้นในวันนั้น  ต่างจาก ESH ตรงที่ RSH เป็นเรตติ้งหรือจำนวนคนดู ส่วน ESH เป็นเวลาที่ออกอากาศ ALFA - Alfa Index เป็นสัดส่วนระหว่าง ESH กับ RSH ว่ามีสัดส่วนเท่าใด ซึ่งเทียบได้กับ ROI (Return of Investment) ของโปรแกรมนั้นๆ ว่ามีความคุ้มค่าในการลงทุนมากน้อยเพียงใด BETA - Beta Index เป็นการเปรียบเทียบสัดส่วนของ RSH ระหว่างโปรแกรมหนึ่ง กับ อีกโปรแกรมหนึ่ง ในช่วงเวลาการออกอากาศเดียวกัน ว่าใครมีประสิทธิภาพในการดึงดูดคนดูได้มากกว่ากัน จากคุณ : wbj - [ 27 มี.ค. 52 13:51:49 ]

ความคิดเห็นที่ 3 CoV - Concentration of Viewing เป็นตัวเลขที่ระบุถึงสัดส่วนของ Share ใน กลุ่ม Target ที่กำลังศึกษา กับ กลุ่มที่อ้างอิง เพื่อนำเอาตัวเลขที่ได้ มาเปรียบเทียบว่ามีสัดส่วนของกลุ่มเป้าหมาย ที่ดูโทรทัศน์อย่างต่อเนื่องมากน้อยเพียงใด Flow In เป็นตัวเลขเปอร์เซ็นต์ที่ระบุว่า มีจำนวนคนดูประมาณเท่าใดที่เข้ามาดูรายการนี้ จากรายการเดิม หรือ จากสถานีอื่น เปลี่ยนช่องมาเป็นราการนี้ Flow Out เป็นต้วเลขเปอร์เซ็นต์ที่ระบุว่า มีจำนวนคนดูประมาณเท่าใดที่เมื่อจบจากรายการนี้แล้วยังดูต่อเนื่องไปยังรายการถัดไป ทั้งสองตัวนี้จะแสดงให้เห็นถึง การเปลี่ยนรายการมีผลต่อจำนวนคนดูมากน้อยเท่าใด ทั้งนี้ ถ้ามี Flow In น้อย แสดงว่า รายการนั้นไม่เป็นที่ชื่นชอบ หรือ รายการอื่นของช่องอื่นดีกว่า หรือ เปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายโดยฉับพลัน  แต่ถ้ามี Flow Out น้อยแสดงว่า รายการต่อไปไม่มีความต่อเนื่องกัน เป็นต้น (วันหลังจะมาต่อครับ อันนี้จบไว้แค่ตัวเลขของพฤติกรรมการดูโทรทัศน์  Viewing Behavior เท่านั้นครับ) แก้ไขเมื่อ 27 มี.ค. 52 20:06:31 จากคุณ : wbj - [ 27 มี.ค. 52 14:04:26 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณครับ ได้ความรู้มากมายเลย กระบวนต่างๆ มีมากกว่าที่คิดไว้เยอะมาก ๆ จากคุณ : montri - [ 27 มี.ค. 52 15:52:12 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณค่ะ ริโย่ติดตามอ่านทุกกระทู้เลยค่ะ ได้ความรู้เพิ่มพูนขึ้นมากมาย จากคุณ : Riyo model change - [ 27 มี.ค. 52 15:56:13 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ติดตามอยู่ค่ะ   อธิบายได้เห็นภาพชัดเจนมาก ไม่ได้เข้ามาหลายวันได้อ่านพร้อมกันหลายตอนเลย   ขอบคุณสำหรับความรู้ค่ะ ^^ จากคุณ : ตะขบเขียว - [ 27 มี.ค. 52 18:00:28 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ตามมาอ่านทุกกระทู้ครับ ขอบคุณคับ จากคุณ : < - - ! - t i m - - > - [ 28 มี.ค. 52 00:54:57 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ตามมารับความรู้เข้าสมอง ค่ะ อิอิ ขอบคุณมากๆ ได้ความรู้เยอะเยอะเลย .. จากคุณ : phokar - [ 28 มี.ค. 52 07:55:27 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ... ศัพท์มาอีกแล้ววว T_T ผมงงมาเยอะ ตกอังกฤษมาเยอะ ผมจะสู้ครับ สู้ให้เหมือนพี่จุง -0-/ จากคุณ : The White Man - [ 29 มี.ค. 52 05:37:09 ]