ความคิดเห็นที่ 1 Jin & Rousseau สมัยสาวๆ จินรอดตายมาได้โดยกลุ่มของรุซโซ่ช่วยไว้จากกลางทะเล  สาเหตุที่จินไม่ตายเกิดจากจินกระโดดออกมาจากเรือ ก่อนที่เรือจะระเบิด และคลื่นก็คงซัดให้เขาเข้ามาอยู่ในรัศมีของเกาะ ทำให้ต้องแฟลชไปพร้อม ๆ กันกับ พวก Lostie คนอื่นๆ ประเด็นที่น่าสงสัยคือจินไม่น่าจะลอยไปตาม Coordinate ที่ถูกต้อง แล้วทำไมจึงไม่ประสบปัญหา เหมือนกับที่ลูกเรือคนหนึ่งที่แอบล่องเรือเข้าไปที่เกาะเองประสบ นั่นก็คือปัญหาเรื่อง Mind Travel หรือจะเป็นเพราะตอนนั้นเวลาของเกาะไม่คงที่ และการแฟลชของเกาะก็เกิดขึ้นทำให้ร่างกายของจิน แฟลชไปพร้อมๆ กันกับกลุ่ม Lostie ก็เลยไม่มีปัญหาเรื่อง Mind Travel หรืออาจะจะเพราะจินสลบอยู่ ก็เลยไม่ได้รับผลอะไรเลยจากเรื่องนี้ จนกระทั่งกลุ่มของรุซโซ่มาพบ จินตื่นขึ้นมาในเช้าอีกวัน พร้อมกับรับรู้ว่าคนที่ช่วยชีวิตของเขาคือคนที่เขาเองรู้จักดี นั่นก็คือรุซโซ่ เพียงแต่ว่าคราวนี้เธอยังสาวสวยอยู่ ประเด็นที่น่าสงสัยคือถ้าเกิดมองตามทฤษฎีที่ว่าในเรื่องนี้มีแค่ Timeline เส้นเดียว ทำไมรุซโซ่ถึงจำจินไม่ได้ หรือเพราะว่าจริงๆ แล้วมันเป็นไปตามทฤษฎี Timeloop ที่ว่าเรื่องนี้มีหลายเส้นกาลเวลา หรือจะให้ง่ายกว่าก็อาจจะเป็นเพราะมันผ่านมานานไปแล้ว จนรุซโซ่ก็ลืมไปแล้ว เพราะปีที่รุซโซ่มาถึง นั่นก็คือกลางเดือนพฤศจิกายน ปี 1988  แต่ปีที่รุซโซ่กลับมาเจอจินอีกครั้งนั้นก็เป็นปี 1996 หรือไม่ก็ปี 2004 (แล้วแต่ว่าจะยึด Timeline ของทฤษฎีไหน) ในกรณีที่ปีที่พวก Lostie เครื่องตกเป็นปี 2004 ตามเวลาที่เครื่องบินออกมาจากออสเตรเลีย นั่นหมายความว่ากว่าที่จินจะเจอรุซโซ่อีกครั้งก็ห่างกันเป็นระยะเวลา 16 ปี ซึ่งก็ถือว่านานพอดู แล้วก็น่าจะนานพอที่จะเปลี่ยนสภาพของสาวน้อยที่เราเห็นในตอนนี้ ให้กลายเป็นคุณป้ารุซโซ่ที่ดำรงชีวิตคนเดียวกลางป่าได้อย่างสมเหตุสมผล ในกรณีที่ปีที่พวก Lostie ตกเป็นปี 1996 หากอ้างอิงตาม Timeline ของทฤษฎี Timeloop นั่นหมายความว่ากว่าที่จินจะเจอรุซโซ่อีกครั้งก็ห่างกันเป็นระยะเวลาราวๆ  8 ปี ซึ่งก็ไม่ถือว่านานมากนัก แล้วก็น่าสงสัยว่าจะเปลี่ยนสภาพของรุซโซ่ไปได้ถึงขนาดนั้นเชียวหรือ แต่ที่แน่ๆ ก็คืออเล็กซ์นั้นอายุราวๆ 16 – 17 ปีแน่ๆ ตอนที่เราเห็นเธอ ดังนั้นไม่ว่าเวลาบนเกาะ จะเดินทางไวหรือช้ายังไง ระยะเวลาระหว่างที่รุซโซ่เจอกับจิน ผ่านไปจนถึงช่วงที่เครื่องตก ก็ต้องเป็นระยะเวลา 16 – 17 ปีอย่างแน่นอน กรณีว่าทำไมรุซโซ่จำจินไม่ได้ตอนมาพบกันอีกครั้ง 16 ปีให้หลัง อันนี้ไม่แน่ใจว่าเพราะอะไร แต่ถ้าคิดแบบง่ายๆ ก็คือสำหรับเวลาที่ผ่านไป 16 ปี การที่เราเจอใครสักคนแค่แวบๆ และคนๆ นั้น ก็ไม่ได้สำคัญอะไรมาก ก็คงไม่ใช่เรื่องยากที่จะลืมว่าเคยเจอกันมาก่อน  หรือต่อให้จำได้ แต่ 16 ปีผ่านไป เราก็คงไม่คิดว่าจะเจอเขาในสภาพเดิมหรอก  ดังนั้นหากเจอกันอีกครั้ง ก็คงแค่คุ้นๆ ตาว่าเคยเห็นคนหน้าตาประมาณนี้มาก่อน  อาจจะคล้ายๆ กันแหละมั้ง เพราะคนยุโรปยังไงก็แยกความแตกต่างของคนเอเชียไม่ได้มากอยู่แล้ว เหมือนกับที่เราเอง ก็แยกความแตกต่างของคนยุโรปหรือคนอเมริกันมากไม่ได้ หรือบางทีรุซโซ่อาจจะพอจำได้ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา เพราะโอกาสที่จะได้อยู่กับจินนั้น ก็มีน้อยแค่ฉากหลังๆ ตอนคุมตัวเบนเดินทางไปที่หอส่งสัญญาณเท่านั้น และตอนนั้น เธอก็กำลังให้ความสนใจกับอเล็กซ์มากกว่า ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่เธอจะไม่ได้แสดงให้เห็น ว่าเธอรู้จักกับจินมาก่อน แต่อย่างไรก็ตามที ข้อมูลที่เรามั่นใจได้ในตอนนี้ก็คือรุซโซ่เจอจิน และเธอท้องจากนอกเกาะ แล้วจากนั้นก็มาคลอดที่เกาะแห่งนี้ โดยได้ลูกสาวชื่ออเล็กซ์ ก่อนจะถูกเบนลักพาตัวไป ด้วยเหตุผลบางอย่างที่เรายังไม่มีข้อมูลยืนยันที่ชัดเจน จากคุณ : Mr. Forever - [ 3 เม.ย. 52 15:42:14 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อาการของชาล็อต และอาการเลือดออกจมูก เราจะเห็นว่าชาร์ล็อตคือคนแรกที่มีอาการเลือดออกทางจมูก ก่อนที่ไมล์จะตามมาเป็นรายที่สอง และจูเลียตเป็นรายที่สาม ฟาราเดย์อธิบายว่าน่าจะเกี่ยวพันกับเวลาที่อยู่บนเกาะแห่งนี้ ตรงนี้อธิบายไม่ยาก เนื่องจากเรารู้ดีว่าชาร์ล็อตเกิดที่เกาะแห่งนี้ และโตที่นี่ตอนเด็กก่อนจะย้ายออกไป ส่วนไมล์เราสันนิษฐานเอาไว้ว่าเขาคือลูกของ Dr.Chang ดังนั้นเขาน่าจะเคยอยู่ที่เกาะแห่งนี้มาก่อน จูเลียตเข้ามาอยู่ที่เกาะแห่งนี้ราวๆ สามปี ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจถ้าเธอจะมีเลือดออกเป็นคนที่สาม แต่ทั้งไมล์และจูเลียตดูเหมือนว่าอาการจะไม่หนักมากนัก เพราะมีอาการแค่เลือดไหลทางจมูก ในขณะที่ชาร์ล็อตดูเหมือนว่าจะอาการหนักที่สุด เธอมีแนวโน้มว่าจะมีอาการแบบเดสมอน พ่วงเข้ามาด้วย นั่นคืออาการที่จิตเคลื่อนที่ผ่านกาลเวลาโดยขาดสิ่งยึดเหนี่ยวที่เรียกว่าค่าคงที่ เราจะเห็นว่ามีบางช่วงที่ชาล็อตสลบไปราวๆ สิบนาที  แล้วเมื่อตื่นขึ้นมาเธอลืมฟาราเดย์ไปชั่วคราว อาการคล้ายๆ กับเดสมอนตอนออกจากเกาะแล้วลืมซายิด แต่สักพักเธอก็จำฟาราเดย์ได้ ส่วนคนอื่นไม่มีปัญหานี้คงเพราะกายและจิตเคลื่อนที่ไปพร้อม ๆ กัน ในขณะที่สำหรับชาร์ตล็อตนั้น กายและจิตในบางสถานการณ์ไม่ได้เคลื่อนที่ไปพร้อมๆ กัน น่าแปลกใจที่ฟาราเดย์ไม่ยอมอธิบายอะไรมากไปกว่านั้นให้ชาร์ล็อตเข้าใจ ในขณะที่กรณีของเดสมอน เขาพยายามช่วยเต็มที่ จนเดสมอนสามารถมองหาค่าคงที่ของเขาเจอ และรอดมาได้อย่างหวุดหวิด แต่ในเคสนี้ฟาราเดย์ไม่ได้บอกอะไรชาร์ล็อตเลย ทั้งๆ ที่มีเวลาค่อนข้างมากในการอธิบายให้เธอเข้าใจ จนสุดท้ายดูเหมือนว่าอาการของชาร์ล็อตจะหนักมากขึ้นเรื่อยๆ จนน่ากังวลใจ แต่ที่ค่อนข้างมั่นใจก็คือในกรณีที่หากเป็นเฉพาะจิตที่เคลื่อนที่ย้อนเวลา การจะทำให้ทุกอย่าง กลับเป็นปกติ นั่นก็คือการพยายามหาใครสักคนที่เป็นค่าคงที่ของเราที่คงอยู่และติดต่อได้ ทั้งในช่วงเวลาที่เราหลงไป และในช่วงปัจจุบัน ตัวอย่างเช่นเดสมอนหลงไปในอดีตแล้วเจอกับเพนนี บอกกับเพนนีว่าในวันนี้ของปี 2004 เขาจะโทรหาเธอเพื่อยืนยันการคงอยู่ของตัวเขาในปี 2004 ซึ่งหากเขาติดต่อเธอได้ นั่นก็หมายความว่าเขายืนยันตัวเองได้ว่ากายและจิตของเขาอยู่ปี 2004 จริง  และเพนนีนั้น คือค่าคงที่ของเขา  แต่ถ้าติดต่อไม่ได้ เขาก็จะต้องเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ แบบนั้นไม่สิ้นสุด ส่วนกรณีที่กายและจิตเคลื่อนที่ไปพร้อมๆ กันเหมือนกับที่พวก Sawyer เป็นอยู่ตอนนี้ เนื่องจากกายและจิตเคลื่อนที่ไปพร้อมกัน ทำให้ไม่จำเป็นต้องมองหาใครมาเป็นค่าคงที่ เพราะกายและจิตอยู่ด้วยกันตลอดเวลานั้นเอง  แต่กรณีของชาร์ล็อต เธอดันเจอสองอย่างผสมกัน คือบางครั้งกายก็ไปพร้อมจิต  แต่บางครั้งไปแต่กาย จิตกลับย้อนหลงไปอีกที่หนึ่ง ดังนั้นเธอต้องการใครสักคนเป็น Constant สำหรับเธอ เพื่อให้กลับมาเป็นปกติ แต่ฟาราเดย์ก็ไม่ได้บอกอะไรกับเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย  น่าแปลกใจจริงๆ จากคุณ : Mr. Forever - [ 3 เม.ย. 52 15:44:59 ]

ความคิดเห็นที่ 3 กรณีเดสมอนเห็นเคส และล็อคเห็นลำแสง เคสนี้ทำให้เรารับรู้ว่าอาจจะเป็นไปได้ที่การย้อนเวลาจะไปซ้อนทับจุดเดิมที่ในช่วงเวลาเดียวกัน มีตัวละครเดียวกันอยู่ในนั้น เหมือนกับกรณีนี้ที่ตอนเคธช่วยแคล์คลอดลูก Sawyer อีกคนก็อยู่ ที่เกาะแห่งนี้ด้วยเช่นกัน เพียงแต่ยังไม่มีจังหวะใดที่ตัวละครสองตัวจะมาเจอกันจังๆ แต่คาดว่าหากจะเกิดสถานการณ์นั้นขึ้น ก็น่าจะมีแสงแฟลชพาให้หายออกมาจากที่นั่นก่อนแน่ๆ ฉากนี้ทำให้เรารับรู้ว่าตอนนี้จอห์นเข้าใจบทบาทชีวิตของเขามากขึ้น ก่อนนั้นแสงนั้นอาจจะเป็น จุดเปลี่ยนชีวิตของเขา หากจำได้ฉากนั้นคือฉากที่บูนตายและล็อคก็ไปคร่ำครวญตรงประตู ของหลุมหลบภัย และดูเหมือนว่าความเชื่อเรื่อง Fate ของเขากำลังจะหมดไป แต่ทันใดนั้นเสียงเคาะ ของเขาก็ทำให้เดสมอนที่กำลังจะยิงตัวตาย เดินขึ้นมาเปิดไปส่องขึ้นไปด้านบน และกลายเป็นช่วงเวลาสำคัญของคนทั้งคู่  จอห์นกลับมาเชื่อเรื่อง Fate โชคชะตา และพรหมลิขิตอีกครั้ง ในขณะที่เดสมอนก็ล้มเลิกความคิดที่จะฆ่าตัวตาย ซึ่งถือว่าแสงนั้นไม่ต่างอะไรกับแสงที่ทำให้ ทั้งคู่กลับมาเดินบนเส้นทางที่ควรจะเป็นอีกครั้ง แต่ผ่านมาถึงตอนนี้เขารับรู้ว่าตนเองมีหน้าที่ที่สำคัญมากกว่านั้น ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ว่า ทำไมพอ Sawyer ถามเขาว่ามันคืออะไร เขาจึงตอบว่ามันก็แค่แสงไฟ ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น ฉากนี้ผมชอบประโยคที่ล็อคพูดมาก ตอน Sawyer ถามว่าทำไมเขาไม่เดินเข้าไปบอกกับตัวเอง ว่าเกิดอะไรขึ้น เพื่อที่จะแก้ไขไม่ให้ตัวเองในอดีตต้องเจ็บปวดกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ล็อคกลับบอกว่า เขาต้องการรู้สึก และรับรู้ถึงความเจ็บปวดเหล่านั้น เพื่อที่เขาจะได้กลายเป็นเขาได้เหมือนกับทุกวันนี้ ตรงนี้แสดงให้เห็นว่าล็อคมั่นใจในก้าวย่างที่เขาก้าวเดินมาตั้งแต่อดีต ณ จุดนั้นมาจนถึงวันนี้ ว่าเขาทำในสิ่งที่มันควรจะเป็นตามโชคชะตาทุกอย่างแล้ว และไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงอะไรเลยแม้แต่น้อย จากคุณ : Mr. Forever - [ 3 เม.ย. 52 15:45:40 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ใครคือกลุ่มคนที่โจมตีกลุ่ม Lostie ของเราขณะพายเรือ ต่อจากฉากด้านบนกลุ่ม Sawyer กลับมาที่ชายหาด และพบว่าขณะนี้แค๊มป์ของพวกเขากลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง ต่างไปที่สภาพดูโทรมไปกว่าเดิม และของกินของใช้ต่างๆ หายไปหมด และมีเรืออยู่สองลำ โดยที่ลำหนึ่งที่จอดอยู่ มีขวดน้ำของสายการบิน Ajira อยู่ในนั้นด้วย ซึ่งตอนหลังๆ จะเฉลยให้รู้ว่าสายการบินนี้คือสายการบิน ที่กลุ่ม Jack เดินทางกลับมานั่นเอง เรือสองลำนี้อาจจะดูคุ้นๆ ตานั่นเพราะเป็นเรือแบบเดียวกันกับที่เคธและ Sawyer ใช้พายกลับมา ตอนที่ถูกกลุ่มพวก The Others จับไปตอนซีซั่น 3 นั่นเอง และยังคล้ายๆ กับเรือที่แฟนของอเล็กซ์ ใช้แล่นมาเพื่อเตือนเรื่องกลุ่ม The Others จะแอบมาลักพาตัวคนที่ท้องในปลายซีซั่น 3 ด้วย แต่เราจะรู้ข้อมูลอะไรมากกว่านี้ในตอนหลังๆ ว่าเรือสองลำนี้มาจากไหน และพายมาโดยใคร และนั่นน่าจะเป็นคำตอบว่าใครเป็นคนโจมตีกลุ่ม Lostie ตอนพายเรือหนีด้วยเช่นกัน จากคุณ : Mr. Forever - [ 3 เม.ย. 52 15:46:12 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ซากเรือที่มาเกยตื้นที่เกาะที่ชาร์ล็อตเจอ หลังจากแฟลชหนีมาจากการโดนไล่ยิง กลุ่ม Lostie ก็พบว่าตัวเองกำลังลอยคว้างอยู่กลางมรสุม ทำให้ต้องรีบพายกลับเข้าฝั่ง และพบว่ามีซากเรือที่พึ่งแตกลอยเข้ามาเกยตื้นบนชายฝั่ง หนึ่งในสัมภาระที่เข้ามาเกยตื้นมีข้อความภาษาฝรั่งเศาอยู่ในนั้น  ดังนั้นจึงเดาไม่ยากนัก ว่านี่คือซากเรือของกลุ่มทีมของรุซโซ่แน่นอน จากนั้นเราเห็นฉากที่ทีมรุซโซ่ช่วยจินขึ้นมาจากกลางทะเล และเริ่มเปิดตัวรุซโซ่สมัยสาวๆ ที่ดูแล้วแตกต่างกับคุณป้ารุซโซ่ที่เราเจอมากๆ แม้ว่าหน้าตาจะคล้ายๆ กันก็ตามที จากคุณ : Mr. Forever - [ 3 เม.ย. 52 15:46:44 ]

ความคิดเห็นที่ 6 กลุ่มคนที่โจมตีซายิดนั้น ใครอยู่เบื้องหลัง ก่อนนั้นเราถูกบอกให้เชื่อโดยอ้อมๆ ว่ากลุ่มคนที่โจมตีซายิดน่าจะเป็นคนของวิทมอธ์ นั่นเพราะว่า ซายิดใช้เวลากว่าสองปีในการตามฆ่ากลุ่มของวิทมอธ์อยู่เรื่อยมา ดังนั้นหากจะถูกแก้แค้นกลับ ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เหตุการในตอนหลังจากนี้จะอธิบายให้เรารู้ว่าเบนหลอกใช้ซายิดให้คอยตามฆ่ากลุ่มคนสำคัญๆ ของวิทมอธ์ ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาจะช่วยเพื่อนๆ คนอื่นๆ ให้ปลอดภัย แต่หลังจากที่จัดการหมดทุกคนแล้ว เขาถึงได้รับรู้ว่าตลอดมาเบนหลอกใช้เขามาโดยตลอด ทำให้ซายิดรู้สึกผิด ทำให้เขาตัดสินใจ ใช้ชีวิตที่เหลือในการเข้ากับกลุ่มกองทุนการกุศล ทำตัวให้มีประโยชน์ด้วยการไปช่วยสร้างบ้าน สร้างอาคารให้กับชุนชนที่เดือดร้อนแทน และหลังจากนั้นเบนก็มาหาเขาอีกครั้ง พร้อมกับบอกว่าหนึ่งในคนของวิทมอธ์กำลังตามดูฮิวโก้ อยู่ที่สถานบำบัดจิต ไม่มีใครรู้ว่าคนที่ตามดูนั้นจะทำอะไรอยู่บ้าง หากห่วงเพื่อนของนายก็ไปจัดการซะ นั่นคือครั้งแรกที่ซายิดเห็นเบนนับจากวันที่เขาทำงานให้เบนเรียบร้อยแล้ว และพบว่าเขาถูกเบนหลอกใช้ จากนั้นก็อย่างที่เราได้เห็นซายิดไปฆ่าคนที่ลอบติดตามเฝ้าดูฮิวโก้ ก่อนจะพาฮิวโก้หลบหนีออกไป ที่ยังที่พักของซายิด แต่แล้วอยู่ดีๆ ก็มีใครวางคนวางแผนโดยจัดให้มีคนเตรียมยาสลบไว้ยิงคนทั้งคู่ เป็นจำนวนสองคนพอดี จะเห็นว่าการโจมตีซายิดทั้งสองทั้งที่บ้าน และที่โรงพยาบาล ไม่ได้ต้องการฆ่าซายิด แต่ต้องการเพียงแค่ ให้เขาสลบเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าไม่น่าจะใช่พวกของวิทมอธ์ และเบนก็ดูมีท่าทีตกใจมากที่ได้รู้ว่า ซายิดอยู่กับแจ๊ค และท่าทีของเบนตอนเจอซายิดที่โรงพยาบาลพร้อมกับบุรุษพยาบาลที่โดนซายิดจัดการแล้ว ดังนั้นไม่น่าจะเดาได้ยากนัก ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้คือใคร   และเชื่อว่าซายิดก็คงพอเดาได้ ว่าเบนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ทำให้เขาไม่ต้องการร่วมมือกับเบนอีก แต่ที่ต้องไปรถคันเดียวกันกับเบน นั่นเพราะเบนบอกว่าจะไปรับฮิวโก้นั่นเอง ทำให้เขาตัดสินใจไปกับเบน จากคุณ : Mr. Forever - [ 3 เม.ย. 52 15:47:14 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ทฤษฎี Timeline ที่เราเข้าใจผ่านมาถึงตอนที่ 4 เราได้เห็นกรณีย้อนเวลามาหลายครั้ง และได้ Concept ของกฎที่ทีมงานฝากมาไว้ผ่านตัวละคร ฟาราเดย์ ซึ่งแน่นอนว่าทีมงานสร้างขึ้นมาเพื่ออธิบายกฎการเดินทางข้ามเวลาของเรื่อง Lost เราได้เห็นกรณีของล็อค ที่ย้อนเวลาแล้วกลับไปคุยกับริชาร์ด ซึ่งหากมองตามปกติแล้ว ล็อคกำลังทำผิดกฎนั่นคือการเข้าไปเปลี่ยนแปลงอดีต เนื่องจากตอนนั้นในปี 1954 ล็อคยังไม่เกิด ดังนั้นเขาจึงไม่ควรจะเจอกับริชาร์ด การคุยกันครั้งนี้หากมองตามปกติแล้วมันคือการเปลี่ยนอดีต มันคือการละเมิดกฎ แต่ในกรณีถ้าเรามองอดีต ปัจจุบัน และอนาคตแบบไม่ใช่เส้นตรง หากว่าการที่ล็อคเดินเข้าไป พูดคุยกับริชาร์ดไม่ได้เป็นการเปลี่ยนแปลงอดีต หากว่ามันคือการสิ่งที่เกิดขึ้นโดยปกติอยู่แล้ว มันคืออดีตที่เกิดขึ้นเนื่องจากบุคคลในอนาคตเดินทางย้อนเวลาจากอนาคตกลับมาเป็นอดีต ของใครบางคน ซึ่งทำให้มันเป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้น ดังนั้นหากมองแบบนี้ ก็จะทำให้ทฤษฎี Timeloop Theory ที่มองว่าทุกเส้นเวลาแยกกัน ไม่สัมพันธ์กันมากนัก หากว่าไม่เกี่ยวพันกับโชคชะตาของตัวละครนั้นเป็นอันตกไป อย่างตอนที่เราได้เห็นนี้ จินถูกช่วยชีวิตโดยทีมของรุซโซ่ หากว่านี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่แล้ว นั่นหมายความว่าจินเดินทางมาจากอนาคต เพื่อมาเป็นอดีตของรุซโซ่อยู่แล้ว เขาไม่ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงอดีต เพราะนี่คืออดีตที่มันเป็นนั่นเอง สรุปได้ว่าตอนนี้ที่เรารู้แน่ๆ ก็คือเวลาของตัวละครในเรื่องนี้ไม่ได้เดินเป็นเส้นตรงเหมือนปกติ ตัวละครเดินทางข้ามกาลเวลา  ย้อนอดีตไปเรื่อยๆ และดูเหมือนว่าการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับอดีตนั้น มันกลายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยปกติอยู่แล้ว เช่นสถานการณ์ที่ฟาราเดย์เข้าไปช่วยบอกวิธีจัดการกับระเบิด ก็ต้องเกิดขึ้น ไม่อย่างนั้นคนบนเกาะ ก็คงต้องตายเพราะรังสี เนื่องจากไม่รู้วิธีจัดการกับมันอย่างถูกต้อง แต่นี่ไม่มีใครเป็นอะไร เพราะไม่ว่าจะยังไงฟาราเดย์ก็ต้องกลับมาบอกอยู่แล้ว และไม่ได้เป็นการเปลี่ยนอดีต เนื่องจาก มันคืออดีตที่สมควรจะเป็นนั่นเอง ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าเราจะได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมบ้าง ว่าทฤษฎีไหนในเรื่องนี้จะอธิบายได้ดีที่สุด เกี่ยวกับเรื่องการเดินทางข้ามเวลา จากคุณ : Mr. Forever - [ 3 เม.ย. 52 15:47:56 ]

ความคิดเห็นที่ 8 Easter Eggs - เสียงคลื่นวิทยุที่กลุ่มของรุซโซ่จับสัญญาณได้นั้น เป็นเสียงภาษาอังกฤษบอกตัวเลขรหัสชุดที่เราคุ้นเคยกันดี ถ้ายังจำได้ เพื่อนคนหนึ่งของฮิวโก้ในสถานบำบัดที่เคยทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิทยุ ก็เคยจับคลื่นสัญญาณนี้ได้ แล้วก็กลายเป็นบ้า แล้วในที่สุดก็ส่งเลขชุดนี้มาให้กับฮิวโก้เอาไปแทงหวยนั่นเอง อาจจะเป็นไปได้ว่าเขาอาจจะจับสัญญาณคลื่นวิทยุได้ แล้วพยายามไปช่วยคนที่อยู่บนเกาะที่ส่งสัญญาณมา แต่สุดท้ายไปไม่ถูกต้องตาม coordinate ที่ควรจะเป็นก็เลยกลายเป็นบ้าไปจากอำนาจของอะไรสักอย่างที่เกี่ยวกับเกาะแห่งนี้ - เลขที่บ้านของ kate  คือ 42 - ชื่อตอนนี้ภาษาอังกฤษคือ The Little Prince ซึ่งตรงกับชื่อหนังสือสุดฮิตเล่มหนึ่งที่แต่งโดยผู้แต่งชาวฝรั่งเศส หรือที่รู้จักดีในบ้านเราคือ "เจ้าชายน้อย" หนังสือเด็กที่อ่านกันได้ทุกเพศทุกวัย หนังสือเล่มนี้กล่าวถึงตัวละครเอกที่ชื่อเจ้าชายน้อย ว่ามาจากดาว B612 แล้วมายังโลกมนุษย์ แล้วในสุดหนทางเดียวที่เขาจะกลับสู่ดวงดาวของเขาได้ ก็คือการตาย... แล้วถ้างั้นตัวละครในเรื่องนี้ใครกันล่ะ ที่ต้องตายเพื่อที่จะได้กลับคืนไปสู่โลกที่แท้จริงของเขา... ... ใช่แล้วครับ ... ล็อคนั่นเอง ... คนดูเรื่องนี้คิดมากไปหรือเปล่า  อันนี้ตอบได้ง่ายๆ ครับ  ถ้าย้อนกลับไปดูฉากที่ล็อคและกลุ่มเพื่อนแฟลชมาอยู่กลางมรสุมในทะเล แล้วพายเรือเข้าสู่ฝั่ง ในที่สุดก็พบว่ามีข้าวของจากเรือบางลำลอยมาเกยตื้นที่ชายหาด และดูให้ดีจะเห็นว่า มีกล่องใบหนึ่งที่เขียนเป็นภาษาฝรั่งเศสเอาไว้ว่า ... Besixdouze (B612) แล้วใครล่ะที่พบกล่องใบนั้น แล้วถามคนที่เหลือว่า... "มีใครพูดภาษาฝรั่งเศสได้บ้าง" ... ... ล็อคไม่ใช่หรือ ... จากคุณ : Mr. Forever - [ 3 เม.ย. 52 16:09:17 ]

ความคิดเห็นที่ 9 โพสซ้ำครับ   ยังไงถ้ามีอะไรจะโพสเพิ่มเติมก็แล้วกันครับ  ตอนนี้รู้สึกว่าจะไม่ค่อยมีอะไรมากนักในส่วนเสริม Easter Eggs นี้ ใครเจออะไรน่าสนใจก็โพสเพิ่มเติมได้ครับ  ถ้าคนสนใจเยอะๆ จะรีบปั่นตอนอื่นๆ มาให้อ่านกันต่อ ก่อนจะขึ้นดอยไปทำงานคุมอ่างเก็บน้ำแล้วครับ T___T แก้ไขเมื่อ 03 เม.ย. 52 16:14:43 จากคุณ : Mr. Forever - [ 3 เม.ย. 52 16:12:34 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ปีที่น่าจินกับรุซโซ่ เจอกันอีกครั้งหรือ ปีที่เครื่องบินตก น่าจะเฉลยแล้วในตอนนี้ เพราะ สัญญาณวิทยุบนเกราะที่ซายิดจับได้ ถูกส่งมาแล้ว 15 ปี จากคุณ : Final-13 - [ 3 เม.ย. 52 17:25:40 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อ่านตอนล็อกกับเจ้าชายน้อยแล้วอึ้ง คนเขียนบทนี่สุดยอดจริงๆ คนเขียนบทนอกจากเขียนเรื่อง Lost แล้วเขียนเรื่องอะไรอีกบ้างจะตามดู สุดยอดจริงๆ จากคุณ : Can't smile without you - [ 4 เม.ย. 52 03:33:05 ]

ความคิดเห็นที่ 12 สุดยอดจริงๆครับ แต่ละอันที่กล่าวมา บอกตรงๆว่า ไม่ทันดู ไม่ทัน แม้กระทั่งจะคิด แค่ดูไปเรื่อยๆเท่านั้นเอง พอกลับมาอ่าน แล้วกลับไปดู ตะลึงสิครับ อะไรจะสุดยอดขนาดนี้ จากคุณ : พีพีคุง - [ 5 เม.ย. 52 03:34:18 ]

ความคิดเห็นที่ 13 มาให้ give ครับ เอาใจช่วย จขกท. ทำกระทู้วิเคราะห์แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ชอบมากๆ เรื่องนี้จะดูจะอ่านยังไงก็เก็บรายละเอียดไม่หมด เยอะจริงๆ ผูกเรื่องไปได้!!! ทึ่งกับที่มาของชื่อตอน Little Prince เค้าเข้าใจโยงนะ รายละเอียดเล็กๆน้อยๆเก็บหมดทุกเม็ด สุดยอดดดด จากคุณ : มือกระบี่วายุ - [ 5 เม.ย. 52 19:49:36 ]

ความคิดเห็นที่ 14 Final-13  -  จากข้อมูลในซีซั่นแรก สัญญาณที่รุซโซ่เล่นและส่งไปเรื่อยๆ นั้นวนไปมาเป็นระยะเวลา 16 ปีครับ แต่ปัญหาคือเรายังไม่แน่ใจว่าการเคลื่อนตัวของเวลาบนเกาะมันเคลื่อนตัวแบบเดียวกันกับโลกภายนอกหรือไม่ เวลามันหมุนตามปกติหรือเปล่า ทำไมรุซโซ่ดูแก่เกินกว่าความเป็นจริง และอะไรต่างๆ อีกมากพอดู แต่สุดท้ายก็ต้องรอดูกันต่อไปครับ ตอนที่ 12 นี่น่าจะเฉลยอะไรมาอีกมากมายพอดูเลยครับ Can't smile without you - ประเด็นเจ้าชายน้อยนี้ตอนดูก็คิดไม่ถึงเหมือนกันครับ ไปอ่านเจอในบอร์ดต่างประเทศนี่ถึงกันอึ้งเลยทีเดียว ว่านอกจากคนเขียนบทจะละเอียดกับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้แล้ว คนดูเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ย่อยเลยทีเดียว สุดยอดทั้งสองฝ่ายเลยเนอะ พีพีคุง -  ใช่เลยครับ นั่นคือที่มาของการตั้งกระทู้แนวนี้แหละ เรื่องนี้มันมีอะไรซ่อนไว้ให้ตามคุ้ยเยอะเลย มือกระบี่วายุ -  ขอบคุณมากครับ จะพยายามเขียนไปเรื่อยๆ จนกว่าจะต้องขึ้นไปคุมงานที่แม่แจ่มครับ ช่วงนี้ยังไปๆ มาๆ อยู่ เพราะต้องคอยคุมเรื่องวัสดุที่ต้องใช้  พร้อมเมื่อไหร่ขึ้นไปเต็มตัวก็คงไม่ได้ดูแล้วล่ะ แล้วก็คงไม่ได้ตั้งกระทู้แนวนี้ด้วย เพราะบนนั้นไม่มีเน็ตให้เล่นแน่นอนครับ จากคุณ : Mr. Forever - [ วันจักรี 11:56:20 ]