Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    มาทำความรู้จักกันสักนิดกับ...กฤต รัตนรักษ์ ... นายใหญ่และเจ้าของช่อง 7 กัน

    คัดลอกบางส่วนของบทความมาจาก...http://www.positioningmag.com/Magazine/PrintNews.aspx?id=68785

    กฤตย์ รัตนรักษ์

    “กฤตย์ รัตนรักษ์” จัดเป็นเป็นเศรษฐีอันดับต้นๆ ของเมืองไทย มีบุคลิกเก็บเนื้อเก็บตัว ไม่ชอบเป็นข่าว ไม่เคยแถลงข่าว จะเปิดเผยตัวต่อสาธารณะในวันประชุมผู้ถือหุ้นบ้าง

    เกิดเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2489 เป็นบุตรชายคนเดียวของชวนกับศศิธร รัตนรักษ์ ที่ร่ำรวยจากการทำธุรกิจเดินเรือ
    “กฤตย์” จบการศึกษาระดับปริญญาโทเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยอีสเทิร์น นิวเม็กซิโก สหรัฐอเมริกา และเริ่มทำงานในธนาคารกรุงศรีอยุธยา ที่ครอบครัวถือหุ้นใหญ่

    ปัจจุบันมีหุ้นใหญ่ในช่อง 7 บริษัทมีเดีย ออฟ มีเดียส์ บริษัทปูนซีเมนต์นครหลวง เป็นต้น

    สุรางค์ เปรมปรีดิ์

    สุรางค์ เปรมปรีดิ์ เกิดเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2485 จบการศึกษามัธยมศึกษาปีที่ 8 โรงเรียนราชินีบน ปริญญาตรี ค.บ. เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และปริญญาโท Master of Art in Education มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแองเจลิส (UCLA) สหรัฐอเมริกา เป็นผู้อำนวยการนิตยสารสตรีสารก่อนเข้ามาเป็นผู้บริหารช่อง 7 เต็มตัว เมื่อปี 2524 ในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายรายการช่อง 7 ปี 2541 ถึงปัจจุบัน เป็นกรรมการผู้จัดการช่อง 7

    -------
    ความเปลี่ยนแปลงในช่อง 7 เริ่มส่งสัญญาณชัดตั้งแต่ 3 มกราคม 2550 เมื่อ “กฤตย์ รัตนรักษ์” ประกาศลาออกจากทุกตำแหน่งในธนาคารกรุงศรีอยุธยา หลังจากที่กลุ่มจีอีแคปปิตอลฯ จ่ายเงินซื้อหุ้นเพิ่มทุนในแบงก์กรุงศรีฯ กว่า 22,256 ล้านบาท โดย “กฤตย์” เลือกถอยออกจากธุรกิจการเงิน และให้ครอบครัว “รัตนรักษ์” ที่เคยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในแบงก์กรุงศรีฯ มานาน กลายเป็นผู้ถือหุ้นส่วนน้อยผ่านบริษัทในเครือข่ายของช่อง 7 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งธุรกิจหลักที่ตระกูลรัตน์รักษ์ถือหุ้นใหญ่ร่วมกับตระกูล “กรรณสูต”

    เมื่อวางมือในธุรกิจการเงินแล้ว“ช่อง 7” คือเวทีที่ “กฤตย์” พร้อมเข้ามาอย่างเต็มตัว โดยเฉพาะการจัดผังรายการซึ่งรวมทั้งรายการข่าว

    แต่ความเปลี่ยนแปลงในช่อง 7 กลายเป็นเรื่องทอล์กออฟเดอะทาวน์ทั้งในวงการสื่อ และวงการเอเยนซี่โฆษณา ที่เฝ้ารอการเปลี่ยนแปลงในช่อง 7 มานาน เพราะแม้เรตติ้งช่อง 7 จะยังคงเป็นอันดับ 1 แต่ในช่วงหลังๆ ก็เริ่มไม่ง่ายเหมือนในอดีต เพราะช่อง 3 คู่แข่งโดยตรงของช่อง 7 สร้างแพ็กเกจให้ซื้อง่าย ขายคล่อง ด้วยแผนการตลาดครบวงจร และยังทำลงทุนจัดทำผลวิจัย “เรตติ้ง” เป็นของตัวเอง

    “ลูกค้าส่วนใหญ่จะสนใจซื้อเวลาโฆษณาจากช่อง 3 เพราะปรับตัวชัดเจน มีกิจกรรมทางการตลาดสื่อสารกับผู้ชมต่อเนื่องและเมื่อคิดคำนวณอัตราความคุ้มค่าการใช้เม็ดเงินโฆษณา เมื่อเทียบกับเรตติ้งแล้ว (Cost per rating by point หรือ CPRP) คุ้มค่ากว่า เพราะช่อง 3 จะมีแถมสปอตให้ด้วยในบางแพ็กเกจ” แหล่งข่าวจากเอเยนซี่รายหนึ่งบอก

    พฤศจิกายน 2550 หน่วยงานต่างๆ ภายในช่อง 7 ได้รับหนังสือเวียนการประกาศลงนามโดย “กฤตย์” ในฐานะประธานช่อง 7 ถึงการปรับเปลี่ยนตำแหน่งสำคัญคือแต่งตั้งให้ “สมพงษ์ อัชฌานุเคราะห์” ผู้จัดการฝ่ายการตลาด เป็นผู้จัดการฝ่ายรายการช่วงเวลานอกไพร์มไทม์ มีผลตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน 2550 แทน “พลากร สมสุวรรณ” คนสนิทของ “คุณแดง” โดยให้ “พลากร” ไปนั่งในตำแหน่งที่ตั้งขึ้นใหม่ คือผู้จัดการฝ่ายสังกัดสำนักประธานกรรมการดูแลงานด้านกลยุทธ์ แผนงาน โครงการพิเศษ งานด้านประชาสัมพันธ์และงานสื่อสารองค์กร

    ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2551 กฤตย์ยังได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้ “สมพงษ์” เป็นผู้จัดการฝ่ายรายการ นั่งคุมผังรายการของช่อง 7 แทน “คุณแดง” ที่นั่งเก้าอี้นี้มาตั้งแต่ปี 2524 ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญอย่างยิ่ง เพราะอย่างที่รู้กันดีว่า ผังรายการคือหัวใจของสถานีโทรทัศน์ คำสั่งแต่งตั้งดังกล่าวจึงเท่ากับเป็นการลดทอนอำนาจของคุณแดงลง แต่ยังคงมีเก้าอี้สำคัญ คือ “กรรมการผู้จัดการ” และตำแหน่งที่เรียกกันภายในช่อง 7 ว่า ประธานกรรมการละครเท่านั้น

    3 มีนาคม 2551 มีการปรับอีกครั้งในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายข่าว เพื่อรองรับแผนการปรับปรุงรายการข่าวที่ช่อง 7 ถูกมองว่าเป็นช่องที่มีความเคลื่อนไหวเรื่องพัฒนารายการข่าวน้อยที่สุดในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา โดยแต่งตั้งให้ “สมเกียรติ เจริญภิญโญยิ่ง” รองผู้จัดการฝ่ายข่าว เป็นรักษาการผู้จัดการฝ่ายข่าวแทนผู้จัดการคนเดิมที่โยกไปอยู่ในสำนักประธานกรรมการกับ “พลากร”

    นี่คือการเปลี่ยนแปลง 3 ระลอกที่ส่งสัญญาณให้เห็นว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงตามมาอีก ท่ามกลางกระแสข่าวที่แรงขึ้นว่าเป้าหมายการเปลี่ยนแปลงต่อไป น่าจะเป็นเก้าอี้ “กรรมการผู้จัดการ” ของคุณแดง

    เพราะไม่เพียงการแย่งชิงการบริหารภายในช่อง 7 ระหว่างผู้ถือหุ้นใหญ่ 2 ตระกูลเท่านั้น แต่เป็นเพราะเรตติ้งของช่อง 7 ที่เริ่มลดลงและเป็นครั้งแรกที่เม็ดเงินโฆษณาไหลไปช่อง 3 มากขึ้น จนทำระยะห่างระหว่างช่อง 3 และช่อง 7 เริ่มแคบลง จากที่เคยห่างอยู่ประมาณ 20-30% ขณะนี้เหลือเพียงประมาณ 10% เท่านั้น

    การพลิกมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่กว่าของตระกูล “รัตนรักษ์” ทั้งที่เดิม “รัตนรักษ์” ถือหุ้นส่วนน้อยในช่วงเริ่มต้นตั้งช่อง 7 เมื่อปี 2510 เพราะจุดเปลี่ยนสำคัญในปี 2522 ที่ช่อง 7 เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 10 ล้านบาท เป็น 50 ล้านบาท และปี 2527 เพิ่มเป็น 61 ล้านบาท

    ท่ามกลางความคุกรุ่นในหมู่พนักงานบางคน กลุ่มที่ชื่นชอบคุณแดงที่แม้จะเนี้ยบและเจ้าระเบียบ แต่ก็ไม่ได้ทำตัวห่างเหินกับพนักงานมากนัก

    ขณะที่ “กฤตย์” นั้น ด้วยนโยบายส่วนตัวที่ไม่ต้องการเป็นข่าว ไม่ชอบพูดและไม่เปิดเผยตัวให้พนักงานได้มีโอกาสรู้จักและสัมผัส ซึ่งไม่ใช่เป็นเฉพาะที่ช่อง 7 เท่านั้น แม้แต่ที่แบงก์กรุงศรีฯพนักงานบางคนที่ทำงานมานานกว่า 10 ปียังแทบไม่มีโอกาสได้เห็น “กฤตย์” ชัดๆ โอกาสที่จะได้ฟังหรือรับรู้นโยบายจากผู้บริหารระดับสูงโดยตรง จึงเป็นไปได้ยาก

    “คุณกฤตย์เหรอ ไม่เคยเห็น ไม่เคยเจอตัวแม้แต่ครั้งเดียว” พนักงานช่อง 7 คนหนึ่งบอก ซึ่งแม้ว่าพนักงานคนนี้ต้องรายงานตรงต่อ “กฤตย์” แต่ก็คือการเจอกันทางเอกสารเท่านั้น

    ทุกวันนี้ “กฤตย์” ทุ่มเทและให้เวลากับการทำงานในช่อง 7 อย่างเต็มที่ จากเดิมที่เคยเข้าทำงานสัปดาห์ละ 2 วัน ทุกวันนี้ กฤตย์เดินทางไปทำงานที่ช่อง 7 ทุกวัน แต่อยู่ที่กองบัญชาการของช่อง 7 ที่ตึกเพลินจิตทาวเวอร์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของฝ่ายการตลาด อีกหนึ่งทรัพสินของ “กฤตย์” และหากต้องเรียกประชุมระดับผู้บริหารของสถานี โดยเฉพาะฝ่ายต่างๆ จะให้ไปเจอกันที่เพลินจิตทาวเวอร์

    ด้วยบุคลิกที่ค่อนข้างเก็บตัวของกฤตย์ จึงถูกมองว่าอาจเป็นอุปสรรคในการสร้างความเข้าใจกับพนักงานถึงการเปลี่ยนแปลงองค์กรที่กำลังเกิดขึ้นกับช่อง 7


    ยิ่งข่าวลือหนาหูว่า “กฤตย์” เตรียมส่ง “ชาลอต โทณวณิก” ขุนพลหญิงคู่ใจจากแบงก์กรุงศรีฯ เข้ามาแซะเก้าอี้คุณแดง หลังจากที่ “กฤตย์” ส่ง “ชาลอต” ไปเป็นซีอีโอ มีเดีย ออฟ มีเดียส์ มาแล้วระยะหนึ่งก็ยิ่งทำให้บรรยากาศของช่อง 7 เวลานี้ จึงเต็มไปข่าวลือ

    นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ “กฤตย์” พยายามส่ง “ชาลอต” เข้ามา แต่ในปี 2545 เคยก้าวเข้ามาในช่อง 7 แล้วครั้งหนึ่งในตำแหน่ง “ประธานที่ปรึกษาด้านการตลาด” เพราะหลังวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 การขายโฆษณาเต็มไปด้วยความลำบากและเรตติ้งช่อง 7 ตกจากคู่แข่ง ช่วงนั้น “ชาลอต” ซึ่งมีภาพของนักการตลาดสามารถทำให้ธุรกิจแบงก์มีสีสันไม่ต่างอะไรกับสินค้าอุปโภคบริโภค “ชาลอต” จึงถูกส่งให้มาเป็นที่ปรึกษาด้านการตลาดของช่อง 7 แต่ก็อยู่ได้เพียง 3 ปี ก็กลับออกไป จนปี 2549 จึงกลับมาเป็นซีอีโอที่มีเดียออฟมีเดียส์ ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่ช่อง 7 ถือหุ้นใหญ่ และมีรายการอยู่ในผังช่อง 7 มากที่สุด

    แก้ไขเมื่อ 09 เม.ย. 52 10:17:09

    จากคุณ : SkyWalkers - [ 9 เม.ย. 52 10:14:11 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com