Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    [ Spoil+Cap ] Eden of the East - Ep 5 - Even though now isn't the time to think about that

    ก่อนอื่นก็ Happy Mother Day ครับ อาทิตย์ที่ 2 ของเดือนพฤษภาคม
    ที่ ออสเตรเลีย ถือเป็นวันแม่ ครับ

    แล้วก็ขออภัยที่มาลงช้าไปหน่อย เพราะ จขกท. มันมัวแต่ดูซ้ำจนเพลิน ครับ ฮาาาา

    Spoil Warning!!!!

    V
    V
    V
    V
    V
    V

    Noblesse oblige. Please continue being a reader..

    V
    V
    V
    V
    V
    V


    ตอนที่ 5 : ถึงแม้ว่าตอนนี้จะไม่ใช่เวลามาคิดถึงเรื่องอย่างนั้น



    ----เปิดตอนมา จะเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง นอนเผยร่างเกือบเปลือยอยู่บนเตียง
    ในห้องสูทของโรงแรม มีโทรศัพท์ "Nobelesse" วางอยู่บนโต๊ะ


    ----ในห้อง มีผู้ชายอ้วนท้วน ถูกพันธนาการที่มือและเท้าตรึงไว้กับเก้าอี้
    ที่ร่างกายและพื้น ปรากฏมีรอยเลือดมากมาย

    (โปรดสังเกตุให้ดี กับสิ่งที่วางอยู่บนตักของชายคนนี้ ซึ่ง ผมคิดว่า มันคือ....
    ....เครื่องตอนน้องชาย...อ่ะ..ก็ประมาณว่า แบบที่ขันที โดนนั่นแหละ)



    #####

    เปิดตัว ตัวละครใหม่ -> สาวเซ็กซี่ผมฟ้า
    เธอคนนี้ชื่อว่า คุโรฮะ ไดอาน่า ชิราโทริ (ชื่อต้น คือ คุโรฮะ เพราะเธอมีชื่อกลางด้วย เลยเอาชื่อต้นขึ้นก่อนอ่ะ)
    เป็น Selecao หมายเลย 11 ฉากหน้าตอนกลางวันมีตำแหน่งเป็นประธานบริษัทนายแบบชั้นนำ
    แต่ในยามค่ำคืน เธอคือผู้ก่อคดีฆาตรกรรมต่อเนื่อง โดยใช้อำนาจของ
    "Nobelesse Oblige" ในการทำลายหลักฐาน

    #####


    ----คุโรฮะ หันไปดูชายผู้นั่น พอเห็นว่าตายแน่แล้ว จึงหยิบมือถือขึ้นมา
    สั่ง Juiz ให้ช่วยเก็บกวาดให้ แต่ไม่วายย้ำว่า ให้ช่วยทำอย่างมีระดับและงดงาม ด้วย

    (ใครสงสัยว่า มีระดับเป็นยังไง ลองไปอ่านคินดะอิจิ ศึกษาดูกับ จ้าวตุ๊กตานรก อิอิ)


    ----จากการสนทนากับ Juiz ทำให้สังเกตุได้ว่า เธอทำแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว



    >>>>>



    ----ตัดฉากไปที่ อากิระ จอดมอเตอร์ไซท์ยืนเหม่อลอยอยู่ข้างทาง
    บ่นเพ้อกับตัวเองในเรื่องที่ว่า นี่เราเข้ามาพัวพันกับเรื่องนี้ตั้งแต่ก่อนเสียความทรงจำแล้วหรอ?
    ถ้าคิดว่าจะต้องมาพลีชีพให้กับ Mr.Outside เพื่อเงินหมื่นล้านแล้วล่ะก็... ขอบายดีกว่า...
    ประมาณนั้น ว่าแล้วก็เครียดจนโมโหจนเกือบทำโทรศัพท์ตกพื้น


    ----ในขณะนั้นเอง มีชายคนหนึ่งเดินผ่านมา พอมองมาทาง อากิระ ก็จำได้
    เลยรีบวิ่งลู่เข้ามาหา พลางกล่าวว่า "ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของนายยยย..!!"
    "รู้ไม้ว่า สองเดือนที่ผ่านมาพวกเราลำบากกันแค่ใหน!!"
    "บอกว่าจะพาไปหาดสวรรค์... แต่ไหงกลับพาไปปล่อยที่กลางทะเลทรายฟร้าาาาา..!!"
    "พวกเราบ่จี้ แถมยังไม่เก็ทซักนิดว่าเกิดอะไรขึ้น"
    "ต้องมาโดนพวกนายจ้างคนอินเดียกดขี่ข่มเหง ดูถูก ว่าเป็นพวกไร้ประโยชน์...ฮือๆ.."
    "...ฮือๆ กว่าจะเอาชีวิตรอด... ผ่านความหิว และ ช่วงเวลาอันโหดร้าย...ซิกๆ"


    ----ชายคนนี้ดูเหมือนจะรู้จัก อากิระ แต่ อากิระ ก็ไม่สามารถจำเขาได้
    จึงทำให้ เขาแปลกใจมาก และสงสัยว่า อากิระสูญเสียความทรงจำ


    (น่าแปลกใจที่ ชายผู้นี้ สงสัยเรื่องความทรงจำของอากิระ เป็นอย่างแรกเลย
    ทั้งๆที่คนปรกติ จะต้องสงสัยว่า แกล้งทำ หรือเปล่า? ทำนองนั้น
    ซึ่งทำให้คิดได้ว่า อากิระ ได้เคยพูดเปรยเรื่องนี้ กับเขา มาก่อนแล้วว่า
    หลังจากนี้ จะทำอะไร จะไปลบความทรงจำ หรือ ทำโน่นนี่ เป็นต้น)


    ----พอดูเหมือนว่า อากิระ จำตนไม่ได้ แต่กระนั้น ชายหนุ่มก็ยื่นถึงใส่ซาลาเปาเนื้อให้
    พร้อมกับกล่าวว่า เขาจะแต่งงานในเดือนหน้า กับสาวที่เจอกันที่โน่น (คงหมายถึงที่ ดูไบ)
    ทำไม อากิระ ถึงส่งพวกตนไปที่ "ดูไบ" นั้นเขาไม่รู้ แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้
    เขาสามารถกลับคืนเข้ามาสู่สังคมได้อีกครั้ง....


    ----สรุปเนื้อหา จากที่ชายคนนี้พูด
    1. ชายผู้นี้ น่าจะเป็น 1 ใน Neets สองหมื่นคน เป็นแน่แท้
    ดูจากที่พูดว่า เป็นพวกไร้ประโยชน์, กลับคืนสู่สังคม ฯลฯ
    2.ถ้ารวมจากตอนที่แล้ว ที่ No.5 ฮิอุระ พูดเกี่ยวกับเรื่องที่ อากิระ ขนส่ง Container 500 ตู้
    ทำประติดประต่อ เรื่องได้ชัดเจนมากขึ้นว่า


    อากิระ เป็นคนช่วย Neets สองหมื่นคน ให้พ้นจากมิสไซส์
    โดยการนำมาขังไว้ ที่ห้างสรรพสินค้า ที่มีขนาดใหญ่พอจะจุคนสองหมื่น อีกทั้งอยู่ติดท่าเรือ
    ทำให้ง่ายต่อการขนย้ายคนทั้งหมด เข้าไปใน คอนเทนเนอร์ อีกทั้งยังได้เตรียมเสบียงสำหรับ
    คนสองหมื่น เป็นเวลาสองอาทิตย์ ให้ไปพร้อมกันด้วย  ก่อนจะส่งคนทั้งหมดไป ดูไบ
    (เรื่องนี้ยังไม่เคลียร์ เรื่องราวจึงยังอาจเปลี่ยนแปลงได้)



    >>>>>



    ----ตัดฉากไปที่ ซากิ กำลังช่วยพี่เขย จัดเตรียมร้านอยู่


    ----เรียวซึเกะ กล่าวขอโทษที่ วันนี้เป็นวันนัดสัมภาษณ์ของซากิ แต่ก็ยังต้องให้เธอมาช่วยจัดร้าน
    เขาเองก็ทึ่มๆเกี่ยวกับเรื่องพรรณนี้ซะด้วย แต่ ซากิ ก็บอกว่า ไม่เป็นไรหรอก ก็ทำเหมือนเคยนั่นแหละ
    เรียวซึเกะ จึงแนะนำขนมปังชนิดใหม่ ที่ได้แรงบันดาลใจจากรูปหน้า ซากิจัง (อยากลองชิมดูมั่งง่า)
    ก่อนจะกล่าวแนะนำว่า จริงอยู่ว่า ที่สัมภาษณ์งานนั้นคงจะเข้มงวด แต่ก็อยากจะให้ เธอเข้มแข็งเข้าไว้
    แต่ก็ไม่ต้องฝืนตัวเองจนเกินไปนัก ไม่ไหวก็คือไม่ไหว
    แล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องอื่น จนกว่าที่ ซากิ จะตัดสินใจได้ว่า จะทำอะไรต่อไปในอนาคต
    พวกเราจะดูแลเธอเอง


    ซากิ หันหน้าหนี ก่อนจะกล่าวว่า "แต่ชั้นไม่อยากจะรบกวนคุณมากไปกว่านี้ นี่คะ"
    แต่ เรียวซึเกะ ก็บอกว่า ไม่เป็นการรบกวนหรอก ก็เราน่ะเป็นครอบครัวเดียวกันนี่นา


    "ถึงแม้ว่าตอนนี้คุณจะพูดอย่างนี้ก็เถอะ.. แต่ความอ่อนโยนของคุณนั้น ทำให้ชั้นเจ็บปวดยิ่งนัก"
    ซากิจัง พูดกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะหยิบเอาปากกา ขึ้นมาเขียนอะไรบางอย่างลงไปบนป้ายบอกราคา
    ของขนมปังรูปหน้าตัวเอง ก่อนจะออกจากร้าน มุ่งหน้าไปยังที่สัมภาษณ์


    ----ระหว่างทางนั้น เธอได้พบกับ โอซุกิ บนรถไฟ ซึ่งตอนแรก ซากิ ว่า เธอแทบไม่สังเกตุเลย
    เพราะ เขาแต่งตัวซะไม่เหมือน โอซุกิคุง คนเดิม ซึ่งตอนแรกๆนั้น ทั้งคู่คุยกันเกี่ยวกับเรื่องการหางาน
    ก่อนที่ โอซุจิ ยกเรื่อง ฮิราซาว่า ขึ้นมาพูด (แก้ข้อมูลนิดนะครับ ฮิราซาว่า เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันกับคนทั้งคู่ ไม่ใช่รุ่นพี่)
    เขากล่าวว่า เธอรู้ไม้ว่า "ฮิราซาว่า" วางแผนที่จะเรียนต่อ เป็น "Super senior" (คำอธิบายดูด้านล่าง) ล่ะ
    ดูเหมือนว่า ฮิราซาว่า จะตกลงใจเรื่องนี้ในระหว่างที่พวกเราไปเที่ยว นิวยอร์ค กันน่ะนะ


    #####

    คำอธิบาย : Super Sinior (ประมาณว่า นักศึกษารุ่นเดอะ ล่ะมั้ง)
    เป็นคำที่ใช้เรียก นักศึกษาปริญญาที่เรียนต่อนานกว่าระยะเวลาปรกติ
    ยกตัวอย่างเช่น ปญ.ตรี เรียน 4 ปีจบ แต่ super sinior จะเรียนไปถึง ปี5 หรือ ปี6

    ในบางราย ก็มีเหมือนกันที่พยายามจะเรียนไปเรื่อยๆย  เพื่อให้ตัวเองได้อยู่ในรั้วมหาลัยให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

    แต่เด็กซิ่ว นี่ไม่นับเป็น super sinior นะครับ เพราะว่ามันเป็นการเรียนซ้ำชั้น ซ้ำวิชาเดิม
    ถึงแม้จะอยู่ในมหาลัยมา 5 ปี แต่ถ้ายังต้องเรียนซ่อมวิชาหลักของปี 1 ก็ถือว่า เป็นนักศึกษาปี 1
    ไม่ใช่นักศึกษาปี 5

    ซุปเปอร์ซีเนียร์ จึงหมายเอาคนที่เรียนจบวิชาปี 4 แล้ว แต่ก็ยังอยากเรียนต่อ จึงลงเรียนวิชาอื่นต่อไป
    สาเหตุส่วนใหญ่ก็เป็นเพราะว่า มีความสนใจในด้านใด ด้านหนึ่ง อยากเรียนเพิ่มเติม

    ซึ่งปรกติแล้ว จะไม่ค่อยมีคนทำกันอย่างนี้หรอก นอกจากบ้านรวย อย่างที่ว่าในเรื่อง
    เพราะ การเรียนนานกว่าปรกติ ย่อมต้องเสียค่าใช้จ่ายมากขึ้น แถมอายุที่มากขึ้น
    โอกาสหางานก็น้อยลงไปตามลำดับ

    #####


    ซากิ ก็ตอบว่า เธอก็คาดไว้แล้วล่ะ เพราะ ฮิราซาว่า ไม่มาเที่ยวฉลองจบการศึกษาด้วยกัน
    (เรื่องนี้ยืนยันได้จาก รูปถ่าย ตอนต้น ep1 จะเห็นว่า ไม่มีรูป ฮิราซาว่า เลย)


    โอซุกิ กล่าวว่า เขาเข้าใจดี เรื่องที่ ฮิราซาว่าทำไปแบบนั้น... ฮิราซาว่า น่ะ
    เข้าร่วม "ชมรม"(คำอธิบายอยู่ด้านล่างสุด หลังจบตอน) ก็เพราะตั้งใจว่าซักวันหนึ่งจะมีกิจการเป็นของตัวเอง น่ะนะ
    แต่มันก็ไม่ใช่ของที่จะทำกันได้ทั่วไป นอกเสียจากว่า บ้านรวย...
    แถมเจ้านั่นยังบอกอีกว่า มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร สำหรับเด็กสมัยนี้ ใครๆก็เป็น Neet กัน (จริงเรอะ!! O_o'')
    อีแบบนี้ มันเหมือนกับว่าเข้าตัวเองชัดๆเลย เนอะ?
    แต่สำหรับตัวเขาเอง เขาคิดว่าอยากจะหางานทำ มีชีวิตที่ดีๆ ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของสังคมอย่างสมบูรณ์
    ยิ่งไปกว่านั้น ซากิจัง เธอรู้ไม้ว่า ฮิราซาว่า น่ะ จบปุ๊บก็มีงานมาจ่อให้เลือกถึง 6 ที่ แต่เขากลับไม่สนใจเลย...


    เธออาจจะไม่เคยสังเกตนะ แต่ว่า คนแบบนี้น่ะ บางที พออายุย่างเข้า 30 - 40 แล้ว
    ถึงมาบ่นว่า สังคมกีดกันๆ สังคมไม่ยอมรับๆ
    ฉันน่ะ ไม่อยากให้ ฮิราซาว่า ต้องกลายเป็นแบบนั้นเลย... เธอว่าไม้ ?


    โอซุกิ ถามกลับไปยัง ซากิ โดยหารู้ไม้ว่า มันแทงใจดำกันเต็มๆ...


    เพราะ ซากิ นั้น ไม่อยากที่จะต้องพึ่งพี่เขยอีกต่อไป เพราะยิ่งอยู่ด้วยกันนานเข้า
    ก็ยิ่งเจ็บปวด และยากที่จะตัดใจได้ แต่เธอก็ยังค้นไม่พบว่า จริงๆแล้ว ตัวเองต้องการอะไร
    นัดสัมภาษณ์งานอันนี้ ก็เป็นเรื่องที่คนอื่นฝากให้(ดูไปเรื่อยๆจะมีบอกตอนท้าย)
    ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองต้องการทำจริงๆ พอได้ยิน โอซุกิ ว่างั้น เธอก็เลยยิ่งหดหู่


    แต่กระนั้น ก็ตอบไปว่า "อือ..ชั้นคิดว่าเธอพูดถูกแล้วล่ะ" แล้วมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างไร้จุดหมาย

    (น่าสงสาร โอซุกิ อยู่เหมือนกัน จะว่าซวยหรือโชคร้าย หรือดวงไม่ดี ดีหว่า มันก็บทพูดธรรมดาๆ
    สำหรับคนที่กำลังหางานทำแท้ๆ แต่ดันไปแทงใจสาวเจ้าเข้าซะได้  ซวยแต้ๆ ซวยแต้ๆ)


    ---- โอซุกิ กล่าวชวน ซากิ ไปทานมื้อเย็นด้วยกัน หลังจากเสร็จการสัมภาษณ์ เขาบอกว่า
    ไหนๆ เราทั้งคู่ก็แต่งตัวใส่สูทกันออกมาแล้ว ก็ไปหาร้านหรูๆทานกันเถอะ
    เขาเอง บ่าย 2 ก็คงเสร็จแล้ว แล้วจะรีบมารับทันทีนะ
    พอ ซากิจัง ก็ตอบรับเบาๆแบบเสียมิได้ โอซุกิ ก็แสดงท่าทางดีใจแบบออกนอกหน้าทันที
    (....ไม่ได้รู้ตัวเล้ย....เหอๆ หวังดีประสงค์ร้าย)

    แก้ไขเมื่อ 10 พ.ค. 52 20:14:20

     
     

    จากคุณ : นิรมิต - [ 10 พ.ค. 52 19:26:12 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com