|
|
|
|
|
|
|
|
| ไม่ชอบมาก เสียดายตังค์ (4 คน) |
|
|
|
| |
| | | ชอบมาก ห้ามพลาด (14 คน) |
| | | ชอบ (36 คน) |
| | | เฉยๆ (14 คน) |
| | | ไม่ชอบ (5 คน) |
| | | ไม่ชอบมาก เสียดายตังค์ (4 คน) |
| |
จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 73 คน |
เลือกอ่านบทความนี้พร้อมรูป , อ่านความเห็นอื่นที่น่าสนใจ และ ชวนมาพูดคุยต่อที่ http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=aorta&month=01-06-2009&group=14&gblog=163
... ถ้าความปรารถนาของคุณคือ ตั้งใจจะไปดู หนังคนเหล็ก เพื่อเอามันส์ล้วนๆ เลี่ยงอ่านกระทู้นี้ไปตีตั๋วดูได้เลย จะได้ไม่ต้องรู้สึกว่า จะเอาอะไรกันนักกันหนากับหนังคนเหล็ก ? 
เพราะผมรับประกันว่า ฉากแอคชั่นในหนังออกแบบมาระเบิดเถิดเทิงดีมาก น็อตตะปู หลุดกระชากกระจุยกระจายสะใจ ฉากขับรถไล่ล่าก็ปรู๊ดปร๊าด และยิ่งได้เทคโนโลยีสมัยใหม่เนรมิต CG กับ งานโปรดั่กชั่นแบบเกรดเอ ภาพในหนังยิ่งดูยิ่งใหญ่อลังสมจริง
แต่สำหรับผม คาดหวังกับ หนังตระกูล Terminator ไว้มากกว่านั้น
คือถ้า Terminator เป็นหนังสไตล์หุ่นยนต์ที่ขนความสนุกแบบเอามันส์ เน้นความโลดโผนออกการ์ตูนๆ ไปดูเพื่อความสนุกล้วนๆอย่าง Transformer ผมคงจะไม่ให้ความสำคัญกับ ความสมจริง มากมายนัก และพร้อมจะ มองข้ามเหตุผลที่ไม่จำเป็น
แต่
1. Terminator ไม่ใช่หนังแอคชั่นเพียวๆ หากแต่เป็น หนังแอคชั่นไซไฟ ซึ่ง เนื้อเรื่องกับความคิดสร้างสรรค์ ย่อมมีบทบาทสำคัญสำหรับหนังแนวนี้ และ การสร้างความสมจริงยิ่งสำคัญไม่แพ้กันสำหรับหนังที่พูดถึงโลกอนาคตที่ยังมาไม่ถึง
และ
2. ที่ผ่านๆมา ความสำเร็จของหนังตระกูลคนเหล็ก ไม่ได้มาจาก ความมันส์ เพียงอย่างเดียว แต่การที่หนังสองภาคแรกได้เป็นตำนาน นอกจากงานด้านเทคนิกที่โดดเด่นในยุคนั้น อีกส่วนหนึ่ง เพราะ คุณภาพของหนังแทบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นบท หรือ การกำกับ อยู่ในเกณฑ์ยอดเยี่ยม เป็นหนังไซไฟแอคชั่นที่เปิดแนวคิดย้อนเวลาไล่ล่าน่าสนใจ หยิบกลับมาดูซ้ำๆก็หารูโหว่ได้ยาก
ฝีมือการกำกับของ เจมส์ คาเมรอน ไม่ใช่ทำให้เราแค่สนุก แต่ยังทำให้เราเชื่อไปกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น มีความผูกพันไปกับตัวละคร
... ก่อนจะไปดูภาคนี้ ผมพยายามที่จะไม่คิดเปรียบเทียบกับสองภาคแรก เพราะเป็นการใจร้ายเกินไปที่จะให้ตัวเปรียบเทียบเป็น หนังที่ขึ้นหิ้งแบบนั้น รวมทั้ง รู้อยู่แล้วว่า ถึง Terminator Salvation จะมีเนื้อเรื่องต่อเนื่องจาก สามภาคก่อน และใช้ชื่อย่อๆว่า T4 แต่ผู้สร้างแสดงออกชัดเจนถึงเจตนาของการรีบู๊ตแฟรนไชส์นี้ใหม่ ให้ต่างไปจากเดิม
สามภาคเก่า ดูเป็นหนังไซไฟแอคชั่นแพ็คเกจเดียวกัน เพราะดำเนินเหตุการณ์ในโลกยุคปัจจุบัน โดยมี ตัวละครจากอนาคตแบกความไฮเทคมาต่อสู้ กับ สองแม่ลูกที่ต้องหาทางเอาตัวรอดด้วยสมองและสองขา โดยมีตัวช่วยจากอนาคตที่ล้าหลังกว่าตามมาเป็นผู้ช่วย
แต่ ภาคล่าสุด ดูเป็นหนังชุดใหม่ ที่อาศัยแค่ตัวละครกับโครงเรื่องเดิมมาสานต่อ แต่เปลี่ยนภาพรวมของหนังให้กลายเป็นหนังไซไฟอนาคตที่ให้อารมณ์หนังสงครามผสมแอคชั่น ในยุคหลังวันสิ้นโลก(Post apocalypse) บรรยากาศเดียวกับหนังประมาณ Mad max หรือ สมรภูมิรบระหว่างคนกับหุ่นใน The Matrix
... ด้วยเหตุนี้ ผมเองออกจะมีคะแนนเห็นใจในความกล้า เพราะ ถือว่าการสร้างหนังคนเหล็ก4 เป็นโจทย์ที่ยากและไม่น่าเสี่ยง สำหรับการสร้างภาคต่อของหนังระดับ ตำนาน หากผู้สร้างไม่ได้มีทรัพยากรที่มั่นใจจริงๆว่าจะทำให้แฟนๆยอมรับ เหมือน Star wars ที่ใช้ผู้สร้างคนเดิม หรือแบบ The Matrix หรือ LOTR ที่วางพล็อตล่วงหน้าสำหรับทำเป็นไตรภาค
ดูอย่าง The Godfather ที่สร้างความเป็นตำนานไว้ที่สองภาคแรก แถมภาคสองยังดีกว่าภาคหนึ่ง การเลือกที่จะสร้างภาคสาม คือ การขุดหลุมฝังตัวเองจมกับความสำเร็จเก่าๆของ ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปล่า
ทั้งๆที่ผมคิดว่า ตัวหนังภาค 3 ไม่ถึงกับเลวร้าย อยู่ในระดับดีพอใช้ ดีกว่าหนังมาเฟียหลายเรื่องเสียด้วยซ้ำ แต่เมื่อมีสองภาคแรก มันเป็นเรื่องยากที่ผู้คนจะไม่เผลอไปเปรียบเทียบ นั่นทำให้ ภาคสามเลยต้องเสียผู้เสียคนเรียบร้อยโรงเรียนเจ้าพ่อคอลีโอเน่
Terminator เองก็คล้ายๆกัน คือ ภาคแรกว่าดีแล้ว ภาคสองยิ่งดีกว่า และใครๆก็เก็บขึ้นหิ้งเป็นหนังแอคชั่นในดวงใจ แต่ ก็ยังมีคนอดใจไม่ไหวอุตส่าห์เข็นภาคสามตามมาหวังโกยความสำเร็จต่อเนื่อง
ผลที่ออกมาจะว่าไปก็ไม่ได้ย่ำแย่มากมาย มีพล็อตเรื่องที่พอไปได้ ฉากแอคชั่นก็เข้าที มีตอนจบที่ผมคิดว่าเข้าท่า แต่ด้วยเงาของสองภาคแรกทาบทับเสียจนทำให้ ภาคนี้ปวกเปียกในสายตาหลายๆคน
... การจบที่ภาค 3 ก็น่าจะเพียงพอ เพราะหนังบางเรื่องเหมาะทิ้งไว้เป็นแค่ตำนานเท่านั้น แต่เหมือนผู้สร้างยังไม่เข็ดและหวังจะโกยรายได้ต่อจากแฟรนไชส์คนเหล็ก จึงตัดสินใจทำภาคต่อแถมยังคิดจะทำเป็น ไตรภาคต่อเสียด้วยซ้ำ หากภาค 4 นี้ประสบความสำเร็จ (คล้ายๆกับ Star wars ต่างเพียงแค่ไม่ใช่ Prequel แต่เป็น Sequel)
แค่มีไอเดียจะสร้างคนเหล็ก 4 น่าห่วงแล้ว แต่ การเลือก McG มากำกับ ไม่ได้ทำให้แฟนๆมั่นใจมากขึ้นมาเลย กลับทำให้น่าเป็นห่วงมากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ
McG ถูกปรามาสล่วงหน้าตั้งแต่ไก่โห่ เพราะผลงานดังๆของเขามีแค่หนังแอคชั่นที่หวือหวาเหมือนการ์ตูน แถมยังมีความเป็นหญิงสูงอย่าง Charlies angle ซึ่งดูห่างไกลจากหนังที่เน้นความหนักแน่นแมนๆแบบคนเหล็ก ถึงตัวเขาเองก็เคยมีหนังนักกีฬาแมนๆทรงพลังอย่าง We Are Marshall แต่ตัวหนังดันเจ๊ง เลยทำให้คนไม่ค่อยรู้จัก
จากที่พลาดโอกาสทำ Superman การได้สานต่อคนเหล็กใน Terminator Salvation พิสูจน์ให้เห็นว่า McG เหมาะสมกับการทำหนังฟอร์มยักษ์แบบมีสีสัน แต่ ยังไม่เหมาะสำหรับหนังฟอร์มยักษ์ที่เน้นจริงจังอย่าง Terminator
... ผมยอมรับว่า ฉากแอคชั่นในหนังภาคนี้ มันส์มาก ดูเพลิน แต่ ความสนุกที่ดูมันให้อารมณ์ มันส์แบบวู้ๆว้าวๆ
ไม่ใช่ มันส์แบบกดดันลุ้นระทึกชนิดแทบหยุดหายใจลุ้นเหมือนตระกูลคนเหล็กที่ผ่านมา ซึ่งถ้าจะดูหนังหุ่นยนต์มันส์วู้ๆ แบบนี้ Transformer ก็ตอบโจทย์ได้แถมอาจดีกว่าเสียด้วยซ้ำ
อีกทั้ง ธีมหนังที่ว่าด้วยสงครามวันสิ้นโลกอันหมองหม่นแบบนี้ ความมันส์แบบวู้ๆว้าวๆ เพราะอิทธิฤทธิ์ของ CG และความหวือหวาฉับไว ดูจะไม่ช่วยส่งเสริมให้หนังมีความหนักแน่นเท่ากับ อารมณ์มันส์แบบบกดดันลุ้นระทึกที่ต้องอาศัยจังหวะการกำกับแบบคุมอารมณ์คนดู ที่ภาคนี้แทบจะไม่มีฉากโชว์ฝีมือผู้กำกับลักษณะนี้เลย แต่ อาศัยงานด้านเทคนิคมาชดเชยแทน
... McG ถนัดที่จะโชว์จุดขายหรือสร้างเสียงซู้ดปากคนดู จากความหวือหวามากกว่าที่จะพัฒนาหนังให้มีความลึก หรือ เทคนิกด้านการกำกับ ดั่งจะเห็นได้ว่า คนส่วนใหญ่ที่ได้ชมหนังเรื่องนี้ ล้วนแต่ยกนิ้วให้กับงานด้านเทคนิคที่เนรมิตหุ่นยนต์มาโชว์ฉากแอคชั่นเฟี้ยวฟ้าว หรือ บรรยากาศมืดหม่นของโลกอนาคตก็ดูน่าทึ่ง
และ หากอ่านพล็อตหนังของ T4 เพียงคร่าวๆ น่าจะออกมาเจ๋งไม่น้อย โดยเฉพาะการสร้างตัวละครใหม่อย่าง มาคัส ไรท์ ที่เป็นตัวละครลูกผสมความจำเสื่อม ออกมาตามหาต้นกำเนิดของตัวเองเหมือนตัวละครที่ผสมผสานระหว่าง พระเอกในหนังไซไฟ Total recall และ พระเอกความจำเสื่อมในซีรี่ย์ Bourne กับภารกิจตามหาว่า ฉันเป็นใครเมื่อในอดีต และลดบทบาทของ จอห์น คอนเนอร์ ลงเหลือแค่ภารกิจ กู้โลก กับ ตามหาพ่อ
บวกแผนการอันสลับซับซ้อนของ สกายเน็ต ที่จ้องจะเปลี่ยนอนาคตโดยจัดการกับ จอห์น คอนเนอร์ หลังจากล้มเหลวมาครั้งแล้วครั้งเล่า
แต่เอาเข้าจริงแล้ว หนังทั้งเรื่องกลับมีอยู่แค่นั้น บทหนังขาดพัฒนาการทั้งในด้านเรื่องราวและตัวละคร เหมือนเป็นหนังที่โชว์ปฏิบัติการเฉพาะกิจของตัวบุคคลเสียมากกว่า ครั้นจะใส่มุมมองหรือประเด็นเด็ดๆก็รวบรัดเอาไว้ตอนท้าย จนดูแล้วรู้สึกเหมือนพยายามยัดเยียดมากกว่าจะทำให้คนดูได้คล้อยตาม
... ตัวอย่างของบทหนังที่ย้อนรอยเดิมแต่กลับไม่ทำให้รู้สึกเชื่อ เช่น มุมมองที่หนังสานต่อจากภาคก่อนๆ คือ
ความเป็นมนุษย์ ที่แตกต่างจากเครื่องจักร
ใน T2 , T3 มีหุ่นยนต์ที่เรียนรู้ความรู้สึกจากมนุษย์ > ดูแล้วเชื่อ เพราะบทหนังทำให้เห็นพัฒนาการว่า เกิดอะไรขึ้น หุ่นท่านผู้ว่าอาร์โนลด์ถึงอ่อนไหว
แต่ภาคนี้
การให้ ความเป็นคน เอาชนะ ความเป็นเครื่องจักร --> ดูแล้วไม่ค่อยเชื่อ หนังพยายามยัดเยียดสถานการณ์กับคำพูดที่ให้รู้สึกถึง ความเป็นมนุษย์ ที่ยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะการตัดสินใจของ มาคัส ไรท์ ตอนท้ายๆ
แต่ผมดูแล้วกลับไม่รู้สึกฮึกเหิมหรือคล้อยตาม แถมยังรู้สึกขัดๆเสียอีกว่า ถ้าการตัดสินใจเป็นไปอีกแบบ ยังจะดูน่าเชื่อถือเสียกว่า เพราะหนังไม่ปูให้เห็นเลยว่า เขาได้ ความคิดที่อยากจะเป็นคนมากกว่า มาจากไหน ในเมื่อสมองส่วนเครื่องจักรนั้นถูกกำหนดค่าไว้อยู่แล้ว ยกเว้นว่า ถ้าหนังจะปูแบ็คกราวน์ในอดีต พอให้เห็นบ้างก็น่าจะดี
... และเหตุผลที่ทำให้ผมคิดว่า McG ยังไม่เหมาะกับการทำหนังแนวนี้ คือ เมื่อใดที่หนังหมดจากช่วงฉากโชว์แอคชั่น กลับไปสู่ดราม่าหรือมีตัวละครมาสนทนาพาที Terminator Salvation เป็นหนังที่ทำให้ผมร้อง ฮื้อ ในใจหลายรอบ กับ ความตุแหม่งๆ หรือ ความจงใจใส่การกระทำแบบสูตรสำเร็จที่ผุดแทรกขึ้นมาเป็นพักๆ
ทำให้ยิ่งรู้สึกถึงความไม่สมจริง ไม่เชื่อโลกอนาคตที่เกิดขึ้นในหนัง เหมือนที่เคยเกิดกับหนังอย่าง The Matrix และ ผิดกับภาคก่อนๆที่เชื่อและเพลินไปกับหนังจนจบ
ตัวอย่างของ ความฮื้อ
เช่น
เปิดเรื่องน่าสนใจ แต่เมื่อขอแลกลายเซ็นด้วยจูบ มันดูตุแหม่งๆ โผล่มาในจังหวะที่มันไม่ใช่อะกิ๊บ ... ฮื้อ
บรรยากาศหลังโลกถูกทำลายน่าหวาดหวั่น แต่ พอนางเอกโผล่มาหน้าสวยเด้งแบบเมคอัพมีปากแดงๆ ... ฮื้อ
โผล่มาไม่รู้วันเวลาสถานที่ ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านเวลามาหลายปี ผ่านการกระแทกกระทั้นกันขนาดนั้นไม่แปลกใจตัวเองบ้างเลยว่าเป็นอะไร แต่ทำท่าช็อคสุดขีดตอนเห็นร่างกาย ... ฮื้อ
ไดอะล้อคเลี่ยนๆ ประมาณ หุ่นไม่ฝังศพแต่คนไม่เหมือนหุ่นนะเฟ้ย ... ฮื้อ
สาวนักรบสุดเท่ที่ดูว่าน่าจะมีประสบการณ์ผ่านกรำศึกสงครามมานาน โผล่มาแค่ฉากเดียว มาเพื่อจับมาคัสแล้วปล่อยไป เชื่อใจกันง่ายๆหลังผ่านเหตุการณ์แค่นั้น ... ฮื้อ
สกายเน็ตวางแผนล่วงหน้าซะดิบดี แต่สุดท้ายแผนต้องมาพังเพราะความเท่ที่หนังจงใจ ... ฮื้อ
ฯลฯ
(มีต่อ)
แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 52 12:03:51
แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 52 11:22:07
จากคุณ :
"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
- [
2 มิ.ย. 52 11:15:39
]