Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    ฟัง ทรนง เปิดใจถึงมรสุมชีวิตที่เป็นเหตุให้ลาโลก

    “ทรนง” เปิดใจเหตุอยากจะฆ่าตัวตาย เผยไม่ใช่ครั้งแรกที่คิดสั้น ก่อนหน้านี้ก็เคยสติแตกตัดนิ้วตัวเองมาแล้ว ด้านหมอไม่อยากรับรักษา แนะให้ส่งไปโรงพยาบาลบ้า สุดเครียดคนไม่ให้การตอบรับหนังทั้งที่ทุ่มทุนไป 160 ล้านเพื่อเตือนภัย ไหนจะเรื่องจัดกิจกรรมคนอึดให้คนอดข้าวอดน้ำชิงเงิน 5 แสน หวั่นผู้เข้าแข่งขันตาย
         
          มีปัญหาตั้งแต่เริ่มทำเรื่อยมาจนถึงช่วงโปรโมตเลยทีเดียว สำหรับภาพยนตร์ “2022 สึนามิวันโลกสังหาร” ของผู้กำกับ “ทรนง ศรีเชื้อ” ก่อนหน้านี้ก็นำรูปศพผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์สึนามิเมื่อปี พ.ศ.2547 มาทำเป็นป้ายโฆษณาจนโดนวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่ว
         
          จากนั้นหนังก็เกาะกระแสความขัดแย้งทางด้านการเมืองที่เกิดขึ้น ด้วยการนำภาพด้านหลังของชายคนหนึ่ง (ที่ผู้กำกับรุ่นใหญ่บอกว่าคือ นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) พร้อมด้วยข้อความ “หรือจะรอให้ภัยพิบัติมาล้างสองสีออกจากแผ่นดิน 2022 สึนามิ ลูกหลานจะมีชีวิตอยู่อย่างไร” มาติดแทน
         
          และเมื่อไม่กี่วันก่อนหนังจะเข้าฉายก็มีมือดีลอบเข้าไปวางเพลิงโรงถ่ายที่ อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ทำเอาหลายๆ คนสงสัยว่า เป็นการโปรโมตหนังหรือไม่ ซึ่งทรนงก็ได้ออกมาแก้ข่าวแล้วว่าน่าจะเกิดจากความไม่พอใจของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ตนทำหนังเชิดชูนายกรัฐมนตรี
         
          ล่าสุดหลังหนังเข้าฉายได้ไม่กี่วันก็มีกระแสข่าวมาว่าทรนงเครียดรายได้สึนามิไม่เข้าเป้า ถึงขั้นตัดสินใจจะใช้ปืนยิงตัวตายลาโลก แต่โชคดีเลขาเข้ามาห้ามปรามไว้ได้สำเร็จ และขณะนี้อยู่ในการควบคุมของแพทย์ที่โรงพยาบาลรามคำแหง กลายเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ทำให้หลายๆ คนข้องใจว่า “เรื่องจริง” หรือ “แค่โปรโมตหนัง”
         
          หลังจากทราบเหตุการณ์ดังกล่าว ASTV ผู้จัดการออนไลน์ ได้เดินทางไปสัมภาษณ์ทรนง ศรีเชื้อ ถึงขอบเตียง “จริง” หรือ “แหกตา” ตัดสินกันเอาเอง
         
          “มันเครียดจริงๆ นะ แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ในชีวิตผมเจอปัญหาหนักๆ มาเยอะ แล้วก็เข้าโรงพยาบาลในสภาพนี้น่าจะอยู่ประมาณ 7 - 8 ครั้ง ครั้งที่รุนแรงที่สุดก็คงเป็นครั้งที่ตัดนิ้วเข้าโรงพยาบาลเมื่อ 20 กว่าปีมาแล้ว และครั้งที่สองที่เข้ามาในสภาพที่มาหาจิตแพทย์ก็เป็นช่วงเวิล์ดเทรดเซ็นเตอร์ถล่ม ญาติพี่น้องผมก็ไม่มีใครอยู่ในอเมริกาหรอกช่วงนั้น แต่ผมเครียดจนผมอยู่ไม่ได้ ผมต้องมาอยู่ที่นี่ คือผมมีความรู้สึกวิตกกังวล นั่นคือตัวตนของผมจริงๆ ที่วิตกกังวลไปทั้งโลก”
         
          “แต่ที่ผมเครียดตรงนี้ เครียดจนรับอะไรไม่ได้ มันก็มีหลายเหตุผล เหตุผลแรกก็คือว่าช่วง 4 ปีที่ผ่านมาปฏิเสธไม่ได้นะ 4 ปีที่ผ่านมาผมเหนื่อยกับการทำงาน เหนื่อยแบบไม่มีวันหยุด ชีวิตผมไม่เคยมีเสาร์-อาทิตย์ ผมนอนนี่หมายความว่าผมหมดสภาพผมถึงนอน ตื่นขึ้นมาหัวสมองผมก็ทำงาน มันเป็นอย่างนี้มา 4 ปีเต็มๆ เป็น 4 ปีที่เข้มที่สุด ก็ช่วงอายุ 53 ถึงวันนี้ 58 ปี”
         
          “ถามว่าผมทำอะไรบ้าง 4 ปีนี่ผมสร้างโรงถ่ายภาพยนตร์ ซึ่งเป็นภาระที่หนักอึ้ง ตั้งแต่การเอาที่ดินวิ่งหาเม็ดเงิน เพื่อจะเอาเงินเป็นพันล้านมาทำงาน สองระหว่างที่สร้างโรงถ่ายเป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่แล้ว ผมยังต้องสร้างหนังสึนามิ ซึ่งเป็นหนังที่ผมมีความตั้งใจอย่างสูง เมื่อผมสร้างสึนามิผมก็ค่อยทำค่อยไป ตอนแรกกะจะเอาภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉายภายใน 2 ปี คนก็ตำหนิกัน หาว่าผมโหนกระแสสึนามิ ก็ไม่เป็นไรผมก็เลยชะลอ เพราะเราไม่มีเจตนาที่จะไปโหนกระแส”
         
          “ทีนี้เราก็สร้างสึนามิมา 3 ปี 6 เดือนจนเสร็จ โดยผมทำงานใหญ่อยู่สองอย่าง ก็คือทำเรื่องโรงถ่ายกับเรื่องสึนามิโดยที่ไม่ได้หยุดเลย แล้วก็มีการเดินทางไปทั่วโลก เพื่อไปแนะนำหนังขายถึง 4 รอบไปด้วยตัวเองถึง 4 ครั้ง แล้วทีนี้เมื่อหนังมันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ด้วยเม็ดเงินซึ่งอย่างที่ทราบดีประมาณ 160 ล้านบาท มีคนถามว่า 160 ล้านบาทมันแพงขนาดนั้นมั้ย ผมคิดแค่ตัวเลขไม่เกี่ยวกับโปรดักชั่นนะ คุณไปกู้ดอกเบี้ยขั้นต่ำร้อยละ 2 ต่อเดือนแล้วกัน ร้อยละ 2 ต่อเดือน ปีหนึ่ง 12 เดือนก็ร้อยละ 24 3 ปีก็ร้อยละ 72 คุณกู้เงินมา 100 ล้านคุณต้องจ่ายดอกเบี้ยเขาร้อยละ 12 ล้านอย่างต่ำ นี่เป็นตัวเลขจริงๆ ที่ไม่เกี่ยวกับสร้างหนัง แล้วเป็นตัวเลขจริงๆ ที่ชดใช้”
         
          “แต่ว่าเม็ดเงินทั้งหมดที่ผมเอามามันมีดอกเบี้ยร้อยละ 6 หรือร้อยละ 10 หรือร้อยละ 5 ล่ะฉะนั้นถัวเฉลี่ยแล้วหนังเรื่องนี้ตัวเลขจริงๆ เกิน 160 ล้านไม่ต้องไปพูดถึง อันนั้นก็เป็นแรงกดดันอันหนึ่งในการทำงาน ทีนี้เมื่อผมสร้างสึนามิเสร็จ ผมตั้งใจเอาเข้าฉายครบรอบ 4 ปีสึนามิ แต่มันก็เกิดมีปัญหาทางการเมือง ตอนแรกคือจะเข้าฉายภายใน 2 ปีคือมันมีปัญหาหาว่าโหนกระแสสึนามิ ก็เลื่อนมาเข้า 4 ปี ก็มีเรื่องปิดสนามบิน ปิดอนุสาวรีย์ชัย มีปัญหาเรื่องเหลืองแดง ก็ร่นจะมาเข้าที่ 30 เมษา พอเข้า 30 เมษาก็มามีปัญหาเรื่องวันสงกรานต์ ผมก็เลื่อน”
         
          “การเลื่อนแต่ละครั้งทำให้ผมสูญเสียงบโฆษณาอีกประมาณ 4 - 5 ล้านบาทที่ลงไปแล้ว อย่างเช่นเราจองโฆษณาเดลินิวส์จ่ายตังค์ไปแล้ว เขาลงให้แล้ว เราก็ต้องระงับ แต่เราต้องจ่าย เสียหาย เราขึ้นบิลบอร์ททั่วประเทศไปหลายจุด ใช้เงินเป็นล้าน เราพิมพ์แผ่นพับเป็นแสนๆ แผ่นแจกไว้เรียบร้อยแล้ว วันที่ 30 เราต้องเลื่อนมา 28 ทั้งหมดเป็นเรื่องเสียหายที่ยกตัวอย่างให้เห็นชัด”
         
          “เราลงในเอนเตอร์เทนเม้นท์ในนิตยสาร เราลงในสตาร์พิคว่าหนังเราเข้าวันนี้ ผลสุดท้ายโฆษณาทั้งหมดมันทิ้งน้ำ การที่เลื่อนหนังมันก็เครียด เมื่อเราเลื่อนหนังเสร็จเราก็ไม่สามารถเลื่อนไปได้มาก เราก็เลื่อนมาเจอ Terminator เราก็ไม่ว่าอะไร เพราะมันเป็นกรรมมันเป็นเวรที่ต้องเผชิญหน้า เพราะทุกคนก็เตือน ทีนี้ภาพยนตร์ที่เราลงทุนไป 160 ล้านดูมันมากมายมหาศาล แต่จริงๆ แล้วถ้าเราเอาไปเทียบกับ Terminator ของเขาลงทุน 3,000 ล้าน ซึ่งเราอยู่ที่ 2.5% ของงบสร้างของเขา เมื่อเข้าฉายบริษัทสร้างหนังฝรั่งเขาก็ต้องอัดโฆษณา อัดโรง ซื้อมากกว่าเราหลายเท่ามาก”

    จากคุณ : The Fisher - [ 2 มิ.ย. 52 23:07:49 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com