เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับเพื่อนสนิทของดิฉัน เพื่อนดิฉันอนุญาตให้นำมาโพสเพื่อเป็นอุทธาหรณ์ เพื่อเตือนทุกคนที่ต้องทำธุรกรรมกับธนาคาร ให้ระวังภัยจากมิจฉาชีพใส่สูทผูกไทด์... ไม่อยากให้ใครประสบกับเหตุการณ์แบบนี้อีก
เพื่อนดิฉันได้ทำการกู้เงินผ่านโครงการเงินกู้สำหรับราชการ ที่กระทำผ่านธนาคารอมสิน จำนวนหนึ่งซื่งเป็นเงินจำนวนมากอยู่ แต่ต้องการถอนเงินบางส่วนจากที่กู้ไว้ เพื่อนำไปโป๊ะหนี้ที่ธนาคารกรุงไทย และอีกส่วนจะนำไปให้พ่อลงทุนธุรกิจ คือจะถอน 2 แสน ไปโป๊ะหนี้ และ อีก 1 แสนไปให้พ่อ
เหตุเกิดเมื่อวันที่ 2 มิ.ย 52 ที่ผ่านมานี้ เวลาประมาณ 8.30 น. เพื่อนดิฉันได้เดินทางไปถอนเงินสดจำนวน 3 แสนบาท
จากธนาคารแห่งหนึ่ง ในจ.จันทบุรี (สมมติว่าชื่อ ธ.อมสิน สาขา ท่าฉลบ) โดยเพื่อนดิฉันได้ทำสัญญาเพื่อทำการรับถอนเงินสดจำนวน 3 แสนจากบัญชีเงินกู้ที่กู้มา
โดยพนักงานได้นำเิงินมาให้ 3 ปึก ปึกละ 1 แสนบาท
โดยก่อนที่พนักงานจะนำเงินมามอบให้นั้น เขาได้นำเงินไปยังเครื่องนับเงินเพื่อตรวจนับเงิน
แต่จุดที่เพื่อนดิฉันสังเกตได้ในภายหลังคือ เครื่องนับเงินของธนาคารของธนาคารอื่นๆ นั้น ปกตินั้นจะถูกวางไปด้านหลังพนักงานแคชเชียร์ ให้เห็นได้เด่นชัด เพื่อให้ลูกค้าได้เงินจำนวนเลขที่หน้าจอชัดเจน ในขณะที่พนักงานนำเงินเข้าเครื่อง เพื่อความบริสุทธิ์ใจ บางธนาคารถึงขั้นมาเรียกลูกค้าไปดูในขณะที่เค้านำเงินเข้าเครื่องตรวจนับด้วยซ้ำ
แต่ของธ.อมสิน สาขานี้นำเครื่องไปวางไว้ในอีกมุมหนึ่ง เป็นซอก
เราจะไม่สามารถตัวเลขหน้าจอได้ในขณะที่เค้านำเงินไปเข้าเครื่องนับ ถึงเพื่อนดิฉันพยายามยื่นหน้า หามุมเพื่อจะมอง ก็ไม่สามารถเห็นได้
ซึ่งในขณะนั้นเพื่อนดิฉันไม่ได้นึกอะไร คิดว่าเค้าคงจะมีพื้นที่คับแคบเลยนำเครื่องไปวาง ณ.ตำแหน่งซอกหลีบนั้น
หลังจากพนักงานนำเงินออกมาจากเครื่องนับเสร็จก็นำมาวางให้เพื่อนดิฉัน 3 ปึก ปึกละ 1 แสน โดยปึกแรกจะมีพลาสติกคาด ส่วนอีก 2 ปึกจะเป็นหนังยางรัดไว้ (ก็ไม่รู้ว่าทำไมนะคะ)
เมื่อเพื่อนดิฉันได้รับเงินเรียบร้อย เนื่องจากคนในธนาคารเริ่มมีเยอะ เงินจำนวนเยอะมาก เพื่อนดิฉันจึงไม่ได้ตรวจนับอีกครั้ง เพราะกลัวว่าจะมีคนมอง ระแวงว่าถ้ามีคนเห็นว่าเบิกเงินมาเยอะ แล้วถ้ามีมิจฉาชีพดักอยู่ อาจจะมีอันตรายถ้าออกจากธนาคารไป ตามข่าวต่างๆ ที่เราเคยได้เห็นในทีวี
(เตือนว่า ต้องตรวจนับทุกครั้งนะคะ)และด้วยเชื่อมั่นในธนาคารอมสิน ธนาคารเก่าแก่ของรัฐบาล คิดว่าไม่มีปัญหาแน่นอน
และพนักงานก็ได้นำเงินไปนับในเครื่องนับเงินเรียบร้อยแล้ว(ถึงแม้ดิฉันจะไม่เห็นตัวเลขที่หน้าจอก็เถอะ) จึงรีบรับเงินและรีบเก็บใส่กระเป๋าให้เรียบร้อย
หลังจากนั้นเพื่อนดิฉันได้ขับรถเพื่อนำเงินไปยังธนาคารกรุงไทยทันที เพราะไม่อยากถือเงินจำนวนมากไว้นาน กลัวจะมีอันตราย
จึงรีบไปธนาคารกรุงไทยทันทีเพื่อนำไปเคลียร์ยอดหนี้ของธนาคารกรุงไทย จำนวน 2 แสน
พอเพื่อนดิฉันไปถึงพนักงานธนาคารกรุงไทย ก็ได้นำเงิน 2 ปึก (ปึกละ1แสน - ปึกที่เป็นหนังยางรัด) ให้พนักงานที่เคาเตอร์ พนักงานได้นำเงินไปนับเงินผ่านเครื่องนับเงินที่หน้าเคาเตอร์เพื่อตรวจเช็ค
ซึ่งเครื่องตรวจนับแบงค์นี้อยู่ด้านหลังพนักงานแคชเชียร์ และมีหน้าจอใหญ่ตัวเลขชัดเจน อยู่ในที่ที่ลูกค้าสามารถเห็นได้ชัดเจน
เพื่อนดิฉันได้ยืนมองอยู่ในขณะที่เครื่องนับนับเงินได้ 85,000 บาท ขาดไป 15,000 บาท พนักงานแคชเชียร์แจ้งเพื่อนดิฉันว่าไม่ครบ 1 แสน เพื่อนของดิฉันตกใจมากเมื่อเงินหายไป 15,000 บาทได้อย่างไร ทั้งที่รีบนำเงินที่ได้รับจากธ.อมสินที่เพิ่งถอนมา มายังธ.กรุงไทยทันทียังไม่ได้นำไปใช้จ่ายหรือแวะที่ใดเลย
เพื่อนดิฉันรีบกลับไปที่ธนาคารอมสินทันทีในเวลาประมาณ 9.30 น.และได้ไปแจ้งยังพนักงานแคชเชียร์ของธนาคารอมสินที่เป็นคนยื่นเงินให้ พนักงานแจ้งว่าเค้าจ่ายให้เพื่อนดิฉันครบ ได้ตรวจนับผ่านเครื่องแล้ว
ให้เพื่อนดิฉันไปคุยกับผู้จัดการ ผู้จัดการออกมารับเรื่อง และได้ทำการตรวจเช็คกับพนักงานของเขา
แล้วแจ้งกับเพื่อนดิฉันว่า บัญชีครบถ้วน ไม่มีเงินเหลืออยู่ในระบบ
เค้าได้ไปเช็คกับเครื่องวงจรปิด เห็นว่าพนักงานเคาเตอร์ได้นำเงินไปนับที่เครื่องจริง แต่ไม่เห็นตัวเลขที่หน้าจอเครื่อง(ภาพในวงจรปิดเป็นมุมไกลเราไม่มีทางเห็นถึงตัวเลขหน้าจออยู่แล้วแหละค่ะ)
เพื่อนดิฉันอยู่ที่ธนาคารเพื่อให้ทางธนาคารตรวจสอบ เสียเวลาจนถึงเย็นเวลาประมาณ 4 โมง ผู้จัดการธนาคารสาขามาบอกเพื่อนดิฉันว่าไม่สามารถรับผิดชอบได้เพราะเงินออกจากธนาคารไปแล้ว
(นี่กลายเป็นว่าเพื่อนดิฉันขโมยเงินตัวเองใช่ไม๊)
เพื่อนดิฉันแค้นใจมากเพราะทั้งที่อยู่อยู่แก่ใจว่าถูกยักยอกเงินโดยพนักงานแคชเชียร์ในขณะที่นำเงินไปเข้าเครื่องนับที่อยู่ริบๆ อยู่ในซอกๆ
(จงใจหลบไว้ไม่ให้ลูกค้าเห็นใช่ไม๊) แต่ทำอะไรไม่ได้
เพราะไม่มีหลักฐาน เงินได้ออกจากธนาคารไปแล้ว
ไม่รับผิดชอบ การตรวจสอบของคุณคือเช็คเงินในระบบ
คุณไม่ต้องเช็คใครๆก็รู้อยู่แล้วว่ามันต้องครบถ้วนถูกต้องตาม Transaction เพราะเงินมันไม่ได้หายในระบบ
แต่มันหายจากคน คนที่เป็นพนักงานแคชเชียร์ของคุณ ของธนาคาเก่าแก่ มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ธนาคารของรัฐบาล ที่น่าเชื่อถือที่สุด มั่นคงและจริงใจที่สุด
แต่สิ่งที่ลูกค้าได้รับคือการกระทำเช่นนี้ คือการถูกยักยอกเงิน!!
เพื่อนดิฉันบอกว่าจะไปแจ้งความ และได้ไปปรึกษากับพี่ชายเพื่อนที่เป็นตำรวจ
เค้าบอกว่า คดีแบบนี้ไม่สามารถเอาผิดได้ เพราะไม่มีหลักฐานเอาผิด เงินออกจากธนาคารไปแล้ว
เราไม่สามารถเอาผิดเค้าได้... -*-
และจากการตั้งข้อสังเกตุที่ว่าเครื่องนับเงินถูกตั้งอยู่ในซอบหลืบ มองไม่เห็นแล้ว
ในวันนี้ ทางธนาคารรู้อยู่แล้วว่าเงินกู้จะออกวันนี้
และจะต้องมีพนักงานราชการหลายคนมาทำการเบิกเงินในวันนี้ (ขณะที่เพื่อนดิฉันไปธนาคารก็มีเพื่อนอีก2คนที่ไปถอนเงินจำนวนมากๆ แบบนี้เหมือนกัน)
ทางธนาคารจะเตรียมเงินจำนวนมากๆ ไว้ให้อยู่แล้ว อาจจะอาศัยวันทำการที่มี transaction ใหญ่ๆ ดำเนินการก็เป็นได้ เพื่อนดิฉันอาจเป็นเพียงคนหนึ่งในคนจำนวนอีกหลายๆ คนที่ถูกกระทำเช่นนี้
ถึงจะไม่สามารถเอาผิดกับคนของธนาคารได้ ก็อยากนำมาเล่าให้ทุกคนที่ต้องทำธุรกรรมกับธนาคารไม่ว่าธนาคารใด ให้ระวัง เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียที่ไม่เป็นธรรมกับคุณหรือกับใครก็ตาม
**กรุณากดโหวตให้คนละ 1 คลิ้กนะคะ กระทู้จะได้ไม่ตก คนจะได้อ่านกันเยอะๆ จะได้ระวังไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้กับใครอีก หรือจะ forward เมล์ส่งต่อให้เพื่อนๆ คุณคนที่คุณรัก ได้อ่านจะได้ระวังกันไว้ ช่วยกันหน่อยนะคะ**
***----- Update -----***
เพื่อนดิฉันโทรมา update ให้ฟังว่า เมื่อวันเสาร์เจ้าหน้าที่จากธนาคารได้มาสอบถามข้อมูลสำหรับเหตุการณ์นี้ เพื่อการตรวจสอบ มากันหลายท่าน หลายระดับค่ะ รวมทั้งหัวหน้าสาขาที่เกิดเหตุด้วยค่ะ ยังไงก็ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกท่านด้วยค่ะ ก็คิดว่าเป็นการรับผิดชอบของทางธนาคารในระดับหนึ่งนะคะ คงต้องรอการตรวจสอบกันต่อไปว่าจะได้ผลคืบหน้ากันอย่างไร หวังว่าจะได้รับผลการตรวจสอบอย่างจริงจังในเร็ววันนี้ค่ะ
-----
เพื่อนดิฉันก็ได้ให้ข้อมูลไปตามที่เล่าในกระทู้นี้ค่ะ (เรื่องจริงเล่ากี่ครั้งก็เหมือนเดิมค่ะ) นอกเหนือจากนี้เพื่อนดิฉันได้ถามในสิ่งที่เราและหลายคนในที่นี้สงสัย
เพื่อน: ทำไมเครื่องนับเงินถึงไม่อยู่ในตำแหน่งที่ลูกค้าเห็นได้ชัดเจน
จนท.: เครื่องนับเงินเป็นทรัพย์สินของธนาคาร(จะตั้งตรงไหนก็ได้ ไม่เกี่ยวกับลูกค้า :-อันนี้ความเห็นจขกท.ค่ะ)
เพื่อน: แล้วทำไมธนาคารอื่นเค้าตั้งไว้ในที่ที่ลูกค้าเห็นชัดเจนได้ (ส่วนใหญ่จะอยู่หลังเทลเลอร์)
จนท.: พื้นที่ธนาคารมีจำกัด
หน.สาขา: แล้วทำไมคุณไม่ตรวจสอบก่อน? พนักงานเราบอกให้คุณตรวจสอบก่อนรับเิงินแล้ว
เพื่อน : พนักงานคุณไม่ได้พูดเลยค่ะ ลองดูในกล้องวงจรปิดไหม?
หน.สาขา : กล้องวงจรปิดไม่มีเสียง
(อืม..ใช่ๆ กล้องวงจรปิดไม่มีเสียง - -''... :-อันนี้ความเห็น จขกท.)
เพื่อน : แล้วทำไมวันนั้นไม่ให้ดูกล้องวงจรปิด
หน.สาขา : ก็จะดูก็ได้ค่ะ นัดมาได้ไม่มีปัญหา แต่ใช้เวลานานหน่อยนะ
(หร่อนไม่ขอชั้นก็ไม่ให้ดูย่ะ เหมือนเครื่องนับตังค์แหละ เป็นของธนาคารไม่ใช่ของหร่อน จะวางไว้ไหนก็เรื่องของชั้น :- อันนี้ก็ความเห็นเพิ่มเติมของ จขกท.'โทษที ฟังแล้วรู้สึกประมาณนี้อ่ะ แหะๆ )
เพื่อนถาม : แล้วทำไมเงิน 3 ปึ้กถึงมีปลอกพลาสติกแค่ 1 ปึ๊ก อีก 2 ปึ๊กเป็นหนังยางรัด
ตอบ : ไม่แปลก ไม่ใช่ปัญหา (พลาสติกหมดมั๊ง :- อันนี้จขกท.แจม)
จนท.ถาม : ทำไมต้องมาโพสในกระทู้ด้วย
เพื่อนตอบ : ก็แจ้งร้องเรียนไปแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการติดต่อ ปรับทุกข์กับเพื่อน เพื่อนเลยเอาไปลง
(เป็นแค่ปชช. เสียงไม่ดัง..ถ้าดิฉันไม่เอามาโพส แล้วพวกคุณจะไปพบเพื่อนดิฉันไหมคะ? -: ความเห็นจขกท. แหะๆ)
สุดท้าย..ยังไงดิฉันและเพื่อนก็ต้องขอขอบคุณพวกท่าน คณะตรวจสอบที่ได้ให้ความสำคัญและดำเนินการตรวจสอบเหตุการณ์ให้ สำหรับผลการตรวจสอบจะเป็นอย่างไรก็คงต้องรอดู ส่วนดิฉันและเพื่อนได้กระทำให้สิ่งคิดว่าควรทำแล้ว ก็คือการเรียกร้องสิทธิของตนเองในฐานะของปชช.
ยอมรับว่าส่วนหนึ่งของการเกิดเหตุการณ์นี้คือการประมาทและขาดความระมัดระวังของเพื่อนดิฉันด้วยส่วนหนึ่ง
ดังนั้นการที่เราได้ในเหตุการณ์มาโพสในกระทู้นี้ ดังที่แจ้งไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่า จุดประสงค์คือ ต้องการให้ทุกๆคน ระมัดระวัง และไม่ตั้งอยู่ในความประมาท เพราะไม่อยากให้ความสูญเสียเกิดขึ้นกับใครอีก
ขอบคุณทุกท่านที่ได้เข้ามาร่วมแชร์ความคิดเห็น มีทั้งให้กำลังใจและความเห็นที่ต่างกันไป ยังไงดิฉันและเพื่อนต้องขอขอบคุณทุกคน หวังว่าจะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย ขอให้เรื่องของเพื่อนดิฉันเป็นบทเรียนของทุกท่าน ให้ใช้ชีวิตอยู่ในความไม่ประมาท :-
แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 52 11:07:27
แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 52 11:06:44
แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 52 11:01:17
แก้ไขเมื่อ 04 มิ.ย. 52 20:22:02
แก้ไขเมื่อ 04 มิ.ย. 52 10:02:17