สาวไทยคนแรกใน "คานส์" (ตัวจริง)
ทั้งนี้นอกจากกรณีเรื่องราวโอละพ่อในส่วนของรางวัลแล้ว ข่าวที่ออกมาในชิ้นเดียวกันยังมีความผิดพลาดในเรื่องของข้อมูลที่ระบุว่าผลงานของสาวอุ้มคือผลงานของนักเรียนไทยคนแรกที่ได้สร้างชื่อเสียงในเทศกาลหนังที่ยิ่งใหญ่นี้
เพราะก่อนหน้านี้ในเทศกาลหนังเมืองคานส์ครั้งที่ 59 เคยมีหนังสั้นของนักเรียนไทยเคยมาร่วมงานนี้ก่อนแล้ว
NewsID=9520000064338
ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวก็คือ Graceland โดย "ใหม่ อโนชา สุวิชากรพงษ์" ซึ่งถือได้ว่าเป็น "หนังสั้นไทยเรื่องแรก" ที่ได้รับการ "คัดเลือก" เข้าประกวดในโครงการ The Cinefoundation** ของเทศกาลหนังเมืองคานส์
หนังมีความยาว 17 นาที ว่าด้วยเรื่องความสัมพันธ์ของนักแสดงบาร์ (อ้น สราวุฒิ) กับหญิงสาววัยกลางคนในค่ำคืนวันหนึ่งซึ่งหญิงสาวได้หายตัวไประหว่างที่ทั้งสองขับรถมาจอดยังทุ่งนาเปลี่ยว
ฝ่ายชายได้ออกตามหากระทั่งพบฝ่ายหญิงอยู่ริมน้ำ เขาช่วยเธอขึ้นมา และทั้งคู่ก็พบว่าต่างคนต่างก็มีบาดแผลและใจกันไปคนละอย่าง ซึ่งไม่ใช่เพียงที่คานส์เท่านั้น ในเวทีเทศกาลหนังใหญ่ๆ อย่าง ซันแดนซ์ ร็อตเตอร์ดัม ฮ่องกง ปูซาน ซิดนีย์ ฟุกุโอะกะ ฯลฯ หนังเรื่องนี้ก็ได้ไปฉายชิงรางวัลในฐานะตัวแทนจากประเทศไทยมาแล้ว
เรื่องน่าเศร้าก็คือในขณะที่ทีวี(ช่องหนึ่ง)โหมกระพือชื่นชมในเรื่องราวที่ไม่จริงอย่างออกหน้าออกตา(รวมถึงไม่มีคำขอโทษออกมาสักคำเดียวในข้อมูลที่เป็นเท็จ และสร้างความเข้าใจผิด จนหลายคนตั้งข้อสงสัยว่าหรือนี่จะเป็นใบสั่งจากผู้ใหญ่คนหนึ่งของทีวีช่องดังกล่าวที่มีความสัมพันธ์ฉันญาติมิตรกับสาวอุ้ม) ทว่าในอดีตที่ผ่านมา ตัวจริง เสียงจริง อย่างอโนชา กลับไม่มีทีวีหรือสื่อหลักให้ความสนใจรายงานเรื่องราวความสำเร็จของเธอเลย
จะรับรู้กันอยู่ก็เฉพาะในแวดวงของคนทำหนังสั้น หนังนอกกระแส และสื่อฯ บางส่วน
"ตอนที่ทำ Graceland เหนื่อยมากค่ะ เพราะมันเป็นโปรดักชันที่ใหญ่ แล้วสเกลมันก็ใหญ่ ถ่ายด้วยฟิล์ม 35 มม. มีปัญหาเยอะตอนถ่าย ขลุกขลักตลอด ยิ่งถ่ายหน้าฝนก็ยิ่งเหนื่อย แต่พอผลลัพธ์ออกมา คนชอบก็รู้สึกดี มีความสุข หายเหนื่อยค่ะ อโนชากล่าวย้อนกับไปถึงความรู้สึกเมื่อครั้งทำ Graceland ผ่านหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ โดยอัคร เกียรติอาจิณ ฉบับวันที่ 8 เมษายน 2552 ที่ผ่านมา
สำหรับอโนชานั้นเธอศึกษาภาพยนตร์มาจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งนอกจาก Graceland แล้ว ผลงานเรื่องถัดมาของเธออย่าง ใจ ก็ยังไปคว้ารางวัลยอดเยี่ยมสาขาหนังสั้น จากเทศกาลหนัง Oberhousen ประเทศเยอรมนีมาด้วย
ส่วนผลงานเรื่องอื่นๆ ของเธอ ก็อาทิ Lunch (มื้อเที่ยง), Not A New York Story (4 นาที), Full Moon (15 นาที), Ghost (35 นาที) และล่าสุดก็คือภาพยนตร์เรื่องยาว เจ้านกกระจอก ที่ได้ทุนหลักมาจากเทศกาลหนังร็อตเตอร์ดัม ซึ่งคาดว่าจะออกมาให้ยลโฉมกันในเร็วๆ นี้
โดยบทสัมภาษณ์ในโพสต์ทูเดย์นั้นยังได้ลงคำพูดที่น่าสนใจของอโนชาไว้ด้วยว่า...
การส่งหนังไปประกวดตามเทศกาลหนังถือเป็นวิธีทำการตลาดอย่างหนึ่งของคนทำหนังสั้นนะ อย่างหนังสตูดิโอที่ถูกวางโปรแกรมชัดเจนเขาไม่จำเป็นส่งไปประกวดก็ได้ แต่เราไม่ได้อยู่เฉยๆ คนจะรู้จักหนังเราไหม เริ่มต้นคงต้องทำเอง พอเทศกาลรู้จักและถ้าเขาอยากเห็นพัฒนา การของเราก็จะติดต่อเข้ามาเอง โดยที่เราไม่ต้องเหนื่อยเหมือนช่วงแรกๆ
อย่างการไปคานส์ เราได้เรียนรู้ว่าผลงานเรื่องอื่นๆ ของคนที่ได้ไปฉาย ไม่ได้เป็นหนังโปรดักชันอลังการเลย แต่สิ่งสำคัญคือประเด็นมากกว่า รวมถึงวิธีคิด รูปแบบ และการนำเสนอ คิดว่าไม่ทางใดก็ทางหนึ่งล่ะ ถ้าหนังดีจริง จะต้องมีคนเห็นและความสำเร็จนั้นจะเข้ามาหาเอง ขอแค่เต็มที่กับงาน ซื่อสัตย์กับงาน พอแล้วอย่าคาดหวังอะไรมาก
หรือเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้จะเป็นบทตอกย้ำที่ว่า อะไรที่เป็นเรื่องจริง คนจริง สังคมมักจะไม่เชื่อถือหรือให้ค่าความสนใจเท่ากับเรื่องที่มันเป็นกระแสหวือหวา ทั้งที่เราต่างก็รู้กันดีว่า เรื่องเหล่านี้ ลักษณะนี้ มักจะตั้งอยู่บนการหลอกลวงและ(ข่าว)โฆษณาก็ตามที?
...
** The Cinefoundation เป็นโครงการที่เปิดให้หนังนักเรียนทั่วโลกส่งงานเข้าประกวด โดยเริ่มมาตั้งแต่ปี 1998 มีคณะกรรมการ 5 ท่าน ตัดสินหนัง 3 เรื่องที่ดีที่สุด สำหรับกรรมการในปีของอโนชานั้นได้แก่ Andre? KONCHALOVSKY ( ผู้กำกับรัสเซีย) Sandrine BONNAIRE (ดาราหญิงฝรั่งเศส) Daniel BR?HL (ดาราชายเยอรมัน) Souleymane CISSE (ผู้กำกับมาลี) Zbigniew PREISNER (นักแต่งเพลงชาวโปแลนด์)
เครดิต manager ครับ
http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9520000064338
แก้ไขเมื่อ 08 มิ.ย. 52 16:09:18
แก้ไขเมื่อ 08 มิ.ย. 52 16:08:54
แก้ไขเมื่อ 08 มิ.ย. 52 16:08:07