CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGang


    <<<<<<<<<< ดูแล้วมาคุยกัน ... Evil dead + Drag me to hell , ไปๆ ไปลงนรกเสียเถิดที่รัก >>>>>>>>>>

      ชอบมาก ห้ามพลาด (29 คน)
      ชอบ (21 คน)
      เฉยๆ (4 คน)
      ไม่ชอบ (1 คน)
      ไม่ชอบมาก เสียดายตังค์ (1 คน)

     51.79%
      ชอบมาก ห้ามพลาด (29 คน)
     37.50%
      ชอบ (21 คน)
     7.14%
      เฉยๆ (4 คน)
     1.79%
      ไม่ชอบ (1 คน)
     1.79%
      ไม่ชอบมาก เสียดายตังค์ (1 คน)

    จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 56 คน


    exclaim หมายเหตุ : กระทู้นี้เขียนถึงหนังสองเรื่อง ดังนั้น ถ้าจะกดโหวตด้านบน คือ การโหวตให้หนังเรื่อง Drag me to hell



    เลือกอ่านบทความนี้พร้อมรูป , อ่านความเห็นอื่นที่น่าสนใจ และ ชวนมาพูดคุยต่อที่   http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=06-2009&date=08&group=14&gblog=164


    ... ความผิดพลาดสองประการของผม ก่อนดู Drag me to hell คือ

    1.ผมตั้งความหวังไว้สูงมากเกินไป จากคะแนนเสียงชื่นชมส่วนใหญ่ทั้งจากฝั่งนักวิจารณ์กับคอหนังธรรมดา ที่มักจะให้เกรด A หรือ เปอร์เซ็นต์ที่มากกว่า 85% กับหนังเรื่องนี้ และ ตัวเองดันลืมลดระดับความคาดหวังก่อนเข้าโรง

    2.ดันไปหยิบแผ่น Evil Dead มาดูสองสามวันก่อนตีตั๋ว


    ... ปกติ หนังสยองขวัญเก่าๆพอมาดูในยุคนี้ เราจะรู้สึกว่า เชย เดาทางได้ ไม่ทันสมัย แต่ หนังเก่าที่ยังคงคุณค่าให้คนรุ่นใหม่สนุกอยู่ ส่วนใหญ่ก็เพราะ ฝีมือการกำกับ ที่ทำให้เรายังลุ้นตื่นเต้นไปกับเลือดที่พุ่งเป็นน้ำพุหรือสมองไหลเหมือนเยลลี่ เบสต์ฟู้ด เช่นเดียวกับ Evil dead ของผกก. แซม เรมี่ เมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว

    หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องของ หนุ่มสาวห้าคนไปเที่ยวกันที่บ้านร้างกลางป่า บรรยากาศรอบข้างดูไม่น่าไว้ใจ ต้นไม้เหมือนมีชีวิตจิตใจ ในบ้านหลังนั้น มีเทป เปิดฟังพูดถึงคำสาป หลังจากนั้น ‘มัน’ ก็มา

    ‘มัน’ มาจากไหนไม่มีใครรู้ ‘มัน’ เป็นอะไรใครก็ไม่อาจทราบได้ รู้แต่ว่า ‘มัน’ อยากหาเพื่อนเสียเหลือเกิน เพราะมันเลือกสิงสิ่งมีชีวิตแล้วลากลงไปอยู่ด้วยกัน บ้างก็สิงต้นไม้ บ้างก็สิงคน

    พระเอกและเพื่อนพ้อง ค่อยๆถูกสอยร่วงไปทีละคนสองคน แต่ที่เจ็บปวดที่สุดคือเมื่อ ‘มัน’ มาสิงคนที่เรารัก ให้คนที่เรารักเหมือนผีเข้า กลายเป็นตัวประหลาดหัวเราะเหมือนคนบ้าจ้องจะฆ่าเรา และ สุดยอดของความเจ็บปวดคือการต้องหั่นคนรักเพื่อให้ตัวเรามีชีวิตรอด



    ... เนื้อหาของ Evil dead มีอยู่แค่นั้น CG ก็ยังล้าสมัย เลือดพุ่งเป็นน้ำพุบ้างก็เป็นเฮลบลูบอย ดูไม่สมจริง แอคติ้งนักแสดงก็แข็งๆ การตัดสินใจบางทีก็ดูโง่ๆประมาณว่า ใส่ผ้าบางพลิ้ววิ่งเข้าไปหลงป่ากลางดึก(โดยไม่มี GPShaha)ตามลำพัง

    แต่ถึงหนังจะครบสไตล์หนังเกรดบี ที่ เลือดเป็นเลือด นมเป็นนมhaha หนังเรื่องนี้ก็มีจุดแตกต่างจากหนังเกรดบีแบบพื้นๆทั่วไปสองสามประการ

    หนึ่ง คือ อารมณ์ขันร้ายๆที่ได้ผล สอง คือ การพูดถึงความรักที่ทำให้เรารู้สึกร่วมไปกับความลำบากใจของตัวละคร และ สาม การกำกับของ แซม เรมี่ เช่น การเล่นกล้องซูมเข้าซูมออก , โฟกัสใบหน้าตัวละครตัดสลับกันไปมา , จังหวะที่ มัน โผล่มากระชากหัวใจคนดูในแง่ของ ความลุ้นระทึก และ ความมันส์ของการต่อสู้ช่างสาสมใจยิ่งนัก

    ตอนดูจบผมนึกอยากให้มีการรีเมค Evil dead มากๆ โดยให้เป็นฝีมือของ แซม เรมี่ คนเดิม

    เพราะคิดว่า ถ้าหนังพัฒนาบทในส่วนของความสัมพันธ์ตัวละครให้มากขึ้นอีกซักนิด เพิ่มความลึกในคาแรคเตอร์ของตัวเอกอีกซักหน่อย , ทำให้ทันสมัยเข้ากับยุคสมัยนี้ หนังจะต้องมีดีเพิ่มอีกระดับมากกว่าเจ๋งแค่ ขำผสมเขย่าขวัญ และอีกส่วนคือ การแสดงของตัวละครในเรื่องที่ยังแข็งๆไปหน่อย

    แต่นั่นคงไม่จำเป็นแล้วเมื่อ แซม เรมี่ เลือกที่จะทำ Drag me to hell ที่เราจะได้กลิ่นอายจางๆจาก Evil dead ตั้งแต่โปสเตอร์ และ วิธีการเล่าเรื่องของแซม เรมี่ ไปจนถึง ฉากสุดท้าย โดยปรับข้อด้อยข้างต้นให้ดีขึ้นแทบทุกด้าน


    ... ขอเล่าสรุปสั้นๆในสิ่งที่ทั้งชอบ และ ไม่ชอบ จาก Drag me to hell ดังต่อไปนี้ (เนื่องด้วย จขกท. เริ่มยุ่งๆ จึงขออภัยที่จะรวบรัดตัดความ)



    สิ่งที่ชอบsmile

    1.ไตเติลเปิดเรื่องเก่าๆ ได้อารมณ์ดี

    2.บทหนัง .. แกนหลัก คือ ความเป็นหนังสยองขวัญในแง่ของการเอาชีวิต แต่ ประเด็นรองที่พูดถึงปมด้อยของตัวละคร ซึ่งถูกกระทบจาก การเหยียดเพศ , เหยียดชนชั้น จนนำไปสู่ทางเลือกที่เปิดนรกให้มารอรับ และ แง่มุม ความรักของคู่หนุ่มสาว ถูกวางไว้สอดรับกับตัวหนังได้อย่างเลิศ

    3.ป้ามหาประลัย ... สมควรที่จะส่งไปประมือกับ ยายป้ามหาภัยใน The Mist เพราะสีหน้าตอนประจันกับนางเอกแล้วจ้องกันราวกับคิดว่า “เอาอีนี่ไปลงนรกเสียที” มันช่างได้อารมณ์ และ ช่วยทวีความสะใจตอนท้ายเรื่อง ที่นางเอกจ้องกลับด้วย อารมณ์ใกล้เคียงกัน

    4.ตัวละครนางเอก ... เข้าใจเขียนบทให้มีทั้งมุมที่น่าเห็นใจ ไปพร้อมๆกับ มุมที่แสดงความเห็นแก่ตัวและไม่น่ารัก เป็น ตัวละครที่มีความลึกและน่าสนใจกว่าตัวเอกใน Evil dead หลายเท่า

    และที่สังเกตคือ ไม่ว่าจะหนังเล็กหรือหนังใหญ่ ตัวละครในหนังของแซม เรมี่ ล้วนมี’ความเป็นมนุษย์’ที่น่าสนใจทั้งสิ้น เพียงแต่งานยุคก่อนเช่น Darkman ยังเล่าเรื่องได้ไม่เนียนเท่ากับ Spiderman หรือ เรื่องนี้

    5.ฝีไม้ลายมือของแซม เรมี่ ... ยังไม่รู้สึกสนุกเท่า Evil dead แต่เทคนิกการเร้าอารมณ์กับตุ้งแช่คนดู ไม่มีพลาดซักช็อต โดยเฉพาะฉากบนรถสะใจยิ่ง แถม ฉากที่เล่นกับอารมณ์อ่อนไหวในเชิงความรัก ก็ทำออกมาได้ซึ้งดี

    6.อลิสัน โลห์แมน ... ชอบเธอมานานตั้งแต่ตอนดู Matchstick Men แต่เสียดายดวงการแสดงไม่ค่อยจะรุ่ง ยังปลื้มไม่หายกับบทที่วาบหวิวสยิวกิ้ว และ เซ็กซี่ที่สุดของเธอใน หนังฆาตกรรมเรื่อง Where the truth lies



    สิ่งที่ไม่ชอบ mad


    1.มันยังไม่สาแก่ใจ ... หนังสนุกมากจริง และ ปรับข้อด้อยจาก Evil dead มาหลายข้อจริง แต่ ในแง่ของอารมณ์ถึงใจมันยังไม่สุดๆ หลายฉากที่อารมณ์ประมาณว่า มันยังแค่ เฮ้ย ตกใจดี แต่ ขออีกนิดหนึ่งมันจะสาแก่ใจยิ่งนัก บวกกับมีบางช่วงที่หนังยัง drop ลงไปบ้าง ไม่สร้างความสนุกสนานได้ต่อเนื่อง

    ตอนแรกคาดไว้ว่าจะได้อารมณ์หนังเกรดบีดิบเถื่อนที่สะใจเต็มที่แบบตอนดู Death proof ของเควนตินช่วงท้าย ที่ คนดูในโรงปรบมือสะใจตอนกลุ่มสาวๆไล่เอาคืนตัวร้าย แต่ในหนังเรื่องนี้ยังไม่ได้อารมณ์สุดๆขนาดนั้น

    ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะความพะวงที่จะอยากจะให้หนังอยู่ในเรต PG-13 หรือเปล่า คิดอยู่ว่า ถ้าหนังลุยไปถึงเรต R แล้วทำแบบไม่ต้องเกรงใจใคร เหมือนในอดีต ไม่ต้องใช้ CG ให้มากนัก คือ ใช้บ้างแต่ให้ออกมาดิบๆหน่อยสมกับ ไตเติ้ลเปิดเรื่อง น่าจะมันส์สะใจยิ่งกว่านี้

    2. สองสาวที่นั่งข้างๆในโรงหนัง ... เธอช่างมีความสุขกับการเอาใจช่วยนางเอก และ วิเคราะห์เหตุการณ์ ราวกับรายการคุยข่าว ตั้งแต่ต้นเรื่องยันจบ

    "นี่เธอ ชั้นว่า เดี๋ยวยัยนั่นต้องโผล่มาแน่"
    "เออ นั่นซิ ดูหน้าแม่พระเอกซิ เหมือนยัยป้านั่นเลย"
    "อุ๊ย มาแล้วๆ"
    ฯลฯ

    (มองหน้าหลายทีก็แล้วก็ไม่หยุดเม้าธ์ เลยนั่งท่องคาถา 'ลาเมียเมียลา' ช่วยมาลากเธอสองคนข้างๆตามลงไปด้วยทีกินแห้ว )



    สรุป ... Drag me to hell เป็นหนังสยองขวัญแนวโป๊งชึ่งตุ้งแช่ที่ดีมากในรอบหลายปีหลัง ข้อดียิ่งกว่าคือ การผสมอารมณ์ขันตลกร้าย และ พล็อตหนังในเชิงดราม่าออกมาได้ดี จนกลายเป็นหนังที่ทั้ง สนุกลุ้น , ตกใจ , ให้ข้อคิด , ขำขำ , ซึ้งๆ ฯลฯ

    และ ยังเป็นตัวอย่างไว้ยันคนที่ชอบคิดว่า

    "ก็หนังแอคชั่น หนังสยองขวัญ ฯลฯ จะเอาอะไรกับ บทหรือดราม่าให้มากมาย"

    Drag me to hell เป็นตัวอย่างที่ทำให้เห็นว่า

    ก็ถ้าคุณมีฝีมือ คุณก็ทำได้อยู่แล้ว







    ideaบทความที่อ้างอิงถึงในกระทู้
    (บทความเหล่านี้เคยนำมาลงในกระทู้แล้ว)

    Spider-Man 3 , แมงมุมดำตัวนั้น ฉันเห็นมันอยู่ในใจเราทุกคน
    http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&group=1&month=05-2007&date=06&gblog=242

    อ๊ากกกกกกกก ตอนจบ ‘The Mist ’ + วิเคราะห์ ‘แปดวัน แปลกคน’ หนังไรว้า
    http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&group=1&month=05-2007&date=06&gblog=242

    Grindhouse: Death Proof =โชเฟอร์ตีนผีไล่บี้สาว+ เก๋าเกรดบี + หนังเควนติน = ห้ามพลาด มันป๋ามากกกกกhttp://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=07-2007&date=30&group=14&gblog=14

    Where the Truth Lies , ความจริงนอนนิ่งอยู่ที่ใด ?
    http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=04-2006&date=07&group=1&gblog=156

    แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 52 10:52:20

    แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 52 10:39:00

    แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 52 10:34:42

    จากคุณ : "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" - [ 9 มิ.ย. 52 10:33:27 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com