ความคิดเห็นที่ 1 ก้าวแรกที่ผมเหยียบมหาวิทยาลัยในสมัยนั้น ผมก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งมีความที่คิดว่าข้าใหญ่ ข้าเจ๋ง ไม่แตกต่างจากใครๆ ที่จบ ม.6 มาเช่นกัน ( รึไม่งั้นก็เป็น ปวช. ซึ่งน่าจะเป็นรุ่นพี่ใหญ่ในสถานศึกษามาเช่นกัน) วันแรก ทุกคนเริ่มต้นมาด้วยความที่ไม่รู้จัก ต่างคนต่างมีข้อดี ข้อเสีย สิ่งแตกต่างมากันมากมาย เมื่อเห็นรุ่นพี่ .. ก็ไม่ต้องเคารพ .. ก็ผมเคยใหญ่ ? เมื่อเราต่างไม่มีความสามัคคี ไม่มีความเคารพกัน ไม่มีการให้เกียรติ ต่างคนต่างใหญ่มา แล้วอะไรล่ะ? ที่ควรจะเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนรู้จักกันได้? และเคารพกัน ให้เกียรติสถานที่ได้ดีที่สุด? .. สำหรับผม มันไม่ใช่.. กิจกรรมสันธนาการ แน่.. การรับน้องแบบที่ผมจะกล่าวต่อไป .. " ระบบ โซตัส(Sotus) " คำว่า โซตัส (SOTUS) มาจากตัวอักษรนำของคำ 5 คำในภาษาอังกฤษ    * Seniority - การเคารพผู้อาวุโส    * Order - การปฏิบัติตามระเบียบวินัย    * Tradition - การปฏิบัติตามธรรมเนียมประเพณี    * Unity - การเป็นหนึ่งเดียว    * Spirit - การฝึกจิตใจ จากคุณ : คลิกที่นี่เพื่อส่งข้อความ - [ 11 มิ.ย. 52 17:57:17 ]

ความคิดเห็นที่ 2 แล้วเราจะทำยังไง ให้เด็กปีหนึ่ง มาใหม่ ไฟแรง ไม่ค่อยเข้าใจอะไร ได้รับรู้ถึงสิ่งที่เป็น "ระบบโซตัส" ได้มากที่สุด? รับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบได้ที่ http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%8B%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%AA (ขอขอบคุณ wikipedia สำหรับข้อมูลเบื้องต้น) ใครๆ ก็บอกว่า ระบบนี้มันเถื่อน แหกปาก ตะโกนใส่หู รุนแรง ละเมิดสิทธิมนุษยชน บ้านก็มีกฏบ้าน เมืองก็มีกฏเืมือง ระบบพวกนี้ไม่ได้เริ่มที่คุณ หรือ รุ่นน้องที่เป็นข่าวคนแรก รุ่นแรกแน่นอน ถ้ามันไม่ดี คงไม่ทำส่งต่อกันมาหลายสิบปี สถาบันไหนเป็นยังไง ก่อนหน้านี้เป็นยังไง คนจะเข้า ถ้าไม่รู้ระบบของเขาเลย.. มหาวิทยาลัยจะผิด หรือ พ่อแม่รังแกฉัน? สรุปว่าน้องที่เป็นข่าว ไม่ได้อยากเข้า แต่พ่อแม่ยัดเข้าไปใ่ช่ั้ไหม? รึว่า น้องเขาจะเข้าไปเพราะเขาคิดว่าทนไหว .. รึว่าไม่รู้อะไรเลย? ส่วนตัวผมไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัยดังที่เป็นข่าว แต่ผมก็พอเข้าใจสิ่งที่เขามี สิ่งที่เขาเป็นครับ ทุกคนล้วนมีเหตุผลเป็นของตัวเองทั้งสิ้น ซึ่งไม่รู้ว่าดีหรือร้าย  เช่นกัน จากคุณ : คลิกที่นี่เพื่อส่งข้อความ - [ 11 มิ.ย. 52 18:01:52 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ระบบรับน้องแบบโซตัส มหาวิทยาลัยของผม มีทั้งจับซ้อมเชียร์ ตบมือกับพื้น ตบมือกับหลังเพื่อน ตบมือจนแดง ปิดตาเข้ากิจกรรม กินของแปลกๆ.. (แต่ก็ไม่มีของที่มันกินไม่ได้มาให้กิน) มีการกดดัน มีการสั่งให้มาตรงต่อเวลา มาไม่ทัน ก็ลงโทษ .. นั่งอากาศ , ลุกนั่ง , สก็อตจัมพ์ , กางมุ้ง แล้วคุณจะให้ทำอะไร? ถ้าไม่ทำพวกนี้? ข้อเสียมันก็มี .. แต่ทำไมไม่คิดถึงข้อดีมันบ้างล่ะ? จะให้พูดจ๊ะจ๋า น้องครับ น้องขา .. มาให้ัทันเวลานะครับ.. ถึงเวลาทำงานไป ที่ทำงานเขาพูดแบบนี้กับคุณไหม? ไม่สิ.. ต้องถามว่าเขาพูดกับคุณรึเปล่าดีกว่า? ตอนรับน้อง พี่ว้าก มันต่างกับพี่สันลิบลับ เรามันน้องใหม่ เจอหน้าก็ยังไม่อยากเจอเลยพี่ว้าก ไม่รู้มันโกรธเรามาแต่ชาติปางไหน ไม่เคยรู้ว่ามันแค้นอะไรมา รู้แค่ว่า "เราต้องโดนรับน้อง" รึใครบ้างไม่รู้ว่า มหาวิทยาลัยมีการรับน้อง? สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ในเวลารับน้องเมื่อตอนเปิดเทอมปีหนึ่งใหม่ๆ ต้องแขวนป้ายชื่ออันโต สัญลักษณ์ประจำสาขาที่เรียนเปลี่ยนไปทุกวัน ผมไม่อาย.. มันอายตรงไหน เราไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย ป้ายชื่อทำมาเอง เขียนชื่อตัวเอง สัญลักษณ์ใช้ความคิดสร้างสรรค์ทำมา .. ถึงเวลาเข้ารับน้องตอนเช้า พัก และหลังเลิกเรียน มันมาอีกแล้ว พวกพี่้ว้าก หน้าตาราวกับว่าโมโหโกรธามาเหมือนเดิม ดุด่า ว่าซัด กระหน่ำซ่อมซ้ำ.. เหนื่อยอีกแล้วผม แล้วพี่สันธนาการก็เข้ามาเฮฮา เต้นโหยงเต้นเหยง ขำไม่ออก ยิ้มไม่ถนัดครับ แต่ก็โอเค ดีกว่าไม่มีอะไรเลย สันธนาการครั้งละห้านาที เหมือนห้าวินาที ว้ากมาครั้งละห้านาที ราวกับห้าปีไม่มีผิด พอเสร็จเป็นพิธี ที่นี้พวกพี่เขาไล่เราไปเรียน .. แฮ่ก.. .... เย็นเลิกเรียนเสร็จมา มันพาพวกเราเข้าไปซ้อมเชียร์ ตะเบ็งคอสุดเสียงร้อง เขาก็บอก "เบาไป!!".. ตบมือจนมือแดง แสบมือ .. "ทำได้แค่นี้รึไง!!" .. ทำกันไม่พร้อม ไม่ซ้อมมา .. "เอาเวลาไปทำอะไร".. ไม่ได้เรื่อง .. "ลุก! .. ตามรุ่น...." กอดคอ กระโดดกันเข้าไป.. กว่าจะได้กลับบ้าน .. เหมือนเข้าฟิตเนสเป็นเดือน เดือนนั้นทั้งเดือน .. หุ่นดีผิดปกติ ผอมเพรียว เหนื่อยแทบตาย กว่าจะได้กลับบ้าน นานร่วมเดือน.. เจอกิจกรรม วนไปวนมา นานนับเดือน.. เข้ามาร้อยคน ทนไม่ได้ก็มี แต่ก็มีเพื่อนช่วยดึงรั้งพากันมาจนจบ.. คนหนึ่งโวยบอกว่าไ่ม่ไหวแล้ว ร้อยคนบอกว่า เฮ้ยเพื่อน .. สู้สิ.. คนหนึ่งวันแรกซึ่งไม่เคยเคารพใคร วันสุดท้ายยกมือไหว้อ่อนน้อมถ่อมตน ถ้าเปรียบรับน้องเหมือนกิจกรรมอะไรสักอยา่ง คงไม่มีอะไรจะมาเทียบเคียงได้.. ถ้าจะบอกว่าเข้าค่ายลูกเสือ คงโหดกว่า หลายเท่า รึจะเข้าค่ายรักษาดินแดน แบบชายชาตรี? .. สองเท่ายังน้อยไป.. จากคุณ : คลิกที่นี่เพื่อส่งข้อความ - [ 11 มิ.ย. 52 18:15:09 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เดือนนึงจบมา ไม่ได้อะไร.. สิ่งที่ได้คือ "รุ่น" รุ่นไม่สามารถใช้รูดซื้อสินค้าได้ รุ่นก็ไม่ได้ทำให้คุณยิ่งใหญ่มีอภิสิทธิ์เหนือใครๆ.. รุ่นให้อะไร? คนมีก็เข้าใจ คนยังไม่มี.. ลองรับน้องดูสิ คุณจะเข้าใจ.. สุดท้ายนี้.. กระทู้นี้อาจจะมีคนอ่าน หรือไม่มี ผมก็ไม่รู้ ผมคิดอะไร ผมก็พิมพ์ลงไป จุดประสงค์ของผม ก็คืออยากให้มีการรับน้องอยู่ .. อยากให้แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ไม่ใช่ตัดไฟแต่ต้นลม.. เรื่องของอุเทนถวาย อย่างที่ผมบอกไป ผมไม่ได้เรียน ผมก็เข้าใจ เขารับน้องแบบไหน โกหกเสแสร้งผมก็ไม่ได้สนใจ ส่วนช่วงข่าวคุณสรยุทธ์เ้ช้าวันนั้น ผมนั่งฟัง ผมยิ่งเข้าใจ "รุ่นน้องบ้าอะไร ไม่เคารพรุ่นพี่เลย" (จากการฟังเสียง ก็พอดูออก) รุ่นพี่โกหกจริง ก็ลงโทษเลยครับ ในเมื่อมีหลักฐาน ไม่ใช่ว่ามางดระบบรับน้องทั่วประเทศไทย ตาย ตาย ตายยยยยยยยยยย กันพอดี.. ขอบคุณ ที่ทุกคนอ่านกันมาจนถึงตรงนี้ มีเหตุผล แย้งได้ ถามได้ ครับ.. ผมจะกลับมาตอบ ถ้าผิดผมยอมรับ จากคุณ : คลิกที่นี่เพื่อส่งข้อความ - [ 11 มิ.ย. 52 18:19:24 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อย่าเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางเลยครับ... คนทั้งโลกไม่ได้เป็นคุณ และคุณก็ไม่ได้เป็นคนทั้งโลก... จะบอกว่าคนที่ไม่ได้รับน้อง มันจะทนแรงกดดันจนทำงานไม่ได้เลยเหรอครับ? รุ่นพี่ที่ทำตัวไม่น่าเคารพ ทำไมต้องไปเคารพ ไม่เข้าใจ ต้องเคารพเพราะเป็นรุ่นพี่ เหตุผลนี้แค่เหตุผลเดียวก็พอแล้วเหรอครับ? แค่เกิดก่อนก็ต้องก้มหัวให้ตลอดเลยเหรอครับ? สิ่งที่คุณได้รับกลับมาจากระบบรับน้อง อาจจะไม่เหมือนกับที่หลายๆ คนได้รับมาก็เป็นได้ อย่าเอาไม้บรรทัดของตัวเองไปเที่ยววัดให้ชาวบ้านโดยที่คุณแทบไม่ได้รู้จักเขาเลยดีกว่าครับ... จากคุณ : จิบเดียวก็ซึ้งแมน - [ 11 มิ.ย. 52 18:26:25 ]

ความคิดเห็นที่ 6 มีก็ดีแล้ว แต่ว่าจุดประสงค์เพื่ออะไร อยากแก้แค้นรุ่นพี่  ต้องการสร้างอำนาจ หรือว่า  ต้องการให้น้องรักเรากันแน่ จากคุณ : นิราศสองภพ - [ 11 มิ.ย. 52 18:32:23 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เพราะสิ่งที่พี่ต้องการให้ ไม่ได้แปลว่าน้องต้องการรับ ฝากไปถึงพี่ๆทั้งหลายนะครับ ประเด็นไม่ได้อยู่ที่โหดหรือไม่ แรงแค่ไหน เรื่องของเรื่องคือมันไม่ได้อยู่ในกฏมหาวิทยาลัย และมันไม่มีความจำเป็นที่น้องจะต้องมาฟังคำสั่งพี่ๆทั้งหลาย ซึงไม่เคยนับญาติกันมาก่อน เขาไม่ใช่พี่น้องทางสายเลือดพวกท่านญาติก็ไม่ใช่ แค่เขาเกิดทีหลังเท่านั้น รู้จักกันมาก่อนรึก็เปล่า  เลี้ยงดูมารึก็เปล่า  มีตัวอย่างที่น่าเคารพหรือก็ไม่   อยู่ๆเข้ามาเจอหน้าวันแรก จ้องตากัน 3 วิลำเลิกเป็นรุ่นพี่สั่งนู่นสั่งนี่ด่าทอสารพัด ไปเลื่อนชั้นลำดับญาติกันตอนไหน อะไรดีอะไรเลว ให้เขากำหนดชีวิตเขาเอง ไม่ต้องเอามายัด เขาเห็นว่าดีเขาเข้าเอง เรื่องสั่งสอนให้พ่อแม่ครูบาอาจารย์เขาจัดการไป ทำตัวน่าเคารพเดี๋ยวน้องเขาเข้าหาเองครับ เขาเข้าโรงเรียนมาเพราะเขาเลือกมาเรียน ไม่ได้เลือกมารับน้อง กฏโรงเรียนมี ไม่จำเป็นต้องมาสร้างกฏใหม่ ไม่ได้จะบอกว่าการรับน้องไม่ดีนะ ที่ดีๆเขาก็ดีมาก ทุ่่มเทกันจริงๆจังๆ ผมเห็นแล้วก็ ok แต่ไอที่เน่าๆก็มันมาก คนตายก็บ่อย  เพราะงั้นไปจัดกันกับคนที่เขาอยากเข้าร่วม ไปเล่นกันกับคนที่เขาชอบ  ไม่ต้องเข็นคนที่ไม่อยากร่วมไปด้วยดีกว่าครับไม่ต้องไปบังคับ ทั้งทางตรงทางอ้อม แค่นั้นเอง ง่ายๆ ได้สิ่งที่ต้องการทั้ง 2 ฝ่าย  หากไม่มีคนเข้าเลยก็ไม่ต้องจัดแค่นั้น แสดงว่าพวกท่านไม่มีความน่าเคารพเพียงพอ แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 52 18:38:17 จากคุณ : กะละมุงตุ้งแช่ - [ 11 มิ.ย. 52 18:37:22 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ส่วนช่วงข่าวคุณสรยุทธ์เ้ช้าวันนั้น ผมนั่งฟัง ผมยิ่งเข้าใจ "รุ่นน้องบ้าอะไร ไม่เคารพรุ่นพี่เลย" (จากการฟังเสียง ก็พอดูออก) -------------------- ผมอ่านแล้วครับ ขอพูดเกี่ยวกับประโยคนี้ก็แล้วกัน  คือเป็นรุ่นน้องนี่ต้องเคารพรุ่นพี่ทุกคนหรอครับ คือผมเคารพนะผู้ใหญ่แต่รุ่นพี่นี่อายุมากกว่าผมไม่กี่ปีเอง 1-2 ปี คนดีๆผมก็เคารพ แต่คนไม่ดีทำไมผมต้องฟังด้วยละ ผมไม่ชอบถูกบังคับ ไม่ชอบเต้น ไม่ชอบทำอะไรแปลกๆที่รุ่นพี่ให้ทำ ผมเกลียดไอ้ระบบแบบนี้ ที่มีคนมาคอยตะโกนสั่งๆๆๆ คุณเป็นใครหว่ามาตะโกนสั่งผมแล้วผมต้องทำตามน่ะ ก็ไม่รู้จะพูดไง คือผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมเราต้องไปฝืนทำอะไรที่เราไม่ชอบตามคำสั่งใครก็ไม่รู้ด้วย แล้วทำไปแล้วมันได้อะไร ผมไม่เคยเข้ารับน้องครับ แต่ผมก็มีเพื่อนปกตินะในมหาลัย ไม่ใช่ไม่เข้าไปรับน้องแล้วจะหาเพื่อนไม่ได้สักหน่อย จากคุณ : FFXI2 - [ 11 มิ.ย. 52 18:38:02 ]

ความคิดเห็นที่ 9 มหวิทยาลัยของผม เรารับน้องด้วยการบายศรีสู่ขวัญ รุ่นพี่ล้อมลงกันร้องเพลงอวยชัยให้พร แล้วผลัดกันมาใช้สายสิญจ์ผูกข้อมือ... ไม่มีการบังคับให้ซ้อมเชียร์ ใครต้องการเชียร์ก็เข้าไปซ้อมแต่ไม่มีคนมอคอยคะคอกราวกับตะคอกวัวควาย ไม่มีอำนาจมาสั่งลงโทษรุ่นน้อง...เพราะทุกคนเป็นคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน ที่สำคัญคนที่มาว๊าก มาด่า มาสั่งลงโทษ มีสิทธิ์มีอำนาจใดมาสั่ง นอกจากเรียนมาก่อนหนึ่งปี... และเคยผ่านการกลั่นแกล้งมาก่อน ก็พยายามเอาคืนกับรุ่นน้อง.... ก็เท่านั้นเอง..งไม่ต้องอ้างความสามัคคีอะไรหรอก จากคุณ : หมู4X - [ 11 มิ.ย. 52 18:53:51 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เหอๆ ผมว่าผมเข้าใจทั้ง 2 ทางนะ ระบบสังคมบ้านเราผมว่ามันพูดยาก จะบอกว่าเสรีแบบฝรั่งก็ไม่ใช่ ชีวิตหลังจากเรียนจบไปเนี่ย พวกพ้อง เพื่อนฝูง พวกเดียว คณะเดียวกัน มหาลัยเดียวกัน เลือดสีเดียวกัน ถือว่าสำคัญส่วนนึงทีเดียว ถ้ามีพวกนี้อยู่มันทำให้คุณทำอะไรได้ง่ายขึ้น เพราะสังคมเราเป็นระบบอุปถัมป์ ถ้าคุณมีสิ่งเหล่านี้มันก็สบาย รุ่นพี่ช่วยรุ่นน้อง อาจจะไม่รู้จักกันหรอก แต่เห็นว่า มหาลัยเรา คณะเรา รุ่นน้องเรา เฮ้ย กรำงานเข้า เด๋วมาต่อ แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 52 18:59:12 จากคุณ : คุณปลาทอง - [ 11 มิ.ย. 52 18:57:48 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เห็นด้วยกับคห.5 7 8 9 จากคุณ : ผมก็ยังคิดว่าผมหล่อ - [ 11 มิ.ย. 52 19:02:56 ]

ความคิดเห็นที่ 12 โดยระบบผมว่ามันดีและมีประโยชน์ แต่โดยตัวบุคคลผมว่าต้องปรับปรุง ... เอ่อ..สมัยเรียนผมก็เป็นว้ากครับ ... เทพมังกรอวยชัย จากคุณ : ltf06 - [ 11 มิ.ย. 52 19:08:03 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ผมลืมบอกไปว่า.. หลังจากวันรับน้องหมดลงไป พี่ว้าก พี่สันธนาการ พี่สวัสดิการ ทุกคนก็ต่างมาร่วมคุยกัน ยิ้มกันปกติครับ ผมไม่เคยคิดเอาตัวเองไปเทียบบรรทัดฐานกับคนอื่น เพียงแต่ว่าถ้าใครไม่เห็นด้วยก็ไม่ต้องเข้าร่วมก็ได้ครับ แต่ผมก็ไม่อยากให้ผมเห็นกิจกรรมดีๆ หนึ่งต้องหายไปเช่นกัน และผมก็ไม่เคยบอกว่าทุกคนต้องเคารพรุ่นพี่ เลือกเคารพได้เช่นกันครับ แต่รุ่นพี่ไม่เคยเลือกรุ่นน้อง ทุกคนที่เข้ามาศึกษา ทุกคนเป็นน้องเราทั้งนั้น เรากดดันให้น้องรู้จักเข้มแข็ง อดทน ไม่ได้กดดันจนถึงขั้นต้องตาย ต้องเสียชีวิต ไม่ได้บอกด้วยว่า ถ้าทนรับน้องไม่ได้ จะทนแรงกดดันไม่ได้ เพียงแค่ว่า เราสร้างแรงกดดันให้น้อง. รับน้องมีเวลากำหนด ไม่ใช่รับกันจนจบมหาวิทยาลัยนะครับ ผมก็เข้าใจพวกคุณเช่นกัน บางทีระบบรับน้องของแต่ละคนอาจจะต่างกัน จากคุณ : คลิกที่นี่เพื่อส่งข้อความ - [ 11 มิ.ย. 52 19:12:00 ]

ความคิดเห็นที่ 14 และที่ผมตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา นอกจากอยากจะระบายความในใจ และอยากให้สื่อช่วยหยุดโจมตีกิจกรรมดีๆ สักทีครับ ปลาเน่าตัวเดียว มันทำให้ปลาทั้งบ่อตายกันหมดแล้ว สื่อประโคมข่าวกันโครมๆ แบบนี้ คนที่รับน้องแบบสุภาพ รับน้องแบบเคารพกัน ก็ไม่ต้องได้ทำอะไรกันเหมือนกันครับ แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 52 19:15:03 จากคุณ : คลิกที่นี่เพื่อส่งข้อความ - [ 11 มิ.ย. 52 19:14:45 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เข้ามาให้กิ๊ฟ จขกท. พูดยากครับเรื่องแบบนี้  มองต่างมุม  แต่ไม่ใช่เพราะคิดต่าง หากแต่ยืนอยู่คนละจุดจึงเห็นต่าง บ้างว่าดี บ้างว่าไม่ควรมีอยู่ ตอนที่เป็นน้องที่โดนรุ่นพี่รับ ก็รู้สึกอย่างนึง ตอนที่เป็นน้องที่ได้รับรุ่นแล้ว ก็เห็นเป็นอีกอย่างนึง ตอนที่เป็นรุ่นพี่ ที่ต้องมารับรุ่นน้องใหม่ๆ  ก็จะเข้าใจอะไรๆมากขึ้น ตอนที่ไม่แม้แต่จะกว้าเท้าเข้าไปสัมผัส  ได้แต่ยืนวิพากษ์วิจารณ์อยู่ไกลๆ  ก็ต้องเห็นอย่างอื่น แน่นอน การรับน้องมันไม่ใช่เรื่องของการใช้อำนาจ ไปบังคับให้น้องยอมรับ เคารพรุ่นพี่เพียงอย่างเดียวหรอกครับ แต่มันเป็นการกระตุ้นเตือนรุ่นพี่ให้รู้หน้าที่ และบทบาท และความรับผิดชอบในฐานะของความเป็นรุ่นพี่ด้วย ต่างหาก ถ้าเคยเป็นรุ่นพี่ที่ต้องรับผิดชอบกิจกรรมนี้  คุณจะเข้าใจได้ไม่ยาก - ถ้าจะพาน้องไปโดดลงบ่อโคลน(แปลงนา)  รุ่นพี่นั่นแหล่ะครับที่ต้องลงไปก่อน(ที่จะพาน้องๆมาโดด)  เพื่อเคลียร์พื้นที่ ให้แน่ใจว่าโดดลงไปแล้วแค่เลอะเทอะ และต้องไม่มีอันตราย   - ถ้าจะน้องไปวิ่งรอบมหาวิทยาลัย  รุ่นพี่บางส่วน ต้องวิ่งรั้งท้าย หิ้วประเป๋ายา  กระติกน้ำ  อุปกรณ์ปฐมพยาบาล เพื่อความปลอดภัยของน้อง พูดแบบนี้คงมีคนมาอ้า้งถึงกรณีที่เป็นข่าวดังอยู่  ว่ารุ่นพี่ได้ทำหน้าที่ของรุ่นพี่ที่ดีตรงใหน มันเสียไปทั้งระบบตั้งนานแล้วนี่ครับ การรับน้องของสถาบันดังกล่าว ไม่ได้ปลูกฝังความรัก ความสามัคคีขึ้นมาได้ ระบบเสียไปแล้ว  จะคาดหวังอะไรกับฟันเฟืองชิ้นเล็กๆของระบบนั้นหล่ะ นอกจากกิจกรรมบ้าๆบอๆ ที่บางคนต่อต้านแล้ว  มันก็ยังมีกิจกรรม ประเพณีดีๆที่ทำสืบทอดกันมาอีกมาก ซึ่งบางคนอาจจะบอกว่า  ก็ยกเลิกกิจกรรมที่บ้าๆบอๆ  เหลือไว้แต่ที่ดีๆสิ ก็คงต้องบอกว่า มันเป็นส่วนประกอบซึ่งกันและกัน  เมื่อกินเปรี้ยวก่อน รสหวานที่กินทีหลัง จะหวานมากเป็นพิเศษ  ทั้งๆที่มันอาจะเป็นเพียงรสหวานจืดๆเท่านั้น ปล. ผมเป็นคนที่ต่อต้านกิจกรรมรับน้องมาตั้งแต่อยู่ปีหนึ่ง  และไม่เคยเข้าร่วมประชุมเชียร์ หรือกิจกรรมอื่นๆเลย แม้แต่ครั้งเดียว   แต่เมื่อเวลาผ่านไป  จึงคิดเห็นเปลี่ยนไป    บางทีก็เคยรู้สึกเหมือนพลาดอะไรบางอย่างไปเหมือนกัน  แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้พลาดไปซะทุกอย่าง ปล.2  ถ้ามีเวลา ก็อยากเอากิจกรรมรับน้องของที่คณะผมมาเล่าให้ฟังบ้างเหมือนกัน  อาจจะทำให้เห็นภาพของกิจกรรมนี้ชัดขึ้นก็ได้นะ  ^__^ จากคุณ : akeis - [ 11 มิ.ย. 52 19:18:32 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เราก็ผ่านมหาวิทยาลัยที่มีระบบ SOTUS มาเช่นเดียวกัน (แม้สมัยเราอาจจะไม่รุนแรงเท่าสมัยก่อนก็ตาม) แต่เห็นต่างจากคุณ การเคารพ และรักพวกพ้อง เป็นสิ่งที่ดีแต่ว่า................. "การเคารพ" ควรเกิดจาก "พระคุณ" ไม่ใช่ "พระเดช" ข่มเหงให้คนเขากลัว เพื่อแสดงตนว่าใหญ่ ฉันเป็นผู้ใหญ่ แกต้องเคารพฉัน คนเขาก็ไหว้แต่มือ (แต่ถ้าอยากได้แค่นั้นก็แล้วไป) "การให้เกียรติ" ก็ต้องมาจากผู้หนึ่งผู้นั้นมีเกียรติพอที่คนเขาจะให้ ไม่ใช่ยึดเอาว่า ฉันโตกว่าแก ฉันมีเกียรติ การสร้างความสามัคคี ก็ต้องมาจากความรัก ความผูกพันธ์ ไม่ใช่สภาวะการณ์ถูกบีบบังคับ สรุปว่า เรามองว่ากิจกรรมรับน้อง ไม่ควรทำอย่างรุนแรง ถ้าควบคุมไม่ได้ก็เลิกๆ ซะเหอะ เพราะว่าจากที่คุณกล่าวมานั้น กลับทำให้เรามองว่า "การรับน้อง" คือสิ่งดังนี้ 1. เวทีให้พี่ๆ ได้แสดงตนว่าข้าแน่ ข้าใหญ่ พวกเอ็งต้องเคารพ ยำเกรง  เอ็งต้องผ่านด่านรุนแรงนี้หรือไม่ขึ้นอยู่กับข้า ถ้าเอ็งน่าหมั่นไส้ เอ็งต้องโดนหนัก เพราะทำตัวไม่ถูกชะตาข้า เอ็งต้องปรับปรุงให้ตรงใจข้า 2. เป็นเหมือนสนามรบ เพื่อสร้างสถานการณ์ให้คนรู้สึกร่วมเป็นร่วมตาย และรักกัน เพราะอยากจะ "รอดร่วมกัน" จะไปสู้รบตบมือกับใครเหรอ? พ่อแม่ส่งให้มาเรียน เพื่อนดีๆ ไม่ต้องสร้าง ไม่ต้องบีบบังคับหรอก ถ้านิสัยดีมันก็รักกันไปเอง คนเราถ้าเลว มันก็ดีได้ชั่วคราวแค่ตอนที่อยากรอด คุ้มแค่ไหนต้องไปเสียเวลาให้ใจกับคนพวกนั้น จากคุณ : Love Actually is.. - [ 11 มิ.ย. 52 19:22:27 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ผมเองไม่ชอบระบบที่ว่ามานี้ครับ รวมถึงระบบอุปถัมภ์ พวกพ้อง มันทำให้สังคมบ้านเราไม่พัฒนาเท่าที่ควร เพราะยึดกับสิ่งเหล่านี้มากไป ผมเคยเข้าร่วมกิจกรรมที่ว่ามานี้ และผมก็พบว่าผมบ้าหรือเปล่าที่ไปนั่งให้ ใครก็ไม่รู้มาพูดจารุนแรงใส่ ครอบครัวผมยังไม่มีใครทำแบบนี้่กับผม คุณเป็นใครมาทำแบบนี้ ผมรู้ว่ามันคือการแสดง แต่ที่แย่คือผมหาสาระจาก การกระทำแบบนี้ไม่ได้ และยังมีวิธีการอีกมากมายที่จะสื่อออกมาเพื่อเป็นการ ให้ข้อคิดและประสบการณ์ที่ดี ตอนนั้นผมคิดตลอดว่ารุ่นพี่เหล่านั้นมีปมอะไร ในใจหรือเปล่า สังคมมันแย่เลยต้องทำให้ด้านชากับความรุนแรงงั้นหรือ? ทำไมไม่ปลูกฝังความคิดที่ดีให้เป็นรากฐานในคนรุ่นต่อไป มันไม่ดีกว่าหรือ? สำหรับ sotus ผมมองว่ามันดูเป็นระบบที่ไม่เหมาะกับสังคมอุดมปัญญา อย่างในสถานศึกษา สุดท้ายผมเลือกที่จะไม่ร่วมกิจกรรมที่ว่า แต่เพื่อนๆ ผมอินกันจังว่ารุ่นพี่จะไม่รับ บ้าง จะอย่างนั้นอย่างนี้ ผมถามว่าเข้ามหาวิทยาลัยมาทำอะไร แล้วคนเหล่านั้น เป็นใครถึงต้องแคร์มากเหลือเกิน ผมแคร์ครอบครัวผม คนที่ส่งเสียผมเรียนมาก กว่าใครก็ไม่รู้ที่มาพร้อมกับ first impression ที่แย่มากๆ ผมเชื่อว่าหาก หนึ่งสมอง สองมือ ของผมยังทำงานได้ดี หากไร้คนสนใจ เพราะไร้พวกพ้อง ผมขอไปเป็นพลเมืองชั้นสองในประเทศอื่นที่เค้าเห็นฝีมือ ผมจะดีกว่า อย่างน้อยก็ตรงไปตรงมาไม่ลูกเล่นมากแบบคนบางกลุ่มที่บ้าสี บ้าพวกพ้อง ด้วยความเคารพนะครับ แค่ความเห็นของผมคนเดียว จากคุณ : B. - [ 11 มิ.ย. 52 19:29:09 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ไม่มีความคิดให้ยกเลิก มหาวิทยาลัยที่เค้ารับน้องกันดีๆ รับกันแค่พอหอมปากหอมคอ ให้น้องทำอะไรที่มันน่ารัก เขียนหน้าเขียนตากันให้พอขำๆ ไม่อะไรที่มันหยาบโลน ทะลึ่ง ละเมิดทางเพศน้องผู้หญิง ไม่มีบาดเจ็บหรือถึงตาย ก็รับกันต่อไป ไม่ว่าอะไร แต่อะไรที่มันเกินเลย ไม่ถูกไม่ควร มันก็ต้องจัดการไห้มันถูกมันควรซะ เป็นพนักงานคนหนึ่งของมหาวิทยาลัย(แห่งหนึ่ง) ที่นี่ออกกฎห้ามรับนอกสถานที่ ถ้ามี อาจารย์ซวยเป็นรายแรก ซ้อมเพลงเชียร์ไม่เกิน 1 ทุ่ม ไม่มีว๊ากก ไม่มีตะคอก ร้องกันดีๆ เพราะๆ เพื่อเอาไปใช้เชียร์วันกีฬาเฟรชชี่ รับน้องรวมเฮฮา มหาวิทยาลัยจัดให้ 1 วันเต็มๆ วันเดียว แค่นี้ก็เห็นเด็กๆมันก็รักกันดีนิ ส่วนตัวไม่เชื่อระบบโซตัส อะไรที่ดี คนจะเคารพนับถือโดยไม่ต้องบังคับกัน จากคุณ : GRfanclub - [ 11 มิ.ย. 52 19:51:56 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ตอนนี้ผมเรียนจบมาแล้ว กลุ่มรุ่นพี่คณะสมัยเรียก็ยังสนิทสนมกันดีครับ ไปมาหาสู่กันเสมอ ทั้งที่แรกๆแทบจะมองหน้ากันไม่ได้ เพราะระบบที่ว่านี่   สมัยปี 1 เกือบจะไม่ได้เรียนต่อแล้ว โดนกดดันหนัก เพราะไปต่อต้านระบบอย่างนี้ แรกๆก็เข้าครับยินดีทำกิจกรรม1-2 วันแรก แต่ผ่านไปไม่กี่วันเริ่มออกลาย ให้ใส่เกงในอย่างเดียวเดินรอบตึกบ้าง ให้กร้อนผมมาบ้าง  เอาปากกาเขียนหน้าเขียนตาเป็นจำอวดมั่ง  เลยขอบายครับ เกินเหตุใครทำก็ทำ ไม่ได้ขวางโลกนะครับ ไม่ได้ว่าทำซ่า แต่ขอแค่มาเรียนตามที่ตั้งใจ ไม่ได้หาเรื่องใคร คือสังคมผมหาเองได้ไม่ต้องหาให้ คือถ้ามันมีในกฏของมหาลัยผมยินดีทำ แต่นี่แก่กว่าเราปีเดียว มาตั้งกฏขึ้นมาเองซะงั้น แรกๆก็มีปัญหาโดนไซโค ให้เพื่อนไม่คุยด้วยมั่ง มาดักรอมั่งทำหน้าโฉดใส่ เอารุ่นแก่ๆมาเรียกไปเทศนามั่ง - -*   แต่ไงผมมีพวกที่จบมาจากมัธยมเดียวกันคุยอยู่แล้วเลยไม่ได้เดือดร้อนมาก หลังๆไอเพื่อนผมก็ไม่เข้าตาม หนักๆเข้าไอคนที่เข้าอยู่เห็นมีคนไม่เข้าได้ ก็เลยออกมากันเพียบ  สุดท้ายจะเรียกว่าปีนั้นรับน้องล่มก็ได้ เพราะเหลือไม่กี่คนที่เข้ารับต่อ แต่พอเวลามันผ่านไป ไอสิ่งค้างๆในใจมันก็หาย ไงก็ต้องเจอกันทุกวัน เตะบอลด้วยกัน เล่นบาสด้วยกัน ไปๆมาๆก็ซี้กันด้วยกีฬา ตั้งทีมเตะบอลเล่นบาสกันทุกวันรุ่นพี่รุ่นน้องเย็นๆ บ่อยๆเข้าก็ซี้กันไปไหนมาไหนด้วยกัน ลามไปซี้คณะอื่นด้วย เพราะมาเล่นเหมือนกัน มันไม่เห็นต้องพึ่งระบบเลยครับ บางพวกเข้ามีความชอบแบบอื่นเขาก็ไปสนิทกันในชมรมอื่นๆ ศิลป ดนตรี พวกนี้มันสร้างสังคมได้ทั้งนั้น ุทุกวันนี้พวกที่เคยเข้ารับเรียนจบแยกย้ายกันไปตามหน้าที่การงาน หลายคนแทบไม่ได้เจอกัน  แต่ไอพวกที่ไม่เข้ารับน้องแบบพวกผม กลับยังไปมาหาสู่รุ่นพี่เป็นประจำ เพราะเล่นกีฬาเหมือนกัน ไอเรื่องแบบนี้ มันไม่ต้องมาจัดการหรือพยายามสร้างอะไรมันมากอ่ะครับ ใครจะสนิทใครจะซี้ใครจะผูกพันธ์กับใคร มันไปของมันเองได้ จากคุณ : กะละมุงตุ้งแช่ - [ 11 มิ.ย. 52 20:20:36 ]

ความคิดเห็นที่ 20 อยู่ปี 1 ค่ะ อยู่ในช่วงรับน้องอยู่เหมือนกัน จริงๆ แล้วคิดว่าการรับน้องเป็นกุศโลบายเพื่อที่จะให้รุ่นพี่รุ่นน้องรู้จักกัน รักกัน ซึ่งตอนนี้รุ่นพี่ให้คาดผ้าที่หัวเขียนชื่อตัวเองเบ้อเริ่ม(คิดภาพลีซาน) แล้วให้ห้อยสมุดกระจก(เป็นรูปเนคไท) ตลอกเวลาที่อยู่ในมหาวิทยาลัย แล้วสมุดกระจกเนี่ย เค้าให้ไปล่ารายชื่อ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล ของเพื่อนๆพี่ๆ มาให้ได้มากที่สุด ซึ่งการทำแบบนี้ ทำให้เราได้รู้จักเพื่อนๆ พี่ๆ ในคณะ จากบางทีไม่กล้าคุยกัน แต่พอมีกิจกรรมแบบนี้ ทำให้เราได้พูดคุยกัน รู้จักกันมากขึ้น อยู่ที่รุ่นพี่ด้วย ว่าเข้าใจจุดประสงค์ที่แท้จริงของการรับน้องหรือเปล่า แต่ส่วนตัวเชื่อว่าการรับน้องไม่ได้เป็นเรื่องแย่อย่างที่หลายๆ คนเข้าใจอยู่ในตอนนี้หรอกค่ะ จากคุณ : ~ Corona Borealis ~ - [ 11 มิ.ย. 52 21:44:00 ]

ความคิดเห็นที่ 21 . . . นี่แหละครับกระทู้ที่อยากอ่าน เอาเหตุผลมาว่ากัน   . . . จากคุณ : d4b - [ 11 มิ.ย. 52 21:57:33 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ไปเจอมาครับ ไม่ทราบว่าเรื่องจริงรึปล่าวนะครับ การรับน้องใหม่ของมหาวิทยาลัยมีขึ้นครั้งแรกในประเทศในปี พศ.2476จัดโดย คณะแพทยศาสตร์และศิริราช พยาบาล   แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเพราะสมัยนั้น แพทย์ศิริราชและแพทย์จุฬาอยู่รวมกันที่ ม.จุฬาโดยนศ.ศิริราชจะเรียน เตรียมแพทย์ที่คณะวิทย์จุฬา 1 ปีก่อนจะข้ามฟากมาเรียนที่ รพ.ศิริราช แต่เดิมก็เป็นการข้ามฟากมาเรียนธรรมดา ไม่มีประเพณีรับน้อง แต่ในปี พศ.2476 เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นเพราะในการแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตรรุ่นพี่รุ่นน้องจุฬ า   ได้นีนศ.ชายปี1 ต่อยหน้านศ.ศิริราชปี2 และเมื่อสืบทราบว่านศ.ผู้นั้นยังเป็นนักเรียนแพทย์ปี1 อีกก็ยิ่งสร้างความแค้นเคือง ให้แก่รุ่นพี่มาก รุ่นพี่จึงวางแผนคิดจะเอาคืน แก้แค้นรุ่นน้องที่กำลังจะข้ามฟากมาเรียนให้สาสม...แต่เรื่องราวได้รู้ไปถึง หูของ อาจารย์ ท่านจึงได้เข้ามาไกล่เกลี่ยกรณีพิพาทที่เกิดขึ้น ก่อนที่จะลุกลามใหญ่โตเป็นเรื่องราว ให้มีการจัดงานต้อนรับน้องใหม่ขึ้นมา เป็นครั้งแรกในสยามประเทศ โดยการต้อนรับน้องใหม่เป็นอย่างมี มีงานต้อนรับ รับน้องอย่างรื่นเริง โดยไม่มีการว่ากล่าวจากรุ่นพี่   และจัดให้มีการอบรมรุ่นน้องขึ้น เพื่ออบรมสิ่งไม่ดีต่างๆที่รุ่น้องเคยปฏิบัติ และให้อภัยกับสิ่งต่างๆที่รุ่นน้องเคยทำไว้ ...   ผลปรากฏว่าได้ผลด้วยดี รุ่นน้องต่างซาบซึ้งในความมีน้ำใจของรุ่นพี่ ยอมประพฤติตัวกันเสียใหม่ เรื่องราวก็จบลงมาด้วยดี   นับแต่นั้นจึงเกิดประเพณี "รับน้องข้ามฟาก" ของคระแพทย์ศิริราชขึ้นโดยปฏิบัติกันเป็นประจำทุกปีแม้ปัจจุบัน นศ.จะ ไม่ได้เรียนที่จุฬาฯแล้วก็ตามงานนี้ยังเป็นต้นแบบของงานรับน้องของคณะอื่นๆใ นม.จุฬาและมหาลัยอื่นๆอีก ส่วนการ "อบรม"   รุ่นน้องก็ยังคงปฏิบัติกันต่อไป โดยมีอาจารย์และรุ่นพี่ทุกชั้นปีมาเข้าร่วม อาจจะถือว่านี่เป็นการ "ว้าก" งานแรกก็ว่าได้ ______________________________________________________ ถ้าเป็นอย่างนี้การรับน้องเป็นประเพณีที่ดีนะครับ แต่ เด็กรุ่นใหม่ๆบางกลุ่มกลับเอาประเพณีมาใช้ โดยที่ไม่เข้าใจวัตถุประสงค์ของการรับน้อง จากคุณ : มาร์ค แอนโธนี่ - [ 11 มิ.ย. 52 22:03:32 ]

ความคิดเห็นที่ 23 การรับน้องใหม่ตามวิธีของ จขกท. ไม่มีข้อดีหรอกครับ คนที่เข้าก่อนส่วนใหญ่รู้ดี เขาทนๆเข้าไปเพราะถูกบังคับเกือบทั้งหมด ผมเองก็โดนด้วย โดยอ้างว่า ถ้าไม่มา เพื่อนที่เหลือจะโดนลงโทษ แล้วจะให้ทำไง ข่าวการตัดรุ่นคนไม่มาก็มีทุกปี  มีการเขม่น ข่มขู่    จนต้องลาออก หรือ เดินออกจากมหาลัยไปเอง  แล้วอย่างนี้จะให้บอกว่ามานดี จนต้องถนอมรักษามานไว้หรือ?   คนรุ่นผมเจอมามากแล้วน่ะ หยุดๆๆกันบ้างสิ   สอนตัวรุ่นพี่เองให้รักคนอื่นๆ รักพ่อแม่น้องๆบ้าง   แค่ได้ยินคำว่ารับน้องๆๆๆ น้องเป็นลมเป็นแล้ง ท่านก็ใจเสียเเล้ว แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 52 09:39:46 จากคุณ : Rarm41 - [ 12 มิ.ย. 52 09:38:05 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ผ่านรับน้องมานานแล้วเหมือนกัน ความโหดระดับปานกลาง คือเน้นเหนื่อย และร้องเพลง ไม่มีการทำอะไรสกปรกหรือ ทำให้บาดเจ็บร่างกาย ช่วงนั้นจบมาจากโรงเรียนใส ๆ เลยครับ เชื่อทุกอย่างที่พี่พูด และอินกับการประชุมเชียร์มาก เป็นช่วง เวลาที่จำได้แม่นมาก แรก ๆ รู้สึกหลอน ๆ แต่พอจบมามองว่ามันขำ ๆ มากกว่า ส่วนเรื่องที่ว่าได้อะไรจากการรับน้อง ถือว่าได้เห็นนิสัย ของเพื่อนแต่ละคน ผมคิดว่าประโยชน์อยู่ที่ตรงนี้มากกว่าคือ ทำให้เรารู้ว่าเราน่าจะไปได้ดีกับคนประเภทไหน สุดท้ายที่สนิทกันจริง ๆ ก็เหลือไม่กี่คน ยังขำตัวเองไม่หายที่ดีใจ จนร้องไห้กอดกับเพื่อนผู้ชายอีกคน เพราะพี่ประกาศว่าสอบผ่านรุ่น (ดีใจกว่าเอ็น ฯ ติดอีก) ส่วนเรื่องการกินเหล้าก็เพิ่งเคยกินครั้งแรกเพราะถูกพี่บังคับ ตอนนั้นแอนตี้มากว่าทำไมต้องมาทำกันแบบนี้ ผมรู้สึกแย่มาก ไม่คิดว่าสถาบันนี้จะเป็นแบบนี้เลย แต่หลังจากนั้นเริ่มรู้สึกว่าเหล้าก็อร่อยดี กินถี่ ๆ อยู่ช่วงปีหนึ่งปีสอง แล้วก็บังคับรุ่นน้องกินต่อไป ปัจจุบันเลิกกินเหล้าแล้ว อาจจะมีบ้างนาน ๆ ครั้งเพราะคิดว่า สิ้นเปลืองและไม่มีประโยชน์ ส่วนตัวผมเห็นด้วยกับการรับน้องที่มีขอบเขต ทำกิจกรรมที่มีประโยชน์ การกดดันต่าง ๆ ผมเชื่อว่าสมัยนี้เด็กค่อนข้างฉลาดขึ้น คงไม่เชื่อที่รุ่นพี่ พูดง่าย ๆ เหมือนตอนผม หรือบางคนรู้ แต่ก็ยอมทำเพราะอยากดูว่า รุ่นพี่จะมาไม้ไหน บางคนก็อยากได้ชื่อว่าผ่านการรับน้องแล้วเป็นยังไง สิ่งสำคัญคือรุ่นน้องต้องเต็มใจการรับน้องถึงควรจะมีต่อไป ผมคิดว่าบางสถาบันเท่านั้นแหละที่ปลูกฝังกันแบบผิด ๆ ถ้าคุณรักสถาบันคุณก็ไม่ควรจะใส่ชุดประจำสถาบันไปทำเรื่องไม่ดี ทำสิ่งที่สร้างชื่อเสียงให้กับสถาบัน (ด้านบวก) สุดท้ายยังไงคนเราก็มีทั้งสีขาวสีดำ เหมือน Angel & Demon เราไม่ควรไปเหมารวมว่าสถาบันไหนดีไปหมดหรือแย่ไปหมด จะรุ่นพี่รุ่นน้องทำอะไรขอให้ใช้สติ รู้จักนึกถึงใจเขาใจเรา ก็ได้แต่หวังให้คนที่ยังคิดไม่ได้ ได้คิดได้ซะที จากคุณ : ปึงเจ็กตี่ - [ 12 มิ.ย. 52 13:54:08 ]