ความคิดเห็นที่ 1 วันศุกร์  ที่  4 สิงหาคม  2504  เวลา 10 โมงเช้า...เด็กหญิงคนหนึ่งได้คลอดออกมาจากครรภ์มารดาท่ามกลางความแร้นแค้น  และทุกข์ระทม  ชีวิตของเธอรอดอยู่ได้ด้วยการช่วยเหลือตามมีตามเกิดของเพื่อนบ้านใกล้เคียง            ไม่มีแพทย์-พยาบาล-หรือแม้กระทั่งหมอตำแย! เกิดได้ตามยถากรรมจริง ๆ แม่ของเธอต้องต่อสู้ชีวิตลำพังตนเอง  คลอดลูกเอง  อยู่ไฟเอง  แล้วก็หาเลี้ยงลูก ๆ เอง  ด้วยความลำบากยากแค้นนี้  จึงตั้งชื่อลูกคนนี้ว่า            รำพึง  จิตรหาญ            ซึ่งอีก 20  กว่าปีต่อมา  ได้กลายเป็นพุ่มพวง  ดวงจันทร์  นักร้องลูกทุ่งชื่อดังที่สุดแห่งยุคจนได้รับการยกย่องว่าเป็น  ราชินีลูกทุ่ง            ถ้าหนูน้อย  รำพึง  จิตรหาญ  ตายไปเสียตั้งแต่วันที่เกิดมาอย่างยากแค้นแสนเข็ญ  วงการเพลงลูกทุ่งไทยก็ย่อมไม่มี  พุ่มพวง  ดวงจันทร์            และถึงตอนนี้-บัดนี้ใคร ๆ ก็รักเธอ            แม่ตั้งชื่อจริงของลูกสาวว่า รำพึง  จิตรหาญ  แล้วตั้งชื่อเล่น ๆ ว่า “อีผึ้ง”  เหตุผลของแม่ก็คือเมื่อเล็ก ๆ มันแสนงอน            แม้ว่าพ่อของผึ้งจะไม่ค่อยใส่ใจใยดีกับครอบเท่าไหร่  แต่ก็ยังทำน้อง ๆ ให้ผึ้งช่วยแม่เลี้ยงดูอีกตั้ง 7 คน เมื่อแม่ออกไปรับจ้างตัดอ้อย  ผึ้งก็ต้องร้องเพลงกล่อมน้อง  คนโน้นหลับก็มากล่อมคนนี้  ร้องเพลงกล่อมน้องอยู่ตั้งหลายปี  เมื่อน้องนอนหลับหมดแล้ว ผึ้งต้องหุงข้าวทิ้งเอาไว้ให้น้องกินเมื่อตื่นขึ้น  ส่วนผึ้งเขาออกไปเก็บดอกไม้ป่า เอามากำไปขายตามโรงงาน***บอ้อย            วิธี การขายดอกไม้ป่าของผึ้งก็คือต้องร้องเพลงให้ลูกค้าซึ่งเป็นหนุ่ม ๆ สาว ๆ โรงงานฟังเมื่อเพลงจบเธอจึงจะขายดอกไม้ได้ ในราคากำละ 3 บาท            เสียงของผึ้งเป็นที่ชื่นชอบของบรรดาคนงานในละแวกนั้น ทุกคนชอบเสียงเพลงของเธอโดยรวมเอาความสงสารและเห็นใจในความยากจนเข้าไว้ด้วย  เพราะว่าผึ้งมันตัวเล็กนิดเดียว แต่ร้องเพลงขายดอกไม้ช่วยแม่  และเลี้ยงน้อง ๆ อีกหลายคน            เมื่ออายุได้ 10 ขวบ พ่อซึ่งแอบภูมิใจในแววนักร้องของลูกสาว  จับผึ้งซ้อนมอเตอร์ไซค์คันคร่ำคร่า  พาไปประกวดร้องเพลงตามงานวัด  ร้องเพลงจนอายุ17 พ่อ ก็พาผึ้งเข้ากรุงเทพฯ โดยไปฝากกับ ไวพจน์  เพชรสุพรรณ นักร้องชื่อดังซึ่งเป็นชาวสุพรรณบุรีด้วยกัน            นั่นคือบันไดขั้นแรกที่ผึ้งก้าวเข้าสู่วงการเพลง            ไวพจน์  เพชรสุพรรณ  รับผึ้งไว้ในฐานะลูกบุญธรรม  เด็กหญิงผึ้งช่วยงานทุกอย่าง  จน กระทั่วในที่สุดวันที่เธอใฝ่ฝันก็มาถึง  ผึ้งได้ขึ้นเวทีร้องเพลงที่วัดบ่อทอง  ในนามของ  น้ำผึ้ง  เมืองสุพรรณ            เสียงอันมีมนต์ขลังของเธอจบลงด้วยเสียงปรบมือและโห่ร้องด้วยความพอใจ ผึ้งได้รับค่าตัวจากการร้องเพลง 30 บาท  แล้วก็ขยับขึ้นไปเรื่อย ๆ เงินทุกบาทเธอส่งกลับไปให้แม่            นี่คือความดีที่มีอยู่เต็มหัวใจของผึ้ง            ต่อมา...มนต์  เมืองเหนือ ได้พบผึ้งบนเวทีแห่งหนึ่ง เขาจึงตกลงให้เธอมาร้องเพลงอัดแผ่นเสียงแล้วเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น พุ่มพวง  เพชรอีสาน  แต่ผึ้งไม่ชอบ  มนต์ เมืองเหนือ  จึงตั้งชื่อเสียใหม่ว่า พุ่มพวง  ดวงจันทร์            เมื่อเพลงของ พุ่มพวง  พวงจันทร์  ออกสู่ตลาดสถานีวิทยุทุกแห่งทั่วประเทศเปิดเพลงของเธอออกอากาศ  ติดต่อกันแทบทุกวัน  จากวันนั้น ชื่อเสียงของ พุ่มพวง   ดวงจันทร์  ก็ดังสนั่นไม่ว่าเด็ก – ผู้ใหญ่ใคร ๆ รู้จัก และชื่นชมเธอทั้งนั้น            พุ่มพวง  ดวงจันทร์  ดังยิ่งขึ้นเรื่อย  ๆ รูปร่าง  หน้าตาเซ็กซี่  และลีลาการเต้นตลอดจนเสียงอันมีมนต์ขลัง  ปลุกและเร้าใจให้คนฟังสนุกสนานเป็นที่ชื่นชอบของแฟนเพลงทุกสารทิศ            เธอก้าวขึ้นสู่การเป็นนักร้องลูกทุ่งสาวชั้นแนวหน้าแล้วก็ล้ำเลยหน้าใคร ๆ ไปจนมองไม่เห็นฝุ่น  และถึงแม้จะพุ่มขึ้นมาจนถึงสุดยอดแล้วก็ตาม  พุ่มพวง  ดวงจันทร์  ยังก้าวต่อไปอีกอย่างไม่หยุดยั้ง  เหนือชั้นกว่าบรรดาขุนพล-ขุนทัพ  เพลงลูกทุ่งในอดีตนั่นคือ  เธอกำลังพุ่งเข้าสู่การเป็นลูกทุ่งสาวดิสโก้  หรือจะเรียกว่า ลูกทุ่งสตริง ลูกทุ่งอินเตอร์  ก็สุดแท้แต่จะเรียก            พุ่มพวง  ดวงจันทร์  เอาชนะใจแฟนเพลงวัยรุ่นได้เพราะเพลงของเธอกำลังดังระเบิดในบาร์ดิสโก้  เพลงที่มีจังหวะและลีลาสนุกสนานถูกใจนักดิ้น  พุ่มพวง  ดวงจันทร์  ประทับใจแฟนเพลง ทุกระดับ  ตั้งแต่คอนเสิร์ต  งานวัด  งานสวนสนุก  ไปจนถึงคอนเสิร์ต ตามโรงแรมชั้นหนึ่ง ศูนย์การค้า อย่างมาบุญครอง หรือเซ็นทรัล  และแม้กระทั่งบาร์ดิสโก้อย่างปาป้าวิภาวดี ใน จอทีวี  หรือวิทยุทรานซิสเตอร์            ลูกทุ่งสาวอย่างพุ่มพวง  ดวงจันทร์ เหนือชั้นใคร ๆ ได้ก็เพราะเธอมีนักแต่งเพลงระดับมหากาฬคอยป้อนผลงานใหม่ ๆ ให้ มีคู่คิดทันสมัยอย่างไกรสร  แสงอนันต์ และมีที่ปรึกษาอย่างอาจารย์ไพจิตร  ศุภวารี  จึงมั่นใจได้ว่า  พุ่มพวง  จะยังดังทะลุฟ้าพุ่งทะยานอีกต่อไป ถ้าไม่มีเหตุการณ์อันเป็นอุปสรรคใด ๆ มายับยั้ง            ใครจะนึกบ้างว่า “อีผึ้ง” เด็กสาวยากไร้  แห่งตำบลบ่อสุพรรณ  อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี จะกลายเป็นราชินีลูกทุ่งดังสุดขีดในขณะนี้ จากคุณ : nong2b - [ 17 มิ.ย. 52 15:20:14 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ศิลปินของชาติ”            กล่าวสำหรับ พุ่มพวง  ดวงจันทร์  เธอเกิดมาเพื่อเป็น “ศิลปิน”  โดยแท้  ถึงแม้ไม่ได้รับการเปิดโอกาสให้เป็นนักร้องอาชีพเมื่ออายุเพียง 11 ปี  และสามารถจัดตั้งวงดนตรี เป็นของตนเองเมื่ออายุ 14 ปี ชีวิตของ  พุ่มพวง  ดวงจันทร์  ก็จะต้องรุ่งโรจน์ในฐานะ “แม่เพลง”  คนดังแห่ง เมืองสุพรรณอย่างไม่ต้องสงสัย            โดยน้ำเสียงอันมากด้วยพลัง  ด้วยการแสดงออกที่เป็นธรรมชาติ  ทั้งดวงตา อากัปกิริยา  แห่งการย่างเยื้องชำแลงแล  ทุกอย่างล้วนมีเสน่ห์เป็นที่ประทับจับจิตจับใจไปหมด            เธอจึงไม่เพียงเป็น “ศิลปิน”  โดยกำเนิด  หากแต่ในความเป็น “ศิลปิน”  ของเธอนั้นยังอยู่ในจังหวะอันเหมาะสมแห่งโอกาสของการแสดงออก  ทำให้เพลงลูกทุ่งอันเป็นรากแก้วอย่างแท้จริงของสังคมไทยสอดสวมเข้าไปในธุรกิจบันเทิงสมัยใหม่ได้อย่างเหมาะเจาะ            จุดเด่นเป็นอย่างมากของ พุ่มพวง  ดวงจันทร์  มิได้อยู่กับความสามารถอันเป็นสมบัติซึ่งติดตัวเธอมาแต่กำเนิด  หากแต่อยู่กับองค์ประกอบทางการตลาด  การปรับศิลปะและธุรกิจให้ประสานกันได้อย่างกลมกลืน            เป็นการเสริมเติมฐานที่มั่นของเพลงลูกทุ่งให้มั่นคงและมีความเป็นสมัยใหม่มากยิ่งขึ้นในยุคแห่งเทคโนโลยี            พุ่มพวง  ดวงจันทร์  จึงไม่เพียงแต่จะได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงในหมู่คนชนบทอันมีจำนวนมหาศาลทั่วประเทศเท่านั้น  หากแม้กระทั่งปัญญาชนชั้นสุงอย่างศาสตราจารย์คุณหญิงจินตนา  ยศสุนทร  และผู้ดีรัตนโกสินทร์ระดับนายอานันท์  ปันยารชุน  ก็เป็นแฟนของเธอด้วย            กล่าวในแง่การศึกษา  พุ่มพวง  ดวงจันทร์  เรียนน้อยอย่างยิ่ง  หนังสือก็อ่านไม่ออก  ที่เธอ  ร้องได้แสดงได้ก็ด้วยความเพียรพยายามโดยแท้  และโชคดีที่เธอมีพรสวรรค์ด้านเสียงและความสามารถในการแสดงออก            เหล่านี้คือคุณสมบัติอันเป็นของเธอเอง            อย่างไรก็ตาม ลำพังแต่พรสวรรค์อย่างเดียว  อาจทำให้คนคนหนึ่งประสบความสำเร็จได้แต่ก็จะยังไม่ถึงขั้น “ซูเปอร์สตาร์”  อย่างเด็ดขาด            หากไม่มีผู้จัดการและบุคคลที่เข้าใจในความสามารถนั้น ๆ นำเอาความสามารถเหล่านั้นมาเจียระไนตกแต่ง  ทำให้เหมาะสมสอดรับกับจังหวะ  ก้าวแต่ละก้าวของวงการศิลปะและความบันเทิงอย่างชนิดเป็นความต้องการของผู้บริโภคอย่างแท้จริง            ในจุดตรงนี้  ผู้คนจำนวนไม่น้อยลงความเห็นว่าเป็นความสามารถของ ไกรสร แสงอนันต์ ซึ่งเป็นสามีและผู้จัดการของ พุ่มพวง  ดวงจันทร์  ไปด้วยในขณะเดียวกัน            แม้ว่าโดยภาพของ ไกรสร  แสงอนันต์  ที่ โดดเด่นและตกเป็นขี้ปากของวงการสื่อสารมวลชนคือภาพของหนุ่มรูปหล่อที่พร้อม จะใช้เสน่ห์แห่งความเป็นชายเพื่อพิชิตและครอบครองหัวใจของสตรี ข่าวต่าง ๆ เกี่ยวกับไกรสรในชั้นหลังมีจุดหนักไปในด้านที่เขาทอดทิ้งพุ่มพวงภายหลังจาก เธอป่วยเจ็บและมิอาจทำงานศิลปะต่อไปได้            นั่นเป็นจุดอับอย่างยิ่งสำหรับชายหนุ่มคนนี้            อย่างไรก็ตาม  หาก ตัดความสัมพันธ์ส่วนตัวที่กลายเป็นปมปัญหาออกไป พิจารณาแต่เพียงในด้านที่ไกรสรและพุ่มพวงเกื้อกูลต่อกันและกันก็จำเป็นต้อง ยอมรับว่า  เมื่อพุ่มพวงมาเกี่ยวข้องกับไกรสร  ฝ่ายหลังได้มีส่วนอย่างสำคัญก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง            รูปลักษณ์ของพุ่มพวงกลายเป็นนักร้องลูกทุ่งที่สวมใส่อาภรณ์ทันสมัย  เหมาะรับกับบุคลิกของตนเองได้อย่างมีรสนิยม            ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อนักแต่งเพลงประจำตัวได้แต่งเพลงอย่างขุดลึกเอาจุดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของพุ่มพวงออกมาให้ปรากฏ  ทั้งเนื้อร้อง  ทำนองและเสียงร้องตลอดจนการแสดงในแต่ละฉากตอนล้วนกลมกลืนอันอย่างชนิดเป็นหนึ่งเดียว            ภาพของพุ่มพวง  เสียงของพุ่มพวง  ผลผลิตในทางศิลปะของพุ่มพวง  ล้วนปรากฏขึ้นอย่างสมบูรณ์ครบถ้วน            เป็นลูกทุ่งในยุคไฮเทค  สำแดงออกอย่างสุภาพนุ่มนวล  แม้จะเป็นเพลงอันสะท้อนถึงเนื้อหาที่ล่อแหลมต่อศีลธรรมจรรยา  แต่ก็ฟังดูน่ารัก  น่าหยิกเมื่อผ่านการแสดงออกโดย  พุ่มพวง  ดวงจันทร์ อันเป็นที่รักของประชาชน พุ่มพวง ดวงจันทร์” ไปโชว์ “พี่ไปดู..หนูไปด้วย” ที่อเมริกา            ตระเวนเล่น 2 เดือน ลาว, ญวน, เขมร ฮือฮา ราชินีลูกทุ่งขนานแท้            “พุ่มพวง ดวงจันทร์” ราชินีลูกทุ่งขนานแท้ ที่ไม่มี พ.ศ. หรือคำอื่นใดต่อท้ายชื่อ นอกจากนามสกุลในการแสดง ว่า “ดวงจันทร์” ยังไปโลดสำหรับ พ.ศ. นี้ เพราะเพลง แต่ละชุดที่ออกมาต่อเนื่องกันนั้นทุกชุดสร้างอารมณ์ครื้นเครงให้กับคนฟัง ทุกระดับชั้น ขนาด ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล ยังเป็นแฟนเพลงของเธอตลอดกาล            กับเพลงชุด “หนูไม่รู้” และ “หนูเปล่านา” ดังระเบิดติดต่อกันมาข้ามปี และยัง    ท็อป ฮิตในหมู่ผู้นิยมฟังเพลงอยู่ “พุ่มพวง ดวงจันทร์” ก็มีเพลงชุดใหม่ออกมาอีกคือ “พี่ไปดู…หนูไปด้วย” ปรากฏเป็นที่ชื่นชอบของแฟนเพลง ยอดจำหน่ายตลับเทปสูสีไม่แพ้เพลงชุดก่อน ๆ ของเธอ            มี รายงานข่าวจาก “พี.ดี.โปรโมชั่น” โดย อจ.ไพจิตร ศุภวารี ว่าประมาณกลางปีนี้ “พุ่มพวง ดวงจันทร์” จะบินไปแสดงคอนเสิร์ตเปิดอัลบั้มชุดใหม่ “พี่ไปดู…หนูไปด้วย” ที่สหรัฐอเมริกาเป็นครั้งที่สาม ทั้งนี้ได้รับคำตอบตกลงจาก “เชาว์ บูรณะสมบัติ” นักธุรกิจใหญ่ และเจ้าของห้องอาหารเทพรสเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ใช้เวลาแสดงถึงสองเดือนเต็ม            “ไม่ เพียงแต่คนไทยในสหรัฐจะนิยมชมชอบเธออย่างสูง คนลาว, คนญวน และคนเขมรอพยพที่นั่นยังเป็นแฟนเธออีกจำนวนมาก ก็น่าชื่นใจแทนเธอครับ” อจ.ไพจิตร ศุภวารี ผู้จัดการคนล่าสุดของราชินีลูกทุ่งสาวกล่าว ก็เป็นอันรู้กันว่ากลางปี 2532 นี้ “พุ่มพวง ดวงจันทร์” ต้องเดินทางไปตระเวนโชว์ตัวในอเมริกาถึงสองเดือนเต็ม ตอนนี้เธอยังเป็นขวัญใจของคนกรุงเทพฯ และคนภูธรอยู่ทางนี้ ไปเมื่อไหร่คิดถึงเธอก็เปิดเทปฟังแก้เหงาไปก่อนก็แล้วกันครับ จากคุณ : nong2b - [ 17 มิ.ย. 52 15:21:01 ]

ความคิดเห็นที่ 3 พุ่มพวง ไกรสร เผย…ขั้นตอนรักจริงหวังแต่งงาน            เป็นข่าวซุบซิบกันใหญ่ทั้งในหน้าหนังสือพิมพ์รายวัน            ซุบซิบกันทั้งคนในวงการและคนนอกวงการ สำหรับความรักใหม่ของ ไกรสร แสงอนันต์ และ พุ่มพวง ดวงจันทร์ นางเอกหนังราชินีลูกทุ่ง            มามีข่าวหนาหูก็เมื่อสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา            มีการวิพากษ์วิจารณ์กันยกใหญ่            มีทั้งวิจารณ์ไปในทางที่ดีและไม่ดี แต่ส่วนใหญ่จะมองความรักของคนทั้งสองไปในทางไม่ดีเสียมากกว่า            ข่าวคราวของคนทั้งสองที่รู้ ๆ กันมันเป็นเพียงข่าวที่ซุบซิบกันเสียส่วนใหญ่            เท็จจริงแค่ไหนยังไม่ได้มีการประกาศออกมาเป็นทางการ ทั้งแฟนหนังและแฟนเพลงของพุ่มพวง ดวงจันทร์ ต่างก็มีความสงสัยในข่าวที่ลือกันอยู่            ไม่ต้องสงสัยละครับข่าวที่เล่าลือกันอยู่นั้นมันเป็นความจริง            ทั้งเธอและเขาต่างก็ยอมรับว่ามันเป็นความจริง            “คน เรารักกันมันไม่ใช่เรื่องเสียหายนี่คะ และผึ้งก็ไม่เคยคิดที่จะปิดบังเรื่องนี้หรอกค่ะ ใครถามผึ้งก็บอกตรง ๆ ว่าตอนนี้ผึ้งกับพี่ปุ้มนั้นรักกันอยู่ และผึ้งเองก็คิดว่าจะบอกกับแฟนเพลงของผึ้งให้ทราบด้วยค่ะ”            เธอยอมรับทุกอย่างว่ามันเป็นความจริง ซึ่งผิดกับดาราและนักร้องบางคนที่ยังคงปฏิเสธในเรื่องเหล่านี้            “ผึ้ง เห็นว่ามันไม่น่าจะเสียหายตรงไหน ผึ้งเป็นนักร้อง ผึ้งขายเสียง แฟนเพลงของผึ้งส่วนใหญ่เขาชอบในเสียงชอบในการแสดง การที่ผึ้งมีแฟนมันไม่ใช่เรื่องเสียหายความจริงเขาน่าจะดีใจมากกว่าว่า ศิลปินที่เขารักนั้นกำลังมีความสุขอยู่ทั้งบนเวทีและหลังเวที พี่คิดเหมือนผึ้งมั้ยคะ”            ก็ จริงอย่างที่เธอพูดทุกอย่าง การที่มีคนรักนั้นมันไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ในสมัยนี้แฟนเพลง แฟนหนัง ต่างก็เริ่มมีความเข้าใจในเรื่องนี้กันแล้ว            แต่หลายคนอาจจะยังสงสัยว่าทำไมความรักของเขาทั้งสองนั้นถึงได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ไปในทางที่ไม่ดี            เรื่อง นี้เราต้องมองย้อนไปในอดีตว่า พุ่มพวง ดวงจันทร์ เธอได้เคยมีสามีมาก่อน ซึ่งสามีเธอนั้นก็คือ ธีระพล แสนสุข ผู้จัดการวงดนตรีของเธอนั่นเอง            ต่างคนต่างก็มีปัญหาเรื่องความรัก เมื่อมาพบกันเข้าก็เริ่มมีความเข้าใจซึ่งกันและกัน            พบกันที่กองถ่าย “มนต์รักนักเพลง” ของครู รังสี ทัศนพยัคฆ์ เพราะทั้งสองเล่นหนังเรื่องนี้ด้วยกัน            “ก็ ประมาณสองเดือนกว่า ๆ จะสามเดือนแล้วครับที่ผมกับผึ้งรู้จักกัน ผมพยายามทำทุกอย่างให้ผึ้งเห็นว่าผมนั้นรักเธอด้วยความจริงใจ ไม่ได้หวังผลประโยชน์จากเธอ”            “ผมก็คนมีอาชีพเรื่องอะไรที่จะไปเกาะชายกระโปรงผู้หญิงกินล่ะครับ”            “ผม ไม่โทษโกรธใครหรอกครับที่คิดอย่างนั้น ในเมื่อผึ้งนั้นเธอมีเงินมีทองคนก็เลยมองผมในแง่ไม่ดี และอีกอย่างหนึ่งก็คือเรื่องในอดีตของผม ซึ่งมีหลายคนทีเดียวเข้าใจผิดคิดว่าการที่ผมอยู่กับแฟนเก่าผมนั้นผมเกาะ ชายกระโปรงเธออยู่ ความจริงไม่ใช่เลยครับ ผมต่างหากที่เป็นฝ่ายช่วยเหลือเธอ”            “จริง อยู่ที่เธอเป็นคนมีเงินแต่ทว่าเธอเป็นนักการพนันที่เล่นเสียจนแทบหมดเนื้อ หมดตัว แม้กระทั่งก่อนที่เราจะเลิกกันผมก็ยังได้จ่ายเงินใช้หนี้แทนเธอไปเกือบ 8 แสนบาททีเดียว อย่างนี้จะเรียกว่าผมเกาะชายกระโปรงของผู้หญิงได้อย่างไรครับ”            “ความ จริงผมก็ไม่อยากพูดหรอกครับเรื่องนี้ ผมเคยคิดว่าเรื่องมันผ่านไปแล้ว แต่ถึงเวลานี้ผมต้องพูดเพราะต้องการเคลียร์ตัวเองให้บริสุทธิ์เพื่อให้ทุกคน รับรู้ว่าผมไม่เคยเกาะชายกระโปรงผู้หญิงและไม่คิดที่จะเกาะชายกระโปรงของ ผึ้งด้วย”            “เรารักกันต่างหาก ผมไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวการงานของเธอ เงินทองของเธอผมก็ไม่เคยแตะ เราต่างคนต่างทำงานครับ”            ทางด้านพุ่มพวงเธอเล่าให้ฟังว่า            “ผึ้งรู้จักพี่ปุ้มมานานแล้วค่ะประมาณปีหนึ่งเห็นจะได้ ผึ้งกับพี่ปุ้มเคยถ่ายแบบด้วยกัน ตอนนั้นก็ไม่ได้รู้สึกอะไรหรอกค่ะ”            “ผึ้งกับพี่ปุ้มมารักกันก็ตอนที่เราทั้งสองต่างก็มีปัญหาเรื่องแฟนด้วยกันทั้งคู่ พอได้พูดคุยกันก็รู้สึกว่าเราจะไปกันได้”            “ตอน แรก ๆ ก็มีความรู้สึกว่ากลัวเหมือนกัน เพราะเคยมีคนมายุผึ้งหลายคนเลยค่ะ พยายามหาผู้ชายคนโน้นคนนี้มาให้ หาว่าพี่ปุ้มเจ้าชู้จะมาหลอกผึ้งบ้าง แต่ผึ้งไม่เชื่อค่ะ เพราะว่าผึ้งได้พิสูจน์มาแล้ว และทุกวันนี้พี่ปุ้มก็ไม่ได้มายุ่งยากกับผึ้งเลย ตรงกันข้ามพี่ปุ้มพยายามช่วยเหลือผึ้งทุกอย่าง”            “บาง ครั้งผึ้งก็รู้สึกสงสารพี่ปุ้มเหมือนกันที่บางคนไม่เข้าใจพี่ปุ้มหาว่าพี่ ปุ้มจะมาหลอกผึ้ง ผึ้งรู้ว่าพี่ปุ้มคิดมาแต่พี่ปุ้มแกก็ไม่ได้ว่าอะไร บอกแต่ว่าให้กาลเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ดีกว่า”            ถ้าเราจะมองไป ความรักของทั้งสองก็เพิ่มจะเริ่มต้นเท่านั้น แต่เขาก็ได้วางเป้าหมายเอาไว้ว่าในอีก 6 เดือนข้างหน้านี้ (ประมาณเดือนสิงหาคม) เขาทั้งสองจะทำพิธีแต่งงานอย่างเป็นทางการซะที เพื่อที่จะป่าวประกาศให้ชาวพาราไดรับรู้โดยทั่วกัน            “ที่ผึ้งคิดว่าจะแต่งงานในอีก 6 เดือนข้างหน้านี้เพราะผึ้งต้องการที่จะเคลียร์งานทุกอย่างให้ผ่านไปให้หมดค่ะ โดยเฉพาะเรื่องหนังผึ้งรับไว้หลายเรื่องตอนนี้คิดว่า 6 เดือนคงจะปิดกล้องหมดค่ะ”            “แต่งงานเมื่อไรแล้วค่อยรับหนังใหม่อีกทีหนึ่ง”            และตอนนี้ ไกรสร แสงอนันต์ ก็ได้ทำการหมายหมั้นสู่ขอ พุ่มพวง ดวงจันทร์ ที่กำลังโด่งดังอยู่ขณะนี้            วิถีชีวิตของคนเรานั้นจะเอาแน่นอนอะไรได้            สิ่งที่ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ก็เป็นไปแล้ว แล้วจะเป็นอย่างไรต่อไปก็ไม่มีใครสามารถบอกได้            นี่แหละที่เขาเรียกว่าชีวิต            ชีวิตที่ใครก็ไม่รู้ลิขิตขึ้นมา…            หรือว่าตัวเอง? เง็ง…จริง ๆ ๆ ๆ จากคุณ : nong2b - [ 17 มิ.ย. 52 15:21:31 ]

ความคิดเห็นที่ 4 พุ่มพวงคลอดลูกชาย...             นักร้องสาวยอดฮิต “พุ่มพวง ดวงจันทร์” เข้าโรงพยาบาลพญาไททำการผ่าตัดคลอดเรียบร้อย ได้ลูกชายเป็นทายาทสมใจ…เมื่อเวลา 05.38 น. ของวันจันทร์ที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา..            บรรยากาศภายในห้องพักคนไข้พิเศษหมายเลข 450 บนชั้น 4 ของโรงพยาบาลพญาไท แน่นขนัดไปด้วยไม้หอมกรุ่นและของเยี่ยมมากมาย.. คุณพ่อคนใหม่ “ไกรสร แสงอนันต์” ออกมาต้อนรับทีมข่าวของดาราภาพยนตร์ด้วยใบหน้าที่สดใสเต็มที่ และเมื่อพบกับคุณแม่คนใหม่ คือ หนูผึ้ง “พุ่มพวง ดวงจันทร์” ซึ่งยังมีอาการอิดโรยอยู่มาก เพราะเจ้าตัวบอกว่า            “เพิ่งฟื้น…คุยรู้เรื่องเมื่อเช้านี้เองค่ะ…เมื่อวานทั้งวันสะลึมสะลือไม่รู้เรื่องเลย…รู้แต่เจ็บมาก ๆ เพราะต้องผ่าออก…ซึ่งความจริงผึ้งตั้งใจไว้ว่าจะคลอดด้วยตัวเอง…แต่พอมาถึงโรงพยาบาล คุณหมอทำคลอดของผึ้ง คือ คุณหมอดิเรก ลิมจิตติ เอ็กซเรย์ดูแล้วบอกว่า…ไม่ สามารถจะคลอดเองได้แน่ต้องผ่าออก เพราะเด็กตัวโตมาก ๆ แต่ก็ยังพยายามนะคะ คือตั้งใจแล้วว่าจะคลอดเอง พอเข้าห้องคลอดก็มีหมอมาหลายคน 5 – 6 คนนี่ล่ะค่ะ เค้าก็ช่วยกันเต็มที่ ผึ้งเองรู้สึกตัวตลอดเวลา..หมอก็ปลอบนะว่าต้องผ่าแล้ว เพราะทั้งน้ำ + เลือดออกมากแล้ว ประกอบกับเกินกำหนด 9 เดือน มาหลายวันแล้ว หมอก็ตัดสินใจผ่าออก ลูกแรกเกิดตัวโตมากหนักตั้ง 3,590 กรัม หมอบอกว่าตัวใหญ่มากเลยค่ะ…ตอน คลอดแล้วผ่าออกนี่ผึ้งรู้สึกตัวคือมองเห็นตลอดว่าเค้าทำอะไรบ้าง เพราะหมอเค้าไม่ให้ดมยาสลบเวลาผ่า ก็คือ เค้ากลัวว่าจะมีผลไปถึงเด็กด้วย ก็เลยใช้วิธีฉีดยาที่หลัง ให้ชาครึ่งล่างเราก็ยังรู้สึกนะคะ ตอนนั้นเจ็บปวดชาสารพัดจนไม่รู้แล้วเค้าจะผ่าจะตัดตรงไหน…มันไม่รู้สึก แต่พอลูกคลอดออกมานี่ผึ้งสลบเลย (หัวเราะ) มี พี่ปุ้มน่ะจ้ะเค้ายืนคอยอยู่ข้างนอกห้อง เค้าบอกว่าตอนลูกคลอดออกมานี่ หมอเปิดประตูให้ดู เค้าเห็นหมอกำลังยกขาลูกชูขึ้นสองขาแล้วตบ ๆ ก้น ร้องเสียงจ้าเลยเชียว…นี่จนป่านนี้ผึ้งยังเพลียอยู่…ยังไม่ได้ไปดูลูกเห็นหน้าลูกเลย…เพราะลูกอยู่ห้องเลี้ยงเด็ก            พี่ปุ้มซิคะเห่อเดินไปดูแล้วดูอีกแล้วก็มาเล่าให้ผึ้งฟัง ว่าลูกหน้าตาเป็นยังไงอะไรอย่างนี้…ญาติผึ้งเค้าว่าลูกหน้าเหมือนผึ้ง พี่ปุ้มเค้าว่าหน้าเหมือนเค้า (หัวเราะ) บ่ายวันนี้ ผึ้งคิดว่าถ้าพอมีแรงจะไปให้นมลูกเองที่หองเด็กน่ะค่ะ”            ลูกชายตุ้ยนุ้ยของพุ่มพวง (รำพึง ลีละเมฆินทร์ พุ่มพวงกับไกรสรไปจดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมายที่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เรียบร้อยแล้วเมื่อตอนพุ่มพวงเริ่มตั้งท้องได้เพียงเดือนกว่า ๆ) มีชื่อเรียกเล่น ๆ ว่า “ลูกเพชร” โดยคุณสันติ เศวตวิมล เป็นผู้ตั้งชื่อให้ ส่วนชื่อจริงนั้น คุณพ่อคนใหม่กล่าวว่า…ทางเรากำลังทำเรื่องยื่นขอพระราชทานตั้งชื่อจากองค์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ อยู่นะครับ…ตอนนี้เรื่องยังไม่เรียบร้อยเพราะเพิ่งคลอดเมื่อเช้าวานนี้เอง…ก็เรียกลูกเพชรกันไปก่อนนะครับ…”            ราชินี ลูกทุ่งขวัญใจแฟน ๆ ยังคงพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลต่อจนกว่าแผลผ่าตัดจะหายสนิทและสุขภาพของ เธอจะแข็งแรงขึ้นกว่านี้ก็คงใช้เวลาอีกเป็นอาทิตย์ทีเดียว! เธอกล่าวกับเราว่า ออกจากโรงพยาบาลจะหยุดงานอยู่บ้านให้นมลูกอีกหลายเดือนเชียวล่ะจ้ะ…และวันนี้เห็นเธอเปล่งปลั่งสดใสเป็นพิเศษอย่างนี้ก็เพราะได้เกศสยามและคัพเวอร์มาร์คมาดูแลความงามให้…เพื่อภาพสวย ๆ สำหรับแฟน ๆ ดาราภาพยนตร์โดยตรงเป็นพิเศษจ้ะ!            ทีมข่าวดาราภาพยนตร์            รายงานจากห้อง 450 ชั้น  ร.พ.พญาไท 11.00 น. 10 มี.ค. 30 จากคุณ : nong2b - [ 17 มิ.ย. 52 15:22:10 ]

ความคิดเห็นที่ 5 พุ่มพวง – ไกรสร ตำนานรักไม่รู้จบ            ทุกวันนี้พุ่มพวกและสามีสุดที่รักไกรสร แสงอนันต์ ครองรักกันที่บ้านสวยหรูชื่อ “กระท่อมผึ้งน้อย” ซึ่งเป็นสิ่งหนึ่งที่ได้มาจากหยาดเหงื่อของพุ่มพวงโดยแท้            แฟนจ๋า ไม่ต้องเป็นห่วง ถ้ารักพุ่มพวงแล้วจะสบาย แฟนจ๋า ไม่ต้องเป็นห่วง ถ้ารักพุ่มพวงแล้วจะสบาย            ก็คงจริงอย่างเพลงเขาว่า ถ้ารักพุ่มพวงแล้วจะสบาย เพราะตอนนี้คนที่รักพุ่มพวงและพุ่มพวงก็รัก สบายบรื๋อสะดือโบ๋ไปเรียบร้อยแล้ว            เราลองมาเริ่มนิยายรักเรื่องนี้กันตั้งแต่ต้นดีกว่า            บอกแล้วจะเชื่อกันมั้ยเนี่ย… ว่า นักร้องสาวสวยและโด่งดังทะลุฟ้าเมืองไทยในวงการเพลงลูกทุ่งอย่างพุ่มพวง ดวงจันทร์นั้น อ่านหนังสือไม่ออก เขียนหนังสือไม่เป็นเพราะไม่ได้เรียนหนังสือมาตลอดรอดฝั่ง            แต่ ผู้หญิงอย่างพุ่มพวงนี่แหละ ได้ชื่อว่าเป็นราชินีนักร้องลูกทุ่ง มีฐานะร่ำรวยดีกว่านักเรียนนอกจบปริญญาเอก ปริญญาโทบางคนและอีกหลาย ๆ คน พุ่มพวงมีบ้านที่เธอซื้อหาด้วยน้ำพักน้ำแรงราคาเป็นล้าน สวยหรู มีรถเก๋งราคาแพง ฐานะเหยียบขั้นเศรษฐีนีเมืองไทยคนหนึ่งทีเดียว แล้วอย่างนี้เราจะไปดูถูกคนไม่รู้หนังสือได้อย่างไร ในเมื่อพุ่มพวง ดวงจันทร์ ณ สุพรรณบุรีคนนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ความสำเร็จของคนไม่ได้ขึ้นอยู่กับการได้รับการศึกษาสูง ๆ เสมอไป แต่ขึ้นอยู่กับความพยายามและอดทนในการใช้ชีวิตและแรงงานอย่างมีมานะ…            พูด กันไปแล้ว หากพระเจ้ามีจริง และพระเจ้าสร้างโลก สร้างมนุษย์แล้วละก็ นับว่าพระองค์ได้ประทานความเสมอภาคให้มนุษย์ทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน อย่างพุ่มพวง ดวงจันทร์นั้น ก็เป็นที่รู้ ๆ กันทั่วไปว่า เธออ่านหนังสือไม่ออกเสียด้วยซ้ำ ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่คิดปิดบังอะไร เพราะไม่รู้หนังสือก็เพราะการไม่ได้เรียนด้วยฐานะยากจน โอกาสที่เธอควรจะได้รับการศึกษาก็ต้องใช้ไปในการรับจ้างตัดอ้อยในไร่ แต่เมื่อโชคชะตาผันแปร พุ่มพวง ดวงจันทร์ ก็พิสูจน์ให้เห็นว่าเธอเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งที่มีความสามารถที่น่าจะเรียกว่าเป็นอัจฉริยะได้ เพราะการร้องเพลงต้องอาศัยการจำเนื้อเพลง พุ่มพวงอ่านเนื้อเพลงไม่ได้ ก็อาศัยการฟังจากผู้ช่วยที่ท่องให้ฟังหรือไม่ก็เปิดเทปให้ฟัง รับรองได้ว่า 3 – 4 เที่ยวเธอจะจำเนื้อเพลงได้อย่างไม่ตกหล่นแม้ แต่คำเดียว นี่คือความสามารถของพุ่มพวง จนบัดนี้แม้พุ่มพวงโด่งดังในค่ายของอโซน่า เธอก็ยังใช้วิธีนี้มาตลอด            ลีลา การร้องเพลงของพุ่มพวงนั้น พูดได้ว่า เหลือกิน ไม่รู้แม่เจ้าประคุณไปหัดเรียนมาจากไหนร้องไปก็ทำตาเล็กตาน้อยชะม้อยชะม้า ยไปมา ยักคิ้วทีตะโพกไหวตามไปทั้งตัว และที่สำคัญคือเสียงของเธอ ฟังแล้วรู้สึกว่าถึงอกถึงใจกันจริง ๆ เอ่ยถึงพุ่มพวง ดวงจันทร์ละก้อ เด็กเล็กเด็กแดงก็รู้จัก นี่ก็เป็นความสำเร็จของเธอไม่ใช่หรือ…            ราชินีลูกทุ่ง…เธอ เติบโตมาจากการเป็นหางเครื่อง ของวงลูกทุ่งเล็ก ๆ ในอดีต หากจะมีใครจำได้ว่าพุ่มพวงมีหน้าตาคล้าย ๆ หางเครื่องตัวเล็ก ๆ หน้าตาไม่สวยสะอะไรนักก็อยากบอกว่านั่นแหละคือเธอ และคงไม่มีใครคิดว่าหางเครื่องคนนั้นจะเป็นพุ่มพวงในวันนี้            พุ่มพวง มีทุกอย่างที่ต้องการ หากเปรียบกับเทพนิยายแล้ว สาวน้อยผู้ตกยากขี้ริ้วขี้เหร่ไร้คนเหลียวแล ได้รับพรจากนางฟ้าผู้เมตตา เนรมิตเสื้อผ้าอาภรณ์ที่สวยงาม ปราสาทหลังโตมีข้าทาสบริวารทรัพย์สินเงินทองพร้อมพรั่ง ในที่สุด เจ้าชายรูปงามก็พเนจรผ่านมารับไปครองคู่ มีความสุขชั่วนิรันดร            ไกรสร แสงอนันต์ คือเจ้าชายรูปงามคนนั้น เขาพบกับนางในฝันเมื่อพุ่มพวงก้าวไปสู่จอเงิน ต่างฝ่ายต่างติดเนื้อพึงใจซึ่งกันและกัน ไกรสรนั้น แน่ละ เขาย่อมต้องทึ่งในความสามารถของผู้หญิงคนหนึ่งอย่างพุ่มพวงว่ามีความสามารถ เหลือใจ ส่วนพุ่มพวงเอง ก็รู้สึกถูกใจในความสุภาพของฝ่ายชายและอีกประการหน้าตาท่าทางของไกรสรนั้น ก็ยากที่สาว ๆ ไหน ๆ จะมองแล้วเมินได้ ต่างคบหากันมาเรื่อย ๆ จนกลายเป็นความรัก และลงเอยด้วยการใช้ชีวิตคู่ แต่ก็นั่นแหละน่ะ กว่าจะรักกันได้ อุปสรรคก็มากมาย แต่พุ่มพวง ดวงจันทร์ ก็ไม่แคร์และใจเด็ดสมกับเป็นสาวเลือดสุพรรณเธอไม่แคร์ เมื่อคิดจะรักใครสักคน สำหรับไกรสร ในเมื่อเขาแน่ใจว่ารักพุ่มพวงจริงใจก็ไม่หวั่นไหวว่าใครจะกล่าวหา และกาลเวลาจะพิสูจน์ให้เห็นเองว่าพุ่มพวงและไกรสรรักกันเพราะอะไร อนาคตเป็นของไม่แน่ วันนี้พุ่มพวงยังอยู่ อนาคตเธออาจจะถูกบดบังรัศมีโดยเด็กรุ่นใหม่ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าพุ่มพวงจะประสบอะไรบ้างเมื่อถึงเวลานั้น แต่เราเชื่อแน่ว่า คนเก่งอย่างพุ่มพวงไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรคใด ๆ ในเมื่อเธอมีคนที่เธอรักและรักเธออยู่เคียงข้าง            ทุก วันนี้พุ่มพวงสวย เธอรู้จักใช้เงินที่หามาได้อย่างเป็นประโยชน์ การร้องเพลงของนักร้องสมัยนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีหน้าตาสวยงามเพื่อความรื่นรมย์ของผู้ชม เพราะต่อให้ร้องเพลงเพราะแค่ไหน แต่หน้าเป็นข้าวตังบูด ตาโปน ใครจะมาสนใจ ศัลยกรรมสมัยใหม่ช่วยได้มาก เราต้องยกให้พุ่มพวง ดวงจันทร์ เป็นนักร้องลูกทุ่งที่สวยที่สุด และต้องยอมรับว่าพุ่มพวง เก่งด้วย สวยด้วย เธอไม่ใช่นักร้องประเภทใช้ขาอ่อนหรือตะโพกร้องเพลงล่อตะเข้ คนที่เสียเงินเข้าไปดูการแสดงของพุ่มพวงไม่เคยเลยที่จะกลับออกมาด้วยความผิด หวัง            “ชีวิตแรงงาน” ฉบับ นี้มีพุ่มพวง ดวงจันทร์เป็นปก เพื่อแสดงให้ท่านผู้อ่านเห็นว่าผู้หญิงคนนี้แหละเป็นคนหนึ่งที่ประสบความ สำเร็จบนเส้นทางแรงงานอย่างน่าชื่นชม พุ่มพวงรู้จักหยิบความสามารถในตัวออกมาใช้ประโยชน์ได้อย่างดี และอันนี้เองจะเป็นตัวอย่างให้ท่านผู้อ่านเห็นว่า คนเราทุกคนนั้นย่อมมีความสามารถแฝงอยู่ในตัว แต่บางครั้งเราก็ไม่รู้ตัวเองว่าจะทำอะไรได้ดี บางคนเสียเวลาไปครึ่งชีวิตกว่าจะจับจุดถูกว่าตนเองควรทำอะไร พุ่มพวงโชคดีที่พบหนทางสู่ความสำเร็จได้เร็ว ด้วยความพยายามและอดทนของตัวเธอเอง            ยุคเศรษฐกิจตกต่ำ (ถึงแม้รัฐบาลจะยกเลิกสินเชื่อ 18 เปอร์เซ็นต์แล้วก็ตาม) การ ตระเวรออกสายต่างจังหวัดของวงลูกทุ่งไม่ค่อยราบรื่นนัก มีข่าวมาว่ากิจการของทุกวงซบเซาไปมากแต่เวลารุ่งเรืองก็รวยกันเป็นล้าน ๆ เหมือนกัน พุ่มพวง ดวงจันทร์จะประสบความยุ่งยากในเรื่องนี้บ้างหรือไม่ก็ไม่รู้ แต่ก็คิดว่านักสู้อย่างเธอไม่มีวันถอย  ไหน ๆ สู้มาแล้วก็จะขอยืนหยัดตลอดไป เธอคงไม่ยอมก้าวถอยหลัง ในเมื่อบัดนี้เธอมาถึงจุดที่น้อยคนนักจะก้าวมาถึง            สำหรับ การแสดงของวงลูกทุ่งในต่างจังหวัดนั้น สังเกตได้ว่ามักจะมีการโฆษณากันเนิ่น ๆ เสมอ บางจังหวัดติดโปสเตอร์ไว้เป็นเดือนว่าวงดัง ๆ จะมาเล่นคงให้โอกาสไอ้หนุ่มอีสาวเตรียมเนื้อเตรียมตัวซื้อตั๋วเข้าชม            ทุกวันนี้พุ่มพวง ดวงจันทร์ และสามีสุดที่รัก ไกรสร แสงอนันต์ ครองรักกันอย่างน่าอิจฉาที่บ้านสวยหรูชื่อบ้าน “กระท่อมผึ้งน้อย” ซึ่งเป็นสิ่งหนึ่งที่ได้มาจากหยาดเหงื่อของพุ่มพวงโดยแท้ ไกรสรเองนั้นก็มีความภาคภูมิใจในตัวภรรยาสาวสวย ไม่ว่าไป  ไหน ๆ เราก็มีโอกาสเห็นคนคู่นี้รักกันอย่างหวานชื่นเสมอ ก็ไม่รู้ว่านักร้องอย่างพุ่มพวงนั้นมีอารมณ์ศิลปินแค่ไหน เพราะเท่าที่รู้ก่อนเธอจะขึ้นเวที ต้องมีการจุมพิตอย่างดูดดื่มกับสามีรูปหล่อหุ่นทรมานใจสาวแก่แม่ม่ายเสมอ และไม่ต้องสงสัยเลยว่าลีลาการร้องของพุ่มพวงจะไม่ถึงอกถึงใจคนชมเสมอ            “ชีวิตแรงงาน” ขอ อวยพรให้ พุ่มพวง ดวงจันทร์ และ ไกรสร แสงอนันต์ มีความสุขสำเร็จในชีวิตการงานและชีวิตครอบครัว ในอนาคตเราก็หวังว่าคนทั้งคู่จะมีทายาทน้อย ๆ ไว้ชื่นชมเพื่อเป็นโซ่ทองคล้องใจ ชื่อของพุ่มพวง ดวงจันทร์ คงไม่ลบเลือนไปจากความทรงจำของแฟนเพลงเร็วนัก            เหมือน กับเหล็กดีย่อมคงความแข็งแกร่งไว้ด้วยตัวมันเอง พุ่มพวงก็เช่นเดียวกัน ที่เธอจะคงความมีชื่อเสียงไว้ได้ก็ด้วยความสามารถของเธอเองเท่านั้น จากคุณ : nong2b - [ 17 มิ.ย. 52 15:24:34 ]

ความคิดเห็นที่ 6 พุ่มพวง ดวงจันทร์ กับ ไกรสร แสงอนันต์ เอกภาพแห่งด้านตรงข้าม                      ผมไม่ใช่แฟนเพลงลูกทุ่ง แต่ชอบนักร้องลูกทุ่งและเนื้อหาของเพลงลูกทุ่ง            มี พรรคพวกเพื่อนฝูงที่รักและ “บ้า” เพลงลูกทุ่งหลายคน ที่ทำให้ผมชอบเพลงลูกทุ่ง เช่น คุณวาณิช จรุงกิจอนันต์ คุณเจนภพ จบกระบวนวรรณ และ คุณเลิศชาย คชยุทธ ฯลฯ            ผม มีโอกาสได้เข้าไปคลุกคลีกับวงการเพลงลูกทุ่งเมื่อคราวมีงานกึ่งศตวรรษเพลง ลูกทุ่งทั้งสองครั้ง โดยรับหน้าที่ไปกำกับเวทีการแสดงทั้งสองคราว            ผมได้มีโอกาสรู้จักนักร้องลูกทุ่งจนเรียกว่าไปมาหาสู่ก็หลายคน โดยเฉพาะ ชาย เมืองสิงห์ นั้น ผมชอบเป็นพิเศษ            เมื่อ ผมไปทำหน้าที่ทั้งสองคราวนั้น ได้มีโอกาสใกล้ชิด และต้องคอยดูแลให้เวทีการแสดงราบรื่นสวยงาม โดยเฉพาะครั้งที่สองนั้น ต้องแสดงหน้าพระที่นั่ง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ            นักร้องลูกทุ่งทุกคนปลาบปลื้มเป็นล้นพ้นในพระมหากรุณาธิคุณ และที่ที่สำคัญคือ “ตื่น” เวทีกันทุกคน แม้ว่าจะจัดเจนเพียงใด            ทุก คนเกิดความไม่มั่นใจ จนผมและพรรคพวกต้อง “ปลอบ” กันว่า ทำใจให้สบาย ดูดีแล้ว ไม่ต้องห่วงอะไร เราจะช่วยทุกอย่าง ทั้งการแต่งกาย ดนตรี แสงเสียง และการแสดงนั้นก็ผ่านไปอย่างราบรื่นและตื่นตาตื่นใจ            พุ่มพวง ดวงจันทร์ นั้น ก็เป็นเหมือนนักร้องคนอื่น ๆ คือ “ตื่น” เวที เหมือนกัน เราจัดให้เธอเป็นคนร้องคนแรก ด้วยเพลง ส้มตำ พระราชนิพนธ์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี            ไม่มีหางเครื่อง ไม่มีรีวิวประกอบ เธอต้อง “เดี่ยว”            เธอแต่งตัวมาสวยมากและเหมาะสมกับสถานการณ์โดยมิต้องแก้ไข จะตกเติมก็เพียงใบหน้าเล็กน้อยเพียงไม่ให้ดู “มัน”            เธอต้องลงไปขึ้นลิฟต์อันเล็กของเวที เพื่อให้ดูสง่างาม และให้เสียงร้องอันสดใสกังวานมาก่อนจะได้เห็นตัวเธอ            ที่ ใต้ลิฟต์นั้น เธอแสดงความมั่นใจมาก เพราะมี ไกรสร แสงอนันต์ อยู่ด้วย เขาให้กำลังใจและพูดย้ำเสมอว่า ดีแล้ว เมื่อพุ่มพวงถามถึงหน้าดีไหม กระโปรงดีไหม ผ้าคลุมไหล่ดีไหม            นั่นคือสิ่งที่ผมได้เห็น และรู้ได้รู้ว่า ไกรสร แสงอนันต์ คือกำลังใจอันสำคัญที่สุดของเธอ            พุ่มพวงขึ้นลิฟต์เล็กไปอย่างสง่าผ่าเผย และการแสดงของเธอวันนั้น ประทับใจคนดูอย่างสูงสุด            เพลง จบพุ่มพวงเธอก็กลับเข้าเวที ด้วยน้ำตาแห่งความปีติ คนทำงานหลังเวทีปรบมือรับเธออย่างชื่นชม รวมทั้งนักร้องลูกทุ่งรุ่นใหญ่อีกหลายคน            ไกรสร แสงอนันต์ กอดกุมเธออย่างชื่นมื่น เธอคงจำผมไม่ได้ในช่วงเวลานั้น แต่ผมจำภาพนั้นได้มาจนถึงวันนี้            เมื่อเธอมาด่วนจากไปเช่นนี้ ข่าวคราวต่าง ๆ ออกมาบิดเบือนเพื่อการขาย ไกรสร แสงอนันต์ ถูกกระหน่ำซ้ำเติมจนโงหัวไม่ขึ้น            ผม นึกถึงภาพนั้น นึกถึงภาพที่ไกรสรพูดให้กำลังใจ บีบมือและแตะไหล่ให้เธอออกไปร้องเพลงส้มตำ เธอมิได้ฟังเสียงของผมหรือคนทำงานหลังเวทีคนไหนเลย เธอฟัง “ไกรสร” คนเดียวเท่านั้น            นี่คือความรู้สึกถึงเรื่อง “คนสองคน” ที่อยู่ร่วมกัน เป็นกำลังใจซึ่งกันและกัน            ผมไม่เคยรู้ประวัติความ “ไม่ดี” ความ ดีของคุณไกรสรที่ปฏิบัติต่อพุ่มพวงในที่สาธารณะอื่น ๆ อีกหลายที่ แต่ผมรู้จากปากของพี่ราเชนทร์ เรืองเนตร สามี ผ่องศรี วรนุช รู้จากปากของลพ บุรีรัตน์ นักแต่งเพลงลูกทุ่งมือทองสมองเพชรว่า ไกรสร มีอิทธิพลต่อ พุ่มพวงมาก            อิทธิพลอันนี้คือ ความศรัทธา เชื่อถือ และที่สำคัญเธอรักไกรสรแน่นอน            ความ รัก ความศรัทธา ทำให้เธอเชื่อไกรสรและไกรสรก็สามารถกำหนดบทบาทของพุ่มพวงให้เป็นนักร้อง ลูกทุ่งที่เกิดเป็นเพชรเม็ดงามได้ดีกว่าใครทั้งหมด พูดได้เต็มปากว่าไม่มีไกรสรก็จะไม่มีพุ่มพวงในวันนี้ แม้เธอจะตายไปจริง ๆ แล้วก็ตาม            นัก ร้องลูกทุ่งหญิงหลายคนที่ผมได้มีโอกาสพบ หลายคนมีความสามารถสูง ทั้งด้านการศึกษา การร้องเพลงมากกว่าพุ่มพวง แต่นักร้องลูกทุ่งหญิงเหล่านั้น ขาดคนอย่างไกรสร แสงอนันต์ ที่เป็นแรงใจ            แรงใจมาจากคนที่ศรัทธา เชื่อมั่น และรักกัน คือแรงอันมหาศาลและไม่มีเสื่อม            คน ที่สามารถกำหนดหรือแนะนำเรื่องการแต่งกาย การร้อง และช่วยตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ นั้น มีอิทธิพลต่อนักร้องมากนัก ไม่งั้นคงไม่มีคำว่า “ปั้นดาว” ในวงการบันเทิง            พุ่มพวงคือนักร้องศิลปินนักร้องเพลงลูกทุ่งผู้สามารถถ่ายทอดบทเพลง อารมณ์ ด้วยน้ำเสียงของเธอ            ความ สามารถในการจดจำและการแสดงออกที่เข้าถึงอารมณ์เพลง เป็นความสามารถส่วนตัวที่สร้างขึ้นไม่ได้ แต่ส่วนประกอบอื่นของชีวิตสร้างขึ้นได้            และผมเชื่อว่า ไกรสร แสงอนันต์ คือ ผู้สร้างส่วนที่ขาดหายไปในชีวิตของพุ่มพวงมากที่สุด ถ้าเรามอง “คน” ในหลายด้าน และเป็นกระจกสะท้อนภาพให้หลายมุม ผมเชื่อว่า เรื่องเลวร้ายทั้งหลายก็จะกลายเป็นดี            ผม ไม่เคยรู้จักคุณไกรสรเป็นการส่วนตัว ผมหมั่นไส้คุณไกรสรและอิจฉาคุณไกรสรด้วยซ้ำ เมื่อคราวงานกึ่งศตวรรษฯ ผมยังถามเจนภพว่าผู้ชายคนนี้ใคร ด้วยหน้าที่ของผมคือผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจะเข้ามาหลังเวทีไม่ได้            แต่ผมต้องยอมให้ไกรสรเข้ามา เพราะคุณพุ่มพวงต้องการ จากคุณ : nong2b - [ 17 มิ.ย. 52 15:24:59 ]

ความคิดเห็นที่ 7 จากบรรดาแพทย์ที่ทำการรักษา น.พ.พิศิษฐ์   จิรวรวงศ์            น.พ. พิศิษฐ์  จิร วรวงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราชแถลงว่าจุดประสงค์ที่แถลงข่าวครั้งนี้ เพราะมีเสียงวิจารณ์และโทรศัพท์เข้ามาถามมามากมายถึงการเสียชีวิตของพุ่มพวง  ดวงจันทร์  ซึ่งตนเป็นแพทย์เจ้าของไข้  สรุปว่าช่วงใกล้ปีใหม่  เจ้าหน้าที่หน่วยไตโรงพยาบาลศิริราช  ได้รับโทรศัพท์ จากพุ่มพวงแจ้งว่า ไม่สบายมากมา 6 เดือน มีอาการบวม  จากนั้นได้สอบถามไปยังแพทย์หญิงรำไพ  แพทย์เจ้าของไข้ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์  ทราบว่าพุ่มพวงเป็นโรงเอสแอลอี  หรือโรคภูมิแพ้ตนเอง  โดยนัดให้มาตรวจเลือดรับยาไปกินทุก 2 สัปดาห์  ทุกครั้ง ๆ ที่มารับการรักษา นายไกรสร  แสงอนันต์  สามีพามา            น.พ. พิศิษฐ์  กล่าวว่า  หลังจากมารับการรักษากับตนระยะเวลาหนึ่ง  พุ่มพวงก็หายไป  จากการโทรศัพท์สอบถามกันตนกล่าวกับพุ่มพวงว่า  รักษากับแพทย์หญิงรำไพดีอยู่แล้ว แต่ถ้าอยากเข้ารักษาที่ศิริราช  ตนก็ยินดีจะให้การดูแลอย่างเต็มที่            “ผมมาทราบอีกครั้งว่า พุ่มพวงไปป่วยที่ จ.จันทบุรี  นายไกรสรเป็นคนที่ไปรับมาที่ศิริราช  เมื่อ 04.00 น. วันที่ 19 มีนาคม แพทยท์ได้เจาะเลือดและตรวจร่างกาย  พบว่าไตทำงานดี  แต่โปรตีนในเลือดต่ำกว่าปกติ  เป็นสาเหตุอาการบวม  และยังพลว่ามีน้ำในเยื่อหุ้มปอด  และช่องท้อง แต่ไม่แสดงอาการ  และเมื่อมารักษาที่ศิริราช  โรงสงบแล้ว”  น.พ.พิศิษฐ์กล่าว และว่า  แพทย์ไม่ได้ให้ยาอะไรเพิ่มเติม เพราะคนไข้ติดเชื้อง่าย  ขนาดนายไกรสรเป็นหวัดมาเยี่ยม พุ่มพวงก็ติดหวัดไปด้วย            ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช  กล่าวว่า เดือนเมษายนตรวจร่างกายพุ่มพวงอีกครั้ง พบว่าน้ำในเยื่อหุ้มปอดไม่ลดลง แพทย์พยายามตรวจหาสาเหตุ  แต่ไม่พบเซลล์อะไรที่เป็นวัณโรค  หรือเป็นโรคปอด  จึงนำผลการตรวจไปให้แพทย์หญิงอนงค์  เพียรกิจกรรม หัวหน้าสาขาโลหิตวิทยา  ร.พ. ศิริราช  วินิจฉัย โดยเจาะไขกระดูกไปตรวจ  พบเซลล์ชนิดหนึ่งเรียกว่า อิมโมนูปลาส  ซึ่งเป็นอาการชนิดหนึ่งของเนื้องอกของต่อมน้ำเหลือง หรือโรคเอไอแอลดี ซึ่งเป็นโรคแทรกซ้อนเข้ามา            น.พ.พิศิษฐ์ กล่าวอีกว่า  แพทย์พยายามให้คนไข้เข้าใจ  และให้ยาครบถ้วน  ต่อมาช่วงสงกรานต์พุ่มพวงมีอาการกังวล ตนอนุญาตให้กลับบ้า  พุ่มพวงหายไป 1 สัปดาห์  กลับมาอีกครั้บพบว่ามีอาการบวมอีก  จากนั้นแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้  เพราะอาการดีขึ้นและมีข้อแม้ห้ามขาดการติดต่อ  ให้รักษาอย่างต่อเนื่อง  โดยพุ่มพวงโทรศัพท์กลับมาหาตน 2 ครั้ง ซึ่งตนบอกว่าให้มารักษาที่ศิริราชได้ทันที  แต่พุ่มพวงก็ไม่ได้มา  จนกระทั่งทราบข่าวพุ่มพวงเสียชีวิต            น.พ.พิศิษฐ์กล่าวว่า ความคิดส่วนตัวเห็นว่าพุ่มพวงเป็นคนน่าสงสาร  และถ่อมตัวตลอดเวลา มีอยู่ครั้งหนึ่งบ่นว่าคิดถึงลูก  ตนจึงโทรศัพท์หานายไกรสรบอกให้พาลูกมาเยี่ยม ซึ่งนายไกรสรพาลูกมาทุกครั้ง            ผู้ สื่อข่าวถามว่า เคยเห็นมีความขัดแย้งระหว่างนายไกรสรกับญาติของพุ่มพวงหรือไม่ น.พ.พิศิษฐ์กล่าวว่า เท่าที่ตนเห็นเวลาไกรสรมาเยี่ยม แม่ของพุ่มพวงจะลุกไปที่ระเบียง และไม่เคยเห็นบุคคลทั้งสองพูดคุยกันเลย  แต่ก็ไม่เคยเห็นมีการทะเลาะหรือพูดจารุนแรงกัน            ด้านแพทย์หญิงอนงค์  กล่าวว่า ตนอยากให้ไปถามแม่ของพุ่มพวงว่า ตนเคยยืนยันต่อหน้าแม่ของพุ่มพวงว่า  โรคนี้มีโอกาสรักษาให้หายได้ แต่ช่วงที่พุ่มพวงขาดการติดต่อไป ตนไม่ทราบว่าหยุดยาหรือไม่  หรือมีโรคติดเชื้อหรือไม่            น.พ.พิศิษฐ์  กล่าวเสริมว่า มีครั้งหนึ่งพุ่มพวงขอกลับบ้าน นายไกรสรมาขอร้องตนที่ห้องทำงานให้ช่วยพูดเกลี้ยกล่อมให้พุ่มพวงอยู่โรงพยาบาลต่อ  ซึ่งตนก็เกลี้ยกล่อม และจากการสังเกตพุ่มพวงปกติดีทุกอย่าง ไม่ใช่คนวิกลจริต  มีแต่ความกังวลเท่านั้น  บางครั้งก็บ่นว่าไม่มีเงินจะจ่ายให้หมออยู่แล้ว  แต่ไม่เคยเห็นพุ่มพวงร้องไห้  และคนที่เป็นโรคนี้ 80% เอสแอลอี  สามารถรักษาให้หายขาดได้  คนไทยเป็นกันมาก  โดยเฉพาะในผู้หญิง  และใน 80% หายค่อนข้างจะปกติ  แม้ไตวายสามารถเปลี่ยนไตเทียมได้            ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช  กล่าวว่าตนเห็นว่าเคยมีพระกับซินแสมารักษาถึงห้อง ซึ่งพุ่มพวงพูดกับตนว่า พระที่ไหนไม่รู้มาคุยกับตนเป็นชั่วโมง            น.พ.พิศิษฐ์  กล่าวว่า จากที่ตนสอบถามข้อมูลจากโรงพยาบาลพุทธชินราช  คิดว่าพุ่มพวงไม่ได้เป็นโรคไตวายเฉียบพลัน  หรือมะเร็งเม็ดเลือด  แต่สาเหตุอาจเป็นเพราะติดเชื้อแล้วแพร่กระจายไปทั้งตัว  และขาดการให้ยาติดต่อกัน  เพราะก่อนเสียชีวิตแล้ว  พบว่าโปรตีนในเลือดต่ำมาก ให้น้ำเกลือก็ไม่ได้  ซึ่งการช็อกครั้งนี้ไม่ได้เพราะหัวใจ แต่เพราะติดเชื้อ น.พ.วชิระพงศ์  แซ่ซือ            สำหรับโรคร้ายที่พุ่มพวงประสบจนหลายฝ่ายยังปักใจเชื่อว่าถูกคุณไสยนั้น  วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกันแพทย์ผู้ดูแลอาการของราชินีลูกทุ่งมาตั้งแต่แรกที่มีอาการป่วยด้วยโรคร้ายนี้ น.พ.วชิระพงศ์  แซ่ซือ อายุรแพทย์  ร.พ.บำรุงราษฎร์  เปิดเผยว่าพุ่มพวงมารักษาอาการป่วยด้วยโรคภูมิแพ้ตัวเองเมื่อเดือน ส.ค. 34 หลังกลับจากเปิดการแสดงที่สหรัฐอเมริกา  อาการเริ่มแรกของพุ่มพวงมีการบวมตามขา และเหนื่อยหอบตลอดเวลา ไม่มีเรี่ยวแรง  เมื่อตรวจโดยละเอียดก็พบว่า เป็นโรค เอส แอล อี หรือโรคภูมิแพ้ความต้านทานตัวเอง  ใน การมาเข้ารับการรักษาครั้งแรกนั้นอยู่ที่โรงพยาบาล 7 วัน แล้วก็ขอกลับบ้า โดยบอกว่า มีงานยุ่งมากไม่สามารถรักษาติดต่อกันนาน ๆ ได้ หมอก็ได้ให้ยาไปและกำชับว่า เมื่อยาดหมดก็ให้มาตรวจและรับยาไปเรื่อย ๆ ตนบอกไปด้วยว่า  โรคนี้รักษาไม่หายขาด ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ตลอดเวลา            น.พ.วชิระพงศ์เปิดเผยอีกว่า  พุ่มพวงมารักษาอยู่ 17-18 ครั้ง  จนเมื่อต้นปีนี่เอง ที่มารักษาครั้งสุดท้าย  ซึ่งนักร้องสาวขวัญใจชาวไทยบ่นว่า เบื่อไม่อยากรักษาแล้ว  เพราะสิ้นเปลืองมาก ค่ายาแต่ละครั้งเป็นหมื่นบาท และจากนั้นคนไข้รายนี้ก็หายไปไม่มาติดต่ออีก  สำหรับตนที่ไดมีความใกล้ชิดกับพุ่มพงเห็นว่าพุ่มพวงเสียดายเงินเลยไม่อยากจะมารักษา  ประกอบกับจะเปลี่ยนไป รักษาทางไสยศาสตร์ตามที่แม่ชักชวน  ซึ่งพุ่มพวงไม่มีความรู้เลยหันไปพึ่งไสยศาสตร์ จริง ๆ แล้ว โรคที่เป็นอยู่นี้ไม่ถึงกับต้องเสียชีวิต  มีหมอเพื่อนของตนก็เป็นโรคนี้รักษามา 4 ปีแล้ว ยังอยู่ได้  และสุดท้ายขออย่าไปว่านายไกรมากเลย  เพราะเท่าที่ตนรักษาพุ่มพวงอยู่ก็เห็นว่านายไกรสรมาเป็นเพื่อนพุ่มพวงทุกครั้ง ไม่ว่าจะต้องมารักษากี่วันกี่คืนก็ตามมาดูแลตลอดเวลา จากคุณ : nong2b - [ 17 มิ.ย. 52 15:25:20 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ชีวิตพุ่มพวงที่จากไป เป็นนิทัศน์อุทาหรณ์ที่ดีสำหรับคนที่มีชีวิตอยู่และเจ็บป่วย            ความตายของยอดดารานักร้องหญิงประเภทลูกทุ่ง ไม่เพียงทำความเสียใจให้เกิดขึ้นแก่คนไทยส่วนมากที่ชอบฟังเพลงและชมลีลาของเธอเท่านั้น…            ยังสร้างความร่ำรวยให้แก่บุคคลอีกหลายหมู่หลายกลุ่มอีกด้วย            ที่ลมหายใจของเธอสะดุดหยุดลงจนถึงวันนี้ปรากฏว่ามีผู้รายงานออกมาแล้วว่า เทปเพลงของพุ่มพวงที่อัดแล้วอัดอีกจนถึง 2 ล้านชิ้น ไปขายหมดสิ้นไปแล้วในสนนราคาชิ้นละ 50 บาท            เรียกว่าวงการผลิตเทปและขายเทปโดยขายไปแล้ว 100 ล้านบาท!            ยัง ไม่นับเทปเก่าเทปแก่ ที่ยังขายไม่ออก ขายไม่หมดงัดออกมาเร่ขายหน้าโลงศพของเธออีกเรียกว่านับแสนเห็นจะได้ ยังไม่นับพวกแม่ค้าแม่ขายที่ยกหาบมาบริการแฟนทั้งหลายที่มาเคารพศพของเธอ และยังไม่นับร้านขายพวงหรีดและอื่น ๆ อีกมากมาย            ที่มีกำไรในการตายของเธอในครั้งนี้…            ที่ออกจะล่ำซำหนักกว่าใครอื่นคือหนังสือพิมพ์…            ข่าว ความตายของพุ่มพวงและเลศนัยต่าง ๆ ของความตายตลอดจนการแย่งมรดกที่แคะคุ้ยออกมาพิมพ์ขาย จริงบ้างเท็จบ้าง แรก ๆ ไกรสร แสงอนันต์ สามีของเธอออกจะตกในที่นั่ง “มวยรอง” จะต้องหา “บอดี้การ์ด” มา คุ้มครอง แต่พอนานเข้าไกรสรกลับเป็นฝ่ายรุกขึ้นมา หลังจากตั้งการ์ดรอรับการรุมชกของญาติข้างเมียมาหลายวัน จนในที่สุดก็ปรากฏว่าทรัพย์สินของพุ่มพวงที่ติดตัวและมีการปฏิเสธว่าไม่รู้ อยู่ที่ไหนนั้น พี่ชายของเธอเป็นผู้เก็บรักษาเอาไว้เอง!…            ข่าวคราวที่ว่า พุ่มพวงไม่มีเงินรักษาตัว ไม่กล้าเข้าโรงพยาบาล ขายทองไปทั้งสิ้น 38 บาท จนหมดตัว ต้องร่ำร้องขอเงินจากสามีบ้าง ก็เป็นที่น่าสงสัยว่า เหตุไรทรัพย์สินที่ยังเก็บรักษาอยู่นั้นจึงไม่ขายไปเสียบ้าง เพราะว่าแต่ละชิ้นสนนราคาก็กว่าครึ่งล้านทั้งสิ้น            ข่าว ของพุ่มพวงที่ค่อย ๆ เปิดเผยออกมาทีละเล็กละน้อยเป็นเหยื่ออย่างดีที่อ่อยออกมาต่อผู้อ่าน จำเป็นต้องซื้อหามาประเทืองปัญญา เพราะความรักเธอ จนกระทั่งมีการกล่าวถึงในสภา โดยสมาชิกผู้มีเกียรติต้องกล่าวว่าข่าวนี้เบียดบังความสำคัญของการแถลง นโยบายและการซักไซ้ที่มีการถ่ายทอดการกระจายเสียงและโทรทัศน์ไปทั่วประเทศ            มา ถึงวันนี้ ศพของเธอได้รับการบรรจุรอพระราชทานเพลิงที่วัดแห่งหนึ่งในสุพรรณบุรีบ้าน เกิดของเธอ ทราบว่าจะมีการจัดงานใหญ่โตมโหฬารทีเดียว จะมีการอัดเทปงานศพขายกันอีก หลังจากนั้นญาติของเธอก็จะจัดสร้างภาพยนตร์ชีวิตของเธอขึ้นมาอีกเรื่องหนึ่ง            นี่เป็นปัญหาที่ชาวบ้านจะต้องสนใจติดตามข่าวอีกต่อไป ข่าวของพุ่มพวงจะยังคงขายได้ไปอีกนานทีเดียว ในชั้นต้น จะต้องเกี่ยวกับ “ลิขสิทธิ์” คือ ผู้มีอำนาจจะให้เอาชีวิตของพุ่มพวงไปทำเป็นหนัง คือ นายไกรสร แสงอนันต์ สามี หากว่าไม่ขออนุญาตก็จะถูกฟ้องร้องว่าละเมิด ประการที่สอง หากว่าเนื้อความในหนังเรื่องนี้พาดพิงไปทางเสื่อมเสียชื่อเสียงของนายไกรสร ทำให้เกิดความดูหมิ่น เกลียดชังในประชาชน ก็จะถูกฟ้องฐานละเมิดอีกคือในคดีหมิ่นประมาท!!            ผู้ กำกับ ผู้อำนวยการสร้าง เจ้าของหนังคนใดจะรับทำเรื่องนี้จะต้องคิดหลายหนจนปวดหัวแล้วบอกว่าไม่ทำดี กว่า เช่นเดียวกับเทปลับของเธอที่มีการบอกว่าจะอัดจำหน่าย ก็คงไม่พ้นถูกขออำนาจศาลให้อายัดไว้ เพราะมีผู้เสียชื่อเสียงคือนายไกรสรเป็นเจ้าทุกข์            คนติดตามเรื่องนี้มาตลอดเวลาเพราะว่าลีลาของเรื่องมัน “น้ำเน่า” ดีเหมือนละครทีวีส่วนมาก!!            น่าสงสารแต่พุ่มพวง ดวงจันทร์ อันเป็นที่รักที่นิยมของชาวเราเท่านั้นเอง            น่า สงสารเพราะจากถ้อยแถลงของนายแพทย์ศิริราชที่ให้การรักษาเธอจนออกจากโรง พยาบาลได้ครั้งหนึ่ง ที่ยืนยันว่าโรคภูมิแพ้ของเธอสามารถรักษาให้หายได้ คนไทยเป็นกันมากมายโดยเฉพาะผู้หญิง แต่เธอไม่ยอมมาเอายาเอง            ทั้ง ๆ ที่ยาที่ให้ไปกินเพื่อรักษาตัวนั้นหมดแล้ว…            ชีวิต ของพุ่มพวงที่จากไปเป็นนิทัศน์อุทาหรณ์ที่ดีสำหรับคนที่มีชีวิตอยู่และเจ็บ ป่วย ว่าการรักษาตัวเองให้หายจากการเจ็บป่วยนั้นจะต้องยึดมั่นในคำสั่งของแพทย์ และพยาบาล อาการค่อยยังชั่วเพียงชั่วคราวไม่ได้บอกว่าจะหายไปอย่างเด็ดขาด            ความ ตายของเธอเตือนใจคนที่อยู่ข้างหลัง ใหเข้าใจในการรักษาตัวที่ถูกต้องตามวิธีและเป็นที่ยอมรับทางการแพทย์แล้ว หากว่าลีลาของเธอที่เดินไปสู่เส้นทางของความตายอย่างไม่น่าจะเป็นนี้ จะช่วยกระตุ้นให้ผู้อื่นเข้าใจรับรู้ได้และนำไปปฏิบัติได้ก็นับว่าเป็นกุศล ผลบุญที่เธอได้สร้างเอาไว้ในช่วงสุดท้ายของชีวิต            คิดว่าผลบุญนั้นจะนำสนองให้เธอมีความสุขในสัมปรายภพโดยไม่ต้องรับรู้ว่า มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ภายหลังที่เธอได้จากไปแล้ว จากคุณ : nong2b - [ 17 มิ.ย. 52 15:25:45 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เกียรติประวัติ ลูกทุ่งหน้าพระที่นั่ง           เสาร์ 18 ม.ค. 29 พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลีพระวรชายา และพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา  เสด็จถึงโรงแรมดุสิตธานี ช้ากว่าหมายกำหนดการเพียง 2-3 นาที เสด็จครั้งนี้มีพระประสงค์จะทอดพระเนตรการแสดงดนตรีการกุศล “พุ่มพวง  ดวงจันทร์ อินคอนเสิร์ต”  ซึ่งจัดโดยสมาคมภริยาแพทย์แห่งประเทศไทย หารายได้โดยเสด็จพระราชกุศลและส่วนหนึ่งเพื่อดำเนินกิจการสมาคม            62 โต๊ะ - 620 เก้าอี้ ในห้องนภาลัย วันนี้มีคนจอง แต่ละคนตั้งใจมาชม 3 นักร้องแห่งอโซน่า กุ้ง-กิติคุณ  เชียรสงค์,  ไพจิตร  อักษรณรงค์  และที่สำคัญที่สุด พุ่มพวง  ดวงจันทร์  ราชินีลูกทุ่ง            “รู้ ว่าเสี่ยงเหมือนกันน่ะ แต่อยากดูเพราะธรรมดาวงพวกนี้เขาจะเล่นในสถานที่ที่พวกเราไม่มีโอกาสเข้าไป ดูและอยากให้พระองค์ทอดพระเนตรอะไรแปลก ๆ บ้าง ตอนขายตั๋วเจอปัญหานะคนเบ้หน้าไม่อยากซื้อก็เลยใช้วิธีบังคับขายคนใกล้ชิด”  พันเอกหญิง อัสนีย์  เสาวภาพ  นายกสมาคมแจ้งเหตุแห่งการยกขบวนลูกทุ่งสู่ดุสิตธานีสังคมไฮโซไซตี้            ก่อนการแสดงของพุ่มพวงมีการแสดงดนตรีของ วงดุริยางค์ซิมโฟนี่  กรุงเทพฯ-กุ้ง-กิติคุณ เชียรสงค์และไพจิตร  อักษรณรงค์  จนกระทั่งถึง 13.00 น.  โฆษกกิตติมศักดิ์ประกาศว่า ต่อไปนี้ เป็นการแสดงของ พุ่มพวง  ดวงจันทร์  แต่จนกระทั่งถึง 13.15 น. พุ่มพวงก็ยังไม่ขึ้นโชว์ตัวบนเวที คงมีเพียงการเล่าประวัติและการแสดงหางเครื่อง “เรียกความสนใจมั้ง”  ใครคนหนึ่งกล่าวแต่ไม่ใช่เพราะจากนั้นวิทยา  สุขดำรงค์  ก้าวขึ้นแท่นโฆษกทำหน้าที่ “ชี้แจง”  เป็นการเฉพาะถึงพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลีพระวรชายา  และพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภาความว่า วงดนตรีลูกทุ่งพุ่มพวง  ดวง จันทร์ ขอกราบเรียนด้วยความนอบน้อมและภักดีให้ประทับชมนานกว่าที่เคย (ด้วยเหตุจากการทราบว่าทั้ง 2 พระองค์ จะเสด็จกลับก่อนการแสดงเลิกคือประมาณ 14.30 น.)  ของพระเมตตาพระกรุณาด้วยเถิด-นี้เป็นการขอพระเมตตาข้อแรก  จากนั้นมีพิธีขอพระเมตตาข้อที่สองต่อไปโดยกล่าวว่า ขอให้การแสดงของดนตรีวันนี้เป็นการแสดงแบบลูกทุ่งแท้  เพื่อทั้ง 2 พระองค์จะได้ทอดพระเนตรความเป็น “ลูกทุ่ง” ที่แท้และพร้อมกันนั้นต้องขอพระราชทานอภัยเพราะ “สิ่งที่ลูกทุ่งคิดว่าอาจไม่เป็นที่ถูกต้องตามพระราชหฤทัย”            ใครจะนึกว่าพระวรชายา จะถูก “อ้อน”            และเมื่อไม่แน่ใจว่าคงจะได้รับพระเมตตาพุ่มพวง  ดวงจันทร์ในชุดเสื้อกางเกงลายเสือดาว พร้อมผ้าคาดหน้าผาก-เอกลักษณ์เฉพาะตัวจึงก้าวขึ้นเวทีเอื้อนเสียง “แฟนจ๋าไม่ต้องเป็นห่วง  ถ้ารักพุ่มพวงแล้วจะซำบาย...” เพียงขึ้นต้นเสียงปรบมือกราวใหญ่ก็ถูกมอบให้แทนค่าความพอใจจากคนดูและเมื่อร้องจบ “พวงมาลัยการกุศล” ที่สมาคมจัดนำวางขายหน้าห้องก็ถูกเปลี่ยนเป็นสถานที่จากหน้าห้องมาสู่คอพุ่มพวงด้วยแฟนเพลงทั้งเด็ก,ผู้ใหญ่            คอนเสิร์ต ครั้งนี้คงเป็นการแสดงคอนเสิร์ตครั้งแรกของพุ่มพวงที่แฟนเพลงแต่งตัวสวยที่ สุด นับแต่ทั้ง 2 พระองค์ที่ทรงชุดฟ้าคล้าย ๆ กัน คระกรรมการสมาคมที่พร้อมใจกันแต่งชุดเขียว ฯลฯ ไม่มีใครใส่ผ้าถุงเลยแม้แต่คนครัว-พนักงานเสิร์ฟของดุสิตธานี  ที่พากันหนีงานมาแอบดู “พี่ผึ้ง”            เหมือน พุ่มพวง ดวงจันทร์ต้องการแสดงผลงานเพลงให้ทุก ๆ คนในที่นั้นรับทราบมากที่สุดการณ์จึงปรากฏว่าพุ่มพวงร้องเพลงรวดเร็วมากโดย ไม่หยุดพักขณะหางเครื่องทำลายสถิติตัวเองเกี่ยวกับการผลัดเปลี่ยนเครื่อง แต่งกายทุก ๆ ชุดการแสดงในวันนี้สามารถเรียกความสนใจจากผู้ชมไม่เว้นแม้แต่พระเจ้าวรวงศ์ เธอพระองค์เจ้าโสมสวลีพระวรชายา  และพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา            และเมื่อ “กระแซะเข้ามาซิ”  จบก็เกิดเหตุการณ์ที่ทุกคนไม่นึกฝันนั่นคือ องค์ภาเสด็จสู่หน้าเวทีเพื่อพระราชทานมาลัย หากการพระราชทานครั้งนี้จะให้เลือกใช้ศัพท์ “สวม”มาลัย หรือ “เสี่ยง” มาลัย  ขอเลือกใช้ประการหลัง  เพราะกิริยาการพระราชทานครั้งนี้มีลักษณะเหมือนโยนเข้าคอ-คงเป็นเพราะไม่ทรงเคยชิน            พักจากการแสดงครึ่งแรกพุ่มพวง  ดวงจันทร์ได้แฟนเพลงใหม่อีกพระองค์หนึ่งคือ พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลีพระวรชายา พระราชทานพวงมาลัยให้เป็นพิเศษเป็นครั้งแรก            นับแต่เริ่มแสดงพุ่มพวง  ดวงจันทร์โชว์ผลงานเพลงไม่น้อยกว่า 15 เพลง  ทั้งช้าเร็ว เก่า-ใหม่ แต่ที่พอพระราชหฤทัยองค์ภามากที่สุดคือ  “กระแซะเข้ามาซิ”  เพราะพุ่มพวง  ดวงจันทร์ ต้องร้องเพลงนี้ให้ใคร ๆ ฟังซ้ำอีกครั้งหนึ่ง “เป็นต้องพระประสงค์” เธอว่าอย่างนั้น จากคุณ : nong2b - [ 17 มิ.ย. 52 15:26:09 ]