ความคิดเห็นที่ 1 ต่อ...            เล่าเรื่องคร่าวๆทวนกันก่อน Laura และ Carlos สามีผู้เป็นหมอ รับเลี้ยง Simon เด็กชายที่มีเชื้อ HIV เป็นลูกบุญธรรม แต่ทั้งคู่ไม่ได้บอกให้ Simon รับรู้            สำหรับตัว Laura เองนั้น แต่ก่อนก็เคยเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกรับเลี้ยงเช่นกัน            Laura เชื่อว่า Simon มีเพื่อนในจินตนาการ แต่แท้จริงแล้วเธอเข้าใจผิด เพราะเพื่อนในจินตนาการที่ว่านั่นคือ “วิญญาณของเหล่าเด็กกำพร้า” ที่เคยเป็นเพื่อนของ Laura ในอดีต ที่บ้านเด็กกำพร้าหลังนี้มาก่อน            ซึ่งเด็กๆเหล่านี้ถูกฆ่าตายโดย Benigna เจ้าหน้าที่ดูแลเด็กกำพร้า หลังจากที่ Laura ถูกรับไปเลี้ยงได้ไม่นาน สาเหตุก็เพราะเด็กๆพวกนั้นมีส่วนทำให้ Thomas ลูกชายของ Benigna ต้องตาย จากคุณ : navagan - [ 21 มิ.ย. 52 04:08:35 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ต่อ...            *** เปิดเผยสัญลักษณ์ ***            หนังสร้างเงื่อนไขสำคัญประการหนึ่งเพื่อประโยชน์ในการเล่าเรื่อง นั่นคือ                                                                  “คนที่ใกล้ตายจะสัมผัสกับวิญญาณได้”            ซึ่งในหนัง เราจะพบคนใกล้ตายทั้งหมด 4 คน            ได้แก่ Simon ที่มีเชื้อ HIV, Benigna ซึ่งแก่มากแล้ว, Aurora ร่างทรง และสุดท้ายคือ Laura ที่ยอมเข้าใกล้ความตายเพื่อตามหา Simon            ซึ่งถ้าสังเกตดีๆเราจะพบว่า หนังจะนำเสนอภาพตัวละครทั้ง 4 ใน “กระจก”            ซึ่ง “กระจก” นี่เองที่หนังใช้เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึง “อีกมิติหนึ่งที่ซ้อนทับกันอยู่” ซึ่งในที่นี้หมายถึง "มิติของเหล่าวิญญาณ"            โดยหนังใช้กระจกเงาสะท้อนภาพตัวละครที่ใกล้ตายเหล่านี้อยู่เสมอ เหมือนจะบอกว่าบางส่วนของพวกเขาได้ก้าวเข้าไปสู่โลกแห่งความตายแล้ว จากคุณ : navagan - [ 21 มิ.ย. 52 04:12:39 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ... จากคุณ : navagan - [ 21 มิ.ย. 52 04:13:19 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ..... จากคุณ : navagan - [ 21 มิ.ย. 52 04:15:00 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ... จากคุณ : navagan - [ 21 มิ.ย. 52 04:15:37 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ..... จากคุณ : navagan - [ 21 มิ.ย. 52 04:15:53 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ... จากคุณ : navagan - [ 21 มิ.ย. 52 04:16:19 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ต่อ...            จากภาพประกอบจะเห็นว่า หนังเล่นกับภาพสะท้อนในกระจกของตัวละครทั้ง 4 อย่างโจ่งแจ้ง ตั้งแต่ต้นเรื่อง จนกระทั่งจบเรื่อง            โดยเฉพาะในครึ่งหลัง หนังฉายให้เห็นภาพของ Laura ในกระจกอย่างจงใจ และนานมากขึ้น            และการใช้ "กระจก" เป็น "สัญลักษณ์" ยิ่งชัดเจนมากที่สุดในฉากสุดท้าย ที่รายชื่อของเด็กๆทุกคนรวมทั้ง Laura อยู่บนป้ายหลุมศพที่เป็นกระจก จากคุณ : navagan - [ 21 มิ.ย. 52 04:17:10 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ... จากคุณ : navagan - [ 21 มิ.ย. 52 04:17:28 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ..... จากคุณ : navagan - [ 21 มิ.ย. 52 04:17:48 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ต่อ...            ส่วนในกรณีของ Aurora ที่เป็นคนทรง แม้เราไม่เห็นภาพเงาสะท้อนของเธอในกระจก แต่หนังกลับให้เธอเข้าไปในกระจก แบบเต็มๆ                              ซึ่ง “กระจก” ในที่นี้ก็คือ “จอมอนิเตอร์” ที่จับภาพของเธอตอนทำพิธีเข้าทรง            ซึ่งโลกที่ปรากฏในมอนิเตอร์ ก็คือช่วงเวลาในอดีตตอนที่เด็กกำพร้าเหล่านี้กำลังจะตายนั่นเอง            และหลังจากฉากนี้ หนังอธิบายเรื่อง “การซ้อนทับของมิติเวลา” กันอย่างตรงไปตรงมา จากคุณ : navagan - [ 21 มิ.ย. 52 04:20:14 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ... จากคุณ : navagan - [ 21 มิ.ย. 52 04:20:41 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ..... จากคุณ : navagan - [ 21 มิ.ย. 52 04:20:57 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ... จากคุณ : navagan - [ 21 มิ.ย. 52 04:21:15 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ต่อ...            หนังยังอ้างอิงถึงเรื่องมหัศจรรย์ในนิทานเรื่อง Peter Pan (ออกตัวก่อนว่าผมจำเรื่องราวจริงๆเกี่ยวกับ Peter Pan ไม่ได้มากนัก จำได้แต่ประเด็นที่หนังบอกเล่า) ที่ว่า            “Peter Pan คือเด็กที่ไม่แก่ ไม่ตาย ในขณะที่ Wendy แก่ขึ้นเรื่อยๆ แต่อย่างไรก็ตาม Peter Pan ก็ยังคงพา ลูกของ Wendy ไปเที่ยวแทนอยู่ดี”            ซึ่งมันเป็นความสัมพันธ์ที่ซ้อนทับกัน ลองเปลี่ยนชื่อดู            “เหล่าเด็กกำพร้า คือเด็กที่ไม่แก่ และไม่ตาย (ในมิติของพวกเขา) ในขณะที่ Laura แก่ขึ้นเรื่อยๆ แต่อย่างไรก็ตาม เหล่าเด็กกำพร้า ก็ยังคงพา ลูกของเธอ (Simon) ไปเที่ยวแทนอยู่ดี”            จากความสัมพันธ์ดังกล่าว เขียนเป็น “สมการ” ได้ดังนี้                        Peter Pan = เหล่าเด็กกำพร้า                        Laura = Wendy                        Simon = ลูกของ Wendy . แก้ไขเมื่อ 21 มิ.ย. 52 04:23:26 จากคุณ : navagan - [ 21 มิ.ย. 52 04:22:59 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ต่อ...            โลกของ Wendy (Laura) คือโลกที่มีการแก่การตาย ในขณะที่โลกของ Peter Pan (เหล่าเด็กกำพร้า) เป็นโลกที่ “ไม่มีเวลา” ทำให้ไม่มีการแก่ (แน่นอน ก็ตายกันไปหมดแล้วนี่ ) และการตาย (ในมิติของวิญญาณ)            หรือพูดง่ายๆได้ว่า “โลกที่ไม่มีการแก่และการตาย” คือ “โลกวิญญาณ”            และจากประเด็นที่ว่า ในมิติของเหล่าคนที่ตาย “ไม่มีเวลา” หนังก็ใช้สัญลักษณ์ของ “กระจก” ร่วมกับ “นาฬิกา” ในการสื่อความหมาย                                                                                   โดย “นาฬิกา” เป็นสัญลักษณ์แทน “เวลา” จากคุณ : navagan - [ 21 มิ.ย. 52 04:25:01 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ... จากคุณ : navagan - [ 21 มิ.ย. 52 04:25:23 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ..... จากคุณ : navagan - [ 21 มิ.ย. 52 04:25:42 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ... จากคุณ : navagan - [ 21 มิ.ย. 52 04:26:00 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ..... จากคุณ : navagan - [ 21 มิ.ย. 52 04:26:15 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ต่อ...            จากภาพคงจำกันได้ ในช่วงแรกของหนัง ตอนที่ Simon ถาม Laura เรื่อง “ประภาคาร” ที่นอกหน้าต่างว่า                        - ทำไมตอนนี้มันไม่มีแสงไฟเหมือนเมื่อก่อน                        Laura บอกว่า จริงๆแล้ว ตอนนี้มันก็ยังใช้ได้อยู่ ถึงแม้มันจะมองไม่เห็นแสงไฟก็ตาม            ก่อนที่เธอจะหยิบ “นาฬิกา” มาพลิกกลับด้านเป็น “กระจก” สะท้อนแสงจันทร์ไปที่หน้าต่าง ตรงตำแหน่งของประภาคาร            เพื่อแสดงให้ Simon เห็นว่า แท้จริงแล้วมันยังมีแสงไฟอยู่จริง อย่างที่เธอบอก            ซึ่งฉากนี้ตีความได้ว่า            ถ้าตัดเรื่องของ “เวลา” ออกไปแล้ว (พลิกด้านที่บอกเวลาของนาฬิกาออก) มิติของเวลาในอดีตกับปัจจุบันก็ซ้อนทับกันอยู่ (ผ่านการสะท้อนของด้านหลังของ "นาฬิกา" ที่มีสภาพเป็น “กระจก” นั่นเอง) จากคุณ : navagan - [ 21 มิ.ย. 52 04:28:21 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ต่อ...            และฉากนี้ยังบอกกับเราอีกด้วยว่า แม้จะคนละช่วงเวลา แต่ในสถานที่เดียวกัน เรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีตก็ยังคงอยู่แม้เราจะไม่สามารถรับรู้ได้ก็ตาม            นั่นคือ “ทุกการกระทำย่อมทิ้งร่องรอย” ซึ่งเป็นอีกประเด็นที่หนังแทรกสัญลักษณ์เข้ามาหลายครั้ง อย่าง “รอยเท้าบนผืนทราย” “เปลือกหอยตามทาง” “รอยเท้าเปื้อนทรายในบ้าน” จากคุณ : navagan - [ 21 มิ.ย. 52 04:29:03 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ... จากคุณ : navagan - [ 21 มิ.ย. 52 04:29:27 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ..... จากคุณ : navagan - [ 21 มิ.ย. 52 04:29:51 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ต่อ...            นอกจากนี้หนังยังใช้ประโยชน์จากประโยคที่ว่า            “แต่ Peter Pan ก็ยังคงพา ลูกของ Wendy ไปเที่ยวแทนอยู่ดี”            ซึ่งอาจหมายถึง “การรับช่วงต่อกันเป็นทอดๆ” ซึ่งได้ถูกปรับเปลี่ยนมาเป็น “เกมตามหาสมบัติ”            ซึ่งมีวิธีการเล่นง่ายๆ ก็คือ ผู้สร้างเกม จะเอาสมบัติที่มีค่ามากที่สุดของเราไปซ่อน จากนั้นจะทิ้งคำใบ้ต่างๆให้เราตามหา ซึ่งเราต้องตามหาสิ่งของตามคำใบ้ จากนั้นสิ่งของที่หาเจอก็จะเป็นคำใบ้สำหรับตามหาสิ่งของชิ้นถัดไป ต่อกันเป็นทอดๆ จนกระทั่งเจอสมบัติ            ซึ่งหนังก็ใช้ประโยชน์จากเกมที่ว่า มาสร้างเรื่องราวในส่วนของ “คำอธิบาย” ว่าที่ Simon หายไปเป็นเพราะอะไร  และ เรื่องราวทั้งหมดมีที่มาที่ไปอย่างไร            ซึ่งจะอธิบายต่อในส่วนของ “ภาค 2 : สรุปเรื่องราว และ วิจารณ์” เร็วๆนี้ครับ แก้ไขเมื่อ 21 มิ.ย. 52 04:31:48 จากคุณ : navagan - [ 21 มิ.ย. 52 04:31:15 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ปล. ใครที่ดูแล้วก็ร่วมแสดงความคิดเห็นได้ครับ ทั้งกับตัวหนัง และ บทวิเคราะห์ของผม ปล. ถ้าไปอ่านใน Blog น่าจะอ่านง่ายกว่านี้ เพราะมีการ "เน้นคำ" และใช้ "สี" และการเปรียบเทียบ Keyword สำคัญ ลองไปอ่านดูครับ แถมมีรูปมากกว่านี้นิดหน่อย *** The Orphanage *** Peter Pan, กระจก, นาฬิกา และ เกมตามหาสมบัติ "ภาค : 1 วิเคราะห์สัญลักษณ์" http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=navagan&month=21-06-2009&group=2&gblog=49 ส่วน ภาค 2 จะเป็นส่วนที่ "สรุปเนื้อเรื่อง" กับ "วิจารณ์" ซึ่งตอนนี้ยังเขียนไม่เสร็จครับ แต่คงเร็วๆนี้ ขอบคุณที่อ่าน และ แสดงความคิดเห็นครับ ^_^ แก้ไขเมื่อ 21 มิ.ย. 52 04:38:37 จากคุณ : navagan - [ 21 มิ.ย. 52 04:35:54 ]

ความคิดเห็นที่ 27 วิเคราะห์ได้ดีนะครับ เยี่ยมเลย จากคุณ : ด.ช.บ่าง - [ 21 มิ.ย. 52 05:19:34 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เราก้อดูนะ แต่คิดได้ไม่ลึกเท่าคุณนวกานต์เลย มองข้ามสัญลักษณ์ต่างๆที่ คุณเล่ามาทั้งหมด เอาเวลาที่ดูไปกลัวบรรยากาศของเรื่องซะเป็นส่วนใหญ่ ต้องมาหาอ่านเก็บตกเอาทีหลังทุกที เด๋ววันหลังจะตามไปอ่านบล๊อก (ติดตามอยู่เป็นประจำ)  วันนี้ง่วงแล้ว นั่งทำเกมอยู่ เอาไว้เล่นคืนนี้ หาวววววววว  อรุณสวัสดิ์ค่ะ จากคุณ : i love johnny depp - [ 21 มิ.ย. 52 05:45:28 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เพิ่งดูมาเหมือนกัน ชอบหนังมาก เขียนไว้ไม่สปอยด์ แวะไปแจมหรือยังเอ่ย http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A7994445/A7994445.html จากคุณ : joblovenuk - [ 21 มิ.ย. 52 08:32:52 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เพิ่งนึกได้นะเนี่ย เรื่องกระจก สุดยอดค่า จากคุณ : ปลาทองแก้มยุ้ย - [ 21 มิ.ย. 52 09:20:56 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ขอบคุณสำหรับบทวิเคราะห์ดีๆค่ะ ^^ เราเองไม่เคยคิดถึงเรื่องกระจกมาก่อนเลย ((สารภาพว่าดูเรื่องนี้ จริงๆก็หนังแนวสยองขวัญทั้งหมดแหละค่ะ...ดูแล้วมักคิดอะไรไม่ค่อยออก เพราะมัวแต่กลัวอยู่ ฮา)) จะติดตามภาคต่อนะคะ จากคุณ : Hell Horizon - [ 21 มิ.ย. 52 11:13:00 ]

ความคิดเห็นที่ 32 โอ้ วิเคราะห์ได้ดีมากค่า ชอบๆ เรื่องกระจกนี่ไม่ได้สังเกตเลย จากคุณ : นางาเสะจัง - [ 21 มิ.ย. 52 12:15:55 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ชอบครับ รอติดตามตอนต่อไปครับ จากคุณ : galapoo - [ 21 มิ.ย. 52 13:06:49 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ยังไม่ได้ดูค่ะ แต่คุณวิเคราะห์เรื่องสัญลักษณ์ได้ดีมาก จากคุณ : หม้อแกงเมืองเพชร - [ 21 มิ.ย. 52 13:47:36 ]

ความคิดเห็นที่ 35 เจ๋งครับ ช่วยปะติดปะต่อประเด็นปีเตอร์แพนได้เยอะเลย จากคุณ : yatiko - [ 21 มิ.ย. 52 20:15:58 ]

ความคิดเห็นที่ 36 วิเคราะห์ได้ดีมากครับ จากคุณ : Jansen - [ 21 มิ.ย. 52 21:32:24 ]

ความคิดเห็นที่ 37 พึ่งดูมาเมื่อวันก่อนเช่นกันค่ะ หลอนดี ตอนที่เล่น 123 ก๊อกๆ อะไรนั่นอะ หันมาที แหม ผีมาเป็นตัวๆเลย 555 @^v^@ จากคุณ : สาวน้อยสุดน่ารัก - [ 22 มิ.ย. 52 10:54:54 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เยี่ยมครับ ชอบเรื่องนี้เหมือนกัน จากคุณ : unicorn-k - [ 22 มิ.ย. 52 11:58:08 ]

ความคิดเห็นที่ 39 อ่านแล้วตะลึงเลย มันซ่อนอะไรไว้เยอะขนาดนี้เลยหรือ ปกติดูหนังไม่เคยคิดเรื่องพวกนี้ เพราะกลัวดูหนังไม่สนุก อิอิ แต่อ่านแล้วก็ตื่นเต้นดีครับ เหมือนดูหนังคนละม้วน ที่ตื่นเต้นไปอีกแบบ จากคุณ : blueboyhub - [ 22 มิ.ย. 52 22:55:29 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ตอนที่ 2 มารึยังคะ รออยู่เน้อ จากคุณ : -S n o w G i r l- - [ 1 ก.ค. 52 11:39:57 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ตอนที่ 2 http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A8046890/A8046890.html#12 จากคุณ : blueboyhub - [ 5 ก.ค. 52 07:37:42 ]