| |
| | | เกรด A (20 คน) |
| | | เกรด B (3 คน) |
| | | เกรด C (0 คน) |
| | | เกรด D (0 คน) |
| |
จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 23 คน |
จากความคิดที่เคยประมาทว่า คงไม่มีผลงานอนิเมชั่นจากบ้าน Pixar เรื่องไหนอีกแล้วที่จะสามารถมาขโมยตำแหน่งขวัญใจผม ซึ่งมันเคยอยู่ในอ้อมกอดของ Toy Story มาได้ยาวนานนับเป็นสิบปีได้ถึงขนาดนี้
ซึ่งถ้าเพียงมีหนังสักเรื่องจะทำได้ นั่นต้องเรียกให้สมเกียรติ ยิ่งกว่า ยักษ์ใหญ่ ล้ม ยักษ์เล็ก เสียซะเลย เพราะนั่นเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก โดยเฉพาะถ้าหนังเรื่องนั้นยังขึ้นชื่อว่าเป็นงานคลาสสิคอีกเรื่อง เป็นจุดเริ่มต้นจริงๆจังๆของการทำหนังการ์ตูนอนิเมชั่นที่ผมชอบชม อีกยังจะเป็นความประทับใจแต่แรกพบที่ติดตรึงของผมอีกต่างหาก
แม้จะพูดกันถึง มาตรฐาน แล้ว ..พิกซาร์ มักจะไม่เคยพลาดในการรักษาระดับคุณภาพเอาไว้อยู่ในระดับดี ถึงยอดเยี่ยม มาโดยตลอด ...แต่ถ้าเอามาวัดกันในเรื่องของการสนองตอบต่อคนดูที่มีกับหนังแล้ว ระดับความชอบ กลับแตกต่างออกไป
เอากระทั่งว่าปีก่อน "Wall-E" จะสามารถเข้าไปครองใจของแฟนพิกซาร์ได้หลายต่อหลายคน ..แถมยังเป็นที่รักของนักวิจารณ์จนใจจะขาด อยากให้ชิงออสการ์หนังยอดเยี่ยมเลยด้วยซ้ำ (ให้เป็นคู่แข่งที่สมเนื้อกับ สลัมด็อก ด้วยล่ะนั่น) ...แต่ผมก็ไม่ยักตกหลุมรักอย่างรุนแรง แม้จะไม่ปฏิเสธที่ว่านี่คือหนังที่ยอดเยี่ยมอีกเรื่องของปีก่อนก็ตามที
ด้วยเหตุฉะนี้ ผมจึงไม่เคยตั้งความหวัง ว่า ทุกครั้งที่พิกซาร์ ออกงานใหม่มา จะต้องทำให้ผมตกหลุมรักมันได้ทั้งหมด ..แต่อย่างไรก็ตาม ก็เชื่อมั่นเสมอว่า พิกซาร์ ทำอะไร ก็ไม่มีให้ผิดหวังเป็นแน่แท้
และนั่นก็เป็นจุดสำคัญที่ทำให้ผมยังไม่เคยสิ้นศรัทธากับ พิกซาร์ ..อีกยังเมื่อมีงานใหม่ๆออกมาทีไร ความเป็นแฟนเหนียวแน่น ก็ล้วนจะส่งให้ผมเข้าโรงไปโดยไม่ต้องตัดสินใจ ห่วงหน้าพะวงหลังใดๆ ...เพราะมั่นใจว่าออกจากโรงหนังแล้ว เราก็จะได้เก็บลิสต์เรื่องเหล่านี้เอาไว้ในคลังหนังดีอีกเรื่องหนึ่งโดยแน่
ซึ่งนอกเหนือจากหนังยาวทั้ง 9 เรื่องที่ผ่านมา (หากไม่รวมกับหนังสั้นอีกนับสิบ) ในรอบ 10กว่าปี ..ก็ยังจะต้องรวมเรื่องที่ 10 อย่าง Up เข้าไปในลิสต์นี้ด้วย อย่างไม่มีพลาด ...ขนาดที่ยังไม่ได้ดู ก็มั่นใจได้ ด้วยเสียงวิจารณ์จากแดนฮอลลีวู้ดที่รักและคลั่งไคล้หนังเรื่องใหม่เรื่องนี้เอาอย่างมาก
บ้างก็บอกว่า เป็นหนังของพิกซาร์ ขายฮา ที่ทำก๊ากได้บ่อยมากที่สุด (ณ จุดนี้ ผมสนใจมากที่สุด ..เพราะรอคอยอยู่เหมือนกันว่า เมื่อไหร่หนอ ดรีมเวิร์คส จะได้คู่แข่งขายขำที่น่ากลัวพอๆกันสักที) ..บ้างก็บอกว่า เป็นหนังของพิกซาร์ ที่มาพร้อมกับหมัดฮุคที่เล่นหนักจนจุกได้หลายลูก ..อีกบ้างก็บอกว่า นี่เป็นหนังของพิกซาร์ ที่กัดกินใจมากที่สุด ...ซึ่งอันสุดท้ายนี้ ผมก็ไม่อยากจะแน่ใจ ว่าผมจะได้รับรู้มัน ด้วยตัวของผมเอง ถึงต่อให้ผมได้ดูหนัง จนออกมาแล้วเฉยๆ ก็ยังมีเปอร์เซ็นต์สูงไม่ใช่เล่น
เพราะฉะนั้น การพิสูจน์ด้วยตาของตัวเอง กับระบบดิจิตอล 3D ที่ค่ายหนังโปรโมตเสียดิบดี ว่าล้ำอย่างนั้น เจ๋งอย่างนี้ จึงเป็นสิ่งที่ผมอยากจะทำ ..แม้ความเสี่ยงที่จะมีมึนๆอึนๆ ก็ไม่ใช่เปอร์เซ็นต์ค่าน้อยๆด้วยล่ะนั่น (เอาอย่าง Monsters VS Aliens ที่ทำมาเพื่อสามมิติโดยเฉพาะเลยเป็นไร..ก็ยังดูไป ตื้อๆที่สมองไปก็เท่านั้น)
Up ... มาพร้อมกับพลอตเรื่องที่จัดว่าแปลก และดูแหวกจากสารบบของพิกซาร์ที่ผ่านๆมา โดยเฉพาะในเมื่อหนังหลายๆเรื่องที่ผ่านมา ล้วนจะเน้นย้ำหรือโฟกัสไปยังที่ตัวคาแรกเตอร์ใดๆที่ไม่ใช่คน (อาทิเช่น ของเล่น, รถยนต์, สัตว์ประหลาด ,หนู ,หุ่นยนต์) ขณะตัวละครที่เป็นคนจริงๆ ถ้าจะเด่นได้ ก็ต้องเด่นแบบตัวประกอบเสียมากกว่า.. แต่ในพิกซาร์เรื่องล่าสุดนี้ คนได้เด่นจนเป็นตัวเอก จริงๆจังๆเสียที
แต่ก็อาจเพราะกลัวว่า มันจะยังแปลกไม่พอละมั้ง ..คนเขียนบทเลยทำบรรเจิด บวกอายุตัวละครเอกไปมากๆให้กลายร่างมาเป็น คุณปู่แก่ๆวัย 80 คนนึง ผู้ผ่านโลกมาโชกโชน และยังจะสร้างคู่หูต่างวัย เป็นเด็กสมบูรณ์ วัยละอ่อน ที่ยังไม่รู้ปู่สีปู่สาอะไร (คล้ายๆตาสีตาสา นั่นแหละ
) แต่ก็ต้องมาผจญภัยไปด้วยกัน จนกลายเป็นเรื่องเป็นราวเป็น Up ที่เราได้ดูอยู่นี่แล
Up เปิดเรื่องมาด้วย การปูย้อนเวลากลับไปเล่าเรื่องยังตอนที่ คาร์ล เฟรดเดอริกเซ่น ยังเป็นเด็กชายคนหนึ่งที่มีไอดอลในดวงใจเป็นยอดนักล่าสัตว์ที่สูญพันธุ์ไปแล้วอย่าง ชาร์ล มันสช์ ผู้เป็นต้นแบบ ที่ทำให้เขาอยากเติบโตไปเป็นอย่างนั้น ..และต่อมา คาร์ล ก็ยังได้ไปประสบพบเจอ และรู้จักเข้าให้กับอีกหนึ่งที่เป็นสาวกของชาร์ลเหมือนๆกัน ...เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่มีชื่อว่า เอลลี่ ผู้มีจิตใจเข้มแข็งเกินกว่าหญิงใด และยังจะดูแกร่งกว่าในทุกๆทางเมื่อเทียบกับ คาร์ล ที่ดูจะอ่อนแอต่อหลายสิ่งหลายอย่าง ทั้งๆที่เขาก็เป็นผู้ชายทั้งร้อย
แต่ก็อาจจะด้วยเหตุผลที่ต่างคน ก็ต่างมีสถานะความแกร่งที่อยู่ตรงข้ามกัน นี่แหละมั้ง? ..เลยจัดเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ความสนิทของหนุ่มสาวคู่นี้ เมื่อเติบโต จึงได้งอกงามเป็นความรัก เปลี่ยนจากเพื่อน เป็นแฟน เปลี่ยนจากแฟนเป็นสามี-ภรรยา และสุดท้ายก็กลายมาเป็นคู่ชีวิต...ที่อยู่เป็นกำลังใจให้กันจนถึงวันสุดท้ายที่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจากไปในที่สุด
นั่นคือช่วงเวลานับร่วมๆ 10 นาที ที่เสียไป พร้อมกับการเปิดเรื่องมาด้วยปมประเด็นที่จะส่งผลให้ตัวละคร ปู่คาร์ล กลายมาเป็นคนแก่ขี้เบื่อขาวีน อีกนานนับร่วมจนเกือบจบเรื่องนั่นแล .. ที่จัดมาเป็นหมัดฮุคหนักหน่วงลูกแรก ที่ล่อใครต่อใครให้จุกโดยถ้วนหน้า และกับผมก็ไม่เว้นเหมือนกัน แถมยังจะเป็นหมัดที่ออกมาตรงจนน่ากลัว จนเมื่อแยบโดนจังๆ ก็แทบจะสอยผมให้ต้องหมอบศิโรราบกับหนังอย่างจำยอม
ขนาดที่ว่า ช่วงครึ่งแรก ที่เงียบงันเหมือนๆกันของ Wall-E ที่เคยว่าแน่มาก่อน ..พอมาเจอฉากอะไรต่อมิอะไรที่เล่าความสำคัญครือกัน แต่ใช้เวลาน้อยกว่า และปูอย่างกะทัดรัดเช่นนี้ ...มีหรือจะไม่จุกจนเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา
ไม่รู้ใครจะว่ากับมันอย่างไรนะ ...แต่ผมว่า ความหวานชื่นดูดดื่มระหว่างคู่ปู่กับย่า ใน Up ยังจะทำคะแนนข้อสอบความอินของผมได้สูงกว่า การกระเซ้าเย้าแหย่ของหุ่นกับหุ่นเสียอีก
ถ้าเอาเท่านี้ นั่นก็เท่ากับว่า Up ได้ข่มความยอดเยี่ยมของ Wall-E ไว้ได้อยู่หมัดเสียเรียบร้อย ..โดยที่ยังไม่ทันจะได้ดูจนจบเรื่อง แต่ผมก็เริ่มๆรู้สึก ว่าหนังเรื่องนี้ ต้องมีอะไรเด็ดๆ รอคอยผมข้างหน้าอีกแน่นอน
แล้วก็ไม่เป็นอันผิดที่คาดไว้จริงๆ ...เมื่ออีกนับ 80 กว่านาทีที่เหลือ ที่ว่ากันด้วยการผจญภัย คือส่วนที่สร้างความสนุกให้กับผมเสียอย่างมากมาย ..จนแทบจะลืมนึกไปเลยว่า เรื่องบางเรื่องที่เกิดขึ้นนั้น มันยังดูไม่ make sense อย่างหนักถึงเพียงใด
บ้างก็คงจะผิดหวังกับ Up ในเรื่องของความสมจริง ..เพราะเอาแค่การสร้างเหตุผลให้บ้านลอยฟ้าได้ เพียงแต่ตอนแรกก็มีรูโหว่น่าสงสัยเสียมากมายแล้ว ที่คุณปู่วัย 80 จะสามารถสูบลูกโป่งนับหมื่นนับแสนได้เพียงใช้เวลาแค่คืนเดียว (ถึงต่อให้มีเครื่องมือช่วยเหลือก็ตามทีเถอะ)
บ้างก็มีปัญหากับ Up ในส่วนของการเล่าเรื่อง ..ที่หลายครั้งหลายครา หนังเลือกจะกระโดดข้ามตอน ทำให้ขาดรายละเอียดที่น่าจะเล่าได้อีกไปหลายส่วน ...มิหนำซ้ำ ยังจะกลายเป็นปัญหาว่า หนังมันสั้นเกินไป ขาดความเร้าใจในฉากผจญภัย ทำให้ลุ้นได้ไม่สุด
แต่ความผิดหวัง และปัญหาเหล่านี้ กับตัวผม แทบไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลดทอนความสนุกที่หนังมีให้เอาเสียเลย ..ทั้งๆที่ปกติผมก็มักจะสะดุดใจกับอะไรที่ไม่เต็ม แต่ Up กลับใช้เวลา 90 กว่านาที พาผมจมดิ่งไปกับเรื่องราว เหตุการณ์ และความประทับใจต่างๆนานา ได้เต็มที่อย่างสมศักดิ์ศรีแห่ง พิกซาร์
ด้วยเงื่อนไขในการเล่าเรื่องแบบหนัง Road Trip ที่ครอบคลุมอรรถรสในความเป็นหนังตลกเอาไว้ด้วย ...นั่นถือเป็นการสร้างจุดร่วมที่น่าสนใจสำหรับคนดู ผู้พอใจอยากจะบันเทิง อันทำให้เราๆยอมที่จะตกอยู่ในอาณัติที่อยากจะติดตามตัวหนังไป ..ยิ่งหนังมาพร้อมกับมุขที่ Work ผ่านกระบวนการคิดที่คมคาย ร้ายลึก ก็ยิ่งจะส่งผลให้คนดูพร้อมใจจะเพลิดเพลินไปกับมัน
ซึ่งแม้เรื่องของความตลกนี้ จะยังเป็นสิ่งหนึ่งที่ พิกซาร์ อาจจะไม่ได้จัดเจน เข้มข้นเท่ากับอนิเมชั่นจากอีกค่ายที่ขายขำเป็นหลักใหญ่ แต่ถ้าเอารวมๆกับที่พิกซาร์เคยทำมา ผมจัดให้ Up เป็นที่หนึ่ง แห่งหนังคอมเมดี้ จากค่ายนี้ได้เลย
คิดดูละกัน ..กะอีแค่คำสั้นๆว่า กระรอก ก็ยังบังอาจเล่นหนักกับผมให้ฮารั่วจนหายใจแทบไม่ทันได้เลย
นอกเหนือจากความขำ จะทำดีกว่าก่อนๆ ..ก็ยังมีอีกสิ่งที่ผมมองว่า ครั้งนี้ พิกซาร์ มีพัฒนาการ คือ การขยายพลอตรอง ให้มีคุณค่ามากกว่า การแค่ซับพอร์ตให้มีบางสิ่งบางอย่างขึ้นมารองรับ
----------- อ่านต่อความเห็นถัดไปครับผม ------------
แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 52 13:07:37
จากคุณ :
OncE UPoN'-'a MaN
- [
23 มิ.ย. 52 13:06:00
]