... ไม่ได้ทำงานเป็นสื่อมวลชน แต่ขอแชร์ประสบการณ์
ตอนม.ปลายต้องเรียนสายวิทย์ ทั้งๆที่อยากเรียน สายศิลป์
ตอนจะเอ็นท์อยากเข้าพวก อักษรฯ , นิเทศน์ หรือ วารสารศาสตร์ เพราะชอบด้านนี้
แต่ที่บ้านก็ยืนยันว่าให้เรียนในสาขาที่มั่นคง แล้วจบออกมา อยากทำอะไรก็ค่อยทำ อย่างน้อยให้มี งานประจำที่แน่นอน เพราะที่บ้านไม่ได้มีเงินถุงเงินถังให้ใช้ ต้องหาเลี้ยงชีพเอง
แรกๆหงุดหงิด เซ็งชีวิต ที่ไม่ได้เดินตามความฝัน ทะเลาะกับพ่อทุกครั้งช่วงที่เรียนแล้วมีปัญหา ได้แต่คิดว่า "ไม่ใจเลยๆ"
... แต่เมื่อจบมาแล้วก็พบว่า
ชีวิตก็ต้องถ่วงดุลระหว่าง ความฝัน กับ ความเป็นจริง
คือ ไม่ได้บอกว่า สายนิเทศน์ นั้นเลวร้ายไส้แห้ง แต่หากเปรียบกับบางอาชีพ โอกาสหรือความมั่นคงก็อาจจะน้อยกว่า ดังนั้น ที่ผู้ใหญ่พูดๆมา ก็เป็นส่วนจริง
ดังนั้น เรามีสิทธิที่จะดื้อดึงไปตามความฝันก็ได้ อาจไปได้ดีด้วย แต่ ถ้าไปแล้วไม่สวย ก็ต้องยอมรับชะตากรรม อย่าไปโทษใครเพราะเราเลือกเอง
แต่ในขณะเดียวกัน
การไม่ได้ไปตามความฝันในตอนนี้ ไม่ได้แปลว่า ชีวิตจะถูกปิดโอกาสไปตลอด
... หากรักในงานสายนี้จริง เมื่อจบมาจากคณะที่เรียนต่อ ก็ค่อยไปเทรนหรือฝึกฝนได้ เพราะ หลายๆคนในวงการนักข่าว พิธีกร ก็ไม่ได้จบ นิเทศน์ เสมอไป
บางที ถึงไม่ได้เดินเส้นทางความฝันตรงๆ แต่ เราก็สามารถปรับความฝันให้เข้ากับชีวิตจริงได้ หรือ เดินตามความฝันในวันข้างหน้าได้
... เหมือนกับตัวเองทุกวันนี้
รู้สึกดีใจ ที่ตอนนั้นเชื่อที่บ้าน เพราะ สิ่งที่ผู้ใหญ่พูดมาตอนนั้น ก็พิสูจน์ไว้แล้วว่าจิรง คือ ตอนจบมา ก็หันมาสนใจในสิ่งที่ตัวเองรักมาตลอด นั่นก็คือ การดูหนัง หลังจากนั้นก็ค้นคว้า สะสมความรู้ แล้วก็ค่อยๆมาทำในสิ่งที่ตัวเองรักที่เป็นฝันในวัยเด็ก ควบคู่ไปกับ ความเป็นจริงที่ต้องรับผิดชอบที่เป็นงานที่รักอยู่ในปัจจุบันควบคู่กันไป
ถึงจะไม่ได้อยู่ใน สายอาชีพ ที่เคยฝันสมัยมัธยมแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ เช่น ทำหนัง ทำโฆษณา แต่ ความฝันในตอนนั้นก็ถูกปรับมาอีกรูปแบบที่เกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้ และกลายเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่รักได้เหมือนกัน
... ขอเพียงอย่าทอดทิ้งความฝัน จะผ่านไปกี่ปีกี่วัน เราก็ไปถึงได้ครับ
บางคนมีความสุขกับการวิ่งไล่ความฝันไปเรื่อยๆ แต่อย่าลืมว่า ก็มี อีกหลายๆคนที่ทนทุกข์เพราะเหนื่อยและล้มเหลวกับการไล่ตามความฝันมากว่าครึ่งชีวิต แทนที่จะยอมปรับความฝันให้เข้ากับความเป็นจริง
สิ่งสำคัญที่สุดคือ ใช้ชีวิตให้สมดุลระหว่าง ความฝัน กับ ความเป็นจริง ก็พอ
... สุดท้าย ขอแนะนำอีกนิดสั้นๆว่า ลองถามตัวเองว่า
1. เราชอบอะไร มีความสุขกับงานประเภทไหน
2. เราถนัดอะไร เราเก่งด้านอะไร เราทำอะไรได้ดี
3. สังคมรอบตัวเราต้องการอาชีพแบบไหน เราจำเป็นต้องการความมั่นคงแค่ไหน เรามีทุนทรัพย์มากพอแค่ไหน
ข้อ 1 , 2 , 3 ควรจะถูกนำมาพิจารณาร่วมกันก่อนตัดสินใจ
... เพราะ
ถ้า เลือกข้อ 1 โดยไม่สนข้ออื่น เช่น ชอบงานด้านสื่อม๊ากกกกกก แต่ว่า ตัวเองไม่มีความชำนาญ ไม่เชี่ยวชาญเลย บวกกับ ที่บ้านก็ต้องการอาชีพที่มั่นคง จบออกมาหากเสี่ยงตกงานยิ่งลำบาก --> เราจะรับได้ไหมเมื่อจบออกมา แล้วเกิดต้องเตะฝุ่นพักใหญ่ๆ เราจะมีความสุขกับตรงนี้โดยที่ไม่มีเงินได้นานพอหรือเปล่า
หรือ
ถ้าเลือก ข้อ 3 โดยไม่สนข้ออื่น เช่น อยากเรียนหมอม๊ากกกกก เพราะเห็นว่ามั่นคง แต่ เกรดที่ผ่านนๆมาก็คาบเส้น วิชาสายวิทย์ก็ร่อแร่ หรือ แค่ท่องตำราก็อยากฆ่าตัวตาย ถึงจะเข้าไปเรียนได้ ชีวิตก็ไม่มีวันมีความสุข จบออกมากลายเป็นหมอแย่ๆอีกหนึ่งคน
แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 52 21:47:22
แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 52 21:45:43
แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 52 21:33:13
แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 52 21:26:14