CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGang


    ดู{หนัง} วิธ มายเซลฟ์ ; “Transformers : Revenge of the Fallen” ... ใหญ่กว่า เยอะกว่า (กะจะให้)มันส์กว่า.. ก็เท่านั้น!!?

      เกรด A (26 คน)
      เกรด B (11 คน)
      เกรด C (9 คน)
      เกรด D (4 คน)

     52.00%
      เกรด A (26 คน)
     22.00%
      เกรด B (11 คน)
     18.00%
      เกรด C (9 คน)
     8.00%
      เกรด D (4 คน)

    จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 50 คน


    ก่อนจะว่ากันที่ภาคใหม่ ..ขอชวนย้อนกลับไปอ่านความรู้สึกของผมที่มีต่อภาคแรก ได้ที่นี่...
    "Transformers" ... การแสดง 'หุ่นเชิด' ครั้งใหญ่โตมโหระทึกใจ
    http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=onceupon&month=05-07-2007&group=2&gblog=73



    ถึงแม้ว่าชื่อของผู้กำกับ “ไมเคิล เบย์” อาจจะไม่สามารถรับประกันได้เลยในทันทีว่า เราจะได้ดูหนังดีหรือไม่? ..แต่อย่างหนึ่งที่เราคอหนังจะสามารถ คาดหวังได้จากผู้ชายคนนี้ คือ การได้ดูหนังแอ๊คชั่นทุนสูงที่ดูเอามันส์ได้

    ซึ่งถึงสุดท้ายอาจจะต้องออกจากโรงด้วยความผิดหวัง ..แต่ก็ยังพอมั่นใจได้ทุกครั้งว่า หนังของเขา ต้องเกิดขึ้นมาเพื่อสร้างความบันเทิงได้ระทึกถึงขั้วหัวใจเฉพาะเมื่อดูในโรงเท่านั้น ..ไม่ว่าจะด้วยภาพ หรือเสียง อรรถรสที่ได้จากการดูหนังในโรง มักจะให้ผลที่คุ้มค่าโดยตลอด เมื่อมันเป็นหนังของ ไมเคิล เบย์

    นี่จัดว่าเป็น ข้อดีอย่างหนึ่ง ที่ไม่อาจหาคำใดมาโต้เถียง เกี่ยวกับเรื่องความสามารถของตัวผู้กำกับคนนี้ได้เลย ..แม้กระทั่งว่าส่วนตัวกับหัวใจจะยังคงมีอคติทุกครั้ง เมื่อคิดถึงหนังเก่าๆแทบทุกเรื่องของเขาก็ตามที

    หากเพียงแต่ในกรณีนี้ จะคงต้องยกเว้นให้กับ “Transformers” ไว้เรื่องหนึ่ง ...อันเพราะอย่างที่ได้เคยว่าไป(ในรีวิวนั้น) ผมได้มองว่ามัน เป็นหนังที่สมควรได้รับออสการ์มากที่สุดของ ผู้กำกับที่ชื่อ ไมเคิล เบย์ คนนี้ ไปแล้ว!!!

    และด้วยเหตุผลนี้นี่เอง มันเลยกลายเป็นส่วนสำคัญเต็มๆที่ทำให้ผมเฝ้ารอคอยจะดูการกลับมาของมหกรรมเชิดหุ่น ...เพราะถึงอย่างน้อยๆ จะคาดหวังไม่ได้ว่าจะดีไปกว่าเก่า แต่ถ้าเอาอย่างมากๆ ก็คงจะดูเอาคุ้มในฐานะหนังซัมเมอร์ฟอร์มยักษ์มหึได้ละมั้ง??




    ซึ่งกรณีอย่างมาก ที่ได้รับมาจาก “Transformers : Revenge of the Fallen” ก็ไม่ผิดไปจากที่คิดซะหรอก ..แต่ส่วนอย่างน้อย ที่ก็หวังว่าจะเป็นไปได้เหมือนภาคแรกเคยเป็นนี่สิ ...มันน่าผิดหวังจริงๆ ที่มันไม่ได้เกิดขึ้นในภาคนี้

    ด้วยความที่ภาคสอง ต้องการสร้างให้ทุกสิ่งทุกอย่าง ดูใหญ่กว่า เยอะกว่า และพยายามจะทำให้ ดูมันส์ กว่าเดิม เนื่องมาจากเงื่อนไข(ความโลภ)ที่ต้องเอาชนะภาคแรกที่ก็เคยตั้งมาตรฐานเอาไว้สูงอยู่แล้ว ...มันเลยชะรอยประจวบเหมาะให้ ทุกสิ่งอัน มันมากเกินพอดี

    ซึ่งไอ้ความเกินพอดีนี่แหละ ที่มันทำให้หนังดูล้นๆ ปริๆ ไปหมดทั้งเรื่อง.. ทั้งๆที่จะว่าไป เนื้อเรื่องของตัวหนังเองก็ไม่ได้เล่าความอะไรเสียให้มากมายกว่าเดิมซะด้วยซ้ำ อีกยังจะมาพร้อมสเตปการเดินเรื่อง ที่คนดูทุกคนจับทางได้ และคุ้นเคยมาแต่ไหนแต่ไร

    ยิ่งพอมาเจอประสบพบปัญหาสำคัญในหนังของ ไมเคิล เบย์ ทุกเรื่อง จะต้องเจอเข้าให้ อย่าง ความไม่น่าเชื่อในตัวบทหนัง อีกหนึ่งสิ่ง... มันก็ยิ่งกระทบให้ Transformers 2 ตลบอบอวลไปด้วยเรื่องที่ดูละเมอ เพ้อเจ้อ

    ซึ่งแทนที่จะทำให้ความเพ้อเจ้อ กลายเป็นเรื่องของความสนุกแบบการ์ตูนๆได้ เช่นที่ภาคแรกเคยทำ ..ไปๆมาๆ ยิ่งเห็นอะไรที่ไม่น่าเป็นไปได้ ก็ยิ่งดูเพี้ยน ดูประหลาด จนพาลเสียอารมณ์แอ๊บเด็กไปจนหมด

    ซึ่งก็น่าแปลกใจนักที่ ผลงานก่อนหน้าจะมาเป็น Transformers 2 ของทีมคนเขียนบทเดียวกัน อย่าง “Star Trek” ก็ทำให้สิ่งที่ดูไม่น่าเป็นไปได้ มันน่าตื่นตาตื่นใจจนตะลึงพรึงเพริดได้ ...แต่งานนี้ กลับดูผิดธรรมชาติ จนบางครั้งก็ไม่อยากเชื่อว่าบทหนังจะกล้าให้ทำอะไรที่ไม่สมจริงอย่างนี้ออกมา





    อีกที่เป็นปัญหาหลักๆของบทใน Transformers ภาคนี้ อันคือ ความพยายามจะใส่อะไรที่เคยถูกใจคนดูในภาคแรกเข้ามาเป็นอีกเท่าตัว ..เหมือนกะว่า อะไรที่มาเป็นสองเท่า จะต้องทำให้ดูสนุกกว่าเดิมอีกแน่ ...แต่นั่นกลับลืมไปเลยว่า ตัวหนังเองก็ยังต้องการความลงตัวของทุกสิ่งทุกอย่างที่ใส่เข้ามาด้วย ซึ่งนั่นคือสิ่งที่คนดูต้องการ

    เพราะถึงจะคาดหวังว่าหนังต้องหนักฉากแอ๊คชั่น ..หากถ้าได้ความตลกมาแซมๆช่วยผ่อนพอประมาณ ใส่เข้ามาแบบถูกจังหวะเช่นภาคแรก ก็ย่อมแหล่ม ...แต่ Transformers 2 กลับพยายามจะทำทุกอย่างให้ดูเป็นมุขตลกไปเสียหมด

    ซึ่งนั่นก็คงจะดี ถ้าความพยายามเหล่านี้ มาพร้อมกับการหยอดที่เข้าท่าเข้าที ...แต่หลายครั้งที่เห็นในหนัง มันกลับดูมากเกินไป และความมากเกินเหล่านี้ ก็เป็นที่มาให้เกิดทั้งมุขที่ใช้ได้ บางครั้งก็ได้ฮาจริง แต่หลายครั้งก็ไม่น่าใช้ จนกลายเป็นตลกฝืดที่แค่ให้ยิ้ม ก็ยังรู้สึกต้องฝืน

    ความตลกที่มาจนล้น ไม่ใช่เพียงสิ่งเดียวที่ทำให้หนังไม่ลงตัว ..หากยังมีที่หนักไปกว่านั้น ก็คือ การเฉลี่ยบทบาทของตัวละครในเรื่องที่มีมากเกินนับหลายสิบ อันแทบจะไม่ได้ทำให้มีใครสักคน(หรือตัว)โดดเด่นออกมาจากจอ ..หรือกระทั่งจะมีนาทีไฮไลท์มาเพื่อขโมยซีนเป็นของตัวเอง ก็ยังไม่มีโอกาสได้เลย

    แน่นอนที่เมื่อหนังพยายามจะสร้างตัวละครใหม่ๆขึ้นมาเพิ่มเติม ด้วยยังคงเก็บทีมเดิมไว้เป็นตัวหลักๆ ย่อมจะต้องเผชิญกับปัญหาที่อาจไม่สามารถรักษาน้ำหนักความเท่าเทียมไว้ได้... แต่มันจะไม่หนักหนาอะไรเลย ถ้าเพียงหนังไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ใส่คน(และตัว)มาใหม่เข้ามาเพียบ เพียงเพราะเข้าใจ หากยิ่งมีปริมาณเยอะเข้าว่า จะยิ่งทำให้หนังดูมีอะไรมากขึ้น ...ซึ่งนั่นคือวิธีการคิดใหม่ ทำใหม่ ที่ผิดพลาดเป็นอย่างยิ่งของ Transformers 2




    เพราะสิ่งที่หนังควรจะยึดติด และเห็นว่ามันสำคัญกว่าสิ่งใด ก็คือ ควรจะทำให้คนดูรู้สึกเชื่อในพลอตหลักได้ก่อน ..ซึ่งไม่ว่าจะเป็นในตัวประเด็นของการเป็นผู้นำที่น่าเลื่อมใสของ “ออฟติมัส ไพร์ม” หรือการพยายามจะประพฤติตัวให้เป็นคนปกติเอาไว้ได้ ของ “แซม วิทวิคกี้” ที่ดูว่าหนังจะเน้นเอาอย่างมากตลอดเรื่อง ก็ยังไม่เห็นว่าพลอตเหล่านี้ จะสามารถมีผลกระทบหนักๆ ต่อตัวหนังทั้งเรื่องได้เลย ..แถมเอาเข้าจริง กับรู้สึกว่าหนังเน้นขายความใหญ่ของฉากแอ๊คชั่น ที่มาไล่เรียงต่อเนื่องกันแบบฉากต่อฉาก เสียจนแทบไม่สามารถจับต้องเนื้อหาที่เป็นปมประเด็นใดๆได้เลย

    สรุปได้ เหมือนกับว่า เนื้อเรื่องที่มีอยู่ ก็แค่ออกแบบขึ้นมาเพื่อหาจังหวะยัดความมันส์เข้าไปให้ได้มากเข้าว่า เพียงเท่านั้นจริงๆ

    ซึ่งเอาเข้าจริง ถ้าอยากจะมันส์มากๆ ก็คงไม่ใช่ปัญหาอะไรหรอก แต่หากมามีปัญหากับการสร้างความน่ากลัวได้ไม่มากพอให้กับบรรดาเหล่าแก๊งค์ตัวร้าย “ดิเซปติคอน” ..มันก็มีแต่ จะทำให้มันไม่อาจมันส์ถึงขีดสุดได้เอาเสียนี่

    ยิ่งในภาคนี้จะนำมาโดยผู้ร้ายตัวใหม่ที่ควรจะใหญ่กว่าที่เคยเป็นมา(สมดังที่ได้รับการดันให้เป็นชื่อตอนของหนัง) “ฟอลเลน” แถมยังจะมีหุ่นร้ายตัวมหึยักษ์น่ายำเกรงอย่าง “ดีเวสเตเตอร์” มารอท่าในฉากไคลแม็กซ์อีกอย่างนี้ ..มันก็น่าให้คาดหวังว่าต้องมีลุ้นกันจนหืดขึ้นคอ

    แต่ที่ไหนได้ เมื่อถึงเวลาออกโรงจริงๆ ..ดิเชปติคอน ภาคนี้ ไม่ได้ฉายแววความน่ากลัวให้เกิดขึ้นเลย ..มิหนำซ้ำ เจ้าตัวฟอลเลน ก็ดัน Fall เร็ว ไม่ได้สมศักดิ์ศรี ที่อุตส่าห์แค้นจัด แค้นแรง อย่างที่ชื่อตอนพยายามเบ่งบารมีให้เอาเสียเลย




    ซึ่งโดยข้อตำหนิเหล่านั้น นั่นก็ทำให้ Transformers ภาคนี้ ได้เวียนกลับไปสู่วังวนเดิมๆที่ ไมเคิล เบย์ มักจะเป็นเมื่อครั้งยังคงเป็นซี้ปึ้กกับอีกหนึ่งผู้สร้างตัวใหญ่อีกคนอย่าง “เจอร์รี่ บรั้คไฮเมอร์” มาแล้ว ..ซึ่งนั่นคือ ประเด็นที่ทำให้ พี่เบย์ ไม่เคยจะหลุดไปจากกลุ่มผู้กำกับหนังทุนสูง แต่ไม่ใส่ใจในคุณภาพได้สักที ...ทั้งๆที่จะว่าไปแล้ว พี่เบย์ ก็เป็นคนหนึ่งที่คอหนังมักจะมองว่า เขาเป็นคนมีของ มาตลอด เอาตั้งแต่หนังเรื่องแรกของเขาอย่าง “The Rock” ก็โชว์ ออกมาได้ชัดเจนด้วยซ้ำ

    โดยใน Transformers 2 ..พี่เบย์ ก็ยังคงจัดว่า แน่ ที่สามารถโชว์ศักยภาพการทำหนังแอ๊คชั่นขนาดมหึมาออกมาได้ดูบันเทิง สามารถควบคุมงานเทคนิคทุกด้านให้ออกมาเกื้อหนุนเสริมส่งตัวหนังได้น่าติดตาม และถ่ายทอดมันออกมาเป็นความสนุกโลดโผนน่าตื่นเต้น แบบที่เราๆคนดูไม่มีทางได้ทำในชีวิตจริง ..ซึ่งนี่ถือเป็นเรื่องที่สมควรจะเป็นในหนังทุนสูงฟอร์มใหญ่สักเรื่อง และมันก็เป็นสิ่งดี ที่ผมได้รับ จากการคาดหวังว่ามันต้องคือหนังซัมเมอร์เรื่องสำคัญแห่งปี

    แต่ความสนุกระดับบิ๊กที่ว่า ก็ไม่ได้หมายความว่า หนังเรื่องนี้จะไม่จำเป็นต้องพึ่งเสน่ห์ใดๆเลย ...ยิ่งโดยเฉพาะกับคนที่เคยชอบภาคแรก ที่เคยรู้สึกว่า Transformers เป็นหนังแอ๊คชั่นที่มีเสน่ห์อย่างแรง ไม่ว่าจะในฐานะเป็นหนังที่ทำให้ฝันแบบเด็กๆได้เป็นจริง หรือว่าในฐานะที่ทำให้ได้เห็นภาพในจินตนาการออกมาบนเป็นภาพที่สมจริงบนโลกจริงๆ ..เมื่อมีภาคสองออกมา ก็ย่อมต้องการให้มันเป็นได้อย่างที่เคยมีครบถ้วน

    แต่พอเอาเข้าจริง เมื่อมันกลับมีให้ดูมากขึ้น มากขึ้น มากขึ้นกว่าเคยเข้าว่าแล้ว ก็กลับกลายเป็นว่า มันมาก ซ้ำและช้ำเกินไป จนให้แลดูไร้เสน่ห์ไปเสียหมดเลย.. โดยที่ยังไม่ต้องรวมกับปัญหาเรื่องความสด ที่ต้องลดน้อยถอยลงเอาแน่ หากไม่สามารถแต่งเสริมเติมความใหม่ของสิ่งใดๆ เข้าไปได้ ...ซึ่งกับอะไรที่ว่าดูใหม่ ในภาคใหม่ ก็ยังหามีไม่อีกต่างหาก

    พอเมื่อเสน่ห์ไม่มี ความใหม่ไม่มา แล้วการรักษาระดับความดีให้มีเท่าเดิม ก็ยังทำไม่ได้ ..นั่นก็เลยเป็นผลลัพธ์ที่ทำให้เราได้เห็นอย่างชัดเจนว่า ...เมื่อ ผู้สร้างคุณภาพตัวพ่อระดับ “สตีเว่น สปีลเบิร์ก” ปล่อยให้พี่เบย์ได้เป็นตัวของตัวเองอย่างเต็มที่อย่างเช่นที่ Transformers 2 ให้ได้เป็น มันก็จะให้หนังที่ดูสนุก เพลินเพลิด แต่ไร้ซึ่งสิ่งใดให้น่าจดจำในทันที





    แม้ถึงจะคุ้มค่าตั๋วในฐานะที่เป็นหนังดูเอาบันเทิงในโรงได้อยู่ ..แต่เมื่อถามหาความประทับใจติดตรึง ยามออกจากโรง มันกลับเป็นสิ่งที่พูดไม่ออกจริงๆ ว่ามี สำหรับการได้เข้าร่วม มหกรรมหุ่นเชิด ในครั้งนี้

    สรุปได้ว่า ..ภาคนี้ เป็นได้ถึงหนังแอ๊คชั่นทุนสูงที่ทำออกมาดีเรื่องหนึ่ง ...แต่ยังไม่ใช่ หนังดีในความหมายโดยทั่วไป ก็เท่านั้น!!?


    เกรด B+

    ขอบคุณครับ รักคนอ่าน จุ๊บๆ

    แก้ไขเมื่อ 30 มิ.ย. 52 09:11:16

    จากคุณ : OncE UPoN'-'a MaN - [ 30 มิ.ย. 52 08:59:56 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com