ความคิดเห็นที่ 1 ...แต่ก่อนอื่น พอดีมานั่งคิดอะไรบางอย่าง ก็นึกถึงเรื่องเกี่ยวกับ "ความใฝ่ฝัน" ขึ้นมาได้ ซึ่งผมคิดว่า         ในชีวิตของพวกเราหลายๆ คนไม่มีหรอกนะ ความฝันที่เรียกว่า                                      "ความใฝ่ฝันกึ่งสำเร็จรูป" ................................................................................................    ปัจจุบันคนรุ่นใหม่มากมาย ต่างมีความใฝ่ฝันในลักษณะนี้ โดยคิดกันว่า       “เพียงแค่เทความตั้งใจ หรือความทุ่มเทลงไปเพียงครั้งเดียว แล้วรอให้ความใฝ่ฝัน หอมกรุ่นพร้อมที่จะสัมผัส กับความสำเร็จของความใฝ่ฝัน”   ................................................................................................          แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น มีเพียงคนไม่กี่คน ที่จะประสบความสำเร็จได้ เพียงแค่ครั้งเดียวของการทุ่มเท เพราะการที่ใครสักคนจะประสบความสำเร็จได้นั้น พวกเขาต้องมุ่งมั่น ทุ่มเทกับชีวิตมากมามาย                      ดังนั้น “การรอคอย” และ “การพยายาม”                   คือสิ่งที่ต้องใช้ควบคู่ไปกับการไล่ตาม                          “ความใฝ่ฝันที่ไม่สำเร็จรูป”           ซึ่งเมื่อถึงวันนั้น รอยยิ้มของความปลื้มปิติก็คงจะเกิดขึ้นที่ข้างๆ แก้ม จากคุณ : เอ๋taxiครับผม เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 15:49:58

ความคิดเห็นที่ 2 “การไต่เต้าให้ถึงจุดสูงสุด ฉันคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ใครๆ ไม่ว่าจะอยู่ในวงการบันเทิงหรือวงการใดๆ ก็ตาม ต่างใช้เป็นแรงผลักดันภายในเพื่อไปให้ถึงสิ่งที่ใฝ่ฝัน คุณจึงต้องทุ่มเทจิตใจอย่างเต็มที่ในสิ่งที่คุณทำ ซึ่งผลตอบแทนที่ได้รับ จะเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มากทีเดียว”                                                                                                                                                      แคทเธอรีน ซีต้า-โจนส์ แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 52 15:52:56 จากคุณ : เอ๋taxiครับผม เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 15:52:32

ความคิดเห็นที่ 3 “บางครั้งผมรู้สึกคล้ายๆ กับตัวเองกำลังตามล่าความฝัน...แน่นอนว่ามันต้องใช้ความอดทน ความเข้าใจ การรอคอย เพื่อที่จะพบกับทั้งความสมหวังและผิดหวัง แต่อย่างน้อยผมก็ได้ลงมือทำแล้วล่ะ”                                               อาลัยแด่ ไมเคิล ไครช์ตัน  ผู้กำกับและนักเขียนชื่อดัง จากคุณ : เอ๋taxiครับผม เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 15:54:27

ความคิดเห็นที่ 4 “คิดๆ ดูแล้วก็ไม่น่าเชื่อ ผมเคยจนขนาดไม่มีเงินติดตัวเลย สมัยที่ผมยังต้อยต่ำอยู่ในนิวยอร์ค ผมเช่าอพาร์ทเมนต์ราคา 170 เหรียญ อยู่บนชั้น 5 ไม่มีลิฟท์...มันไม่ต่างจากสลัมเลยสักนิด มันสกปรกจนเจ้าของต้องทาทุกอย่างเป็นสีดำ แม้กระทั่งอ่างล้างหน้าและอ่างอาบน้ำ แมลงสาบก็วิ่งกันยั้วเยี้ยเต็มพื้น จนผมต้องไปขโมยแผ่นไม้อัดจากข้างถนน แล้วทำคานวางไม้อัดลงไป เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเหยียบแมลงสาบ เวลาตื่นขึ้นตอนเช้าผมก็ผวาว่าโทรศัพท์จะถูกตัดสาย เพราะผมยังไม่ได้ชำระค่าโทรศัพท์       ตอนนั้นถ้ามีเงินสัก 5 ดอลลาร์ก็ถือว่าเยอะแล้ว แต่เชื่อไหมผมอยู่ที่นั่นถึง 6 ปี! ซึ่งไม่ต่างอะไรกันมากนักสำหรับผม เพราะถึงจะอยู่ในสภาพกระจอกยังไง ผมก็ยังมีสิ่งจำเป็นต่อชีวิตทุกอย่าง         แต่ตอนนี้พอมีเงินมากพอแล้ว ผมกลับไม่นึกถึงเรื่องเงินอีกต่อไป เพราะเงินมันเป็นตัวเลขที่เปลี่ยนไปมาได้ และเมื่อถึงจุดที่คุณมีเงิน คุณก็จะยืนยันคำพูดที่ว่า “เงินไม่ใช่ความสุข”  และถ้าคิดให้ดี เงินนั้นเหมือนอาวุธร้าย เพราะถ้าคุณนึกถึงแต่เรื่องเงิน คุณก็จะลืมนึกถึงสิ่งอื่นๆ ที่มีค่าต่อชีวิต” บรูซ วิลลิซ แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 52 15:56:34 จากคุณ : เอ๋taxiครับผม เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 15:56:10

ความคิดเห็นที่ 5 “ฮอลลีวู้ด มันก็โหดอย่างนี้แหละ ไม่มีใครหรอกที่จะประสบความสำเร็จได้ตลอดไป ผมรู้สึกกับฮอลลีวู้ดเหมือนตอนที่ขับรถบนทางหลวง มีฝนตก และมีรถเป็นพันเป็นหมื่นยังแล่นไปทำงานตามปรกติ แต่แล้วมีรถคันหนึ่งจอดเสียอยู่ข้างทาง   ...แน่นอนอาจจะมีสักวันที่คุณเป็นเสมือนรถเสียที่จอดอยู่ข้างทาง ก็เหมือนกับผมที่มีทั้งตกต่ำและรุ่งเรือง มีเงินมีทองแล้วก็ถังแตก ดังนั้นผมจึงต้องยืนให้มั่นคง และทำให้ตัวเองผิดพลาด หรือล้มเหลวน้อยที่สุด”                                                                                                   วิลล์ สมิธ จากคุณ : เอ๋taxiครับผม เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 15:57:53

ความคิดเห็นที่ 6 “มันเหมือนปัญหาโลกแตกของคนเพิ่งเริ่มทำงานที่พบว่า คุณจะหางานทำไม่ได้ถ้าไม่มีประสบการณ์ แต่คุณก็ไม่อาจมีประสบการณ์ได้หากไม่มีคนให้ทำงาน!  ดังนั้นเมื่อคุณมีงานทำซึ่งอาจจะเป็นเด็กใหม่ หรือไม่ชอบงานที่ทำ รวมทั้งมันเป็นงานที่เหนื่อย แต่นั่นก็ยังดีกว่าคนอีกมากมายที่ไม่มีงานทำ...แน่นอนผมจึงไม่เคยลืมช่วงเวลาที่หางานทำไม่ได้ เพราะช่วงเวลานั้นมันทุกข์ยากถึงขนาดต้องอาศัยพื้นบ้านของเพื่อนเพื่อซุกหัวนอน”                                                                                                                           เบน แอฟเฟล็ค จากคุณ : เอ๋taxiครับผม เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 16:00:51

ความคิดเห็นที่ 7 “ฉันอยากจะทำทุกอย่าง อยากจะมีทุกสิ่ง และสิ่งที่ทำให้ฉันก้าวมาถึงวันนี้ได้ ก็เพราะมีทิศทางของตัวเองที่ชัดเจน เมื่อฉันนึกถึงสิ่งที่ฉันต้องการ ฉันก็จะมุ่งมั่นให้ได้มา โดยใช้ทั้งความอดทน ความอุตสาหะ...คุณว่าฉันได้ทุกสิ่งทุกอย่างแล้วอย่างนั้นหรือ ก็ใช่ แล้วฉันยังต้องการอะไรอีกหรือเปล่า?...นั่นก็ใช่อีกเหมือนกัน ดังนั้นฉันก็จะต้องกลับไปเริ่มต้นที่ความมุ่งมั่น ความอดทน ความอุตสาหะ อีกครั้ง”                                                                                                                                        เดมี่ มัวร์ จากคุณ : เอ๋taxiครับผม เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 16:04:17

ความคิดเห็นที่ 8 ปาดดดดดดดด ชอบมากค่ะ จากคุณ : เชอรี่แช่เหล้า เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 16:05:11

ความคิดเห็นที่ 9 “จริงๆ แล้วผมเป็นเด็กบ้านนอกนะ ผมมาจากครอบครัวจนๆ และก็เคยช่วยแม่ทำนามาแล้วและผมคิดว่าทุกคนต่างมีความฝัน ความพยายามต่างกัน จริงๆ แล้วมันอยู่ที่ว่าคุณมองความสำเร็จที่ตั้งเป้าหมายไว้อย่างไร และจะอดทน ต่อสู้ หรือพยายามทำมันให้ประสบความสำเร็จด้วยวิธีไหน คือสิ่งที่คุณต้องเลือก”                                                                                                                                   โจ เหวินฟะ จากคุณ : เอ๋taxiครับผม เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 16:05:54

ความคิดเห็นที่ 10 “การประสบความสำเร็จในช่วง “ใบไม้ร่วง” มันยิงใหญ่กว่าช่วง “ใบไม้ผลิ” หรือ “ช่วงฤดูร้อน” เพราะช่วงใบไม้ร่วงเปรียบเหมือนช่วงชีวิตที่คุณตกต่ำ สำหรับหลายๆ คน มันคือเป็นบั้นปลายของชีวิต ส่วนช่วงใบไม้ผลิ มันก็เหมือนคนหนุ่มสาว และช่วงฤดูร้อนก็เหมือนช่วงเวลาที่ต้องสร้างครอบครัว       ดังนั้นถ้าคุณกลับมาประสบความสำเร็จในช่วงใบไม้ร่วงได้ คุณก็ควรนับถือในสิ่งที่คุณทำ...นั่นล่ะคือสิ่งสำคัญของมนุษย์ คือสิ่งที่วิเศษสุดและดีกว่าการปล่อยให้เวลาสูญไปโดยไม่ลงมือทำอะไรเลยในวันที่คุณตกต่ำ เพราะสำหรับผมแล้ว ผมขอเลือกที่จะลองและลงมือทำ”                                                                                                                             รูเพิร์ต เอเวอเร็ตต์ จากคุณ : เอ๋taxiครับผม เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 16:10:26

ความคิดเห็นที่ 11 “ผมคิดเสมอว่าชีวิตมีขึ้นมีลง มีดี มีร้าย...กระทั่งตอนที่ไม่ได้ทำงานอะไรอยู่ 7 ปีเต็ม ผมก็ยังคิดแบบนั้น...ผมว่ามันขึ้นอยู่กับการดำเนินชีวิตของเรา ว่าเราให้คุณค่ากับสิ่งไหน ค้นหาอะไรอยู่ และจัดการกับสิ่งนั้นอย่างไร?”                                                                                                                                   วินซ์ วอห์น จากคุณ : เอ๋taxiครับผม เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 16:12:04

ความคิดเห็นที่ 12 “ฉันไม่ค่อยปลื้มกับวิถีชีวิตที่ยึดถือแต่การแสวงหาความสุข และความพอใจเพียงอย่างเดียว ดังนั้นฉันจึงไม่ได้เติบโตขึ้นมาโดยทัศนคติที่ว่า ในชีวิตนี้ฉันจะต้องเข้าพิธีวิวาห์ให้จงได้ แล้วพออายุเท่านั้นเท่านี้ ฉันก็ควรจะมีบ้านและมีลูกๆ ได้แล้ว...อะไรทำนองนี้ ฉันว่าความสุขน่ะใช่ว่าจะต้องขึ้นอยู่กับสิ่งเหล่านี้เสมอไปหรอกนะ”                                                                                                                               เรเน่ เซลล์เวเกอร์ จากคุณ : เอ๋taxiครับผม เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 16:13:39

ความคิดเห็นที่ 13 “ไม่ว่าผมหรือคนทุกคน ต่างก็ล้วนมีความคิด มีการคาดหวัง ซึ่งเราอยากจะให้สิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่เราจะให้ได้ ในขณะเดียวกัน เราก็ต้องการที่จะรับสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเราเข้ามาเช่นกัน...การวิจารณ์ หรือหาข้อผิดพลาดของตัวเอง จึงไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายและทำให้เราก้าวพ้นจากอัตตา แน่นอนเราไม่ได้ฉลาด หรือประสบความสำเร็จทุกๆ ครั้ง บางทีเราอาจจะเป็นคนโง่ หรือผู้แพ้ ซึ่งก็ต้องยอมรับและแก้ไขมันให้ได้ เพียงแต่อย่าท้อ”                                                                                                                                                   แบรด พิท จากคุณ : เอ๋taxiครับผม เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 16:16:03

ความคิดเห็นที่ 14 “ถ้าผมไม่ได้อยู่กับมอเตอร์ไซค์ ผมก็จะคลั่งกีฬาเหมือนเด็กอเมริกันทั่วไป ในเกมกีฬาเป้าหมายของเราคือทำแต้ม ผมเชื่อว่าคนทุกคนน่าจะมีเป้าหมายสำหรับการใช้ชีวิตในโลกใบนี้ และผมหวังว่าสักวันหนึ่งผมคงได้พบมัน และตอนนี้ผมก็กำลังตามหามันอยู่”       ส่วนหนึ่งของเรียงความที่ “เจมส์ ดีน” บุรุษผู้เป็นอมตะในความทรงจำของผู้คนทั้งโลกได้บันทึกเอาไว้สมัยเรียนไฮสคูล จากคุณ : เอ๋taxiครับผม เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 16:18:17

ความคิดเห็นที่ 15 “ของขวัญชิ้นใหญ่สุดที่แม่มอบให้ฉัน คือของขวัญแห่งความศรัทธาในตัวเอง และหากฉันศรัทธาต่อบางสิ่งบางอย่าง แล้วทำงานหรือทุ่มเทไปทั้งจิตวิญญาณและแรงกาย ฉันก็จะสามารถประสบความสำเร็จได้...ฉันว่านี่คือของขวัญชิ้นเยี่ยมที่เราสามารถมอบให้เด็กคนไหนๆ และปลูกฝังให้เด็กสักคนได้”                                                                                                                          ฮิลลารี สแวงค์ จากคุณ : เอ๋taxiครับผม เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 16:20:29

ความคิดเห็นที่ 16 “การแสดงเป็นรักแท้ของฉัน แต่มันไม่ใช่ความรัก...หลายๆ ครั้งที่ฉันรู้สึกว่ากำลังจะติดหล่มธุรกิจนี้ แต่ความจริงแล้วสิ่งที่มนุษย์เราต้องการนอกจากการทำงานหาเงิน หรือประสบความสำเร็จในชีวิต คือการที่เราอยากมีชีวิตที่เป็นของเราจริงๆ อยากอยู่บ้านเงียบๆ อยากอ่านหนังสือ ทำสวน และทำงานบ้านไปตามเรื่องตามราว หรือมีหน้าที่ดูแลครอบครัว สิ่งเหล่านี้สำคัญที่สุด เพราะ “งานแสดงมันมาแล้วก็ไป”...แต่ “ครอบครัว” เป็นสิ่งที่มีค่าและมั่นคง”                                                                                                                             จูเลีย โรเบิร์ตส จากคุณ : เอ๋taxiครับผม เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 16:23:16

ความคิดเห็นที่ 17 “พ่อแม่ของฉันเน้นเรื่องของการศึกษามากกว่าความสำเร็จ เงินทอง และทุกๆ อย่าง ฉันโตมากับการอ่านหนังสือข้ามไหล่พ่อ เฝ้ามองท่านอ่านหนังสือเตรียมสอบ ฉันจึงมีวินัยในการทำงานที่สูงมาก และพ่อแม่ของฉันก็ถ่ายทอดความรักในการเรียนมาให้ฉัน ซึ่งฉันก็สนุกกับมันมาก     นั่นเป็นสาเหตุที่ฉันทำได้ดี ที่สำคัญพ่อแม่ของฉันท่านทำได้อย่างที่ท่านพูด และสอนฉันโดยที่ท่านสามารถบอกกับฉันได้ว่า “อย่าดื่มเหล้า” หรือ “อย่าเสพยา” ก็เพราะพวกท่านไม่ยุ่งกับสิ่งเหล่านี้เลย จึงทำให้ฉันซื่อสัตย์กับพ่อแม่ ในแบบที่เด็กๆ หลายคนไม่มี และฉันก็มักจะอยู่กับพ่อแม่ในคืนวันศุกร์ ขณะที่เพื่อนๆ ของฉันไปงานปาร์ตี้ ที่ฉันไม่อยากจะไป”                                                                                                                             นาตาลี พอร์ตแมน จากคุณ : เอ๋taxiครับผม เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 16:25:05

ความคิดเห็นที่ 18 “ฉันไม่เคยคิดว่าฉันเป็นคนสวย แต่เป็นคนที่มีอำนาจพิเศษอยู่ในตัว...“คือความเชื่อและความศรัทธาในตัวตน” ซึ่งคุณก็สามารถสร้างให้กับตัวเองได้ เพราะเป็นสิ่งที่ทรงพลังทีเดียว ไม่ว่าคุณจะก้าวไปทางไหน ผู้คนจะเริ่มมีปฏิกิริยาด้วย ซึ่งไม่ได้เกิดจากเหตุที่ว่าฉันเป็นใคร แต่เป็นเพราะพลังแห่งมนต์เสน่ห์ที่สะท้อนออกมา”                                                                                                                                     ชารอน สโตน จากคุณ : เอ๋taxiครับผม เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 16:29:09

ความคิดเห็นที่ 19 “ผมเชื่อว่าในการทำงานของคนทุกคน มันสำคัญมากที่คุณจะต้องวางแผนอนาคต เพราะคุณไม่สามารถพึ่งพาชื่อเสียงเก่า และผลงานเด่นๆ ที่เคยได้รับความชื่นชมได้ตลอดไปหรอกนะ มันจึงเป็นสิ่งที่คุณต้องต่อสู้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เป็นการต่อสู้ไม่รู้จบ ดังนั้นคุณควรจะมองไปข้างหน้า และมีสติอยู่เสมอ หากมีอะไรในอาชีพของคุณที่สอนคุณได้แล้วล่ะก็ คุณควรยึดถือมันตามความจริงที่เกิดขึ้น”                                                                                                                   แอนโตนิโอ แบนเดอรัส จากคุณ : เอ๋taxiครับผม เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 16:30:55

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณจขกท.นะคะที่นำสิ่งดีๆมาให้อ่าน..แต่ของนาตาลี พอร์ตแมนน่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีของวัยรุ่นสมัยนี้ได้..แนต เป็นนักแสดงที่มีฝีมือและมีชื่อเสียงมา แสดงมาตั้งแต่อายุ 12 แต่ไม่ว่ายังไงแนตก็ไม่เคยทิ้งการเรียนแถมเรียนดีอีกต่างหาก..คล้าย โจดี้ ฟอสเตอร์ จากคุณ : sitemap เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 16:33:51

ความคิดเห็นที่ 21 “ถ้ามีใครถามว่าฉันชอบส่วนไหนในร่างกายของฉันมากที่สุด...ฉันก็จะตอบว่า “สมอง” เพราะไม่ว่าร่างกายฉันจะเป็นอย่างไร ฉันคงไม่พอใจหรอก ถ้าไม่รู้จักวิธีใช้มัน”                                                                                                                                   มิเชล รอดิเกวซ จากคุณ : เอ๋taxiครับผม เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 16:43:37

ความคิดเห็นที่ 22 “จงตั้งใจกับงานของคุณให้มากที่สุด ไม่ต้องไปกังวลกับความกดดันต่างๆ ซึ่งถ้าคุณตั้งใจทำงาน เมื่อมันเสร็จสิ้นหรือประสบความสำเร็จ ความกดดันนั้นก็มีค่าแค่เพียงเศษผง แต่ทั้งนี้ คุณห้ามไปคาดหวังอะไรเด็ดขาด ย้ำอีกครั้ง “ตั้งใจทำให้ดีที่สุด”...และมันก็ได้ผลดีทีเดียว เพราะคุณจะไม่กดดันต่อไปจนเสร็จงาน”                                                                                                                                                                                                                        เฮย์เดน คริสเตนเซน จากคุณ : เอ๋taxiครับผม เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 16:46:55

ความคิดเห็นที่ 23 “ในช่วงชีวิตวัยรุ่น เมื่อเราก้าวสู่จุดนั้น ซึ่งในฉับพลันเราเชื่อว่าเรามีระบบศีลธรรมและความคิดต่างๆ ในชีวิตของตัวเอง เรามองว่ามันถูกต้องและเพราะว่ามันสมัยใหม่ ซึ่งเราเป็นผู้ค้นพบมัน มันจึงเกินเลยความพอเหมาะ และเมื่อความกระตือรือร้นเกินเลยความพอเหมาะ เราจึงต้องการยืนหยัด ต้องการพิสูจน์ตัวเองจนเกินเลยขอบเขตไปบ้าง    พ่อแม่ก็จะบอกว่า “ดี...ดี เอาเลย ทำเลย-แต่ฉันเตือนแกแล้วนะไอ้ลูกรัก” ซึ่งแน่นอนว่าไฟมันร้อน แล้วเราก็ไปสัมผัสไฟ สุดท้ายมันก็กลับมาเผาตัวเราเอง เราก็จะกลับมาพร้อมกับรอยไหม้จากบ จากนั้นเราก็จะบอกกับตัวเราเองว่า ที่พ่อแม่คอยเตือนน่ะคือสิ่งที่ถูกแล้ว”                                                                                                                                     เฮธ เลดเจอร์ จากคุณ : เอ๋taxiครับผม เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 17:01:16

ความคิดเห็นที่ 24 “ชีวิตมีอะไรที่น่าสนใจมากมาย ใครจะรู้ว่า สุดท้ายแล้วความเจ็บปวดที่คุณได้รับ อาจจะกลายมาเป็นความเข้มแข็งครั้งยิ่งใหญ่ของคุณก็ได้”                                                                                                                             ดรูว์ แบร์รี่มอร์ จากคุณ : เอ๋taxiครับผม เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 17:09:59

ความคิดเห็นที่ 25   ผมชอบ คำพูดของ  บรูซ วิลลิซ , วินซ์ วอห์น , ฮิลลารี สแวงค์ , จูเลีย โรเบิร์ตส  และ ชารอน สโตน และชอบเป็นพิเศษโดยเฉพาะ   บรูซ วิลลิซ , วินซ์ วอห์น  และ ฮิลลารี สแวงค์  อ่านแล้วประทับใจ ขอบคุณมากครับที่นำมาโพสท์ จากคุณ : Time & Space เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 17:22:56

ความคิดเห็นที่ 26 “ผมยังคงศรัทธาในชีวิต...ก็เพราะชีวิตคือบทเรียนไม่ใช่หรือ ดังนั้นการทดสอบของมันก็คือ เราจะเลือกเรียนรู้มันได้อย่างไรเท่านั้นเอง”                                                                                                                                           จูด ลอว์ จากคุณ : เอ๋taxiครับผม เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 17:30:03

ความคิดเห็นที่ 27 “ผมเคยหลงทางและสูญเสียตัวเองอยู่นานทีเดียว...แต่คุณรู้ไหมไม่มีใครหรอกนะที่จะไม่มีรอยขีดข่วนอะไรในชีวิตเลย”                                                                                                                   คริสเตียน สเลเตอร์ จากคุณ : เอ๋taxiครับผม เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 17:32:27

ความคิดเห็นที่ 28 “เราถูกสอนมาให้มีอิสระและเป็นเจ้าของชีวิตเราเอง และสำหรับผมแล้ว ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นสิ่งสำคัญอันดับหนึ่งในชีวิต แต่น่าแปลกที่ในสังคมของเราไม่ค่อยมีใครคำนึงถึงกันนัก...พวกเขาพูดถึงแต่ความเก่งกาจ ความเข้มแข็ง ความมีอิสระเป็นตัวของตัวเอง พวกเขาชื่นชมความมั่งคั่งในทรัพย์สมบัติและสิทธิส่วนบุคคล...แต่กับความซื่อสัตย์แล้วไม่ยักกะมีใครกล่าวถึง”                                                                                                                                       เควิน เบคอน จากคุณ : เอ๋taxiครับผม เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 17:35:39

ความคิดเห็นที่ 29 Thanks ka จากคุณ : ชั้นไม่มีอนาคตกับผู้ชายคออ่อน เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 17:36:08

ความคิดเห็นที่ 30 “ผมรักนกพิราบ เพราะนกพิราบเป็นตัวแทนแห่งความรัก ความบริสุทธิ์ ความงดงาม เป็นตัวแทนของจิตวิญญาณ นอกจากนั้นนกพิราบยังเป็นผู้สื่อสารระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า...ผมจึงใช้นกพิราบแทนความหมายเหล่านี้ในหนังของผม”                                                                                                                                             จอห์น วู จากคุณ : เอ๋taxiครับผม เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 17:37:06

ความคิดเห็นที่ 31 “ในค่ำคืนสมัยหกขวบที่ผมถูกพ่อปลุกขึ้นมากลางดึก มันคือความกลัวของเด็กตัวน้อยๆ ที่ตั้งคำถามว่า “พ่อจะพาเราไปไหน!?” แต่ก็ไม่กล้าถามพ่อ ผมเป็นเด็กที่กลัวความมืด เป็นเด็กที่ไม่อยากอยู่คนเดียวในค่ำคืน ตอนที่พ่อขับรถพากพวกเราทั้งบ้านออกไปข้างนอก ผมกลัวจนตัวสั่น     พ่อขับรถพาครอบครัวของพวกเราไปจอดที่ผืนดินอันเวิ้งว้าง ซึ่งความมืดปกคลุมไปทั่ว ผมสงสัยว่าทำมีรถของคนอื่นๆ มากันมากมายและทุกคนมีผ้าห่มติดตัวมาด้วย    จากนั้นพ่อจอดรถแล้วจัดแจงกางผ้าห่มบ้าง ในเวลานั้นครอบครัวเราก็นอนมองขึ้นไปบนท้องฟ้า...แต่แล้วเมื่อผมได้เห็นฝนดาวตกที่พุ่งจากขอบโค้งฟ้าหนึ่งไปที่ปลายฟ้า ท่ามกลางดวงดาวเป็นจำนวนมากระยิบระยับ...ผมก็ไม่เคยมองท้องฟ้าแล้วคิดว่ามันเป็นสถานที่ๆ น่ากลัวอีกต่อไปเลย”                                                                                                                                 สตีเวน สปีลเบิร์ก จากคุณ : เอ๋taxiครับผม เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 17:39:27

ความคิดเห็นที่ 32 “หลายปีทีเดียวที่ฉันรู้สึกว่าตัวเองไม่มีความสุข และโดดเดี่ยว จนกระทั่งเติบโตฉันก็ยังไม่รู้ว่ากุญแจแห่งความสุขนั้นก็คือ “ตัวฉันเอง”    ...แต่ปัจจุบันฉันมีความสุขแล้ว ถึงแม้จะเคยตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกหวาดกลัว แต่ก็ไม่ว้าเหว่อีกต่อไป      ทำไมฉันถึงมีความสุขได้น่ะ?..หรือ ก็เพราะฉันผ่านโลกมามาก เจ็บมามาก พลาดพลั้งมามากจนรู้สึกว่าความสุขอยู่ที่ใจเราเองนั่น ไม่ต้องไปหาจากที่อื่น”                                                                                                                                       ดรูว์ แบร์รี่มอร์ จากคุณ : เอ๋taxiครับผม เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 17:40:13

ความคิดเห็นที่ 33 “ฉันทำงานหนักมามาก ฉันไม่เคยกลัวอะไร และฉันเริ่มต้นด้วยบทที่เล็กๆ ก่อน...จำได้ไหมเรื่องแรกของฉันน่ะ ฉันโผล่บนจอแค่ 5 นาที แต่ฉันพยายามทำให้ดีที่สุดให้น่าจดจำที่สุด ในเวลาที่มีเพียงเท่านั้น หรืออย่างในหนังอีกเรื่องบทของฉันมีแต่เต้นๆ กับงู แต่คนดูก็อ้าแขนยอมรับฉัน      ซึ่งนั่นล่ะคือเหตุผลที่ทำให้สตูดิโอหันมามองฉันบ้าง หลังจากนั้นฉันก็ต้องสู้ยิบตาเพื่อให้พวกเขาได้ดูการทดสอบบทของฉัน ถึงแม้มันจะหลายครั้งหลายที่ฉันไปทดสอบบท และที่สุดแล้ว พวกเขาก็หลุดปากออกมาได้ว่า “เอาล่ะปล่อยเธอเข้ามา”  ...และฉันก็ทำสุดความสามารถเพื่อให้ได้บทนั้นมา...มันไม่มีหรอกที่พวกสตูดิโอจะบอกว่า...“เอ้า แม่สาวน้อย ฉันให้โอกาสเธอ ฉันจะให้เธอเล่นบทนางเอกที่วิเศษที่สุดในโลก รับไว้เลย”...ไม่มีเสียหรอก”                                                                                                                                   ซัลมา ฮาเย็ก จากคุณ : เอ๋taxiครับผม เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 17:43:41

ความคิดเห็นที่ 34 “ผมเป็นคนที่ไม่ชอบมองอนาคตไกลๆ ผมคิดอยู่เสมอว่า ผมจะทำวันนี้ให้ดีที่สุด ส่วนอนาคตเป็นผลที่จะเกิดตามมา แน่นอนว่าผมมีโครงการต่างๆ ในหัว มีที่ๆ อยากไป มีเป้าหมาย มีความฝัน...แต่ตอนนี้ผมต้องทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพราะมันหมายถึงโอกาสที่จะได้ทำงานชิ้นต่อๆ ไปในอนาคต เพื่อที่จะสานต่อความใฝ่ฝันให้สำเร็จในท้ายที่สุด”                                                                                                                                 แบรนดอน เราธ์ จากคุณ : เอ๋taxiครับผม เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 17:45:37

ความคิดเห็นที่ 35 ...และสุดท้าย ครับผม ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนนะครับ... ................................................................................................       “ผมอาจจะร้างวงการไปถึง 26 ปี ซึ่งผมใช้เวลาไปกับการเลี้ยงม้าและทำฟาร์มปศุสัตว์ในชนบท..แต่แล้วผมก็ต้องหย่ากับภรรยา สูญทั้งเมีย ทั้งม้า และฟาร์ม แต่สักพักผมก็ทิ้งความเศร้าโศกไว้เบื้องหลัง และย้ายกลับเข้ามาในเมืองที่ผมหวังว่าอาจจะมีใครให้โอกาส  เพราะเวลาของผมมันเหลือไม่มากแล้ว อีก 10 ปีข้างหน้าผมอาจต้องนั่งอยู่บนรถเข็นแล้วก็ได้ เอาแค่ตอนนี้ผมอยู่ได้เพราะสวัสดิการสังคม แต่โชคดีที่ยังมีผู้กำกับคนหนึ่ง (เควนติน ตารันติโน่) เห็นคุณค่าของผม ทำให้ผมก็ยังมีความหวังว่าหนังเรื่องนี้ จะทำให้ผมได้กลับมาสู่วงการอีกครั้ง”                             เดวิด คาราดีน กล่าวเอาไว้ในวัย  67 ปี จากคุณ : เอ๋taxiครับผม เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 17:51:10

ความคิดเห็นที่ 36 ประทับใจหลายคน  คำพูดบอกตัวตนของคนๆ นั้นได้เลย แต่ชอบของสปีลเบิร์กเพราะแกเล่าเรื่องเหมือนแกทำหนังเปี๊ยบ เริ่มจากความสงสัยจากสายตาของผู้บริสุทธิ์  ไปสู่จุดระทึกขวัญ  แล้วจบลงอย่างน่าประทับใจโดยทิ้งจินตนาการอันกว้างไกลให้คิดต่อ จากคุณ : หมัดแมวเมามาย เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 18:42:11

ความคิดเห็นที่ 37 ขอบคุณครับ จากคุณ : jumpkaka เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 19:23:43

ความคิดเห็นที่ 38 กี๊ดดดดด ๆ ๆ ๆ ๆ ........... พี่ จู๊ดๆ หล่อ คำคมๆ มากกกกก ค่ะ จากคุณ : Edna Mode เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 20:11:56

ความคิดเห็นที่ 39 ขอบคุณนะคะที่สร้างสรรค์กระทู้นี้ขึ้นมา  ทำให้เราได้รู้จักคุณค่าของความฝัน  คุณค่าของชีวิตและคุณค่าในการต่อสู้ฟันฝ่าอุปสรรค  ขอบคุณที่แบ่งปันสิ่งดีๆ และข้อคิดดีๆ เหล่านี้ไว้ด้วยนะคะ จากคุณ : หงส์อรุณ เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 20:22:40

ความคิดเห็นที่ 40 ขอบคุณเจ้าของกระทู้นะคะที่นำอะไรดีๆมาให้อ่าน ข้อคิดของสาวๆบางท่านอ่านแล้วรู้สึกดีจังเลย ^^ จากคุณ : ใช้สมองมากกว่าหัวใจ 2 เท่า เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 20:37:34

ความคิดเห็นที่ 41 ขอบคุณค่า รู้สึกดีมากๆเลย จากคุณ : pwp_kung เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 00:40:47

ความคิดเห็นที่ 42 อ่านแล้วได้กำลังใจดีค่ะ... จากคุณ : girlicious เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 16:48:49

ความคิดเห็นที่ 43 ควรจะให้กระทู้นี้เข้าสู่กระทู้แนะนำนะคะ สมควรอย่างยิ่ง หาผู้ร่วมอุดมการณ์ค่ะ! จากคุณ : The Blower's Daugther เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 22:35:17

ความคิดเห็นที่ 44 อ่านแล้วรู้สึกดีค่ะ......สร้างกำลังใจให้ตัวเองได้ ^ ^ ขอบคุณคุณเอ๋ฯ มีอะไรดี ๆ มาให้อ่านอีกแล้ว จากคุณ : memaymayme เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 01:07:03

ความคิดเห็นที่ 45 GR8 THX จากคุณ : โควี เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 01:11:18

ความคิดเห็นที่ 46 อ่านแล้ว...ดีจังเลย จากคุณ : thicha เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 01:54:23