PANTIP.COM : A8066838 ลองมาดูกันซิว่า ถ้ากฎหมายสำหรับการลงโทษผู้กระทำผิดควรเป็นแบบไหน [วิทยุ-โทรทัศน์]

ความคิดเห็นที่ 16

เอามาจากห้องแป้งนะคะ ลองมองมุมนี้บ้างแล้วกันค่ะ

ความคิดเห็นที่ 60

เฮ้อ...... อ่านกระทู้แนวนี้ทีทีไรก็ละเหี่ยใจทุกที ยิ่งกับความเห็นที่ว่านักกฎหมายเป็นผู้ชายก็เลยไม่แคร์นี่ อ่านแล้วเซ็งจิตขนาดหนัก

บอกก่อนว่าผมเป็นนักกฎหมายที่เรียนและ ทำวิจัยเรื่องการใช้โทษพวกนี้ในการป้องกันการกระทำความผิดโดยตรง ถึงแม้ผมจะเป็นผู้ชาย แต่ผมก็มีแม่มีเพื่อนมีแฟน ไม่เคยอยากเห็นใครโดนข่มขืน แต่ถึงกระนั้นผมขอต่อต้านสุดตัวกับการเพิ่มโทษที่เพื่อนๆ ว่ามา

โทษ รุนแรงที่เพื่อนๆ อยากได้อยากเห็นกัน ผมบอกได้ว่ามันไม่ผิดใครๆ ก็อยากให้ความผิดเลวๆ นี้หมดไป แต่ด้วยความรู้ที่ผมมี ผมบอกได้เลยว่าแม้จะมีการเพิ่มโทษ ผลมันก็จะไม่ออกมาตามที่เพื่อนๆ คิดแน่ และสถานการณ์จะแย่ลงด้วยซ้ำ

Common Sense ของคนทั่วไปมีอยู่ว่า ถ้ากฎหมายลงโทษรุนแรง คนก็จะไม่กล้ากระทำความผิด และเมื่อเพิ่มโทษ จำนวนคนที่กระทำความผิดก็จะลดลง และสังคมก็จะปลอดภัยขึ้น ซึ่งเป็นความเชื่อที่ไม่ถูกนัก และผิดถนัดในคดีข่มขืน ด้วยเหตุผลต่อไปนี้

1. คนทั่วไปรู้กฎหมายน้อยมาก 99% ตอบไม่ได้ด้วยซ้ำว่าความผิดอย่างไรมีโทษอย่างไร พอจะรู้กันว่าอะไรผิดอะไรไม่ผิดคร่าวๆ แค่นั้น ฉะนั้นถึงเพิ่มโทษไปคนส่วนมากก็ไม่รับรู้โทษที่เพิ่มขึ้นอยู่ดี

2. โทษรุนแรงจะมีผลดีในการป้องกันการกระทำความผิดที่ผู้ลงมือมีโอกาสไตร่ตรอง ก่อนลงมือกระทำความผิด เช่นชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ยักยอกพวกนั้น เพราะมีเวลาคิดคะเนว่าผลประโยชน์หรือความรู้สึกที่ตนจะได้รับนั้นคุ้มไหมกับ ความเสี่ยงในการโดนจับและลงโทษ แต่จะไม่มีผลเลยในความผิดที่เป็นการกระทำโดยทันทีทันใด หรือการกระทำที่เกิดจากแรงกระตุ้นโดยสัญชาตญาณ ข่มขืนก็เป็นความผิดที่อยู่ในกลุ่มนี้ ขณะลงมือข่มขืนผู้กระทำไม่มานั่งคิดหรอกว่าโทษมีอย่างไร เพิ่มขึ้นมากน้อยแค่ไหน ตนมีโอกาสโดนจับกุมแค่ไหน สมองน้อยข้างล่างมัน override สมองบนไปหมดแล้ว (ไม่นับการข่มชืนแบบเป็นขบวนการ ซึ่งถือเป็นส่วนน้อยมากๆ) ฉะนั้นถึงจะมีการเพิ่มโทษ จำนวนคดีข่มขืนก็จะไม่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

3. ในทางกลับกัน การเพิ่มโทษให้รุนแรงขึ้นกลับจะสร้างปัญหาให้กับสังคม เราคงต้องยอมรับว่ากระบวนการยุติธรรมไม่ว่าที่ไหนในโลกก็ไม่ error free แม้ศาลจะระมัดระวังแค่ไหนก็มีโอกาสตัดสินผิดพลาดอยู่ไม่น้อย โดยผิดพลาดไปได้ทางใดทางหนึ่งคือ ปล่อยคนผิด หรือลงโทษผู้บริสุทธิ์ แนวคิดหลักของกฎหมายยุคปัจจุบันมีอยู่ว่า "ปล่อยคนผิด 10 คน ดีกว่าลงโทษผู้บริสุทธิ์ 1 คน" เมือมีโอกาส error ที่คนบริสุทธิ์จะโดนลงโทษเช่นนี้ กฎหมายจึงพยายามหลีกเลี่ยงโทษที่รุนแรงและไม่อาจแก้ไขในภายหลังได้ หลายประเทศยกเลิกโทษประหาร เพราะพบว่าได้ประหารผู้บริสุทธิ์ แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้แล้ว ขณะที่ถ้าเป็นโทษปรับหรือจำคุกยังพอแก้ไขและชดเชยให้ได้

4. เราต้องยอมรับว่า คดีข่มขืนเป็นคดีที่พิสูจน์ความผิดยากที่สุดคดีหนึ่ง มักไม่มีพยาน และหลักฐานการร่วมเพศอย่างเดียวก็ไม่ได้บอกชัดแจ้งว่าเป็นการขืนใจหรือสมยอม โอกาสที่ศาลจะตัดสินพลาดมีสูงมาก แถมในบ้านเราการแจ้งความว่าชายข่มขืนหญิงทั้งๆ ที่เป็นการสมยอม เพื่อแบล็คเมล์หรือต่อรองกับฝ่ายชายก็มีไม่น้อย ไม่ต้องที่ไหนไกลอย่างในห้องสวนลุม เวลามีกระทู้มาปรึกษาว่า ฝ่ายชายทำฝ่ายหญิงท้องแล้วไม่รับผิดชอบ หรือฝ่ายชายแอบไปมีเมียน้อย ก็มักมีคนมาแนะนำให้จขกท. ขู่และแจ้งความว่าโดนฝ่ายขายข่มขืน ผ่านชายจะได้กลัวยอมกลับมา ผมอ่านแล้วก็เซ็งจิตทุกที ฉะนั้นการใช้โทษที่รุนแรงกับคดีที่ error สูงเช่นนี้จึงอันตรายมาก

5. สำหรับเรื่องที่พูดกันว่า ถ้าลงโทษรุนแรงแล้วเหยื่อจะตายหมด อันนี้ก็เป็นความจริง ในทางวิชาการเค้าเรียกว่า "Marginal Deterrence" คือการกำหนดโทษเป็นลำดับชั้น ผิดมากลงโทษแรง ผิดน้อยหน่อยก็ลงโทษเบาลงไป โดยมีเหตุผลว่า ถ้าผู้ลงมือมีโอกาสยั้งคิดแม้เพียงเสี้ยววินาที ก็อาจเลือกที่จะทำผิดให้เบาลง เป็นการช่วยเหลืิอเหยื่อ ซึ่งในทางกลับกัน ถ้ากำหนดโทษให้รุนแรงเท่ากันหมดแล้วผู้ลงมือก็จะไม่มีแรงจูงใจให้ยั้งมือ และเป็นการกระตุ้นให้ฆ่าเหยื่อเพื่อกำจัดพยานหลักฐานลดโอกาสที่ตนจะโดนจับ ด้วย สำหรับความผิดข่มขืนในบ้านเราก็กำหมดโทษแบบนี้ ไล่ตั้งแต่ ข่มขืน - รุมโทรม - ข่มขื่นโหดร้ายทารุณ - ไปจนถึงข่มขืนแล้วฆ่าซึ่งมีโทษสูงสุดคือประหาร ถ้าเพิ่มโทษตามที่เพื่อนๆ อยากได้ ตืนประหารทุกกรณี โอกาสที่เหยื่อจะโดนฆ่าตายหริอโดนข่มขืนอย่างทารุณนั้นสูงมากแน่นอน เพื่อนๆ อยากให้เป็นแบบนั้นหรือ ??

6. อีกเรื่องที่แม้แต่นักกฎหมายส่วนมากก็ไม่ค่อยรู้ มีแนวคิดที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า (ชื่อทฤษฎีติดอยู่ที่ปาก นึกออกจะมาเติม) ศาลค่อนข้างอ่อนไหวกับความผิดที่มีโทษรุนแรงมากๆ เพราะผู้พิพากษาก็เป็นคนเหมือนกับเราๆ ท่านย่อมไม่อยากจะสั่งลงโทษประหารหรือจำคุกตลอดชีวิตเว้นแต่ "มีพยานหลักฐานแน่นหนาจนปราศจากข้อสงสัย" ถึงขนาดไม่สั่งไม่ได้ ทีนี้ในคดีที่มีโทษรุนแรงมากเช่นประหาร ในทางปฏิบัติมาตรฐานของการรับฟังพยานหลักฐานจะสูงขึ้นมากจากคดีที่มีโทษจำ คุกโดยอัตโนมัติ ถ้าไม่ปราศจากข้อสงสัยจริงๆ ศาลก็มักให้ยกฟ้องไป ซึ่งแปลว่าโอกาสที่ผู้ข่มขืนจะโดนลงโทษก็ยิ่งน้อยลงไปอีก (เทียบง่ายๆ ว่า มีจำเลยสิบคน ถ้าบทลงโทษคือจำคุก อาจมีจำเลยได้ยกฟ้อง 5 คน แต่ถ้าเป็นโทษประหารอาจมีจำเลยได้ยกฟ้อง 8 คน เพราะมาตรฐานมันสูงขึ้น) การเพิ่มโทษจึงกลายเป็นการช่วยจำเลยที่มีมีความสามารถในการกำจัดพยานหลักฐาน โดยทางอ้อม

7. สำหรับเรื่องการใช้โทษตาต่อตาฟันต่อฟัน ที่หลายคนชอบเสนอนั้น ผมขอไม่พูดถึงเรื่องความสะใจหรือประเด็นทางสิทธิมนุษยธรรมเพราะเดี๋ยวจะยาว แต่ที่ผมว่าสำคัญกว่าคือ หลายคนในที่นี้มองเฉพาะผลระยะสั้นไม่ได้คิดถึงผลระยะยาวที่เกิดขึ้น การใช้โทษพวกนี้มีปัญหามากในระยะยาว แทนที่จะทำให้สังคมดีขึ้นกลับจะทำให้สังคมแย่และอันตรายมาก

คนที่โดน ลงโทษประเภทนี้ เช่นตัดมือตัดเท้า สักหน้า ฯลฯ เมื่อโดนลงโทษแล้ว ต้องอย่าลืมว่าเค้าไม่ได้หายไปจากสังคมนะครับ เค้ายังอยู่ในสังคมเดียวกับเรา คนที่มีตราบาปติดตัวจะไม่มีโอกาสกลับตัวกลับใจแม้จะอยาก ทำงานทำการอะไรก็ไม่ได้ เค้าจะโดนสังคมประนามต่อต้านและเกิดความเคียดแค้นสังคมอย่างรุนแรง ทำได้อย่างเดียวคือเป็นอาชญากรต่อไป ซึ่งเท่ากับว่าเราสร้างอาชญากรอาชีพขึ้นมานั่นเอง

ส่วนเรื่องการตัด อวัยวะเพศนั้น ผมเคยพิมพ์ไปในหว้ากอหลายครั้งแล้วว่า เคยมีการลองใช้โทษที่ที่สวีเดนราวปี 1950 ผลที่ได้ออกมาแย่มากและต้องยกเลิกโทษไป จำเลยที่โดนตัดอวัยวะ เมื่อโดนตัดก็มีอาการทางจิตเคียดแค้นสังคมอย่างรุนแรง แทบทุกรายกลับมาก่อคดีข่มขืนอีก แต่เมื่อโดนตัดไปแล้ว ก็ใช้อุปกรณ์อย่างอื่นแทน เช่น ไม้กวาด ขาเก้าอี้ เตารีด และอะไรพิศดารมากมายแทนอวัยวะของตัวเอง ผลคือ เหยื่อโดนทรมาณอย่างโหดร้ายและตายหมดทุกราย

ที่ว่ามาอยากให้อ่าน กันเป็นความรู้ และอยากนำเสนอว่าการเพิ่มโทษในคดีข่มขืนไม่ใช่ทางแก้ปัญหาเรื่องนี้แต่อย่าง ใด ผมอยากจะขอร้องคนที่บอกว่านักกฎหมายผู้ชายไม่สนใจ ให้เปลี่ยนความคิดด้วยนะครับ ผมฟังแล้วก็ช้ำใจทุกที ไม่ใช่ว่าผมไม่สนใจ แต่แค่ว่าพวกผมมีข้อมูลและมองรอบด้านกว่าคนทั่วไปมาก เลยไม่สนับสนุนการเพิ่มโทษ

สำหรับเรื่องเราจะแก้เรื่องข่มขืนยังไง นั่น ผมเห็นว่าพอจะมีทางอยู่บ้าง แต่ไม่ใช่การเพิ่มโทษแน่นอน ไว้ดึกๆ ผมจะมาโพสให้อ่านถ้ามีคนอยากอ่านนะ

ปล. ขอสงวนสิทธิ์ข้อความข้างบนด้วยนะครับ เพราะผมกำลังเขียนบทความทางวิชาการเรื่องนี้อยู่ด้วย

แก้ไขเมื่อ 06 ก.ค. 52 18:07:17

จากคุณ : Lawเก้อ

http://www.pantip.com/cafe/woman/topic/Q8050017/Q8050017.html

จากคุณ : Bluedonut

เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 23:00:09