Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
คนจากอดีต.................  

หนึ่งวัน…..กับสาวใหญ่จากอดีต
 
หวัดดีคร๊าบบบบบบ…. ขออภัยที่หายไป ชีวิตวุ่นวายเพราะงานและความงก  ต้องเรียกว่าไม่มีเวลาหายใจเลยครับ  แต่ถึงยุ่งอย่างไร  เมื่อวานนี้ผมก็ละทิ้งงานทั้งหมดเพื่อมาพบกับเธอคนนั้นครับ  ได้รับโทรศัพท์จาก”เธอ” ซึ่งหายไปจากชีวิตของผมเกือบยี่สิบปี  เสียงที่มาตามสายในเช้าเมื่อวานมันพัดพาความหลังมาอย่างท่วมท้นจนผมต้องจัดเวลาพื่อมาเจอเธอให้ได้    เพื่อนที่รักที่สุด….  ไม่น่าเชื่อจริงๆครับว่ามันยี่สิบปีมาแล้ว  จากวันที่เราทั้งคู่ได้เจอกันครั้งแรกในฐานะน้องใหม่ของรั้วเหลืองแดง   เธอมาจากจังหวัดใต้สุดของประเทศ  เด็ก”บ้านนอก” ตาสวยคมแบบสาวใต้ถูกจับมานั่งติดกับผม  ส่วนผม คุณหนู กทม ของแท้   ผมไม่เคยมีเพื่อนบุคคลิกอย่างเธอเลยครับ   ก็…  เพื่อนๆผมมันก็คุณหนูทั้งนั้นแหละครับ  ก็โรงเรียนเก่าผมมันแหล่งรวมคุณหนูนี่ครับ  
    ยังจำได้ว่าหลังรับน้องเราเริ่มสนิทกัน  เธอชวนผมไปเป็นเพื่อนหาห้องเช่าด้วยท่าทีเชื่อมั่นแถวย่านๆราชดำเนิน  ผมสยดสยองกับสภาพแวดล้อมอย่างนั้นมากกว่าเธอเสียอีก  แต่เราก็เป็นเพื่อนกันทั้งที่ไม่มีอะไรเหมือนกัน  ผมช่วยเธอในเรื่องการใช้ชีวิตในกรุง ส่วนเธอช่วยผมในสิ่งที่ผมไม่ถนัด เช่น  เธอรู้ว่าผมไม่กินน้ำร่วมแก้วกับใคร เวลาโดนบังคับให้ใช้แก้ว 1 ใบกับคน 20 คน ตอนรับน้อง   เธอก็จัดการให้ผมได้กินเป็นคนแรก   เธอไม่เคยว่าผมว่ากระแดะหรือสำอางค์เลยครับ   เธอบอกแต่เพียงว่าคนเราโตมาไม่เหมือนกัน   “แก(หมายถึงผม)ก็เป็นของแกอย่างนี้แหละเปลี่ยนไม่ได้หรอก” เราไม่เคยต้องปรับตัวเข้าหากันแต่ก็คบกันได้สนิทใจ…..   และเวลาทำกิจกรรมที่ต้องลุยๆเช่นพัฒนาชนบทเธอรู้ว่าผมไม่ชอบ   เจ๊ก็ลุยเอง ส่วนผมอยู่ฝ่ายหาทุน หรือติดต่อกับอาจารย์ เราเป็นเพื่อนที่เข้าใจกันมากครับ มองตากันก็เก็ทเลยครับ   เมื่อเรียนจบเธอกลับไปใต้   ส่วนผมไปนอก   เราติดต่อกันอยู่พักหนึ่งแล้วก็ค่อยๆเฟดดดด…..   ผมถึงแปลกใจนักหนาที่เธอติดต่อผมได้  เธอขอเจอที่พารากอน  ผมขำกร๊ากกกกเลยครับ  เพราะสถานที่นัดพบมันดูกระแดะและขัดกับตัวเธอมาก  ผมนั่งรถไฟฟ้าไปเจอเธอ ผมอึ้งกับความเปลี่ยนแปลงของเธอครับ เธอคือ”ป้า” แท้ๆเลยครับ  เธอเป็นครูใหญ่ของโรงเรียนเล็กๆที่จังหวัดยะลา ผมเธอหงอกเป็นสีเทาๆ ใส่เสื้อคอเหลี่ยมลายดอกๆ กระโปรงสีน้ำตาล รองเท้าเตี้ยหุ้มส้น สะพายย่ามใบโตๆ ข้างๆเธอมีเด็กหญิงอายุประมาณ 8-9 ขวบมาด้วยครับ      เธอบอกว่าที่นัดที่นี่เพราะพาเด็กมาดูสัตว์ทะเล   เธอเล่าว่าที่เธอขึ้นมาคราวนี้เพราะพาเด็กคนนี้มาส่งให้ยาย   เพราะแม่เด็กเพิ่งโดนผู้ก่อการร้ายฆ่าตาย   เธอเลยพามาเอง….. อึ้งครับ …    ผมมองเด็กอย่างสงสาร   แต่ไม่ได้เข้าไปลูบหัวลูบบ่าอะไรหรอกครับ   ได้แต่ส่งใจไปให้ (ก็ผมไม่ชอบสัมผัสพร่ำเพรื่อ มันดูเฟคๆยังไงไม่รู้)   ผมมองเด็กน้อยที่เดินจากไปกับยายอย่างเศร้าใจ   แกหันมามองครูใหญ่ของแกอีกครั้ง   อย่างน้อยแกก็มียายครับ และหญิงชราก็ยังมีหลานมาแทนลูกสาวที่จากไป
ผมถามเพื่อนรักว่าอยากกินอะไร  เธอบอกว่าอยากกินอาหารฝรั่งหรูๆ เพราะที่นั่นไม่มี  ผมบอกว่า”ได้เรยยยยย”  เรามานั่งที่ร้านวานิลลา ผมรู้จักร้านนี้เพราะลูกค้าชอบมากินบ่อยๆเวลา”หมดแรงชอปปิ้ง”    เธอดูแปลกแยกมากๆเลยครับทั้งกับสภาพแวดล้อมในร้าน  และแขกที่มาทานซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสาวเก๋และหนุ่มๆหน้าสวยนั่งกันเต็มไปหมด   เราสั่งอาหารมาสามสี่อย่าง   เธอกลับมาเป็นเพื่อนวัยเยาว์ของผมอีกครั้ง  ต่างคนต่างไม่ถามว่าทำไมถึงยังคงไม่แต่งงานทั้งคู่   ถามไปก็กระเทือนตับกันเปล่าๆ  อิ  อิ    เธอเล่าถึงงานที่เธอทำว่าต้องต่อสู้กับอิทธิพลต่างๆ  ไหนยังต้องหาทุนมาช่วยเด็กให้มีอาหาร   มีอุปกรณ์การศึกษาที่ดี   สายตาเธอเข้มแข็งเด็ดเดี่ยว   เธอถามถึงงานผม  ผมเล่าคร่าวๆ   แต่ไม่บอกหรอกครับว่าราคาโซฟาชุดหนึ่งของลูกค้าผมอาจจะสร้างตึกเรียนขนาดย่อมๆในจังหวัดของเธอได้หนึ่งหลัง    หลังจากคุยเรื่องซีเรียสเราก็เปลี่ยนมาคุยเรื่องอาหารที่กำลังกิน   เธอบอกอร่อยมาก  แต่พาสต้าหนึ่งจานเท่ากับค่าอาหารเธอทั้งอาทิตย์  เอาน่าเพื่อน  นานๆที
      เธอมองไปรอบๆร้านแล้วบอกว่าผู้ชายกรุงเทพหน้าตาหล่อจัง  ผิวพรรณดี   ผมอมยิ้ม….ขี้เกียจทำลายฝันของเธอครับ    เธอบอกว่าผู้ชายที่อยู่ตรงมุมร้านหล่อเหมือน โกโบริ เลย  ผมหันไปมอง  เออ  หล่อครับหน้าคมแบบนายแบบญี่ปุ่น  เธอบอกผมว่า ”สงสัยโกโบริ กำลังรออังศุมาลิน”   ผมว่า ”คงไม่หรอก”….   เธอยังคงแอบมองโกโบริของเธอ  มีชายหนุ่มหน้าตาดีแต่งตัวทันสมัยเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะของ โกโบริ  แล้วจู่ๆเธอก็หัวเราะกิ๊กๆ    ผมถามว่าขำอะไร  เธอบอกว่าเธอเห็นโกโบรินั่งจับมือกับชายคนนั้น  ผมบอกว่า ก็บอกแล้วว่าเขาไม่ได้รออังศุมาลิน  แต่โกโบริรอ ”วนัส”…ต่างหาก 555+++  เธอถอนใจดังแล้วพูดว่า  เฮ้ออออออออ  เวรรรรรรรร……
     เมื่อออกจากร้านผมพาเธอเดินห้างพารากอนแต่ไม่ได้ซื้ออะไร พอเมื่อยเลยพาเธอไปกินกาแฟสตาร์บัค  เธอว่าได้ยินชื่อสตาร์บัคมาตั้งนาน เพิ่งจะได้กินครั้งแรกวันนี้ !!!!!    แต่เธอว่ากาแฟที่ยะลาอร่อยกว่า  แก้วละสิบกว่าบาทเอง  ผมอมยิ้มไม่ได้ว่าอะไร  ผมไปส่งเธอที่ๆพักเราร่ำลากัน  ผมมองเธอเดินจากไป …..  เพื่อนรักของผม  เราอยู่บนโลกใบเดียวกัน  แต่โลกของเราต่างกันราวกับเป็นโลกคนละใบ   จริงๆมันก็คนละใบแหละครับ   โลกของเธอคือการศึกษา ความเสี่ยงภัยจากผู้ก่อการร้าย  ความมุ่งมั่นที่จะพาเด็กๆของเธอไปสู่ชีวิตที่ดีกว่า  ส่วนโลกของผมคือกาแฟราคาแพง ผู้คนที่ให้ความสำคัญกับวัตถุ  การอวดความมั่งมีต่อกันผ่านการตกแต่ง  และรสนิยมอันเลิศวิไล  แต่เอาเถอะเพื่อนรัก  เดี๋ยวผมจะไถเงินจากคนพวกนี้ส่งไปเป็นกองทุนให้เด็กๆของเธอนะ  ผมสัญญา….
ยี่สิบปีผ่านไป ”เธอ”ก็ยังคงลุยของเธอต่อไป ส่วนผมก็จะช่วยเธอด้วยวิธีการแบบคุณหนูๆของผมเหมือนเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว  คือหาทุนให้เด็กๆของเพื่อนแล้วกันนะ  บางที… โลกสองใบของเราที่แยกกันมานานอาจมาทับซ้อนและเกื้อหนุนกันได้ชั่วขณะหนึ่ง

ปล .ไม่ได้นึกว่ามันจะยาวถึงเพียงนี้เลยครับ   เอาเป็นว่าแทนความคิดถึงที่หายไปนานแล้วกันครับ

จากคุณ : ผู้ชายซอยสิบ
เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 52 15:58:21




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com