 |
ดู{หนัง} วิธ มายเซลฟ์ ; หนีตามกาลิเลโอ ... หนัง Feel Good ที่มีความ Good อยู่น้อย(กว่าที่หวัง)
|
|
| | | | | เกรด A [A/A-] (17 คน) | | | | เกรด B [B+/B/B-] (33 คน) | | | | เกรด C [C+/C/C-] (7 คน) | | | | เกรด D [D+/D] (2 คน) | | | จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 59 คน |
หลังจากที่บินเดี่ยวครั้งแรก พร้อมกับได้รับความชื่นชมจากคอหนังไทย ในระดับที่ยังถูกยกให้เป็นหนังในดวงใจของใครหลายๆคนได้อีกด้วยแล้ว ...ผู้กำกับเด็กปั้นประจำค่ายนี้ คนหนึ่งที่ถือเป็นที่รอคอยของแฟนๆในผลงานเรื่องใหม่อย่างแหงแก๋ ..ย่อมต้องไม่พ้นที่จะคิดถึง นิธิวัฒน์ ธราธร แห่ง Seasons Change เป็นแน่แท้
ซึ่งพอได้ที กลับมาแล้วจริงๆ ..ผู้กำกับคนนี้ ก็ยังคงเลือกที่จะขอบินเดี่ยวเหมือนเดิม ...หากแต่ที่พิเศษสุดๆสำหรับงานนี้แล้ว มันก็คือ การขอบินไปพร้อมกับเครื่องบินจริงๆ ..เพื่อหวังจะได้ร่อนลงสู่ 3 ประเทศในยุโรป ที่ๆเป็นโลเคชั่นสำหรับหนังเรื่องใหม่ของเขาในที่นี้
หนีตามกาลิเลโอ เล่าเรื่องของสองสาว สองสไตล์ ที่มาพร้อมกับเรื่องราวอันน่าเจ็บปวด จี๊ดๆในใจของแต่ละคน
เมื่อสาวคนหนึ่ง กำลังจะจบจากมหาลัยด้วยเกียรตินิยมแล้วแท้ๆ แต่ดันไปริมีกลโกง ด้วยการปลอมลายเซ็นของอาจารย์ ขึ้นมาเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ..และนั่นก็เลยทำให้เธอต้องพานพบความผิดหวังครั้งใหญ่ในชีวิต เมื่อต้องถูกพักการเรียน และทำให้การจบการศึกษาของเธอ ต้องล่าช้าออกไปอีกเป็นปีๆ
ส่วนสาวอีกคนหนึ่ง ก็เพิ่งจะเฮิร์ทเรื่องความรักมาแหม่บๆ หลังจากที่เจ้าตัวดันปากดี ไปขอเลิกกับแฟนหนุ่ม.. ที่มันก็แค่บ่นๆ ว่าสาวเจ้าเข้ามาจุ้นจ้านกับชีวิตของเขามากเกินไป ..แต่ไปๆมาๆ ก็ทะลึ่งเอาจริง ที่จะเลิก และขอคืนความสัมพันธ์กลับมาเป็นแค่เพื่อนที่ดีเหมือนเดิมอีกครั้งหนึ่ง
สาวคนแรกชื่อ เชอร์รี่ ส่วนอีกคนชื่อว่า นุ่น ..และสาวทั้งสองคนนี้ ก็คือเพื่อนกัน (ตามสูตร)
เมื่อต่างคนต่างก็เข้าอกเข้าใจ และรับรู้ว่าอีกคนก็คงเจ็บปวดไม่ต่างกัน (แม้ประเด็นที่เจ็บจะไม่เหมือนกันก็ตามที) ..จึงไม่แปลกอะไรที่ ทั้งสองคนนี้ ต่างก็เลือกที่จะหนีปัญหา และตามหาบทสรุปที่ดีกว่าของชีวิต ด้วยการหนีสุดหล้าฟ้าเขียว ไปพร้อมกับเครื่องบิน เพื่อต้องการจะแลนด์ดิ่ง ลงสู่ 3 ประเทศในยุโรป ที่ๆจะเป็นแหล่งพักใจ และเยียวยา ให้พวกเธอคืนกลับมาสู่ความสดใสได้อีกครั้งหนึ่ง
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว... กาลิเลโอ กาลิเลอี ได้เข้ามาเกี่ยวอะไรด้วยล่ะนั้น?? ...มันคงจะน่าสงสัย สำหรับใครที่ไม่รู้เนื้อเรื่อง ไม่เห็นตัวอย่าง หากอ่านแต่ชื่อ ก็ยังมึนๆ และรู้แค่ว่ามันเป็นหนัง Feel Good เรื่องใหม่ของ GTH
แต่ถ้าให้ผมต้องเฉลยความเป็นจริงแล้วละก็ ...ผมพูดได้เลยว่า กาลิเลโอ ไม่ใช่ปัจจัยสำคัญอะไรเลย ที่จะเข้ามามีบทบาทต่อหนังเรื่องนี้ ...หากเอาเข้าจริง มันก็คงจะเป็นได้เพียงแนวคิดเก๋ๆเท่ห์ๆของคนคิดเรื่อง ที่อยากจะโยงเอาบุคคลสำคัญของโลก เข้ามามีเอี่ยว กับการเดินทางข้ามโลก ของหนังไทย ในครานี้ ซะมากกว่า
เพราะหากใครได้ดูหนังเรื่องนี้แล้ว ก็คงจะรู้สึกเช่นเดียวกันกับผม ..ว่า กาลิเลโอ มีบทบาทก็แค่ถูกเอ่ยถึงเป็นบุคคลที่สาม พร้อมยกกล่าวอ้างทฤษฎีที่สร้างชื่อของเขา ขึ้นมาเกี่ยวพันกับบทหนังด้วยก็เท่านั้น ..ซึ่งมันก็ไม่ได้ทำให้เรารู้จัก กาลิเลโอ มากขึ้นแต่ใดเลย
แต่มันก็ไม่น่าเสียใจ กับเสียดายเท่าไหร่หรอก ที่ท่านกาลิ จะได้มีส่วนร่วมกับหนังที่ขายชื่อเขาแบบแกนๆอย่างนี้ ..หากความผิดหวังเช่นนั้น ก็ยังอาจเทียบไม่ได้เลยกับตัวหนังเต็มๆ ของ หนีตามกาลิเลโอ ...ที่อุตส่าห์มาพร้อมปมประเด็นที่น่าสนใจมากมาย ให้รวมมาพรั่งพรูไว้ในหนังเรื่องเดียวกันทั้งที แต่เมื่อนำเสนอออกมาแต่ละสิ่งแต่ละอย่าง มันก็ล้วนแล้วแต่มาแบบแกนๆ
แม้ผมจะไม่คิดคาดว่า ผู้กำกับ ต้น-ธราธร จะสามารถทำหนังเรื่องใหม่เรื่องนี้ ของเขาออกมาได้ในระดับที่น่าประทับใจ พอๆกับที่เคยเป็นใน Seasons Change ..แต่พอได้เห็นผลลัพธ์ของผลงานออกมาในรูปแบบที่น่าผิดหวัง กันอย่างนี้แล้ว ...มันก็ยิ่งตอกย้ำความจริงที่ว่า ผู้(เคย)กำกับ แฟนฉัน ไม่ใช่ศูนย์กลางของจักรวาล และไม่ใช่กลุ่มคนที่เก่งที่สุด ที่น่าให้ไว้วางใจ ในแวดวงหนังไทย เสมอไป
ซึ่งแม้ว่า หนีตามกาลิเลโอ จะไม่ถึงกับเป็นหนังที่แย่ซะทีเดียว อีกถ้าดูเอาความเพลิดเพลินแล้ว ..ก็นับว่า ยังสนุกได้ ด้วยการแสดงที่มีเสน่ห์ ของ 3 ดารานำ อย่าง ต่าย เต้ย และเรย์ ที่สามารถคงความเป็นคาแรกเตอร์ของตัวเองได้อยู่หมัด ...แล้วก็ได้เจริญหูเจริญตาไปกับแหล่งท่องเที่ยวในยุโรปหลายๆแห่ง ที่ผมมีความฝันใฝ่ว่าจะไปให้ได้ในอนาคตข้างหน้า ..จะถือว่า เป็นการยั่วน้ำลายที่ได้ผลต่อหัวใจให้เกิดอาการตบะแตก ก็จริงอยู่
แต่หากว่า กันด้วยเรื่องด้วยราวของหนังละก็ ..จะพบว่านี่เป็นหนังของ GTH เรื่องหนึ่งที่เบาโหวง และเล่าเรื่องได้อย่างกระท่อนกระแท่น ...พาลให้ความรู้สึกที่น่าจะอินกับสิ่งนั้นสิ่งนี้ได้ มันเลยไม่เกิดกับผม ..หรืออาจจะมีบ้าง ก็ไม่ถึงขั้น ทำให้รู้สึกสะทก สะท้าน และสะเทือน อย่างที่ควรจะเป็นได้ซะเท่าไหร่
ผมรู้สึกเสียดายหลายๆอย่าง ที่พลอตเรื่องนี้มี และดูแข็งแรงมากๆ ..ขณะที่ดูแค่ตัวอย่าง ก็ยังเข้าใจไปเองอีกว่า ตัวหนังเต็มๆคงจะทำให้อินได้ไม่เบา ...หากเมื่อเห็นของจริงแล้ว ไม่ว่าจะพลอตใหญ่ หรือพลอตเล็กพลอตน้อย ก็ไม่มีพลอตไหนที่ไปของมันได้ถึงสุดทางเอาซะเลย
แล้วถ้าหากจะเรียกร้องความเป็นธรรมชาติ จากสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในหนังเรื่องนี้ด้วยละก็ ..ผมคิดว่า หนีตามกาลิเลโอ ให้ความรู้สึกนั้นได้เบาบางเหลือเกิน ...เพราะโดยส่วนมาก ผมจะรับรู้เรื่องราวเหล่านั้น ด้วยความไม่เชื่อเต็มร้อย อันเกิดจากการประดิษฐ์ขึ้นมาอย่างจงใจ ..และต่อให้ฝืนกันอย่างไร เนียนสักแค่ไหน ผมก็ยังว่ามันเฟค และดูไม่ลื่นพอจะทำให้หลงลืมสิ่งเหล่านั้นให้ผ่านไปง่ายดาย
ถึงหากแม้ทว่า งานก่อน อย่าง Seasons Change ก็อาจจะมีบางฉากที่เมคขึ้นมาอย่างจงใจ และหวังผลให้สะเทือนอารมณ์โต้งๆ ก็จริงอยู่ ..แต่ถ้าวัดกันด้วยความลื่นแล้ว ยังถือว่า งานนั้น ผู้กำกับต้น ทำให้เราเลือกจะเชื่อได้อย่างบริสุทธิ์ใจ ..ไม่ฝืนธรรมชาติใดๆ ที่จะอิน
ความประดิษฐ์ที่ตั้งใจ อาจดูว่าจะเป็นเรื่องที่ไม่น่าปลื้มแล้ว พอมาประสบกับตัวเรื่องที่ไม่สามารถเล่นกับทรัพยากรต่างๆที่มีได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นตัวบทตัวพลอต แม้กระทั่งกับสถานที่รอบข้างที่อยู่ในหนัง ที่พยายามขายเน้นๆ ก็รวมไว้ในกรณีนี้ด้วย ..มันเลยพลอยให้ดูแล้วไม่ยักคล้อย ไม่ยักอิน อย่างที่ควรจะเป็น
ซึ่งถึงตรงนี้ นอกเหนือจากความไม่อิน ...ถ้าจะถามว่า หนีตามกาลิเลโอ ได้ให้ข้อคิดอะไรกับผมบ้าง และให้ได้มากขนาดไหนแล้วละก็ ..ก็บอกเลยว่า ไม่ให้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันซะเท่าไหร่ (ขนาดกลับมาคิดตีความต่อที่บ้าน ..ก็ยังไม่รู้สึกเคลิ้มตามมันไปอยู่ดี) แล้วมันก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเลยว่า ตัวละครของ เชอร์รี่ และนุ่น จะได้รับประสบการณ์ชีวิตที่คุ้มค่า จากการหนีตามกาลิเลโอแบบแกนๆในครั้งนี้
โดยเฉพาะในกรณีการหนีปัญหาความรักของนุ่น.. ที่ ณ บทสรุปของมัน ไม่ได้ทำให้ตัวละครนี้เรียนรู้อะไรเลยเสียด้วยซ้ำ ...แทนที่ในที่สุดควรจะรู้ว่าตัวเองเป็นคนที่ผิด และอยากจะแก้ไขความผิดพลาดนั้น ให้คืนมาสู่ความสุขได้ในอีกครั้ง ..แต่หนังกลับกล้าที่จะเลือกหาทางออกแบบผิดๆ ให้ นุ่น ได้พบเจอรักครั้งใหม่ ที่สดใสกว่าเดิมเสียอย่างงั้น
ถึงแม้ว่า ในโลกของความเป็นจริง ..เรื่องราวที่ลงเอยอย่างนี้ อาจจะเกิดขึ้นได้ และไม่มีเหตุผลอันใด จะถกเถียงว่ามันไม่ควรเกิด ...แต่หากจะว่ากันในมุมมองที่เตือนใจคนได้ มันก็น่าจะยอมให้นุ่นได้กลับไปเคลียร์ปัญหารักครั้งเก่า ให้จบๆกันไปก่อน จะดีกว่ามั้ย? ..เพราะอย่างน้อยๆ มันก็จะทำให้รักครั้งใหม่ เกิดขึ้นมาได้อย่างสะดวกใจในที่สุด
แต่เอาเหอะ ...แม้ส่วนตัวจะยังไม่รู้สึกยินดีกับการหาทางออกของหนังเรื่องนี้ ..แต่หากตอนจบของ หนีตามกาลิเลโอ จะสามารถเรียกคะแนนคืนมาได้บ้าง ผมก็ยินดีที่จะให้มันไป
ซึ่ง ณ จุดจบ ที่หนังได้ส่งคนดูออกจากโรง พร้อมอารมณ์แห่งความซาบซึ้ง อย่างถึงจุดสูงสุดนั้น ..ผมมองว่า หนีตามกาลิเลโอ ได้ทำมันออกมาให้น่าประทับใจกว่า Seasons Change เสียอีกต่างหาก
ถึงตัวผู้กำกับทำมันได้ถึง ก็อาจเกี่ยว ..อีกตัวนักแสดงในฉากนี้ก็เล่นส่งอารมณ์กันได้สุดๆ ...รวมทั้งอาจต้องบวกกับภาพความสัมพันธ์ที่น่ารักของสองสาว ช่วยทำให้เกิดความเคลิ้มได้มากมาย
แต่ถึงที่สุดแล้ว ในจุดสุดท้ายนี้ ก็คงต้องขอขอบคุณเพลง "แค่ได้คิดถึง" ของ ญารินดา แทนคนทำหนังเรื่องนี้ เป็นอย่างมากๆๆๆๆๆเลย... ที่ช่วยส่งให้ดนดูอย่างผมออกจากโรง มาพร้อมกับความอิน แอบให้อมยิ้ม และขนลุก
ซึ่งถ้าไม่ติดว่า ฉากจบส่งความสุขให้ ผมพอได้จำจดจะนึกชอบอะไร ใน หนีตามกาลิเลโอ ขึ้นมาได้บ้างแล้ว ..ท้ายที่สุด ผมก็คงจะจัดหนังเรื่องนี้ ให้อยู่ในหมวดหมู่หนัง GTH ที่ดูจบแล้วเฉยๆ เช่นเดียวกันกับ เด็กหอ , หมากเตะ, เก๋า..เก๋า เลยทีเดียว
เกรด B
ที่จริงแล้ว ในรีวิวนี้ ผมไม่ได้เขียนถึงแต่ หนีตามกาลิเลโอ เท่านั้น ..ซึ่งถ้าเป็นในบล็อก ผมยังจะเขียนถึงความรู้สึกที่มีต่อ GTH ในตอนนี้ ...และพ่วงแถมด้วยรีวิว "ความจำสั้น แต่รักฉันยาว" ..หนัง GTH อีกเรื่องที่ฉายก่อนหน้าที่ผมพูดได้เต็มปากว่า เป็นปลื้มที่สุดในรอบปีนี้(ในจำพวกหนังไทยด้วยกัน)
ฉะนั้นแล้ว เพื่ออรรถรสที่ครบถ้วนกว่า ผมจึงขอชวนคุณที่รักไปอ่านแบบเต็มๆกันได้ที่... http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=onceupon&month=27-07-2009&group=2&gblog=182
ขอบคุณครับ รักคนอ่าน 
ปล. การโหวตให้คะแนน.. ก็ยังคลิกที่ระดับเกรดที่ให้เหมือนเดิมเลยนะครับ ...แต่ถ้าอยากจะระบุไปเลยว่า ความจริงแล้วให้เกรดเท่าไหร่กันแน่ (เช่นโหวตให้ระดับเกรด B ..แต่ความจริงให้ B-) ก็คอมเมนต์ความเห็น แล้วก็ใส่เกรดที่ให้กันด้วยนะครับ
แก้ไขเมื่อ 28 ก.ค. 52 18:57:17
จากคุณ |
:
OncE UPoN'-'a MaN
|
เขียนเมื่อ |
:
28 ก.ค. 52 18:55:06
|
|
|
|  |