Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
<<<<< ดูแล้วมาคุยกัน ,,, หนีตามกาลิเลโอ , ถึงภาพรวมจะผิดหวัง แต่ก็ยังมีหลายอย่างที่ชื่นชม >>>>>  

  ชอบมาก ห้ามพลาด (125 คน)
  ชอบ (257 คน)
  เฉยๆ (127 คน)
  ไม่ชอบ (25 คน)
  ไม่ชอบมาก เสียดายตังค์ (43 คน)

 21.66%
  ชอบมาก ห้ามพลาด (125 คน)
 44.54%
  ชอบ (257 คน)
 22.01%
  เฉยๆ (127 คน)
 4.33%
  ไม่ชอบ (25 คน)
 7.45%
  ไม่ชอบมาก เสียดายตังค์ (43 คน)

จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 577 คน


เลือกอ่านบทความนี้พร้อมรูป + อ่านความเห็นอื่นๆ + ชวนมาแสดงความเห็นกันต่อที่ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=07-2009&date=27&group=14&gblog=169


.. ผมคิดว่า ช่วงนี้ 'ต่อมรสนิยมมวลชน' ของผมคงจะมีปัญหา คล้ายๆกับ ตุ๊กกี้ที่มีปัญหาที่โพรงจมูกฮ่าฮ่าฮ่า

เพราะ แฮรี่ 6  ที่คนบ่นๆกัน ผมชอบมาก , Public enemies ที่คนหาวๆกัน ผมชอบมาก , Transformer 2  ที่คนมันส์ๆกันมากๆ ผมดูแล้วเนือยๆ

พอมาถึงเรื่องนี้ คนที่เดินออกจากโรงข้างหน้าหันไปบอกเพื่อนว่า “ชอบจังเลยแก ซึ้งงงง” ส่วนผมกลับมีคำตอบเวลาคนถามถึงเรื่องนี้ว่า “ก็ดี”

ทั้งๆที่ ถ้าจะหาใครซักคน เป็นหน้าม้าเชียร์หนังของ ผู้กำกับ ต้น-นิธิวัฒน์ จาก ซีซั่นเช้นจ์  ต้องมีผมอยู่ในกลุ่มนั้น เพราะ ซีซั่นเช้นจ์  เป็นหนังของ GTH ที่ผมถึงขั้น รักและอินมากมาย

ชื่นชอบฝีมือของผู้กำกับคนนี้มากสุดในก๊วนแฟนฉัน เพราะชอบ หนังรักสไตล์อาดาจิผสมชุนจิ(อิวาอิ) ที่ เล่าน้อยพูดน้อย แต่ให้ภาพส่งอารมณ์มายังคนดู แถมแต่ละภาพที่ถ่าย ล้วนมีความหมายที่ต้องสังเกต หากคิดตามก็จะยิ่งซึ้งมากขึ้น (เช่น การกางร่มใน ซีซั่นเช้นจ์)


... หนีตามกาลิเลโอ ก็ยังมีสไตล์แบบนั้นอยู่ แต่ เป็นหนังที่จะชอบก็ชอบไม่สุด เพราะพอกำลังจะอินต่อเนื่อง หนังก็มีจุดสะดุดอยู่ตลอดทำให้รู้สึกว่ามันแปร่งๆ แต่ถ้าจะให้เกลียดก็คงเกลียดไม่ลง เพราะดูๆไปอีกแป๊บก็จะมีฉากที่ต้องชื่นชมผู้กำกับว่า ช่างคิด หรือ ขยันปล่อยฉากขยี้ ต่อมจี๊ด ให้สะเทือนใจ



idea ตอนดูแบบไม่คิด

-สองสาวน่ารักท่วมท้น เต้ยยิ้มทีใจละลาย ส่วนต่ายก็เล่นได้ดียิ่งขึ้นกว่าตอน ซีซั่น เช้นจ์

- ถ่ายภาพไม่ได้สวยมากขนาดที่ว่า ดูหนังแล้ว โอ้ววว อยากไปจัง เหมือนหนังหลายเรื่องที่ใช้โลเคชั่นได้คุ้ม เสียดายที่ อุตส่าห์ไปหลายประเทศ แต่ ถ้าเอาว่าดูเพลินๆแล้วก็เพลินดีที่ได้ไปเที่ยว

-ฉากยกป้าย น่ารักอีกแล้ว อยากไปทำแบบนั้นบ้างจังhaha




idea ตอนดูแบบคิด


สิ่งที่ชอบsmile


1.หนังพูดถึง การหนี ... มันจี๊ด ที่หนังทำให้เห็นว่าในชีวิตของคนทุกคน ต้องเคยหนีอะไรบางอย่าง หนีความรู้สึกผิด หนีความเจ็บปวด ฯลฯ เพราะมันเป็นเรื่องจริง ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตเราต้องเจอ แต่ ไม่อยากจะยอมรับ

ตอนเห็นตัวอย่างของหนังพูดถึง สองสาวหนีไปนอกเพราะ อกหัก กับ ติด F ทำให้ผมคิดถึงหนังอย่าง The Holiday  ที่หนีความเจ็บปวดด้วยการย้ายที่พัก สาวๆจากหนังสองเรื่องนี้คิดว่า การเปลี่ยนสถานที่ เปลี่ยนรูปแบบชีวิต จะทำให้อะไรๆดีขึ้น

ข้อคิดดีๆที่เราได้จาก การหนี ไม่ว่าจะเป็น The Holiday  หรือ หนีตามกาลิเลโอ  คือ เราไม่สามารถวิ่งหนีอะไรได้พ้น หากเพียงแค่ เปลี่ยนสถานที่หรือเปลี่ยนคนอื่น ยกเว้น เราจะเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงตัวเอง เช่น เปลี่ยนวิธีการคิด , เปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิต ฯลฯ


2.หนังพูดถึง การทำผิด ... ช่างคิดดี กับ การเขียนบทให้ นางเอก ไม่ใช่คนดีแม่พระ แต่ติดนิสัยขี้โกง + ไม่เคยยอมรับผิด + ไม่คิดเปลี่ยนแปลง + ชอบโทษคนอื่น

ตั้งแต่ ทำผิดเรื่องใช้ห้องโดยไม่ขออนุญาตแล้วปลอมลายเซ็น พอโดนครูจับได้ก็ไปจ้องหาความผิดของครู , ทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟก็ต่อว่าลูกค้าโดยลืมไปว่าตัวเองต้องปรับตัวในฐานะผู้ให้บริการ , เพื่อนบ้านมาตักเตือน ก็ไปหาข้อผิดของเขามาตอกกลับ , สนุกกับการโกงเล็กๆน้อยๆเช่น ไม่จ่ายค่าตั๋วรถไฟ , โกงเจ้าของร้านหาเงินไปสนุก ฯลฯ

หนังวาดภาพของ คนที่มักจะมองเห็นแต่ความผิดของคนรอบข้าง แต่ไม่ยอมมองเห็นความผิดตัวเอง เหมือน คนที่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาล

(เข้ามา edit ลบข้อความครับ)


3.ตัวละครของเรย์ ... เฉยๆกับการแสดงของเรย์ เพราะรู้สึกว่า เขาก็เล่นได้แค่ตามมาตรฐานของตัวเอง ไม่ได้โดดเด่นเป็นพิเศษ แต่ ชอบบทหนังที่สร้างคาแรคเตอร์ของเขาให้มาตีแสกหน้าใส่คนที่ชอบ หนีปัญหา ได้ดี โดยทุกๆไดอะล็อกของเรย์ สามารถตอกกลับคนที่ชอบอ้างเหตุผลเพื่อหนีปัญหาได้เป็นอย่างดี


4.ซีนอารมณ์ ... พวกฉากที่สื่ออารมณ์ประมาณ ความรักหนุ่ม-สาว หรือ ความสัมพันธ์พ่อ-ลูก ทำได้ดีมากๆ เช่น ฉากเปิดเรื่องต้นเหตุของการหนีของสองสาว อย่าง ตอนบอกเลิกเพราะปัญหา(จี๊ด) หรือ บอกลาพ่อพร้อมกลับมากอด(จี๊ด) แต่ พอมาถึงเมืองนอก อารมณ์ที่กำลังขึ้นๆก็ดร็อปลงทันที กลายเป็นเนือยๆ ทั้งที่ มันไม่ใช่จะต้องเนือย ก่อนจะมาจี๊ดเป็นพักๆเช่น ฉากโทรกลับบ้าน(จี๊ด) , ฉากยืนถือป้าย(จี๊ด)



สิ่งที่ไม่ชอบmad


1. พัฒนาการของตัวละคร และ การคลี่คลาย ...... น่าเสียดายมากๆ ที่ สิบนาทีแรกของหนังที่นำเสนอปัญหาของแต่ละคน ผูกปมที่ทำให้สองคนต้องหนี คือ ‘ติด F’ กับ ‘อกหัก’ โดยปมที่แท้จริงนั้นคือ ‘ทำผิดไม่กล้ารับผิด’ กับ ‘มีปัญหาแต่ไม่คิดแก้ไข’ เป็น ปมที่หนักและน่าสนใจ

หนังร่ำๆ เหมือนจะแสดงให้เห็น การเรียนรู้และเติบโตของตัวละครผ่านการใช้ชีวิตเมืองนอกร่วมกัน แต่ ดูไปเรื่อยๆกลับไม่เชื่อในการเปลี่ยนแปลงของตัวละคร และ รู้สึกว่า หนังหาทางออกให้ตัวละครแบบ คิดง่ายๆทั้งๆที่ผูกปมยากๆไว้

เช่น คนทำผิดแบบ ต่าย ช่วงแรกทำให้เราคิดว่า ยายคนนี้นิสัยไม่ดี ตั้งแต่ การทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนถึงตอนจบถึงขนาดทำให้เพื่อนเดือดร้อนก็ไม่คิดจะทำอะไร แล้วมาคลี่คลายด้วยการขอโทษหนึ่งครั้งตอนอยู่คนเดียวเหงาๆ โดยมีชีวิตแสนสบายทำงานเมืองนอกต่อหลังจากเพื่อนไม่อยู่

จากที่ไม่ชอบนิสัยของนางเอกตอนแรก หนังจบแล้วก็ไม่ได้ทำให้ ผมกลับใจมารักตัวละครตัวนี้มากขึ้น เพราะรู้สึกเหมือนเธอยังไม่ได้สำนึกอะไรเลย



... ส่วน เต้ย เริ่มต้นเป็น ตัวละครสำคัญเท่าเทียมกับ ต่าย แต่ เรื่องผ่านๆไป ชีวิตของตัวละครตัวนี้กลับบางเบาเหลือเกิน จนแทบจะเป็นตัวสมทบให้ ต่าย โดดเด่นเสียมากกว่า

เพราะ เต้ย ก็ดูจะไม่ได้เรียนรู้อะไรจาก ปัญหาความสัมพันธ์ของตัวเอง ที่หนังตั้งท่าได้ดี เหมือนจะบอกว่า เธอชอบรุกล้ำขอบเขตคนอื่น มีรูปวงกลมสองวง ดูราวกับจะพูดถึงประเด็นความสัมพันธ์ที่น่าสนใจ และ หนังก็พูดเหมือนกับยังมีเยื่อใยกับแฟนเก่าอยู่ตลอด

แต่หนังก็ทิ้งประเด็นนี้ไป แล้วให้ เธอหายเศร้าเพราะเจอคนใหม่แทน



2.ความทำให้ฟีลกู๊ด และ ความง่าย ... ปัญหาของผม ที่มีต่อหนัง GTH ระยะหลังๆ คือ รู้สึกตัวหนังพยายามมองโลกในแง่ดีมากเกินเหตุ ประมาณว่า อยากจะสร้างปีศาจ แต่ก็ลดทอนความน่ากลัวของปีศาจไม่ให้ชั่วร้ายหรือน่ากลัวจนเกินไป

คือ จะสร้างหนัง feel – good ก็เข้าใจ แต่บางกรณีเนื้อหามีความจริงจัง มีสถานการณ์เลวร้าย แต่ สุดท้ายก็ให้ลงเอยแบบ softๆ เพื่อให้เกิดความรู้สึกดี

หรือ เจอปัญหาเจอปม ก็คลี่คลายกันได้ง่ายๆ และ หลีกเลี่ยงความโหดร้ายตามที่ควรจะเป็นของชีวิต ไอ้ที่น่าจะโกรธก็ให้อภัยกันง่ายๆ , ไอ้ที่จะน่าจะผิดหวังก็หาทางให้สมหวังกันได้ ฯลฯ

คือ มันครึ่งๆกลางๆ เหมือนบางครั้ง ตัวผู้กำกับ อยากจะสร้างสะท้อนความเป็นจริงที่เลวร้าย เห็นชัดว่า พยายาม อยากระบายสีดำในชีวิตตัวละคร แต่ก็ไม่กล้าพอ เลยพยายามใส่สีขาวให้ออกมาเทาๆเพื่อความสบายใจ


3.ความโต้งของการโฆษณา ... ไม่ได้รังเกียจรังงอนการโฆษณาสินค้าในหนัง เพราะหนังฝรั่งก็ทำกัน แต่ในหนังไทยหลายเรื่องแล้ว(ไม่เฉพาะเรื่องนี้)มันดู โต้ง ไปมั้ย

น่าจะมีวิธีการที่เนียนกว่านี้หน่อย อย่างในเรื่อง ดูจงใจใส่ฉากบางฉากเพื่อโชว์สินค้ากันโต้งๆ เช่น โซนี่ วาโอ้ววว จะโผล่ทั้งที น่าจะมีที่มาที่ไปบ้าง เช่นให้เห็นว่า ตัวละครใช้มาก่อนที่สอดคล้องกับเนื้อหาก็ยังดี แต่ ฉากนี้โผล่มาดื้อๆ เหมือนเพื่อแสดงการขาย

ลองเทียบกันชัดกับ The Taking of Pelham 1 2 3  ที่ฉายอยู่ที่ขาย โซนี่ วาโอ้ววว เหมือนกัน แต่ มีวิธีนำเสนอได้แนบเนียนไปกับเนื้อเรื่องกว่าจนไม่รู้สึกว่า โดด ออกมา



สรุป ... ข้อดีโดดเด่นที่พอจะกลบข้อด้อยของหนัง คือ ความน่าร้ากกกก ของ ต่ายกับเต้ย + ข้อคิดและจุดจี๊ด ที่แทรกอยู่เป็นพักๆ จนพอจะทำให้มองข้ามข้อด้อยไปได้

แต่เมื่อใดก็ตามที่เริ่มไม่เพลิน หรือ กลับมาคิดตาม มันไม่สมูธราบรื่น เหมือนตอนดู ซีซั่น เช้นจ์ ที่พาอารมณ์ของคนดูเดินทางไปกับหนังได้อย่างต่อเนื่อง แต่เรื่องนี้บางช่วงก็ดร็อปลง บางช่วงก้เนือยๆ แถมยังรู้สึกขัดๆไม่คล้อยตามอีกต่างหากในบางสถานการณ์

(เดาว่าปัญหาส่วนหนึ่งจากที่อ่านสัมภาษณ์ มาจาก ขนาดของหนังที่ใหญ่ขึ้น ทำให้ การถ่ายทำแบบกองโจรต้องรีบๆแอบถ่ายกับโยกย้ายสถานที่บ่อยๆ เป็น ส่วนหนึ่งที่ทำให้ไม่สามารถ เกลี่ยหนัง หรือ กลับมาถ่ายแก้ เพื่อให้ได้ความลงตัว ง่ายเท่าเรื่องที่แล้วที่ถ่ายเฉพาะในไทย)

ส่วนตัวแล้ว ตั้งแต่ ดูหนังตัวอย่าง ดูชื่อผู้กำกับและนักแสดง ทำให้คาดหวังสูง(ระดับ เพื่อนสนิท หรือ ซีซั่นเช้นจ์) จึงผิดหวังมาก เป็นหนังดีดูเพลินระดับ ดีใช้ได้ ไม่เสียดายตังค์ แต่ยังไม่โดนถึงขั้นรัก แต่ อย่างน้อยก็ยังเห็นว่า ความตั้งใจและสไตล์ของผู้กำกับ ต้น - นิธิวัฒน์ ยังคงมีอยู่ ชวนให้ยินดีตามติดเป็นแฟนคลับหนังของเขาต่อไปอีก



ideaบทความที่อ้างอิงถึงในกระทู้
(บทความเหล่านี้เคยนำมาลงในกระทู้แล้ว)

Seasons change, เมื่อ"เพื่อนสนิท"กลายมาเป็น"แฟนฉัน"ในวันที่"อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย"
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=09-2006&date=08&group=1&blog=1

เพื่อนสนิท , เมื่อเส้นแบ่งของ "คนรัก" กับ "เพื่อน" เริ่มเลือนราง
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&group=1&month=10-2005&date=12&blog=1

The Holiday , จะทำอย่างไรในวันที่ใจเจ็บ
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=aorta&date=24-12-2006&group=1&gblog=44

Harry Potter and the Half Blood Prince , โลกใบใหม่ของ 'หนังแฮรี่'
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=07-2009&date=24&group=14&gblog=167

แก้ไขเมื่อ 31 ก.ค. 52 23:18:34

แก้ไขเมื่อ 29 ก.ค. 52 10:13:55

แก้ไขเมื่อ 29 ก.ค. 52 10:02:34

จากคุณ : "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 09:53:38




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com