Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ดู{หนัง} วิธ มายเชลฟ์ ; “The Taking of Pelham 123” ... ท่อง ‘นิวยอร์ก’ ในมุมใหม่ ไปกับ ‘โทนี่ สก็อตต์’  

  เกรด A [A/A-] (0 คน)
  เกรด B [B+/B/B-] (4 คน)
  เกรด C [C+/C/C-] (0 คน)
  เกรด D [D+/D] (1 คน)

 0.00%
  เกรด A [A/A-] (0 คน)
 80.00%
  เกรด B [B+/B/B-] (4 คน)
 0.00%
  เกรด C [C+/C/C-] (0 คน)
 20.00%
  เกรด D [D+/D] (1 คน)

จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 5 คน


เคยดูหนังที่ยกยอปอปั้นว่า เมือง “นิวยอร์ก” ดีอย่างงั้น ดีอย่างงี้ ..ก็ยักกะยังไม่ค่อยมีหนังฮอลลีวู้ดเรื่องไหน เอาแง่มุมร้ายๆเลวๆ มาตีแผ่ให้ดูบ้าง สักเท่าไหร่

ในเมื่อ การมองด้วยมุมเดียว ย่อมไม่สามารถทำให้เรารู้จักอะไรต่อมิอะไร ได้ถ้วนทั่ว ..ด้วยเหตุฉะนี้แล้ว มันจึงต้องมีหนังอย่าง “The Taking of Pelham 123” ถูกยกขึ้นมาเป็นตัวอย่างสักเรื่อง ...เพื่อที่เราจะได้รู้กันเสียทีว่า นิวยอร์ก เมืองนี้ ..คือ ที่ๆเป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจโลก หรือว่าอันที่จริงแล้ว มันคือ ศูนย์กลางแห่งการสร้างภาพ!!?

The Taking of Pelham 123 ..อาจจะมาพร้อมกับเนื้อเรื่องที่ไม่ได้แปลกใหม่อะไรนักสำหรับหนังแอ๊คชั่น-ทริลเลอร์ สักเรื่องหนึ่ง ที่มักจะวนๆเวียนๆ อยู่กับ การจับตัวประกัน เรียกค่าไถ่ เพื่อหวังจะให้เป็นวิธีรวยทางลัดง่ายๆสำหรับเหล่าโจร โดยจะมีลูกเล่น สถานที่ การดำเนินการ ที่แตกต่างกันออกไปก็แล้วแต่สไตล์และความฉลาดล้ำของตัวร้าย หากแต่ถึงโจร จะพยายามมาเหนือเมฆ เก่งเหนือเทพ สักเพียงใดก็ตามแล้ว ในท้ายที่สุด เมื่อหนังดำเนินมาถึงตอนจบ ..คนที่มักจะเป็นผู้ชนะ ก็คือ ธรรมะ อยู่วันยังค่ำ

แต่ที่พูดอย่างนี้ ก็ใช่ว่า จะหมายความว่า มันดูน่าเบื่อ เข้าข่ายจำเจ เสมอไป ...หากเอาเข้าจริง ถ้ายังมีคนทำหนังที่เก่งกาจ คนเล่าเรื่องที่หลักแหลม และคนเล่นที่มีภาพดูน่าเชื่อ มาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันในหนังเรื่องเดียวกันด้วยแล้ว ..มันก็ย่อมให้คาดหวัง ความ(น่าจะ)สนุก ของมันได้อยู่ดี

ซึ่งก็เป็นในกรณีเดียวกับ The Taking of Pelham 123 ..ที่มีการรับประกันคุณภาพ จากการมารวมตัวกันของ ผู้กำกับที่ถนัดนักกับหนังทริลเลอร์ อย่าง “โทนี่ สก็อตต์” สองดาราตัวป๋า “เดนเซล วอชิงตัน” และ “จอห์น ทราโวลต้า” อีกยังจะมีมือเขียนบทเป็นเจ้าของรางวัลออสการ์ จาก “Mystic River” พ่วงมาอีกหนึ่ง ..ฉะนั้น ก็คงจะหวังซึ่งสิ่งดีๆได้บ้าง จากคนใดคนหนึ่ง

แต่ถ้าจะให้คาดหวังเอาไว้ให้น้อยสุดในฝืมือของบุคคลเหล่านี้แล้ว ..คนแรกที่ผมจะเลือก ก็คงต้องเป็น โทนี่ สก็อตต์

สาเหตุที่เป็นเช่นนั้น ..ก็คงจะเพราะโดยส่วนตัวแล้ว เท่าที่ดูหนังของลุงท่านนี้มา ยังไม่เคยมีเรื่องไหนที่ถูกจริตจริงๆสักที




แม้บางเรื่อง จะยอมรับว่าเป็นหนังสนุก ดูเพลินๆ ได้อยู่หรอก ...แต่เมื่อเอามันมารวมกันกับงานเทคนิคฉวัดเฉวียนของมุมกล้อง การตัดต่อที่หนักซึ่งลูกเล่นร้อยแปดท่า เช่นทำมิวสิควิดีโอแนวๆเก๋ๆไงงั้น ..ฝีมืออาวุโส ของท่านลุงก็ยังดู แพ้ทางความละอ่อนของรุ่นน้องอย่าง “ไมเคิล เบย์” อยู่ดี (แม้นานทีจะมีบทดีๆผ่านมาหาคนหลังสักหน ..แต่ก็น่าแปลกที่หนังตระกูลเบย์ กลับดูได้มันส์ๆ เสมอๆ)

ซึ่งนี่ไม่ได้หมายความว่า ลุงไม่เหมาะกับการทำหนังออกมาอีหรอบนี้ กันอย่างใด ...แต่หากจะใช้เทคนิคนี้ ด้วยความพอดีๆ ไม่เกร่อโอเว่อร์ กันจนเบลอ มันก็จะให้ผลลัพธ์ความสนุกได้ในระดับที่เต็มที่เท่าที่บทจะเอื้อ ..แล้วโดยเฉพาะกับหนังหลายๆเรื่องที่ผ่านมา ที่มักจะมีบทหนังที่ดีรองรับอยู่เป็นพื้นแล้ว (อันนี้ ถือว่าลุงโทนี่ เป็นต่อ น้องเบย์) มันก็ล้วนเป็นเพราะความมากเกินของงานเทคนิคนี่แหละ ที่ช่วยบั่นทอนความน่าติดตามในหนังของลุง มานักต่อนัก

ในตอนแรกก่อนจะได้ดู ผมก็ชักกลัวๆเกรงๆเหมือนกันว่า The Taking of Pelham 123 จะเป็นหนังแบบลุงโทนี่ อีกเรื่องที่ไม่ถูกจริตผมอีกตามเคย ..เพราะแม้ความหนักแน่นที่อยากจะดู สองป๋า เดนเซล และ จอห์น ประชันบทกัน จะเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุดในการนี้ แต่เมื่อขึ้นชื่อว่าผู้กำกับของหนังเป็นหนึ่งในจอมเฟี้ยวฟ้าวของแวดวงหนังฮอลลีวู้ดด้วยเช่นนี้เป็นประกันแล้ว ...ความเคยเบื่อแต่หนก่อน ก็เลยหวนมาเล่นงาน ให้ต้องทำใจเกร็งไว้พร้อมก่อนจะเปิดใจดูหนังของลุงท่านซะทุกที

ซึ่งหลังจากที่ผ่านๆมา ยังไม่เคยได้เข้ารอบ(ในใจผม)ลึกๆ มาเลยสักเรื่อง สักครั้ง ..ก็เพิ่งจะมีครั้งนี้เป็นครั้งแรกเลยทีเดียว ที่ลุง โทนี่ สามารถสอบผ่านกับ The Taking of Pelham 123 ได้ และผลคะแนนที่ออกมา ก็อยู่ในเกณฑ์ที่จัดว่าดีมาก(สำหรับตัวผม)

แล้วกับสิ่งที่เคยเป็นปัญหามาโดยตลอด กับการติดตามหนังของลุงท่านนี้ ..แม้งานล่า ก็จะยังมีมาให้เห็นเป็นเรื่องคุ้นชิน (เรียกว่า ลายเซ็น ก็คงใช่) แต่กระนั้น ในครั้งนี้ ก็จัดว่าทำให้ออกมาดูพอดีพอดิบได้เสียซะที ...และเมื่อนำมันมารวมๆกับการเล่าเรื่องที่ต้องการการกระตุ้นอย่างเร่งรัด โดยมีเงื่อนไขของเวลาอันจำกัดมาบีบบังคับสถานการณ์ด้วยแล้ว ..ผมว่า ลุงโทนี่ ใช้เทคนิคที่ถนัด ได้ไม่พร่ำเพรื่อ ดูสร้างสรรค์ และลงตัว ดูสอดคล้องเข้ากันได้กับจังหวะของหนังที่มีขึ้นมีลง มีหนักมีเบา

พอได้มาประกอบกับ ตัวบทหนังจาก “ไบรอัน เฮลเจแลนด์” ที่ถือว่า เล่าสนุก บอกกระชับ มีความน่าติดตามในสถานการณ์ และยังสอดแทรกแง่มุมชีวิต สร้างมิติให้กับตัวละครต่างๆได้ดี และเพียงพอ ทั้งๆที่มันก็มีลิมิตเวลาต้องจำกัด เพื่อการสร้างอารมณ์ระทึกขวัญควบคู่ไปด้วยอย่างไหลลื่นอีกด้วย ..ดังนั้น คำว่า บทหนังดี มีชัยไปกว่าครึ่ง ก็คงจะเป็นเรื่องที่พูดได้กับหนังเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน



เมื่อการสร้างอารมณ์ร่วมที่สมจริง เคียงคู่ไปกับงานเทคนิคที่เสริมส่ง จากน้ำมือของผู้กำกับที่จับจังหวะของหนังได้อยู่ มาผสมรวมกับงานบทที่สนุก ไปพร้อมเพรียงกันได้แล้ว ..หากจะให้หนังเข้มข้นถึงที่ขีดที่ควรเป็นด้วย ก็ไม่ควรมองข้าม นักแสดงชั้นดี ไปได้เลย ...และงานนี้ กับการมาเจอกันเป็นหนแรกของ ป๋าเดนเซล และป๋าจอห์น ก็สามารถพิสูจน์ความจริงข้อนี้ได้เป็นอย่างดี

ซึ่งแม้ว่าการแสดงของสองป๋า จะจัดว่าเล่นและเป็นได้อิน ในระดับที่จัดเป็นมาตรฐานของพวกเขากันมาอยู่แล้ว อันไม่มีใครได้เด่นกว่าใคร และโดดออกมาจากกันจนดูเตะตา ...แต่กระนั้นแล้ว จากอานิสงส์ของตัวบทหนัง ที่เลือกจะวางคาแรกเตอร์ให้ตัวละครทั้งสอง ต่างมีสีเทาอยู่ในตัวเหมือนๆกัน (คือ ไม่ได้ดีสุดขั้ว หรือถ้าชั่วก็มีเหตุผล) มันก็ได้สร้างผลลัพธ์ในทางบวกเกี่ยวกับ ความน่าเชื่อถือในตัวละคร ได้ใกล้เคียงกับความเป็นคนจริงๆ และนั่น ก็ทำให้การแสดงของสองป๋า ดูไม่คล้อยไปด้านใดด้านหนึ่ง อีกยังสร้างน้ำหนักให้ตัวละครคู่นี้ ดูเป็นคู่ต่อสู้ที่สูสีดู๋ดี๋กันจริงๆ

แต่หากจะมองในมุมกลับ ที่เป็นความสัมพันธ์ฉันท์มิคร ...ก็ยังเชื่อว่า สองคนนี้ เหมาะจะเป็นเพื่อนกันได้เช่นกัน

โดยส่วนตัวแล้ว ถ้าลองให้ถามว่าชอบการแสดงของใครมากกว่ากัน ระหว่าง ป๋าเดนเซล และป๋าจอห์น ...ผมก็ตอบได้ฉับพลันทันทีเลยว่า ‘คนแรก’

ซึ่งถ้าตัดสินโดยเหตุและผลแล้ว ..ผมถือว่า การที่ผมได้เห็น ป๋าเดนเซล เล่นเป็นตัวละครที่ดูไม่เก่งกาจเชิงพะบู๊อะไรเลย อย่างที่เคยผ่านๆมา ...ย่อมต้องจัดโอกาสนี้เป็นโบนัส ทีนานทีจะมีอยู่หนก็ว่าได้ ที่ผมจะได้ดูการแสดงที่ออกแนวรีแลกซ์ของป๋าท่านเช่นนี้ ..เพราะหลังจากที่การแสดงหนังเป็นพระเอก กับหลายๆเรื่องในรอบหลายๆปีมานี้ ล้วนแต่ลงเอยกับบทที่ซีเรียส ทำหน้าครุ่น เคร่งคิด เก็บกดนู้นเก็บกักนี่ จนคล้ายว่าดูจะเป็นโรคจิตอ่อนๆไปแล้วนั้น มันทำให้ป๋าดูจะเล่นเป็นแต่แนวเดียว แนวนี้ไปเลย จนยิ่งนานไป ก็ยิ่งจมลึก และยิ่งจมหนักเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกน่าเบื่อ มากกว่าจะน่าดู (และด้วยเหตุนี้ ผมจึงไม่แปลกใจเลยที่ การสวมบทเจ้าพ่อมาเฟียใน “American Gangster” จะเป็นที่มองข้ามของกรรมการ ..แม้ความเป็นจริง จะถือเป็นอีกครั้งที่ให้การแสดงที่ดีที่สุดก็ตามที)

ผมรู้สึกยินดีมาก ที่ได้เห็นเสือยิ้มยากรายนี้ ได้รู้จักยิ้มอย่างคนปกติเขาจะพึงทำกันได้สักที ..ยิ่งเมื่อเสือตัวนี้ แอบมีปล่อยมุขขำกะเขาด้วยในงานนี้ ก็ยิ่งพิสูจน์ได้เสียที ว่าป๋าเดนเซล ไม่ได้เล่นเป็นแต่บทเครียดทั้งชีวิตเสียตลอดไป

ซึ่งแม้ทว่า บทป๋าจอห์น จะไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน(และก็มีสีสันจัดจ้านอยู่พอตัว)ก็ตาม ..แต่ครั้งนี้ ป๋าเดนเซล คือจอมขโมยซีนตัวจริง ตัวเดียว ผู้ยื้อแย่งสายตาไปจากผมได้เพียบเรียบยุทธ์เสียอย่างงั้น




ถึงตรงนี้ ถ้าผมจะบอกว่า The Taking of Pelham 123 เป็นหนังทริลเลอร์ที่ดูเอาสนุกได้ และก็ให้ผลลัพธ์ทางความระทึกที่คุ้มค่ามากพอจะเสียเงินไปตามชมในโรง ..ก็อาจไม่จำเป็นต้องพูดถึง สิ่งที่เป็นตำหนิ กันซะด้วยซ้ำ

แต่ถึงอย่างไรหนังเรื่องนี้ ก็ยังมีตำหนิอยู่ดี ..และเป็นตำหนิที่น่าให้เสียดายไม่น้อย เมื่อมันปรากฏอยู่ในฉากไคลแม็กซ์ของหนัง อันเป็น ช่วงเวลาที่น่าจะให้อารมณ์พีคกับคนดูได้มากที่สุด

ถ้าให้นับเวลามาแต่ต้นเรื่อง ยันมาถึงปลายๆเรื่อง.. ผมก็รู้สึกว่ายังไม่ตะขิดตะขวงใจเท่าไหร่ กับเรื่องของความบังเอิญบางประการที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเหล่านั้น เพราะถ้ามองในมุมของหนังแล้ว มันก็ยังจัดว่าเนียนๆ พอยอมความกันได้ ...แต่เมื่อความเนียนมันไม่ได้มีเหลือมาเผื่อแผ่จนถึงฉากไคลแมกซ์ ที่เกิดดรอปอารมณ์ลุ้นไปดื้อๆ ด้วยความง่ายยิ่งกว่าบังเอิญ ในตัวสถานการณ์แล้ว มันก็พาลให้สะดุดทั้งตัวหนัง และความรู้สึกของคนดูที่ไม่สุดทางไปกับความสนุกของหนัง

แม้มันจะเป็นความไม่เนียน แค่นิดเดียวจริงๆ ...แต่เพียงนิดเท่านี้ ก็กระทบกับใจความของหนังได้หนักเหมือนกัน

และถึงจะไม่เชิงว่าจบได้แย่ซะทีเดียว ..แต่หากคิดให้ลึกซึ้งกว่านี้ได้อีกสักหน่อย (โดยไม่จำเป็นต้องหักมุม ให้ดูมึนแต่อย่างใด) ก็น่าจะพบกับการลงรูปลงรอยที่เข้าท่ากว่านี้ได้เป็นแน่

ก็ในเมื่อ นิวยอร์ก อุตส่าห์ได้เป็นศูนย์กลางแห่งการสร้างภาพ กันอยู่แล้ว ..มันก็น่าจะสร้างภาพสุดท้าย ที่ดูดี ให้ดูคู่ควรกับตัวเมืองไปด้วยเลยนะนั่น

เพียงแต่ถึงกระนั้น สิ่งที่ได้เห็นในตัวหนังอีกเกือบค่อนเรื่องของ The Taking of Pelham 123 อันเต็มไปด้วยการรวบรวมภาพและเหตุการณ์ แห่ง ‘ความวินาศสันตะโร’ ของมหานครนิวยอร์ก ไว้มากที่สุดในหนังสักเรื่องหนึ่ง ...ก็คงจะลบภาพอันเป็นนิมิตในใจของผมที่มีต่อเมืองแห่งนี้(ที่ได้จำไว้หลังจากได้ดูหนังเรื่องนี้ไปแล้ว) ไม่ได้เสียอยู่ดี

ถือสรุปได้ว่า มันช่างเป็นการท่องมหานครนิวยอร์ค ในหนังอีกครั้งหนึ่ง ...ที่ คุ้มค่าซะ เหมือนได้ไปเหยียบย่างด้วยจริงๆ ..และอย่างน้อยๆก็ยังได้รู้อีกว่า ที่นั้น ไม่ได้ดีเด่ไปกว่าแถวบ้านเราเลยเสียจริงๆ พับผ่าเหอะ!!!



ขอแนะนำ...ครับ

เกรด A-

ขอบคุณครับ รักคนอ่าน จุ๊บๆ


ปล. การโหวตให้คะแนน.. ก็ยังคลิกที่ระดับเกรดที่ให้เหมือนเดิมเลยนะครับ ...แต่ถ้าอยากจะระบุไปเลยว่า ความจริงแล้วให้เกรดเท่าไหร่กันแน่ (เช่นโหวตให้ระดับเกรด B ..แต่ความจริงให้ B-) ก็คอมเมนต์ความเห็น แล้วก็ใส่เกรดที่ให้กันด้วยนะครับ

จากคุณ : OncE UPoN'-'a MaN
เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 11:43:12




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com