Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ดู{หนัง} วิธ มายเซลฟ์ ; “จีจ้า ดื้อสวยดุ” ... ขอเปลี่ยนชื่อเป็น “จีเจียง ด้อยได้อีก”  

  เกรด A [A/A-] (6 คน)
  เกรด B [B+/B/B-] (5 คน)
  เกรด C [C+/C/C-] (8 คน)
  เกรด D [D+/D] (20 คน)

 15.38%
  เกรด A [A/A-] (6 คน)
 12.82%
  เกรด B [B+/B/B-] (5 คน)
 20.51%
  เกรด C [C+/C/C-] (8 คน)
 51.28%
  เกรด D [D+/D] (20 คน)

จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 39 คน


ขนาดว่าผมไม่ได้คิดหวังอะไรกับ การกลับมาครั้งใหม่ของ "จีจ้า-ญานิน" ใน(หนังที่ไม่รู้ คนตั้งชื่อ คิดอะไรไม่ออกหรือไง?) “ดื้อสวยดุ” แล้วนะนั่น ..ก็ยังอุตส่าห์ ได้เจียดเงินเข้าไปดู เพื่อได้เห็นการทำตัวเป็นหนังไทยที่น่าผิดหวังเสียซะอย่างงั้น

แถมที่ร้ายแรงไปกว่านั้น มันก็ยังอุตส่าห์ กลายเป็นหนังเรื่องแรกในรอบปีนี้ ที่เปิดประเดิมการดูหนัง “แย่” ของผมขึ้นมาได้ ..ทั้งๆที่ตลอดร่วม 8 เดือนที่ผ่านมา ได้พยายามหลบเลี่ยงหนังเหล่านั้นมาโดยตลอดรอดฝั่ง

ไม่ได้คิดมาก่อน เลยว่า ความที่อุตส่าห์ไม่คิดอะไรเลย ..จะทำให้ผมต้องคิดติดลบกับหนังเรื่องนี้ในที่สุด




จีจ้า ดื้อสวยดุ ..ยังคงเป็นอีกครั้งหนึ่งของหนังแอ๊คชั่นแห่งค่ายสหมงคล ที่หวังจะสร้างความแปลกใหม่ให้โลกตะลึง ..และคราวนี้ ก็มาพร้อมกับการประยุกต์เอามาร์เชียลอาร์ตการต่อสู้ที่หนักหน่วง มาพ่วงเข้าไว้กับความพลิ้วไหวในลีลา การเต้นบีบอย ที่เร้าใจ อีกยังจะมีการสร้างสรรค์ หมัดเมาแบบใหม่ แบบที่ไม่มีแบบแผนใดๆ คือ บทจะสู้ก็สู้แบบไหลตามน้ำ  บทจะจบก็จบแบบง่ายๆ สบายๆสไตล์คนเมา

แต่ดูเหมือนว่า คนคิดเรื่อง กะคนทำหนัง จะเป็นคนละคนกัน ..เพราะขณะที่คนแรก มีความคิดที่น่าสนใจ น่านำมาต่อยอดให้กลายเป็นหนังเรื่องนี้ได้ ..คนหลัง กลับกลายเป็นคนที่ไม่รู้อะไรเลย ว่าควรจะทำหนังเรื่องนี้ให้มีความน่าสนใจ ขึ้นมาได้อย่างไร

อีกยังจะหนักกว่านั้น ก็ตรงที่คนทำหนัง คงขาดสติระหว่างทำไปด้วยหรืออย่างไร? ..ถึงได้ทำหนังเรื่องนี้ ออกมาได้ น่าให้เมา เอาอย่างมากเช่นนี้

แทนที่คนเล่นจะเมา แล้วทำให้หนังสนุก ..กลับกลายเป็นว่าคนดูต้องมา เมาแทน คนเล่น และเป็นการเมาที่ไม่ได้มีความน่าสนุกอะไรเลยจริงๆ




แม้ “ราเชนทร์ ลิ้มตระกูล” อาจจะเคยได้ชื่อว่าเป็นคนทำหนังไฟแรงสูงคนหนึ่ง เมื่อสมัยที่เขากำกับผลงานชิ้นแรกให้กลายเป็นหนังไทยที่น่าจดจำเรื่องหนึ่ง อย่าง “โลกทั้งใบ ให้นายคนเดียว” มาก่อน ..แต่ในทุกวันนี้ เหมือนว่าไฟดวงนั้น คงได้มอดดับไป และดูเหมือนว่า โอกาสที่จะกลับมาเป็นเมื่อเขายังรุ่นๆ ก็คงหายากแล้ว

ซึ่งก็ดูได้จากผลงานก่อนหน้า ที่เขาได้เป็นหนึ่งในสี่ คนกำกับหนังสั้นใน “ฝัน หวาน อาย จูบ” ..ขณะที่คนอื่นๆเขายังอาจจะทำออกมาเสมอตัว กลับมีเพียง ราเชนทร์ คนเดียวเท่านั้น ที่สร้างชิ้นงานออกมาได้ ไม่เข้าพวกมากที่สุด (แม้บางคนอาจจะแย้งว่าหนังสั้นตอน “ฝัน” ควรจะจัดอยู่ในประเภท นอกคอก นอกชายฝั่ง มากกว่าใครเพื่อน ..แต่ผมก็คิดว่า มันเป็นตอนที่ดีตอนหนึ่งของหนังเรื่องนี้ หากดูกันที่คอนเซปต์ของความฝัน)

มาถึงกระทั่ง ผลงานชิ้นล่าสุดใน ดื้อสวยดุ กับการทำหนังแอ๊คชั่นเป็นครั้งแรกของเขา ..ที่หากมองในแง่ของการพลิกบทบาท ก็น่าจะพอให้อภัยกันได้อยู่หรอก หากว่า การพลิกของ ราเชนทร์ เป็นไปด้วยความไม่คุ้นเคย เลยทำอะไรบางอย่างออกมาได้ไม่ลงตัวแต่ครั้งแรก

แต่ถ้าความไม่คุ้นเคยนั้น จะถึงขั้นทำให้หนังเรื่องหนึ่ง ออกมาได้แห้งแล้งในความสนุกเอาอย่างมาก ..มันก็คงยากที่จะให้อภัยจริงๆ ไม่ว่าจะมองในกรณีหนัก หรือเบา

บางคน มองแบบเบาๆ ก็คงพอทำใจให้เพลินได้กับ การต่อสู้ที่เล่นจริง เจ็บจริง สวิงกว่าเดิม ของ จีจ้า ..ซึ่งไม่มีอะไรให้ต้องพิสูจน์ในเรื่องความเก่งกาจในทางมาร์เชียลอาร์ตของเธออีกต่อไปแล้ว

แต่กับบางคน ที่มองมัน ในฐานะของคนที่ไม่ชอบมันอย่างหนักหน่วง เช่นผมคนนี้ ...จีจ้า ผู้เก่งกาจ ก็ยังไม่อาจช่วยให้หนังทั้งเรื่อง รอดพ้นอันตรายได้อยู่ดี




สิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้ตกอยู่ในอันตราย แต่แรกเริ่ม ..ย่อมต้องเริ่มมาจากการเล่าเรื่องของราเชนทร์ ใน ดื้อสวยดุ มันเป็นไปด้วยความสะเปะสะปะในการนำเสนอ เหมือนไม่รู้ว่าหนังของตัวเอง เป็นหนังแนวไหนกันแน่

แม้ในช่วงแรกๆ ของหนัง บทจะปูพื้นให้ตัวละคร “ดื้อ” ของ จีจ้า เป็นเด็กบ้านแตก และใจแตก ที่แม้จะสักทำตัวเหมือนว่าเป็นศูนย์กลางของจักรวาล ฉันคือทุกสิ่งบนโลก หากเอาเข้าจริง ดื้อ ก็เป็นเด็กสาวที่โคตรเหงา ตรงที่ไม่มีใครเข้าใจในความเป็นตัวเธอเลย ..ซึ่งหากมองในแง่ของการบ่งอุปนิสัย สร้างคาแรกเตอร์ขึ้นมาเพื่อรองรับตัวหนังแล้ว การเล่าเรื่องของ ดื้อ ในช่วงแรกนี้ ก็จัดได้ว่า ค่อนข้างจะมีมากพอ ที่จะทำให้คนดูรู้สึกมีความเห็นใจในตัวละครตัวเอกนี้ ขึ้นมาได้อยู่

แต่ถึงจะมีความเห็นใจให้กับ ดื้อ และส่งผลให้ จีจ้า ได้ทำอะไร(ที่เป็นการแสดงหนัง)มากกว่า การขอเงินแม่ ใน “ช็อกโกแลต” ...ก็ใช่ว่า คนดูจะผูกพันไปกับตัวหนังได้ทันที ..ยิ่งเมื่อต้องมองให้ลึกไปถึงการดำเนินเดินเรื่องของตัวหนังไปด้วยแล้ว มันก็จะเห็นได้ถึง ความล้มเหลว ของการสร้างความน่าติดตามให้กับตัวหนัง ที่เริ่มต้นตั้งแต่ ตอนที่ ดื้อ ได้ไปเจอเพื่อนใหม่ และรู้จักการต่อสู้แนวใหม่ เป็นต้นมา

ซึ่งแม้ต่อให้หนังจะคิดสร้างสรรค์กลยุทธการต่อสู้แบบใหม่ขึ้นมา กะหวังทำให้คนดูอึ้ง ทึ่ง มันส์ กันอย่างไรก็ตาม ..หากว่า ความน่าติดตามของตัวหนัง มันไม่มีให้แล้ว ความสร้างสรรค์ใดๆ มันก็ให้ผลออกมาแป้กอยู่ดี




ปัญหาของ ดื้อสวยดุ ไม่ได้มีแค่ความไร้แล้งในความสนุกเพียงเท่านั้น ..หากถ้าลุยกันไปถึงรายละเอียดอื่นๆ ไม่ว่าจะตัวบท ตัวนักแสดง หรือว่าตัวงานโปรดักชั่นต่างๆ ด้วยแล้ว ...ผมแน่ใจที่จะพูดได้เลยว่า นี่คือ หนังบู๊ของสหมงคล(ที่ผมเคยดู) ที่สร้างงานออกมาได้ “ลวกๆ” เป็นที่สุด

แม้ใครจะว่า "ต้มยำกุ้ง" ก็ลวกจนเละ (ชิ้เป้าไปยังตัวบทหนังโดยเฉพาะ ที่ non sense สิ้นดี) แต่ผมก็ยังพอทำใจให้กินมันได้ลง (ต้องขอบคุณ ฉากบู๊ ของพี่จา ..ที่พอจะเพลินๆได้บ้าง)

แต่กับกรณีของ ดื้อสวยดุ ..มันกลับไม่ได้เละเพียงแค่บทเช่น กรณีของต้มยำกุ้ง ...หากที่หนักกว่านั้นด้วยแล้ว ก็คือ แทบทุกสิ่งที่ได้เห็นใน ดื้อสวยดุ มันล้วนแล้วแต่เละ โดยพร้อมเพรียงกัน

ไม่ว่าจะเป็น ส่วนการแสดงเป็นต้นไม้ ของนักแสดงที่ไม่เคย(คิด)เล่นหนังมาก่อนเลย (หากได้มาเล่น ดื้อสวยดุ ก็เพียงเพราะ เขาเป็นบีบอยด์!) ..หรือกับ เหล่าบรรดางานต่างๆที่ทำกันหลังกล้อง เมื่อให้โชว์ออกมาที่หน้ากล้องแล้ว มันล้วนแต่ดู เฉิ่ม เชย และตลก

แต่ที่ตลกเป็นที่สุด(หมายเหตุ : เป็นตลกร้าย...ที่ขำไม่ออกเป็นที่สุด)ใน ดื้อสวยดุ ..ก็คงไม่มีความลวก สิ่งไหนที่จะมีคุณค่าเทียบเท่าได้กับ ตอนที่เป็นไคลแม็กซ์ ของหนังเรื่องนี้ได้อีกแล้ว

ผมไม่ได้คิดเลยว่า (ทั้งๆที่ไม่คาดหวังอะไร)... นอกจาก ดื้อสวยดุ จะเป็นหนังแอ๊คชั่น(ไม่หนุก)-โรแมนติก(ตรงไหน?) แล้ว มันยังจะมีอีกแนวเป็น หนังแฟนตาซี แถมเข้ามาให้ด้วย

ถ้าอ่านถึงตรงนี้ แล้วยังคิดไม่ออกว่าเป็นแฟนตาซี ประมาณไหน ..ให้ลองนึกถึง หนังจำพวกยอดมนุษย์บ้าพลัง เช่น “X-Men” ผสมรวมกับการมีตัวร้ายเป็นพวกจิตวิปริตเกินเยียวยา แถมยังจะคลั่งไคล้ในกลิ่นตัวของมนุษย์ เหมือนจะหลุดออกมาจากหนังเรื่อง “Perfume” อย่างไงอย่างงั้น

ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเพราะด้วยแรงบันดาลใจ (หรือที่แปลว่า..จงใจลอกเขามา) หรือว่ามีเจตนาจะทำให้หนังมีเนื้อหามีสาระ มากกว่าเป็นแค่หนังแอ๊คชั่นเรื่องหนึ่ง ...ผมไม่เห็นเลยว่า การใส่อะไรต่อมิอะไรที่ดูรุนแรง อย่างเช่น การจับมนุษย์(เพศแม่)มาทำน้ำหอมมนุษย์ จะมีผลทำให้เรื่องของมันดูแรง ..มิหนำซ้ำ มันยังทำให้ตัวหนัง เพ้อเจ้อ หลุดโลก และทำให้คนดูต้องหลุดถามตัวเองว่า “กรูเข้ามาดู เ..ฮี..ย อะไรเนี้ย?”

แทนที่ ดื้อสวยดุ จะทำให้ คนดูรู้สึกเห็นใจในชะตากรรมของเหล่าผู้หญิงที่ถูกจับไปเพื่อขายตัว ให้ถูกมองกลายเป็นโสเภณี แนวๆนั้นไป ..มันกลับเลือกที่จะนำเสนอให้คนดูรู้สึกสมเพศกับสิ่งที่เธอๆต้องประสบ และมันดูกลายเป็นความตลกที่แค่ขำไม่ออก อย่างเดียวเท่านั้น ...แต่มันยังทำให้ผมออกจากโรงหนัง ด้วยความเวทนาในตัวเอง ที่เผลอพลั้งพลาดเข้ามาดูอะไรที่ มัน เ..ฮี..ย เช่นนี้




มิเช่นนั้น มาถึงตรงนี้ คงไม่ต้องสรุปแล้วว่า มันน่า(ให้โอกาส)ดูไหม ..แต่ถ้าอยากดูหนังแอ๊คชั่นที่มันส์จริง สนุกจริงแล้ว ขอแนะนำให้ย้ายไปโรงข้างๆ นั่งดู “G.I. Joe” เสียเลยดีกว่า ..ของฝรั่ง ที่ว่าดูเฟคๆ ก็ยังไหว..ยังไหว...กว่ากัน มากมายนักจริงเชียว

สุดท้ายนี้ หวังว่า เสี่ยเจียง จะยังไหวอยู่นะ ..เมื่อบังเอิญว่า หนังมันแป้ก เงินก็ไม่ทำให้แล้ว ก็ขอให้ต่อไปนี้ ทำหนังแอ๊คชั่น เน้นคุณภาพได้สักทีเถอะครับ

อุตส่าห์เป็นค่ายเดียว(ของหนังไทย) ที่ทำได้รุ่ง ..ก็อย่าให้มี คำว่า ริ่ง ห้อยท้ายอีกต่อไปเลย  


เกรด C- -> yuck

ขอบคุณครับ รักคนอ่าน จุ๊บๆ


ปล. ดู "Inglorious Basterds" มาแล้ว ...นี่คือ หนังที่ผมขอแนะนำให้ไปดู เป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกับคนที่เป็นแฟนป๋าเควนติน และสามารถรับชมหนังที่พูด พูด พูด และพูด กันทั้งเรื่องได้

ส่วนตัวผมชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ..ชอบยิ่งกว่า Pulp Fiction (ที่ผมก็ชอบมากๆแล้วนะ) เสียอีกครับ

แก้ไขเมื่อ 21 ส.ค. 52 11:24:38

จากคุณ : OncE UPoN'-'a MaN
เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 52 11:23:26




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com