ความคิดเห็นที่ 1 โรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมไทย เกิดขึ้นในยุคสมัย จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี โดยมีจุดประสงค์ให้สร้างอาคารของทั้ง 2 ฝั่งให้ใหญ่โต เทียบเท่ากับถนน "ฌอง-เอลิเซ" ในประเทศฝรั่งเศส โดยหนึ่งในนั้นก็คือการสร้างโรงละครมาตรฐานสากล ออกแบบโดย นายจิตรเสน (หมิว) อภัยวงศ์ ในระหว่างการก่อสร้างนั้น ก็เกิดสงครามมหาเอเชียบูรพา ทำให้ต้องยุติลงชั่วคราว โดยตัวอาคารก็เป็นอาคารเปล่า ยังไม่มีประตูหรือหน้าต่าง ต่อมาทางหน่วยราชการจึงนำมาเป็นโกดังเก็บของ ต่อมา นายบัณฑูร องควิสิษฐ์ ได้ชักชวนเพื่อนสนิทตั้งบริษัท ศิลป์ไทย และได้สานต่ออาคารดังกล่าวนี้เพื่อให้เป็นโรงมหรสพ โดยทำสัญญาเช่าจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จากนั้นจึงทำการก่อสร้างเพิ่มเติม โดย นายศิววงศ์ กุญชร ณ อยุธยา หลังจากก่อสร้างเสร็จก็ได้ใช้ชื่อว่า "ศาลาเฉลิมไทย" 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2492 เปิดเป็นโรงละครเวที เรื่อง "ราชันย์ผู้พิชิต" หลังจากนั้น ศาลาเฉลิมไทย ก็สร้างนักแสดงขึ้นมากมาย เช่น ส. อาสนจินดา , สุพรรณ บูรณพิมพ์ , กัณฑรีย์ นาคประภา ฯลฯ พ.ศ. 2495 ศาลาเฉลิมไทยได้ปรับเปลี่ยนมาเป็นโรงภาพยนตร์ พ.ศ. 2496 ศาลาเฉลิมไทยฉายภาพยนตร์ต่างประเทศ ในระบบ 3 มิติ เรื่อง MAN IN THE DARK ใต้อุ้งมือโจร หลังจากนั้นไม่นาน ศาลาเฉลิมไทยได้ฉายภาพยนตร์ระบบซีนีมาสโคป เรื่องแรก ของบริษัท ทเวนตี้ เซ็นจูรี่ ฟ็อกซ์ นั่นคือ THE ROBE อภินิหารเสื้อคลุม จากคุณ : หนามเตยแมน (หนามเตยแมน) เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 22:22:58

ความคิดเห็นที่ 2 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2510 ศาลาเฉลิมไทยได้ฉายภาพยนตร์ข่าว การแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 5 ซึ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ฯ เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรรอบปฐมทัศน์ และเป็นรอบการกุศล รายได้ทั้งหมดมอบให้มูลนิธิคนตาบอด จากคุณ : หนามเตยแมน (หนามเตยแมน) เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 22:25:26

ความคิดเห็นที่ 3 หลังจากนั้น ศาลาเฉลิมไทยก็ฉายภาพยนตร์ไทยและภาพยนตร์ต่างประเทศหลายเรื่อง ซึ่งผู้จัดการโรงภาพยนตร์นี้ก็คือ คุณพิสิจ ตันสัจจา (ตอนนั้นก็เป็นเจ้าของโรงภาพยนตร์แถวสยามสแควร์ด้วย) เช่น เรือนแพ (พ.ศ. 2504) , เป็ดน้อย (พ.ศ. 2511) ,โทน (พ.ศ. 2513) , เขาสมิง (พ.ศ. 2516 ขณะเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลา ฯ พอดี) , สปาร์ตาคัส (SPARTACUS) , เดอะ ยัง วันส์ (THE YOUNG ONES; ไม่ทราบชื่อไทย หรืออาจจะเรียกตรงตัวหรือเปล่า แต่ว่าหนังเรื่องนี้ ทำให้วัยรุ่นในยุคนั้นหันมาตั้งวงดนตรีเลียนแบบ วงเดอะชาโดว์ ในหนัง นำแสดงโดย คลิฟฟ์ ริชาร์ด เป็นหนังจากอังกฤษครับ) ฯลฯ จากคุณ : หนามเตยแมน (หนามเตยแมน) เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 22:27:00

ความคิดเห็นที่ 4 ไปดูบรรยากาศหน้าโรงในยุคนั้นกัน ด้วยภาพจากหลาย ๆ มุม จากคุณ : หนามเตยแมน (หนามเตยแมน) เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 22:28:54

ความคิดเห็นที่ 5 บรรยากาศหน้าโรง ซึ่งกำลังฉายเรื่อง THE LONGEST DAY วันเผด็จศึก จากคุณ : หนามเตยแมน (หนามเตยแมน) เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 22:31:26

ความคิดเห็นที่ 6 ไปดูคัตเอ้าท์กันบ้างดีกว่า อีกอย่างหนึ่ง คุณเปี๊ยก โปสเตอร์ ช่างเขียนใบปิดชื่อดังก็เริ่มต้นการเขียนใบปิดที่โรงภาพยนตร์นี้ด้วยภาพยนตร์เรื่อง เกาะรักเกาะสวาท เป็นหนังอิตาลี (ถ้าจำผิดต้องขออภัย) จากคุณ : หนามเตยแมน (หนามเตยแมน) เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 22:34:34

ความคิดเห็นที่ 7 อีกภาพหนึ่ง จากคุณ : หนามเตยแมน (หนามเตยแมน) เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 22:36:09

ความคิดเห็นที่ 8 ต้องขออภัยครับ ที่ จขกท. ต้องลบไฟล์ภาพที่จำหน่ายตั๋วออกไป เนื่องจากมีผู้รู้ท้วงติงมา ตาม คห. 25 และ คห. 28 ขอขอบคุณครับ แก้ไขเมื่อ 26 ส.ค. 52 06:47:35 จากคุณ : หนามเตยแมน (หนามเตยแมน) เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 22:38:28

ความคิดเห็นที่ 9 ภาพบรรยากาศหน้าโรง ช่วงทศวรรษ พ.ศ. 2520 จากคุณ : หนามเตยแมน (หนามเตยแมน) เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 22:40:37

ความคิดเห็นที่ 10 ภาพที่ 2 จากคุณ : หนามเตยแมน (หนามเตยแมน) เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 22:41:34

ความคิดเห็นที่ 11 ภาพที่ 3 จากคุณ : หนามเตยแมน (หนามเตยแมน) เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 22:43:41

ความคิดเห็นที่ 12 พ.ศ. 2530 คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้รื้อถอนโรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมไทย เพื่อให้พื้นที่ดังกล่าวเพื่อเปิดโล่งให้เห็นโลหะปราสาท วัดราชนัดดา ป้อมมหากาฬ ภูเขาทองและสร้างพระบรมราชานุสรณ์ของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พร้อมกับพลับพลาต้อนรับราชอาคันตุกะ และภาพนี้ถือเป็นภาพในยุคท้าย ๆ ของการฉายภาพยนตร์ จากคุณ : หนามเตยแมน (หนามเตยแมน) เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 22:45:08

ความคิดเห็นที่ 13 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2532 ทางศาลาเฉลิมไทยได้จัดแสดงละครเวทีเรื่อง "พันท้ายนรสิงห์" เป็นการอำลาอาลัย หลังจากนั้นก็ปิดตัวเป็นการถาวร โดยได้ขนย้ายอุปกรณ์ เครื่องฉาย และตัวอักษรชื่อโรง จากนั้นจึงทำการรื้อถอนทั้งหมด จากคุณ : หนามเตยแมน (หนามเตยแมน) เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 22:46:16

ความคิดเห็นที่ 14 ภาพบรรยากาศการรื้อถอน จากคุณ : หนามเตยแมน (หนามเตยแมน) เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 22:47:44

ความคิดเห็นที่ 15 ส่วนตัวอักษรชื่อโรงภาพยนตร์ หลังจากที่รื้อถอนออกไป ปรากฏว่าได้ไปอยู่ที่ร้านขายของเก่า ริมถนนสายเอกชัย ดังภาพ แต่จากนั้นไม่นานนัก ก็มีแฟนพันธุ์แท้โรงภาพยนตร์ท่านหนึ่งมาขอซื้อไปโดยให้ราคาสูง และหลังจากนั้นก็ไม่ทราบข่าวคราวอีกเลย จากคุณ : หนามเตยแมน (หนามเตยแมน) เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 22:49:25

ความคิดเห็นที่ 16 เครื่องฉายภาพยนตร์ของโรงภาพยนตร์เฉลิมไทย มีอยู่ 3 เครื่อง ยี่ห้อ “เซ็นจูรี่” (CENTURY) ผลิตในสหรัฐอเมริกา ส่วนเตากำเนิดแสง จขคห. จำไม่ได้ซะแล้ว แต่ก็เป็นของคู่กันมาตลอดระยะเวลาการให้บริการความบันเทิง ตั้งแต่วันแรกจนกระทั่งวันสุดท้ายของการฉายภาพยนตร์ ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นการแสดงละครเวทีครั้งสุดท้าย สำหรับเครื่องฉายทั้ง 3 เครื่องนี้ ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับฉายภาพยนตร์ด้วยฟิล์ม 35 มม. ขนาดมาตรฐานทั่วไป และฟิล์ม 70 มม. สำหรับภาพยนตร์ฝรั่งบางเรื่อง ที่เครื่องฉายมีหัวอ่านเสียง 2 ระบบ คือระบบแสง ซึ่งจะมีหลอดเอ็กซิเตอร์ส่องสว่างผ่านเส้นเสียงบนฟิล์ม เข้าสู่หัวอ่านและนำสัญญาณเข้าภาคขยายต่อไป ส่วนอีกระบบหนึ่งเป็นระบบแม็กเนติค ซาวด์ ซึ่งเป็นการเคลือบแถบเส้นเสียงด้วยแม่เหล็ก โดยมีหลักการเดียวกันกับเครื่องเล่นเทปนั้นเอง ระบบแม็กเนติคนี้ถือว่าเป็นระบบเสียงที่ทันสมัยแล้วในยุคนั้น ซึ่งสามารถบันทึกเสียงได้หลายช่องเสียง ดังนั้นที่ใบปิดภาพยนตร์จึงมีคำโปรยว่า “ระบบเสียงเซ็นเซอร์ราวด์รอบทิศ” สำหรับแถบเสียงแบบแม่เหล็กในภาพประกอบก็คือ แถบสีน้ำตาลนั่นเอง จากคุณ : หนามเตยแมน (หนามเตยแมน) เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 22:50:35

ความคิดเห็นที่ 17 ภาพเล็กมากเลย เดี๋ยวมีภาพขยายในกระทู้ท้าย ๆ ละกัน แต่ตอนนี้ให้ดูภาพฟิล์มภาพยนตร์ 70 มม. ครับ (ที่ฉายอยู่ในโรงภาพยนตร์ไอแมกซ์ ก็เป็นฟิล์ม 70 มม. เหมือนกัน แต่วิ่งไปตามแนวนอน ภาพประกอบอยู่ใน คห. ถัดไปครับ) จากคุณ : หนามเตยแมน (หนามเตยแมน) เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 22:53:25

ความคิดเห็นที่ 18 ฟิล์มภาพยนตร์ ขนาด 70 มม. ที่ฉายในโรงภาพยนตร์ไอแมกซ์ 15 รูหนามเตยต่อ 1 กรอบภาพ จากคุณ : หนามเตยแมน (หนามเตยแมน) เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 22:55:08

ความคิดเห็นที่ 19 เนื่องจากฟิล์มภาพยนตร์ 70 มม. เป็นฟิล์มที่มีขนาดใหญ่ ดังนั้นจอภาพยนตร์ที่สามารถรองรับระบบนี้ได้ ต้องมีขนาดความยาว 30 เมตร (ถ้าเป็นในยุคนี้ก็คือ IMAX) แต่เนื่องจากจอภาพยนตร์ในยุคที่โรงภาพยนตร์สแตนด์อะโลนเป็นที่นิยมอยู่นั้น มีขนาดความยาวเฉลี่ยโดยทั่วไป 20 เมตร ซึ่งอาจจะมากกว่านั้นนิดหน่อย ดังนั้นการฉายภาพยนตร์ด้วยฟิล์ม 70 มม. ทำให้เกิดปัญหาภาพล้นจอภาพยนตร์ ซึ่งการแก้ไขปัญหาภาพล้นจอ นั่นคือ ใช้กระดาษมาแปะด้วยสก็อตเทปที่กระจกหน้าเครื่องฉาย โดยปิดบังเฉพาะส่วนที่ภาพล้นออกมา เท่าที่ทราบคร่าว ๆ เกี่ยวกับเครื่องฉายภาพยนตร์ที่สามารถฉายด้วยฟิล์ม 70 มม. ได้ มีเพียงไม่กี่แห่งในกรุงเทพ ฯ เช่น ศาลาเฉลิมไทย, อินทรา, สกาล่า, ลิโด, สยาม, พาราเมาท์ เป็นต้น ปัญหาอีกอย่างหนึ่งของฟิล์มระบบ 70 มม. นี้ก็คือ การที่ฟิล์มไหลผ่านเครื่องฉายเร็วกว่าระบบ 35 มม. เนื่องจากระบบ 35 มม. อัตราส่วน 24 กรอบภาพต่อวินาที ขณะที่ฟิล์ม 70 มม. อัตราส่วน 30 กรอบภาพต่อวินาที ฟิล์มภาพยนตร์ 70 มม. 1 ม้วน มีความยาว 15 นาทีเท่านั้น ที่สำคัญม้วน (รีล) ใส่ฟิล์มภาพยนตร์ 70 มม. หนักมาก 2 คนต้องช่วยกันยก ซึ่งหนามเตยแมนได้มีโอกาสพูดคุยกับอดีตพนักงานฉายหนังประจำโรงภาพยนตร์แห่งหนึ่ง ซึ่งเคยมีโอกาสฉายด้วยฟิล์ม 70 มม. หลายครั้ง บอกว่า หลังจากที่ใส่ฟิล์ม 70 มม. ในเครื่องฉายยังไม่ทันจะเสร็จดี ฟิล์ม 70 มม. อีกเครื่องหนึ่งซึ่งกำลังฉายอยู่ก็จะหมดม้วนแล้ว ถ้าขืนช้าก็จะทำให้เกิด “จอขาว” โดนคนดูต่อว่าแน่นอนครับ สำหรับโรงภาพยนตร์หรือหนังกลางแปลงตามต่างหวัดที่นำภาพยนตร์ซึ่งเป็นระบบ 70 มม. ไปฉายนั้น ทางบริษัทหนังเค้าจะมีอีกก็อบปี้หนึ่งซึ่งเป็นฉบับลดขนาดในระบบ 35 มม. เพื่อสามารถฉายกับเครื่องฉายภาพยนตร์ระบบฟิล์ม 35 มม. ทั่วไปได้ เพราะคุณพ่อของหนามเตยแมนเคยเล่าให้ฟังว่า ครั้งหนึ่งคุณพ่อผมเป็นหนึ่งในลูกน้องเจ้าของหนังกลางแปลงซึ่งตอนนั้นทำเป็นในลักษณะ “โรงภาพยนตร์กลางแปลง” อยู่ที่บริเวณศูนย์การค้าจังหวัดกาญจนบุรีในปัจจุบัน แต่ก่อนนั้นเป็นทุ่งโล่ง ตอนนั้นเจ้าของโรงได้นำภาพยนตร์เรื่อง “วันเผด็จศึก” (THE LONGEST DAY) ไปฉาย จึงไปติดต่อเพื่อขอเช่าฟิล์มที่บริษัท ซึ่งทางบริษัทก็ส่งฟิล์มภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งเป็นฉบับ 35 มม. มาฉาย ปรากฏว่าเก็บเงินค่าชมได้มากครับ จากคุณ : หนามเตยแมน (หนามเตยแมน) เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 22:56:59

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณครับ จากคุณ : ทุ่งหัวช้าง เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 22:59:05

ความคิดเห็นที่ 21 ปาดดดดด และโหวตไปแล้ววค่าาาา จากคุณ : รถขนมปังกรอบ เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 22:59:41

ความคิดเห็นที่ 22 ส่วนเครื่องฉายภาพยนตร์ ปัจจุบันถูกเก็บไว้ที่หอภาพยนตร์แห่งชาติศาลายา 2 เครื่อง และยังมีอีกที่หนึ่งจัดแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์รถไฟ ข้างสวนจตุจักร ผมเคยเข้าไปดูมาแล้ว 3 ครั้ง ครั้งแรกผมไปได้วีซีดีภาพยนตร์โฆษณาเก่า ของ อ. สรรพสิริ วิริยสิริ ซึ่งเหลือแผ่นสุดท้าย โดยผมขอกับ คุณจุลสิริ วิริยสิริ โดยบริจาคเงินเพื่อปรับปรุงพิพิธภัณฑ์ไป ครั้งต่อมาก็ได้เข้าไปชมเพื่อรอเวลากลับบ้าน ซึ่งทั้งสองครั้งไม่ได้ถ่ายรูปไว้ครับ กระทั่งล่าสุดเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม ผมไปได้เครื่องฉายภาพยนตร์ระบบฟิล์ม 16 มม. มาหนึ่งเครื่อง ดังภาพประกอบ (ผมถ่ายที่บ้านเจ้าของเครื่อง ตอนนี้กำลังซ่อมแซมอยู่ คงอีกนานกว่าจะเสร็จ) พอเสร็จเรื่องเครื่องฉาย 16 มม. ก็เอามาฝากที่ท่ารถตู้ข้างสวนจตุจักร ก็เลยเดินไปที่นั่นอีก ครั้งนี้ผมเอากล้องไปด้วยครับ แต่ว่าช่วงที่ผมเข้าไปนั้นก็เห็นมีนักศึกษาเข้ามาขอใช้สถานที่ และเห็นคนอีกกลุ่มหนึ่งกำลังสนุกสนานกับคาราโอเกะก็เลยต้องแห้วไป ไม่งั้นได้ถ่ายภาพที่ชัดเจนกว่านี้แน่ V V V หลังจากนี้ก็ขอเชิญสมาชิกเข้ามารำลึกกัน ส่วนตัว จขกท. แม้จะไม่มีโอกาสได้ชมที่โรงนี้ แต่ก็ได้ติดตามข่าวการปิดตัวของโรงภาพยนตร์นี้เมื่อตอนเด็ก ๆ ครับ จากคุณ : หนามเตยแมน (หนามเตยแมน) เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 23:01:42

ความคิดเห็นที่ 23   ขอบคุณครับ จากคุณ : น้ำปลาปรับผ้านุ่ม เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 23:04:05

ความคิดเห็นที่ 24   ปาดๆ OMG ขอบคุณค่ะ >_< จากคุณ : ใบแพรว เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 23:05:21 A:75.19.45.51 X: TicketID:189734

ความคิดเห็นที่ 25 คุณหนามเตย   ในความเห็นที่ 8 เป็นห้องขายตั๋วของโรงหนัง รามา นะครับ   เพราะผมไปดูบ่อย ไม่ใช่ โรงหนังศาลาเฉลิมไทย ครับ จากคุณ : นามนายคนนี้ชื่อ (gongs_ter) เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 23:58:24

ความคิดเห็นที่ 26 ตอนเด็กมากๆ ป้าเคยพาไปดูหนังเรื่องแรกในชีวิตที่ศาลาเฉลิมไทยเรื่อง "แม่อายสะอื้น" จำได้แค่นางเอกเอามีดปาดคอตัวเองตายตอนมีขบวนแห่  พอหนังจบจำได้ว่ามีใครคนนึงในกลุ่มอุทานตอนเดินออกจากโรง ว่าเช้าแล้วเหรอ หลังจากนั้นอีกเป็นสิบปีถึงเริ่มดูหนังอย่างจริงจัง แก้ไขเมื่อ 26 ส.ค. 52 00:00:17 จากคุณ : O-So Good เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 52 23:59:39

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณมากครับ จขกท ผมเปนคนที่โตทันมีโอกาสชมภาพยนตร์ที่เฉลิมไทย และมีความผูกพันทางด้านจิตใจค่อนข้างมาก เห็นภาพ # ๑๔ แล้ว ใจหาย วิบ วิบ. จากคุณ : พจนารถ๓๒๒ เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 00:19:24

ความคิดเห็นที่ 28 ยืนยันว่าห้องจำหน่ายตั๋วที่คุณหนามเตยแมนเอามาลง ไมใช่ที่เฉลิมไทยนะครับ เป็นห้องจำหน่ายตั๋วของโรงหนังรามา ตามความเห็นที่ 25  ครับ จากคุณ : forever movie เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 00:26:14

ความคิดเห็นที่ 29 ตอนนี้ลบภาพ ใน คห. 8 ออกไปแล้วครับ อันนี้เป็นความเข้าใจผิดของ จขกท. เอง ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย จากคุณ : หนามเตยแมน (หนามเตยแมน) เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 06:50:51

ความคิดเห็นที่ 30 เห็นแล้วนึกถึงตอนเด็ก ๆ  เพราะเคยเดินผ่าน  เวลาไปศึกษาภัณท์   ยังรู้สึกเสียดายเลย ตอนที่โดนรื้อ ขอบคุณ จขกท. มากค่ะ จากคุณ : tawkanchana เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 08:01:31

ความคิดเห็นที่ 31 เอาภาพจำหน่ายตั๋วโรงหนังรามา มาให้ดู ก็ทำให้นึกถึงโรงหนังรามาในความทรงจำผุดขึ้นมาเหมือนกันครับ  ถือเป็นโรงที่ใหญ่และเก้าอี้นั่งก็รุ่นเก่ามากๆดูออกโบราณๆ โครงสร้างระหว่าไม้กับเหล็ก บุด้วยเบาะเมื่อเทียบกับโรงหนังอย่าง สยาม สกาลา ลิโด เอเธนส์ เฉลิมไทย  พวกนี้เก้าอี้กินขาดในความใหม่กว่า แต่ไงก็ยังคิดว่ามันเป็นเอกลักษณ์ของโรงหนังรามา ในเรื่องเก้าอี้ จากคุณ : forever movie เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 09:27:36

ความคิดเห็นที่ 32 เกิดมาก็ไม่ทันเห็นแล้วอ่า จากคุณ : dfh เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 11:04:58

ความคิดเห็นที่ 33 เจ้าของกระทู้ไม่น่าลบภาพห้องจำหน่ายตั๋วโรงหนังรามาออกเลยนะ อยากให้เอามาให้คนที่เกิดไม่ทันได้เห็นน่ะครับ ห้องจำหน่ายตั๋วที่นี่ออกแบบสร้างได้สมกับโรงหนังที่มักจะฉายแต่หนังจีนเป็นส่วนใหญ่ ดูเข้าบรรยากาศมากๆ ไม่รู้ว่าห้องจำหน่ายตั๋วในปัจจุบันยังอยู่ดีไหมหนอ ใครใกล้แถวนั้นลองแวะไปที่โรงหนังรามา มารายงานหน่อยก็ดีนะครับ จากคุณ : forever movie เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 11:48:15

ความคิดเห็นที่ 34   คุณเจ้าของกระทู้ครับ ผมเคยเข้าไปถ่ายรูปบรรยากาศภายในเฉลิมไทยเป็นสไลด์ไว้ม้วนนึงครับ ช่วงกำลังจะทุบนี่แหล่ะ คงเป็นตอนที่นำละครพันท้ายฯมาเล่น เดี๋ยวจะไปลองค้นดูก่อน ยังอยู่ดีมั้ย ถ้ายังอยู่ดี และสนใจอยากเอาไปเผยแพร่ก็ยินดีครับ จากคุณ : บัตรผ่านทั้งปี เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 16:45:56 A:61.91.79.142 X: TicketID:191341

ความคิดเห็นที่ 35 เสียดายเนอะ จากคุณ : อมยิ้มอันใหม่ เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 16:50:26

ความคิดเห็นที่ 36 คห. 33 เจ้าของนาม Forever Movie (คนนี้ให้กิฟอยู่บ่อย ๆ จนจำได้) ในเมื่ออยากเห็นห้องจำหน่ายตั๋วโรงภาพยนตร์รามา ก็เลยจัดให้ละกันเป็นของแถมท้ายกระทู้ก่อนที่จะตกไปหน้าอื่น ๆ ส่วน คห. 34 ถ้ายังเหลืออยู่จริงแบ่งปันมาบ้างก็ได้ครับ จะได้ฝากให้ร้านถ่ายรูปสแกนให้ เสียดายที่ใช้บัตรผ่าน เพราะถ้าใช้นามแฝงจะได้ส่งข้อความหลังไมค์ได้สะดวก สำหรับกระทู้ต่าง ๆ ที่ใช้นามแฝง "หนามเตยแมน" ไม่ว่าจะเป็นการตอบของกระทู้คนอื่นที่ตั้งไว้ หรือเจ้าตัวตั้งเอง ก็สามารถค้นหาได้ 2 ทาง ก็คือ Smart Search หรือที่คลังกระทู้เก่า ด้วยการพิมพ์ชื่อนามแฝงนี้ลงไป ก็จะเจอครับ ตอนนี้ผมขอไปตอบกระทู้ http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A8247607/A8247607.html เพลงสรรเสริญพระบารมี ของโรงภาพยนตร์ SF มีให้โหลดหรือเปล่าครับ และเพลงสิบหมื่น จากเพลงในภาพยนตร์ เรื่อง "มนต์รักลูกทุ่ง" ครับ จากคุณ : หนามเตยแมน (หนามเตยแมน) เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 21:45:45

ความคิดเห็นที่ 37 ชอบกระทู้นี้จัง จากคุณ : ฆ่าไม่นับสับไม่เลี้ยง เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 52 21:59:41

ความคิดเห็นที่ 38 ผมทันศาลาเฉลิมไทย สมัยประถมเป็นยุคปลายๆก่อนปิดตัว ดูโรงนี้บ่อยทีเดียว เพราะสยาม ลิโด้ สกาลาตั๋วเต็ม ตั๋วผีขายหน้าโรงว่อน ทางเลือกหลบตั๋วผีก้อต้องมาดูที่ อินทรา พันธ์ทิพย์ และ เฉลิมไทย ยังจำการตกแต่งในโรงได้ดี ชั้นบนที่เป็นห้องโถงรอเข้าโรงเป็นโดมโค้งแบบท้องฟ้าจำลอง มีโคมไฟเหล้กดัด ลวดลายโค้ง อลังการ ประตูทางเข้ามีกรอบประตูลายไทยเดิมคลาสิค ในโรง ด้านข้างมีแผงลายดอกกนก สลักประดับ ไฟเหลืองๆสาดจากด้านล่าง ที่ชอบมากคือกรอบเวทีประดับประดาด้วยลวดลายไทยสวยงาม ราวกับเป็นลายที่ช่างฝีมือแกะสลักรูปหงษ์เลื้อยไปตามกรอบเวที ผสมกับลายดอกไม้ ผ้าม่านสีแดง ถักดิ้นด้านล่าง สวยเด่นดึงดูงในเราไม่ละสายตาเมื่อนั่งรอภาพยนตร์เริ่มฉาย โครงสร้างของโรงนี้ เป็นโครงสร้างสำหรับโรงละคร เวทีลึก กว้าง มีหลุมให้นักดนตรี ที่นั่งคนดูนั่งดูได้ชัดทุกมุม ออกแบบดี สง่า สวย เสียดายที่โดนทุบไป จากคุณ : kinglear เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 52 14:31:46

ความคิดเห็นที่ 39 บรรยายจนภาพความหลังเมื่อครั้งอดีตผุดขึ้นมาเลยครับ เสริมให้อีกนิดพนักงานก็แต่งสูทสีเหลืองผูกหูกระต่าย แบบเดียวกับสยาม ลิโด สกาลา เช่นกันเพราะเครือเดียวกัน แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 52 12:51:35 จากคุณ : forever movie เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 52 15:52:50