ความคิดเห็นที่ 1 มารู้จัก ครอบครัว  ของที่รักของเราก่อนนะ นายเอเลียส ดีสนีย์ (Elias Disney) ซึ่งก็คือพ่อของวอล์ท ดีสนีย์ ได้ย้ายถิ่นฐานจากประเทศเเคนาดามายังสหรัฐอเมริกาหลังจากที่ครอบครัวเขาล้มเหลวด้านการทำฟาร์ม วัยเด็กของเอเลียสต้องเปลี่ยนที่อยู่บ่อยๆ ทั่วประเทศอเมริกาเนื่องจากพ่อของเขาได้พยายามลงทุนกับธุรกิจใหม่ๆ เรื่อยๆ เเละเมื่อถึงช่วงปลายศตวรรษที่ 19 เอเลียสก็เเต่งงานกับ ฟลอร่า คอลล์ (Flora Call) ที่ชิคาโกและให้กำเนิดวอล์ทในวันที่ 5 ธันวาคม ปี 1901 วอล์ทยังมีพี่ชายอีก 3 คนคือ เฮอร์เบิร์ต เรย์มอนด์ และ รอย และน้องสาวอีก 1 คนชื่อ รุธ เมื่อถึงปี 1906 ครอบครัวดีสนีย์ย้ายจากชิคาโกไปทำฟาร์มที่รัฐมิสซูรีเนื่องจากหวั่นกลัวปัญหาอาชญากรรมในชิคาโกที่เพิ่มขึ้นทุกวัน ช่วงที่อยู่ที่ฟาร์มนั้นนับเป็นช่วงเวลาแสนสุขของวอล์ททีเดียว เนื่องจากทั้งวอล์ทและรุธยังเล็กเกินกว่าที่จะช่วยเหลืองานในฟาร์มได้ ฉะนั้นพวกเขาก็เลยใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเล่น ทั้งการว่ายน้ำ เล่นกับสัตว์ในฟาร์ม หรือปีนไต่ต้นไม้เล่น ช่วงเวลานั้นเองที่วอล์ทเริ่มหลงใหลในการวาดภาพ เนื่องจากหมอเชอร์วูดซึ่งเป็นเพื่อนบ้านคนหนึ่งได้จ้างให้วอล์ทวาดภาพม้าของเขาให้อยู่เสมอๆ นอกจากนี้วอล์ทยังเป็นเด็กที่ชื่นชอบรถไฟอีกด้วย เขามักจะเอาหูแนบกับทางรถไฟเพื่อรอฟังเสียงรถไฟเคลื่อนมา และพยายามมองหาลุงของเขาที่เป็นคนขับรถไฟไปด้วย ปู่ตอนอายุ20  หน้าเหมือน อลัม แซนเลอร์เลย  อิอิ แก้ไขเมื่อ 31 ส.ค. 52 11:27:30 แก้ไขเมื่อ 31 ส.ค. 52 11:24:38 จากคุณ : นู๋นุ้ยบ้านนา เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 11:23:44

ความคิดเห็นที่ 2 ปีค.ศ. 1909 พ่อของวอล์ทเริ่มป่วยเป็นโรคไทฟอยด์จนทำงานในฟาร์มไม่ไหว ครอบครัวต้องจำใจขายฟาร์มทิ้งแล้วย้ายไปเช่าบ้านอยู่แทน วอล์ทเสียใจกับการย้ายที่อยู่ในครั้งนั้นมากจนถึงกับร้องไห้ออกมาเมื่อเห็นสัตว์เลี้ยงในฟาร์มถูกทยอยขายออกไปเรื่อยๆ ที่บ้านเช่าในเมืองแคนซัส รัฐมิสซูรี วอล์ท และรอยได้ช่วยพ่อของเขาส่งหนังสือพิมพ์ โดยต้องตื่นขึ้นมาส่งตั้งแต่ตีสามทุกวัน ทำให้วอล์ทไปหลับในห้องเรียนบ้าง หรือบางครั้งก็ไปนั่งวาดรูปในเวลาเรียนบ้าง ช่วงที่เรียนอยู่ วอล์ททำหน้าที่เป็นผู้วาดการ์ตูนลงคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ประจำโรงเรียน การ์ตูนของเขาส่วนใหญ่จะเน้นเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 1 ต่อมาเมื่ออายุ 16 วอล์ทก็ออกจากโรงเรียนและไปสมัครเป็นทหารประจำหน่วยรถพยาบาลโดยแอบโกงอายุตัวเองไปหนึ่งปีเพื่อให้อายุถึงเกณฑ์ซึ่งก็คือ 17 ปีแต่น่าเสียดายที่เมื่อเขาผ่านการฝึกฝนร่างกายและพร้อมเข้าประจำการที่ฝรั่งเศส สงครามก็จบลงเสียแล้ว เขาได้แต่ทำงานไปวันๆ และฆ่าเวลาโดยการวาดรูปเล่น ตอนนั้นเองที่วอล์ทเริ่มสูบบุหรี่จนเป็นนิสัยติดตัวเขาไปตลอด โถ่ปู่ไม่น่าติดบุหรี่เลย จากคุณ : นู๋นุ้ยบ้านนา เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 11:26:52

ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อถึงปี 1919 วอล์ทก็ปลดประจำการและกลับมาที่สหรัฐโดยมีเป้าหมายชีวิตแล้วว่าเขาอยากเอาดีด้านศิลปะ แต่เมื่อพ่อของเขาไม่สนับสนุนความฝันนั้น วอล์ทก็ออกจากบ้านมาเพื่อสานต่ออุดมการณ์ของตน เขาได้พบกับ อับบ์ ไอเวิร์คส (Ub Iwerks) และร่วมมือกันประกอบธุกิจส่วนตัวในปี 1920 แต่ไม่มีใครอยากจ้างคนที่อ่อนประสบการณ์อย่างทั้งคู่นี้ ไม่นานนักบริษัทของพวกเขาจึงปิดตัวลง วอล์ท และไอเวิร์คสก็ไปทำงานที่ Kansas City Film Ad. หลังจากเก็บเกี่ยวประสบการณ์ทำงานอีกสองปี วอล์ทก็พยายามตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาในชื่อ Laugh-O-Gram Film, Inc. ซึ่งเน้นการผลิตการ์ตูนสั้นอิงนิยายสำหรับเด็กขึ้นมาร่วมกับไอเวิร์คส สหายของเขา แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จนัก หลังจากการสร้างการ์ตูนเรื่อง Alices Wonderland ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ บริษัทก็เข้าสู่ภาวะล้มละลาย วอล์ทขายกล้องไปเพื่อหาเงินให้มากพอที่จะเดินทางไปยังศูนย์กลางอุตสาหกรรมบันเทิงอย่างฮอลลิวูด รัฐแคลิฟอร์เนีย และเอางาน Alices Wonderland ที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ไปด้วย hollywoodเมื่อ 1920 แก้ไขเมื่อ 31 ส.ค. 52 11:29:21 จากคุณ : นู๋นุ้ยบ้านนา เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 11:28:51

ความคิดเห็นที่ 4 ตอนที่ไปถึงลอสแองเจลิส วอล์ทมีเพียงงานที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ชิ้นนั้นและเงินอีก 40 เหรียญ เขาตั้งใจจะทิ้งงานแอนิเมชั่นไปแล้วหันมาเป็นผู้กำกับหนังแทน แต่ก็ไม่มีบริษัทไหนรับเขาเข้าทำงาน เขาจึงกลับมาสร้างอนิเมชันต่อ วอล์ทลองส่งงาน Alices Wonderland ไปให้มาร์กาเร็ต วิงคเลอร์ ที่นิวยอร์ค และได้รับจดหมายตอบกลับทันทีว่าเธอต้องการให้เขาสร้างสรรค์ผลงานให้อีกโดยยึดเอาเนื้อเรื่อง Alices Wonderland เป็นหลัก Alices Wonderland แก้ไขเมื่อ 31 ส.ค. 52 11:43:18 จากคุณ : นู๋นุ้ยบ้านนา เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 11:30:36

ความคิดเห็นที่ 5 เรื่องราวของเด็กสาว ที่ได้ผจญภัยไปในดินแดน มหัศจรรย์ต่างๆ  อย่างสนุกสนานและตื่นเต้น จากคุณ : นู๋นุ้ยบ้านนา เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 11:34:05

ความคิดเห็นที่ 6 มาต่อที่ลุงวอล์ต่อ เมื่อได้งานแล้ว วอล์ทจึงต้องการทุนทรัพย์ในการสร้างอนิเมชั่น เขานึกถึงรอยพี่ชายของตนขึ้นมาทันที รอยกำลังป่วยเป็นวัณโรคอยู่ที่โรงพยาบาลทหาร และเมื่อรอยทราบความต้องการของน้องชายก็ยินดีให้ความร่วมมือทันที เขาออกจากโรงพยาบาลมาช่วยวอล์ทสร้างผลงานและไม่ได้แสดงอาการป่วยอีกเลยนับจากนั้น นี่นับเป็นจุดเริ่มต้นของ Disney Brothers Studio ของสองพี่น้องดิสนีย์ ปี 1925 วอล์ทจ้างคนมาทำงานด้านแผ่นฟิล์มชื่อ ลิลเลียน บาวน์ด (Lillian Bounds) ต่อมาทั้งสองสนิทสนมกันมากขึ้นและแต่งงานกันในที่สุด จากคุณ : นู๋นุ้ยบ้านนา เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 11:37:03

ความคิดเห็นที่ 7 ปี 1927 วอล์ทได้เริ่มสร้างซีรียส์ใหม่ Oswald the Lucky Rabbit และได้ผลตอบรับที่ดีจากคนทั่วไป แต่กลายเป็นว่าลิขสิทธิ์ผลงานนี้ไม่ได้เป็นของเขา แต่กลับตกเป็นของบริษัทยูนิเวอร์แซล พิกเจอร์ ของมาร์การเร็ต วิงคเลอร์ และสามี ชาร์ลส บี มินท์ซ และทีมงานส่วนใหญ่ของวอล์ทนอกจากไอเวิร์คสแล้วต่างก็เซ็นสัญญาทำงานให้กับยูนิเวอร์แซลอีกด้วย ซึ่งภายหลังต้องใช้เวลากว่า 74 ปีที่สิทธิ์ของ Oswald the Lucky Rabbit จะกลับมาเป็นของดิสนีย์อีกครั้งในปี 2006 ดีใจด้วยนะปู่ Oswald the Lucky Rabbit จากคุณ : นู๋นุ้ยบ้านนา เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 11:38:24

ความคิดเห็นที่ 8 ในตอนนั้น เมื่อไม่มีทั้งคาแรกเตอร์ของตนเอง วอล์ทก็ต้องคิดขึ้นมาใหม่ บนรถไฟขากลับจากนิวยอร์ค วอล์ทก็นึกไอเดียตัวละครใหม่ขึ้นมาได้ เป็นตัวละครมีลักษณะเป็นหนูที่มีหูกลมใหญ่และตั้งชื่อให้มันว่า มอร์ติเมอร์ ซึ่งภายหลังภรรยาของเขาก็เปลี่ยนชื่อให้ใหม่เป็น มิกกี้ เมาส์ จากคุณ : นู๋นุ้ยบ้านนา เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 11:41:08

ความคิดเห็นที่ 9 มิกกี้ เมาส์ ปรากฎตัวครั้งแรกในการ์ตูนสั้นเรื่อง Plane Crazy เป็นการ์ตูนที่ไม่มีเสียงประกอบ แต่เรื่องนี้ไม่สามารถหาคนมาเป็นผู้สนับสนุนจัดจำหน่ายได้ ต่อมาวอล์ทก็ลองเอาตัวละครมิกกี้ไปเล่นในการ์ตูนอีกเรื่องหนึ่งที่มีเสียง ชื่อ Steamboat Willie โดยวอล์ทรับหน้าที่เป็นคนให้เสียงมิกกี้ เมาส์ด้วยตัวเอง และได้รับการสนับสนุนด้านเครื่องมือผลิตจากนักธุรกิจหนุ่มชื่อ แพท พาวเวอร์ส (Pat Powers) การ์ตูนเรื่องต่อๆ มาจึงมีคุณภาพมากยิ่งขึ้นและได้รับผลตอบรับที่ดี จากคุณ : นู๋นุ้ยบ้านนา เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 11:42:18

ความคิดเห็นที่ 10 เข้ามายิ้ม จากคุณ : Register_AC เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 11:42:56

ความคิดเห็นที่ 11 แต่เมื่อถึงปี 1930 วอล์ทรู้สึกว่าไม่ได้รับผลประโยชน์ที่เป็นธรรมจากแพท พาวเวอร์ส เขาจึงออกมาเซ็นสัญญากับบริษัทใหม่คือ โคลัมเบีย พิกเจอร์ส ไอเวิร์คสเริ่มเบื่อหน่ายกับความเจ้าอารมณ์ของวอล์ท ประกอบกับทางพาวเวอร์สก็ยื่นข้อเสนอให้เขาเปิดสตูดิโอเป็นของตัวเอง เขาจึงออกมาทำงานให้พาวเวอร์สแทน วอล์ทที่ไม่ได้มีความสามารถในการวาดรูปได้อย่างไอเวิร์คสจึงต้องรีบหาคนมาแทน (ไอเวิร์คเป็นคนวาดภาพส่วนใหญ่ที่ปรากฎในการ์ตูน และเขายังวาดได้เร็วถึง 700 ภาพต่อวัน อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ไอเวิร์คสออกมาทำงานเองได้ไม่กี่ปี เขาก็ปิดสตูดิโอและกลับมาช่วยงานวอล์ทต่อ) เมื่อวอล์ทหาคนมาแทนที่ไอเวิร์คสแล้ว ก็ดำเนินโครงการมิกกี้ เมาส์ต่อ ตัวละครหนูตัวนี้กลายเป็นตัวละครที่มีชื่อเสียงมาก และเมื่อถึงปี 1932 วอล์ทก็ได้รับรางวัลออสการ์ในฐานะผู้สร้างสรรค์ตัวละครนี้อีกด้วย ต่อมาก็ปรากฎเหล่าตัวละครอีกมากมาย ทั้งโดนัลด์ ดั๊ก กูฟฟี่ และพลูโต จากคุณ : นู๋นุ้ยบ้านนา เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 11:45:35

ความคิดเห็นที่ 12 ถึงแม้ว่าวอล์ทจะมีชื่อเสียงมากมายขนาดไหนก็ตาม เขาก็ยังคงความเป็นส่วนตัวไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม ความต้องการที่ยิ่งใหญ่ของเขาคือการได้เป็นพ่อของลูก แต่เมื่อภรรยาของเขาแท้งลูกคนแรก วอล์ทก็แทบเสียสติจนหมอต้องบอกให้เขาพักงานและไปเที่ยวพักผ่อน พวกเขาไปเที่ยวกันที่วอชิงตัน ดีซี ต่อมาลิลเลียนก็ให้กำเนิดลูกสาวเป็นผลสำเร็จและตั้งชื่อให้ว่า ไดแอน แมรี่ ดีสนีย์ (Diane Marie Disney) สองปีหลังจากนั้นพวกเขาก็มีลูกสาวอีกคนหนึ่งคือ ชารอน เมย์ ดีสนีย์ (Sharon Mae Disney) มีแต่ลูกสาวนะปู่ จากคุณ : นู๋นุ้ยบ้านนา เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 11:47:05

ความคิดเห็นที่ 13 เมื่อเริ่มประสบความสำเร็จด้านการสร้างการ์ตูนซีรียส์ Silly Symphonies วอล์ทก็อยากลองสร้างการ์ตูนเรื่องยาวดูบ้าง ซึ่งภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องแรกของดีสนีย์ที่มีทั้งสีและเสียงก็คือเรื่องสโนไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด (Snow White and the Seven Dwarfs) อันที่จริงเหล่าผู้ร่วมงานของเขา รวมไปถึงรอยและลิลเลียน เมื่อทราบความคิดนี้แล้วก็พยายามห้ามไม่ให้มีการลงมือสร้างเพราะถึงแม้การ์ตูนซีรียส์ของวอล์ทจะเป็นที่รู้จักแพร่หลาย แต่ผลกำไรของบริษัทก็ยังน้อยอยู่ดี มีบางคนถึงกับกล่าวว่า การ์ตูนเรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่สร้างความหายนะให้บริษัทอย่างแน่นอน แต่สุดท้ายในปี 1938 เมื่อเรื่องนี้ได้ฉายรอบปฐมทัศน์จบ เสียงปรบมือก็ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ กลายเป็นภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในช่วงปีนั้นและสร้างรายได้ไปมากกว่า 8 ล้านเหรียญทีเดียว จากคุณ : นู๋นุ้ยบ้านนา เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 11:48:17

ความคิดเห็นที่ 14 หลังจากนั้นวอล์ทก็ผลิตการ์ตูนเรื่องใหม่ๆ ออกมาอีก ทั้ง พินอคคิโอ (Pinocchio) จากคุณ : นู๋นุ้ยบ้านนา เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 11:49:19

ความคิดเห็นที่ 15 Fantasia จากคุณ : นู๋นุ้ยบ้านนา เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 11:50:16

ความคิดเห็นที่ 16 แต่สองเรื่องนี้ไม่ประสบความสำเร็จด้านการตลาดนัก ดังนั้นจึงมีการสร้างเรื่องใหม่ออกมาอีกโดยใช้ทุนต่ำกว่าเดิมซึ่งก็คือเรื่อง Dumbo และหลังจากเรื่องดัมโบ้ได้วางจำหน่ายและเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป จากคุณ : นู๋นุ้ยบ้านนา เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 11:51:10

ความคิดเห็นที่ 17 ต่อมาเข้าสู่ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง และสตูดิโอก็เริ่มสร้างเรื่อง Bambi ขอโม้หน่อย   แม่เราบอกว่านี่คือที่มาของชื่อเรา(กวาง)   พ่อเราตั้งให้ จากคุณ : นู๋นุ้ยบ้านนา เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 11:52:47

ความคิดเห็นที่ 18 ทางกองทัพเซ็นสัญญาให้ดิสนีย์สตูดิโอผลิตผลงานออกมาในเชิงให้กำลังใจทหารโดยไม่มีค่าตอบแทนให้ ทำให้วอล์ทต้องนำสโนไวท์มาจำหน่ายใหม่เพื่อหารายได้ให้บริษัทมีทุนมากพอที่จะผลิตเรื่องต่อๆ ไป ได้แก่ อลิซในดินแดนมหัศจรรย์ (Alice in Wonderland) และ  ปีเตอร์แพน (Peter Pan) จากคุณ : นู๋นุ้ยบ้านนา เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 11:53:58

ความคิดเห็นที่ 19 และ เรื่องซินนเดอเรลลา (Cinderella)  เรื่องโปรดในตำนาน จากคุณ : นู๋นุ้ยบ้านนา เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 11:55:09

ความคิดเห็นที่ 20 ต่อมาวอล์ทก็มีโครงการสร้างสวนสนุกในแคลิฟอร์เนียขึ้นมาโดยให้ชื่อว่า ดีสนีย์แลนด์ โดยความตั้งใจของเขาก็คือ การสร้างสวนสนุกขึ้นมาและให้มีรถไฟวิ่งอยู่รอบๆ เขาต้องใช้เวลากว่าห้าปีก่อนที่ดิสนีย์แลนด์จะออกมาเป็นรูปเป็นร่างและเปิดให้บริการครั้งแรกในปี 1955 จากคุณ : นู๋นุ้ยบ้านนา เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 11:57:24

ความคิดเห็นที่ 21 ปี 1964 วอล์ทก็ริเริ่มโครงการสร้างสวนสนุกที่ฟลอริดาซึ่งจะใหญ่โตมากกว่าที่แคลิฟอร์เนีย โดยสวนสนุกแห่งใหม่นี้ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 109 ตารางกิโลเมตรของรัฐฟลอริดา เขาและพี่ชายร่วมกันตั้งชื่อสถานที่แห่งนี้ว่า Disney World จากคุณ : นู๋นุ้ยบ้านนา เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 11:59:46

ความคิดเห็นที่ 22 ทว่าไม่กี่ปีก่อนที่ Disney World จะเปิดตัว วอล์ทก็ป่วยเป็นมะเร็งที่ปอดซ้ายซึ่งเป็นผลมาจากการที่เขาชอบสูบบุหรี่มาเป็นเวลานานเขารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเซนต์โจเซฟใกล้ๆ กับดิสนีย์สตูดิโอ และเสียชีวิตหลังจากผ่านวันครบรอบวันเกิดปีที่ 65 ของเขาไปเพียงสิบวันในวันที่ 15 ธันวาคม 1966 นั่นเอง พี่ชายของเขา รอย ก็สานต่ออุดมการณ์ต่างๆ ของวอล์ทจนกระทั่งเสียชีวิตในปี 1971 และไดแอน ลูกสาวของวอล์ท ก็เป็นผู้รับผิดชอบกิจการต่อ โถ่ปู่ ไม่น่าสูบบุหรี่เลย......... แต่ไม่ว่าคุณจะไป ดิสนี่ย์ เวิรด์ที่ไหนในโลก ปู่ กะมิกกี้ก้อจะยืนต้อนรับคุรอยู่เสมอ  (เศร้าจังอ่ะ) แก้ไขเมื่อ 31 ส.ค. 52 12:32:19 จากคุณ : นู๋นุ้ยบ้านนา เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 12:02:13

ความคิดเห็นที่ 23 ปัจจุบันสวนสนุกดิสนีย์แลนด์มีอยู่ 5 แห่งทั่วโลก ได้แก่ ดิสนีย์แลนด์แคลิฟอร์เนีย ดิสนีย์เวริล์ดที่ฟลอริดา ยูโรดิสนีย์แลนด์ที่ฝรั่งเศส โตเกียวดิสนีย์แลนด์ประเทศญี่ปุ่น และล่าสุดก็คือ ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ เมื่อไหร่จะมาที่ไทยหว่า ใกล้บ้านเราสุด ก้อฮ่องกงนี่แหละ.........ไปเที่ยวปราสาทผีสิงกันไหมจ๊ะ จากคุณ : นู๋นุ้ยบ้านนา เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 12:05:43

ความคิดเห็นที่ 24 ปัจจุบัน แม้ปู่จะจากไปแล้ว แต่ ชื่อยังอยู่อีกยาวไกล การ์ตูน  มากมาย จากค่าย ดิสนี่ย์  ที่เรารัก ยังมีให้ดูอยู่ตลอด แถมตอนนี้ยังมี ทั้ง ซิทคอม ละคร ภาพยนตร์  และที่ขาดไม่ได้ แอนนิเมชั่ นั้นไง แอนนิเมชั่นของค่ายนี้  มาจาก พิกซาร์แอนิเมชันสตูดิโอส์ (Pixar Animation Studios) หรือ พิกซาร์ เป็นสตูดิโอสร้างคอมพิวเตอร์แอนิเมชันสัญชาติอเมริกัน ตั้งอยู่ที่เมืองเอเมอรีวิลล์ มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทวอลท์ดิสนีย์ พิกซาร์มีชื่อเสียงจากการสร้างภาพยนตร์แอนิเมชันแบบ 3 มิติ และเทคโนโลยีการสร้างภาพคอมพิวเตอร์ 3 มิติระดับสูง โดยมีซอฟต์แวร์ในการเรนเดอร์ที่มีชื่อเสียงคือ RenderMan การ์ตูน เรื่องแรกคือ  ทอย สตอรี่(Toy Story)เมื่อ22 พฤศจิกายน 2538 จากคุณ : นู๋นุ้ยบ้านนา เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 12:13:26

ความคิดเห็นที่ 25 เรื่องที่2  A Bug's Lifeตัวบั๊กส์ หัวใจไม่บั๊กส์เมื่อ 25 พฤศจิกายน 2541 จากคุณ : นู๋นุ้ยบ้านนา เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 12:14:30

ความคิดเห็นที่ 26 เรื่องที่3  ทอย สตอรี่2(Toy Story2)เมื่อ24 พฤศจิกายน 2542 จากคุณ : นู๋นุ้ยบ้านนา เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 12:16:07

ความคิดเห็นที่ 27 เรื่องที่4 Monster Inc. บริษัท รับจ้างหลอน (ไม่) จำกัด เมื่อ 2 พฤศจิกายน 2544 จากคุณ : นู๋นุ้ยบ้านนา เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 12:17:08

ความคิดเห็นที่ 28 เรื่องที่ 5 เลิฟมากๆ Finding Nemo นีโม...ปลาเล็ก หัวใจโต๊...โต  เมื่อ30 พฤษภาคม 2546 จากคุณ : นู๋นุ้ยบ้านนา เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 12:18:11

ความคิดเห็นที่ 29 เรื่องที่6   เรื่องนี้ก้อชอบมาก  ดูในโรงตั้ง2รอบ The Incredibles รวมเหล่ายอดคนพิทักษ์โลก เมื่อ5 พฤศจิกายน 2547 จากคุณ : นู๋นุ้ยบ้านนา เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 12:19:26

ความคิดเห็นที่ 30 เรื่องที่7 เราว่าเรื่องนี้ พิกซ่าเริ่มทำซึ้งแล้วล่ะ Cars4 ล้อซิ่ง...ซ่าท้าโลก  เมื่อ9 มิถุนายน 2549 จากคุณ : นู๋นุ้ยบ้านนา เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 12:21:17

ความคิดเห็นที่ 31 เรื่องเกี่ยวกับอาหาร เรื่องแรก Ratatouille ระ-ทะ-ทูย พ่อครัวตัวจี๊ด หัวใจคับโลก เมื่อ29 มิถุนายน 2550 แก้ไขเมื่อ 31 ส.ค. 52 12:23:17 จากคุณ : นู๋นุ้ยบ้านนา เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 12:22:57

ความคิดเห็นที่ 32 เรื่องที่9 WALL-E วอลล์ - อี หุ่นจิ๋วหัวใจเกินร้อย เรื่องนี้ ซึ้งสุดใจเลย เสียน้ำตาเลยอ่ะ เมื่อ27 พฤษภาคม 2551 จากคุณ : นู๋นุ้ยบ้านนา เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 12:24:45

ความคิดเห็นที่ 33 ล่าสุด กับเรื่องที่10 Upปู่ซ่าบ้าพลัง เมื่อ 29 พฤษภาคม 2552 จากคุณ : นู๋นุ้ยบ้านนา เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 12:25:49

ความคิดเห็นที่ 34 ...เข้ามาโหวต + ปาด จากคุณ : joyka เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 12:26:45

ความคิดเห็นที่ 35 ปีหน้า  ก้อมี Toy Story 3 จากคุณ : นู๋นุ้ยบ้านนา เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 12:27:09

ความคิดเห็นที่ 36 ปี54  ก้อ Cars 2 4 ล้อซิ่ง...ซ่าท้าโลก 2.......อยากดูเร็วๆจัง จากคุณ : นู๋นุ้ยบ้านนา เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 12:28:17

ความคิดเห็นที่ 37 ชอบกระทูนี้มากครับ จากคุณ : polyline เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 12:29:38

ความคิดเห็นที่ 38 The Bear and the Bow จะฉายในปี2011 แก้ไขเมื่อ 31 ส.ค. 52 12:32:42 จากคุณ : นู๋นุ้ยบ้านนา เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 12:30:55

ความคิดเห็นที่ 39 และล่าสุดกับเรื่องNewt ทำอยู่ยังไม่เสร็จ  จะฉายในช่วงหน้าร้อน ของปี2012 จากคุณ : นู๋นุ้ยบ้านนา เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 12:35:16

ความคิดเห็นที่ 40 และสุดท้ายที่รู้มาคือ เค้าจะเอาการ์ตูนย์เรื่องJohn Carter of Mars มาสร้างเป็น แอนนิเมะด้วย ฉายเมื่อไหร่  ก้อไม่รู้เหมือนกันจ๊ะ จากคุณ : นู๋นุ้ยบ้านนา เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 12:37:14

ความคิดเห็นที่ 41 ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ๊ะ ขอให้ทุกคน สนุกกับการ์ตูนนะ  ไม่คำว่าแก่หรอก แถมการืตูนยังมีประโยชน์อีก ทำให้ผ่อนคลาย และมีความคิดสร้างสรรค์ด้วย วันนี้ไปแล้วจ๊ะ ปล.ขอบคุณมากเลยปู่ ถ้าปู่อยู่บนสวรรค์ นู๋ขอให้ปู๋ได้เป็นเทพแห่งรอยยิ้มนะ เพราะปู่นี้แหละเด็กๆทั่วโลกถึงได้ มีความสุข   .....นู๋รักปู่นะ จากคุณ : นู๋นุ้ยบ้านนา เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 12:43:19

ความคิดเห็นที่ 42 . แก้ไขเมื่อ 31 ส.ค. 52 12:47:54 จากคุณ : นู๋นุ้ยบ้านนา เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 12:44:34

ความคิดเห็นที่ 43 โตมากับการ์ตูนดิสนีย์ รู้สึกผูกพันเหมือนกันค่ะ ส่วนตัวชอบพิกซาร์ แต่ยังคิดถึงหนังการ์ตูน 2D อยู่ (โอ๊ย รู้สึกเหมือนคนแก่รำลึกความหลัง >_<) โหวตๆๆๆ จากคุณ : imuya เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 12:51:31

ความคิดเห็นที่ 44 ขอมาเพิ่มอีกนิ๊ด สำหรับคนที่รัก อลิซในดินแดนมหัศจรรย์ เค้ามาสร้างเป็นภาพยนตร์แล้วนะ ในปี 2007 ที่ผ่านมา Tim Burton ได้เซ็นสัญญากับ Disney ในการกำกับหนัง 3D ถึง 2 เรื่องด้วยกัน เรื่องแรก เป็นการนำหนังสั้นผลงานของเขาเองเรื่อง Frankenweenie นำกลับมาสร้างใหม่ ในรูปแบบของ Stop motion โดยใช้เทคนิคเดียวกับ Corpse Bride (2005) และอีกเรื่องเป็นการดัดแปลงวรรณกรรมสุดคลาสสิค Alice in Wonderland มาสู่เวอร์ชั่นจอใหญ่ในรูปแบบ Motion Capture อย่างเดียวกับเทคนิคที่ใช้ใน Beowulf (2007) กำกับโดยพี่ทิม เบอร์ตัน เลยไม่วายที่พี่เด๊ปป์จะเล่นด้วย สำหรับ Alice in Wonderland นักแสดงที่ยืนยันแล้วว่าจะมารับบทเป็น Alice สาวน้อยผจญภัยในเวอร์ชั่นของ Tim Burton เป็นนักแสดงสาวหน้าใหม่จากออสเตรเลียวัย 18 ปี Mia Wasikowska ผู้นี้นี่เอง... จากคุณ : นู๋นุ้ยบ้านนา เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 13:02:05

ความคิดเห็นที่ 45 ตัวอย่างหนัง Alice in Wonderland จากคุณ : นู๋นุ้ยบ้านนา เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 13:07:56

ความคิดเห็นที่ 46 "It's kind of fun to do the impossible." Walt Disney แก้ไขเมื่อ 31 ส.ค. 52 13:09:24 จากคุณ : ความสุขอยู่ที่ใจ เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 13:08:43

ความคิดเห็นที่ 47 อันนี้ toy3 จากคุณ : นู๋นุ้ยบ้านนา เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 13:09:57

ความคิดเห็นที่ 48 เอ.. มันมีเรื่อง Bolts นี่ก็ของดิสนีย์ใช่หรือเปล่าคะ? ไม่แน่ใจ.. ขอเสริมที่รู้มาและพอจะจำได้คือเรื่อง Snow White เป็นภาพยนต์การ์ตูนสีเรื่องยาวเรื่องแรก Beauty and the Beast เป็นภาพยนต์การ์ตูนเรื่องแรกที่มีการพากษ์โดยเด็กจริงๆ (ตัวละครที่เป็นถ้วยน้ำชาชื่อชิป) The Lion King เป็นการ์ตูนเรื่องยาวของดิสนีย์เรื่องแรกที่มีการตายของตัวละครเกิดขึ้น ชอบจังเลยกระทู้นี้ จากคุณ : AYLIT เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 13:22:37

ความคิดเห็นที่ 49 โห กระทู้นี้ แน่นมากกก รักการตูนค่ายเหมือนกัน ดูมาตั้งแต่เด็กๆ ขอบคุณสำหรับสาระดีๆครับ จากคุณ : y2thumb เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 14:03:19

ความคิดเห็นที่ 50 บ้านเราก็สาวกปู่เหมือนกันค่ะ ^^ จากคุณ : tiara เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 14:10:50

ความคิดเห็นที่ 51 อ่านแล้วคิดถึงตอนเด็กๆ ซึ่งมาผ่านมานานนนน มากกกกก ^^ จากคุณ : คนใหม่คนเดิม เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 14:17:19

ความคิดเห็นที่ 52 ชอบเหมือนกัน ขอบคุณมากครับ ขออนุญาตเสริมว่า ถ้าชอบปู่วอลท์ ลองหาหนังสือ "มหัศจรรย์ วอลท์ ดิสนีย์" โดยคุณศุภาศิริ สุพรรณเภสัชมาลองอ่านดูก็สนุกดีครับ   เป็นหนังสือที่เขียนเกี่ยวกับปู่ ตั้งแต่เกิดจนตาย ข้อมูลเหมือนที่คุณนู๋นุ้ยฯบอกมาแหละ แต่ละเอียดขึ้น แก้ไขเมื่อ 31 ส.ค. 52 16:08:34 จากคุณ : น้ำใส เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 16:06:50

ความคิดเห็นที่ 53 ชอบเหมือนกันเลยค่ะ การ์ตูนของ วอล์ท ดีสนีย์ เราดูเกือบทุกเรื่องเลย ชอบสุดๆก็ Winnie The Pooh & Friends ไม่รู้ทาง ดิสนีย์ คิดตัวคาแรคเตอร์ แต่ละตัวได้ยังไง เราชอบมาก จากคุณ : โต๊ะสีชมพู ประตูสีขาว เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 16:07:42

ความคิดเห็นที่ 54 ถ้าไม่มีปู่ หนูก็คงไม่มีตัวตนอย่างทุกวันนี้ หนูคงไม่รู้จักคำว่าแฟนตาซี หนูคงไม่มีอาชีพด้วยการเขียนนิยายแฟนตาซี(และไม่แฟนตาซี) หนูคงไม่เสียงดีพอไปวัดไปวาจนคนอื่นชม (ถ้าหนูไม่ได้อยากเสียงสวยเหมือนนางเอกของปู่ และพยายามร้องสุดๆ) หนูคงไม่รักสัตว์อย่างงี้หรอก เหตุเพราะหนูดูหนังปู่นี่แหละ เลยทำให้หนูเชื่อว่าสัตว์มันมีหัวใจ เพียงแต่สื่อสารด้วย "ภาษา" ไม่ได้ เราต้องสื่อกันด้วยจิตใจ และมันทำให้หนูเคารพในตัวตน "ของสิ่งมีชีวิตอื่นๆ" ที่ไม่ใช่มนุษย์ด้วย ถึงไม่เคยคุยกัน แต่เจตจำนงแจ่มชัด ขอบคุณจริงๆ นะคะ ขอให้จิตวิญญาณนี้อยู่ต่อไปนานๆ อนาคตถ้าได้มีลูกมีเต้า จะได้นั่งดูการ์ตูนกับลูกอีก เหมือนที่แม่หนูทำมา ปู่เป็นคนช่วยสร้างดวงตาให้หนูมองโลกได้อย่างมีความสุขนะคะ รู้ไหม? แก้ไขเมื่อ 31 ส.ค. 52 16:14:54 จากคุณ : shakri เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 16:13:22

ความคิดเห็นที่ 55   ชอบกระทู้นี้มากๆเลย มีการ์ตูนเรื่องโปรดหลายเรื่องเลย จากคุณ : ก้านของ เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 16:16:33

ความคิดเห็นที่ 56 พี่ก็โตมากับการ์ตูน ของปู่จ้ะ รัก Beauty and The Beast  มากๆ  การ์ตูน หลายๆเรื่องก็ซื้อเก็บอย่างดี ไม่ค่อยเปิดดู 555 จากคุณ : เพลงพันทาง เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 16:23:56

ความคิดเห็นที่ 57   เด็ดจริงกระทู้นี้ ชอบมากด้วยคน จากคุณ : บินไปในฟ้ากว้าง เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 16:37:56

ความคิดเห็นที่ 58 เพิ่มเติมครับ Beauty and the Beast เป็นภาพยนต์การตูนเรื่องแรกที่ได้เข้าชิงออสการ์ในสาขา ภาพยนต์ยอดเยี่ยมครับ ส่วนตัว 2D ชอบ มู่หลาน กับ เฮอร์คิวลิส          3D ชอบ the incredibles กับ finding nemo จากคุณ : Badbiggie เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 16:56:20

ความคิดเห็นที่ 59 ความสำเร็จ มันไม่ได้ได้กันมาง่าย ๆ จริง ๆ เน๊อะ จากคุณ : when i'm feeling .. blue เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 17:02:08

ความคิดเห็นที่ 60 ดิสนี่ย์เป็นส่วนหนึี่งที่ทำให้รักเสียงเพลงและรักการเล่นดนตรีมาถึงทุกวันนี้ครับ จากคุณ : BhakSook เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 17:22:06

ความคิดเห็นที่ 61 ชอบเหมือนกันครับ แต่ แฮะ แฮะ John Carter of Mars เค้าสร้างเป็น Live Action หรือ คนแสดงครับ^^ เป็น Live Action เรื่องแรกของ Pixar ครับ จากคุณ : GoTH.am_R.uz เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 17:26:05

ความคิดเห็นที่ 62 ชอบเหมือนกัน ^^ เพลงก็เพราะเกือบทุกเรื่องเลย จำได้ว่าดูซินเดอเรล่า ตั้งแต่ตอนเป็นวีดิโอตอนเด็กๆ ดูหลายรอบมาก จากคุณ : mswis เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 17:38:14

ความคิดเห็นที่ 63 ขอบคุณ จขกท มากเลยค่ะ เราเป็นแฟนพันธุ์แท้ของ Walt Disney เหมือนกันค่ะ จากคุณ : ~ทับทิมกร๊อบกรอบ~ เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 17:41:25

ความคิดเห็นที่ 64 ชอบเหมือนกันค่ะ เราโตมากับเจ้าหญิงของดิสนีย์เลยอ่ะ เราเป็นสโนวไวท์ พี่เราเป็นซินเดอเรลล่ากับเจ้าหญิงนิทรา เดี๋ยวนี้ก็ยังดูอยู่เลย ดูทีไร คิดถึงความหลัง เพลงในการ์ตูนก็เพราะมากๆ หลายเพลงเลย จากคุณ : นางมารร้ายผู้ใจดี เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 17:47:52

ความคิดเห็นที่ 65 น่าเสียดายที่เด็กรุ่นใหม่บ้านเรา ไม่ค่อยได้รู้จัก Walt disney เท่าไรแล้วเนอะ เพราะไปเล่นเกมส์ ติด K, J pop กันหมด ตอนไปเที่ยว disney world เจอครอบครัวนึง มีลูกอายุ ประมาณ 13-15 ปีมาด้วย ปรากฏเข้าไปใน disney world คนเป็นแม่ พ่อ น้า ชอบใจกันใหญ่เลย แต่ ลูกร้องกลับโรงแรมเพราะอยากกลับไปเล่นเกมส์ -*- เราได้ยินแล้ว แบบ ก็นะเข้าใจเด็กมัน ที่ไม่เห็นคุณค่าของการมาเที่ยวที่ disney world เพราะว่าติดอยู่ในโลกออนไลน์ นับว่าผมโชคดีที่พ่อแม่ ไม่ได้เลี้ยงด้วยเกมส์ จากคุณ : pittboy2603 เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 17:56:12

ความคิดเห็นที่ 66 รักปู่วอลท์ ต้องไม่พลาด DVD แผ่นนี้ จากคุณ : punpreuk เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 18:00:15

ความคิดเห็นที่ 67 ไปเจอมา  ^_^ จากคุณ : นู๋นุ้ยบ้านนา เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 18:21:11

ความคิดเห็นที่ 68 ค่อยสมเป็น กระทู้แนะนำหน่อย จากคุณ : joblovenuk เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 18:27:27

ความคิดเห็นที่ 69   โหวตค่ะ รักปู่วอล์ท ดิสนี่ย์มาก ๆ ชอบสุด ๆ ไปเลย [ยิ้มหวาน] "It's kind of fun to do the impossible." Walt Disney ขอบคุณคุณความสุขอยู่ที่ใจค่ะ  ^^ เป็นแรงบัลดาลใจ เป็นทุกอย่าง เป็นชีวิตที่ประเสริฐสุด ๆ ที่มีจิตนาการ "จินตนาการสำคัญกว่าความรู้" ไอสไตน์ ขออยู่ในโลกครึ่งความจริงครึ่งความฝันนะคะ ขอบคุณค่า จากคุณ : ไอเลิฟยูบู เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 18:48:05

ความคิดเห็นที่ 70 #67 คห 67 น่ารักมาก ๆ เลย เป็นภาพแห่งประวัติศาสตร์จริง ๆ จากคุณ : lizard8 เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 18:57:40

ความคิดเห็นที่ 71 WoW!! จากคุณ : kulov023 เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 19:07:36

ความคิดเห็นที่ 72 ชอบประโยคนี้จากหนังสือ โตเกียวไม่มีขา .....อย่างที่วอลท์ ดีสนีย์เคยบอกเอาไว้ว่า เขาไม่ได้สร้างการ์ตูนเหล่านั้นขึ้นมาเพื่อเด็กๆ แต่ทำเพื่อ "เด็กในหัวใจ" ของทุกคน..... จากคุณ : ดอกยิบโซ เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 19:16:34

ความคิดเห็นที่ 73 การ์ตูนของ Disney ที่มาการตายของ character น่าจะเป็นเรื่อง Bambi นะคะ ที่แม่กวางถูกยิง (แต่อาจไม่เห็นจะๆ แบบ lion king) จำได้ว่าตอนเด็กๆไม่ชอบดูฉากนี้เลย มันเศร้า จากคุณ : +ปลาทอง+ เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 19:51:22

ความคิดเห็นที่ 74 ดีสนีย์เค้าทำหนังด้วยนะ  จำได้เรื่องแรกที่เราดูได้อยู่เลย ทอมแอนด์ฮัก เพื่อนอะไรสักอย่าง ตอนนั้นจะได้ว่า พระเอกหล่อมากๆ ตอนนั้น15เอง ตอนนี้ก็ชอบดูการ์ตูนของค่ายนี้เรื่อยๆมา... จากคุณ : แม่หมาทั้ง4 เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 19:55:23

ความคิดเห็นที่ 75 โหวตกระทู้นี้ ชอบการ์ตูนดิสนีย์ทุกเรื่อง ล่าสุดเลยก็ Up จากคุณ : ตัวเล็กแต่กินจุ เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 20:00:29

ความคิดเห็นที่ 76 ถ่ายมาฝากคุณ แม่หมาทั้ง 4 (ความเห็นที่ 74) จากคุณ : punpreuk เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 20:13:13

ความคิดเห็นที่ 77 อ่านไปน้ำตาคลอๆไปตื้นตัน จากคุณ : คนหลายใจไม่จริง เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 20:32:14

ความคิดเห็นที่ 78 อยากให้ปู่ได้เห็นอะนิเมชั่นในยุคหลังๆนี้จัง ปู่คงตื่นเต้นน่าดู จากคุณ : disco funky เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 20:35:54

ความคิดเห็นที่ 79 กรี๊ดดดดเข้ามาลงชื่ออ่านไว้ก่อนค่ะ กระทู้ดีมีสาระมากๆสำหรับแฟนดิสนีย์อย่้างเราค่ะ >w< ขอบคุณทีมาแบ่งปันข้อมูลมากๆนะคะ จากคุณ : dark_shochan เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 20:41:53

ความคิดเห็นที่ 80 รู้ตัวอีกทีชีวิตเรานี่เต็มไปด้วย Disney ตลอด ทั้งการ์ตูน หนัง เพลง สิ่งของ เวลาได้เห็นอะไรเกี่ยวกะ Disney จะมีความสุขมากๆ เพราะเราก็เป็นคนนึงที่โตมากับพวกการ์ตูน Disney สมัยเด็กๆดูเรื่อง Cinderella บ่อยที่สุด ตอนประถมก็เคยแสดงเรื่อง Beauty and the Beast แล้วก็ดู Toon Disney ตั้งแต่เด็ก ((ปัจจุบันก็ยังดู)) Disney Channel ก็ดู ((ติด series หลายเรื่อง)) ได้ไป Disneyland ก็วิ่งเล่นไปทั่วเหมือนเด็ก ไม่อายเลย เพราะเข้าไปแล้วรู้สึกเหมือนทุกคนเป็นเด็กจริงๆ ^^ ขอบคุณปู่ Walt Disney ที่ทำให้เราเชื่อว่า Dreams come true จากคุณ : Reinz (Xiii) เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 20:57:35

ความคิดเห็นที่ 81 ถ้า Walt Disney กลับมาเห็นสิ่งที่ตัวเองสร้างขึ้นมาไว้ จนเป็นทุกวันตอนนี้ SPEECHLESS แน่นอนครับ มันคือสุดยอดจริงๆ กระทู้ดีครับๆ แก้ไขเมื่อ 01 ก.ย. 52 09:13:28 จากคุณ : *omega* เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 20:57:38

ความคิดเห็นที่ 82 ชอบเรื่องเงือกน้อยมากครับ รักเพลงทุกเพลงที่มาจากการ์ตูนดีสนีย์มาก มันชั่งไพเราะจับใจเสียเหลือเกิน จากคุณ : Dewbie'z เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 21:02:36

ความคิดเห็นที่ 83 ตอนเด็กๆ เคยไ้ด้ยินเพลง  "ซินเดอเรล่า แม่มาตายจากไป..." จำได้อยู่ท่อนเดียว - -" ใครก็ได้มาสานต่อที ตอนนั้นเด็กมาก เป็นเทป ของคนอื่นอีกตะหาก จากคุณ : หน้าแง๊ว~* เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 21:07:27

ความคิดเห็นที่ 84 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 21:11:26

ความคิดเห็นที่ 85 ตั้งแต่จำความได้ เราชอบดูอาลาดิน แล้วก็ ไลออนคิง เพราะม้วนอื่นๆ พังหมดแล้ว แต่แม่เล่าให้ฟังว่าตอนเด็กๆ ชอบปีเตอร์แพน กับสโนไวท์ ดูเกือบทุกวัน จนบางทีปิดเสียงทีวี แล้วพากษ์เองได้เป็นฉากๆ เพราะจำได้หมด -*- ฉลาดนะย่ะ ฉันเนี่ย อิอิ จากคุณ : ธารวรี เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 21:25:19

ความคิดเห็นที่ 86   แก้ความเห็นที่ 48 นะคะ เรื่องแรกที่มีตัวละครตายคือ bambi ค่ะ แต่หนังจะไม่ได้ให้เห็นภาพตรงๆ ถ้าเห็นตายๆจะ รู้สึกจะ pocahontas นะที่คู่หมั้นโดนยิง จากคุณ : poupee เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 21:28:32 A:113.53.144.71 X: TicketID:231251

ความคิดเห็นที่ 87 ถ้าพูดถึงดิสนีย์แล้ว นอกจากมิคกี้แล้ว ผมก็นึกถึงเรื่อง lion king แฮะ เป็นเรื่องที่ชอบมากๆในตอนเด็ก จากคุณ : หมาข้างถนนคนบ้าการ์ตูน เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 21:30:46

ความคิดเห็นที่ 88   ชอบการ์ตูนของดิสนีย์ทุกเรื่อง รวมทั้งหนังและแอนิเมชั่นด้วย ดูเมื่อไรก็ไม่ เบื่อ ไม่ว่าจะผ่านมากี่เดือนกี่ปี ดูกี่ทีก็ยังสนุกเหมือนเดิม ขอบคุณ จขกท นะคะ ที่ทำให้เราได้รำรึกถึงช่วงเวลาดีๆในวัยเด็กได้อีก :) จากคุณ : Natty-The-Vampire เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 21:36:29

ความคิดเห็นที่ 89 #48 มีหลายเรื่องที่เป็น 3D Animation ของ Disney ค่ะ ที่จขกท.กล่าวมา 3D Animation นั้นเป็นการร่วมกันระหว่าง Pixar กับ Disney ค่ะ มีช่วงนึงที่ 2 บ. นี้ไม่ลงรอยกัน หมดสัญญาที่เรื่อง cars รึเปล่า? พอหมดสัญญา Pixar ก็ตีจากมา Disney ก็ผลิตการ์ตูน 3D เองอยู่หลายเรื่องค่ะ แต่ไม่ค่อยเป็นที่จดจำ เรื่องแรกที่ Disney โชว์เดี่ยวก็คือ Chicken Little / 2005 เราว่าเขาทำ Trailer โปรโมทอะไรมาน่ารัก น่าดูมา แต่พอดูจริงๆ มันยังไม่ถึงค่ะ จากคุณ : Wisther เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 21:47:55

ความคิดเห็นที่ 90 ต่อมาดิสนีย์ก็ยังทำเรื่อง The Wild (2006) ยิ่งโดนว่าหนักเข้าไปอีก เพราะนอกจากจะแป้กแล้ว ช่วงนั้นมี Madagascar เพิ่งลาจอไป จากคุณ : Wisther เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 21:49:50

ความคิดเห็นที่ 91 2 เรื่องก่อน ทำให้หลายคนแอบขยาดหนังโชว์เดี่ยวของดิสนียืไปนิดหน่อย จึงทำให้หลายคนพลาดหนังเนื้อหาดีดีอย่าง Meet the Robinsons (2007) บอกได้เลยว่าเรื่องนี้โปรโมทได้ไม่น่าดู ดูกลายเป็นหนังเด็กไปเลยด้วยซ้ำ แต่พอได้ดู เรื่องบท เนื้อหาของหนัง เรื่องนี้ดีมากๆ จริงๆ ค่ะ คือภาพรวมมันยังสมูทเท่าตอนที่ร่วมกับ pixar เรื่องเทคนิค 3D CG ก็ไม่เท่าหรอก แต่เรียกว่าเรื่องนี้อาจจะต้องทนดูจนจบนิดนึง แล้วจะรู้สึกดีมากขึ้นเมื่อได้เห็นช่วงจบ เรื่องนี้ ตอนนี้ได้ดูไปเกินกว่า 15 รอบแล้วค่ะ ด้วยความที่เพลงเพราะ เนื้อหาโอเค ดูแล้วยิ้มได้เลยค่ะ... (แถมฟังเสียงไทย มีเพลงร้องในภาษาไทยด้วยนะเออ เพราะจริงๆ) จากคุณ : Wisther เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 21:54:42

ความคิดเห็นที่ 92 Little Wonders - Rob Thomas (Matchbox Twenty) เวอร์ชั่นภาษาไทยร้องโดย เบน ชลาทิศ ค่ะ พร้อมทั้งเรื่องยังมาพร้อมกับ quote เพราะๆ ของลุงวอลท์ ที่ว่า "We keep moving forward, opening new doors, and doing new things, because we're curious and curiosity keeps leading us down new paths."                                                                       - Walt Disney - จากคุณ : Wisther เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 21:58:07

ความคิดเห็นที่ 93 แล้วก็มีข่าวว่าดิสนีย์ก็กลับมาจับมือกับ Pixar อีกครั้งค่ะ ช่วงนั้น Disney กำลังเปิดตัว Teaser Enchanted ค่ะ ก็เกิดกระแสฮือฮาขึ้นมาอีกครั้ง เพราะ ดิสนีย์กลับมาทำ 2D อีกครั้ง หลังจากจับมือกับ Pixar เหมือนเดิม ดิสนีย์ยัง keep moving forward ต่อไปค่ะ กับ Bolt / 2008 ก็ถือว่าเรื่องนี้โอเคระดับนึง เพลงเพราะอีกแล้ว ถือเป็นเอกลักษณ์เลยนะเนี่ย ที่ทำเพลงเวอร์ชั่นภาษาต่างๆ อีกตามเคยค่ะ จากคุณ : Wisther เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 22:01:58

ความคิดเห็นที่ 94 Disney จะมี 2D ทั้งปีนี้และปีหน้าเลยค่ะ Princess and the Frog / 11 Dec 2009 จากคุณ : Wisther เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 22:08:14

ความคิดเห็นที่ 95 ตัวอย่างออกมาแล้วด้วย จากคุณ : Wisther เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 22:09:00

ความคิดเห็นที่ 96 ชอบที่สุดเลยยยย จากคุณ : lady vodka เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 22:10:56

ความคิดเห็นที่ 97 มาลงชื่อว่าอ่านแล้วครับ หุหุ ส่วนตัวชอบดิสนีย์ครับ มิกกี้เมาส์  น่ารักอ่ะ จากคุณ : หมุพีห์ (ปีหนึ่ง...เพื่อนกัน) เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 22:11:04

ความคิดเห็นที่ 98 และในปีหน้าช่วงเวลาเดียวกัน ก็จะมี Rapunzel คาดว่าตัวอย่างก็จะออกมาให้ชมกันประมาณเดือน 6-7 ปีหน้าเนี่ยแหละค่ะ แฟนปู่ก็อย่าลืมไปดูกันนะคะ คิดว่าคงมีเพลงเพราะๆ ตามเคย แต่อยากดูแบบลูกผสมอย่าง Enchanted อีกจังเลย มันสนุก และน่ารักมากๆ ป.ล. ภาพประกอบเป็นภาพจากหนังที่โพสต์อยู่ใน imdb ค่ะ จากคุณ : Wisther เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 22:12:08

ความคิดเห็นที่ 99 ชอบทุกอย่างที่เป็นดิสนีย์ A Dream is A Wish...Your Heart Makes........ จากคุณ : JiJysang เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 22:19:02

ความคิดเห็นที่ 100 ชอบกระทู้นี้มากๆ ไม่รู้จะเขียนอะไร แต่อยากบอกว่าชอบ Disney มากๆเหมือนกัน จากคุณ : ทุ่งหญ้าสีน้ำทะเล เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 22:19:14

ความคิดเห็นที่ 101 รักปีเตอร์ จากคุณ : เด็กเกเรกับอมยิ้มที่ขโมยมา เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 22:20:52

ความคิดเห็นที่ 102 ขอบคุณนะคะจขกท. ที่ทำให้พวกเรานึกถึงปู่วอลท์กันอีกครั้งหนึ่ง ถ้าการ์ตูนที่เราผูกพันที่สุดคงเป็น Cinderella เนี่ยแหละค่ะ เพราะดูไปหลายรอบ ชอบเพลง ชอบตัวการ์ตูน ชอบไปหมดเลย... Beauty and the Beast เสียตรงเพลงเนี่ยแหละค่ะ ไม่ค่อยโดนใจเพลงเวอร์ชั่นไทยเท่าไหร่ สุดท้าย เอาเพลงเวอร์ชั่นภาษาไทยมาฝากละกันนะคะ ความจริงชอบ Reprise ตอนจบมากกว่า แต่หาเจอเท่านี้... A Dream is a Wish Your Heart Makes จากคุณ : Wisther เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 22:21:05