ความคิดเห็นที่ 1 ต่อไปจะกล่าวถึงหนังแบบเปิดเผยเนื้อหาสำคัญ และวิเคราะห์ถึงสิ่งที่หนังบอกกล่าวตามความคิดของผมนะครับ ถ้าใครยังไม่ได้ดู และไม่อยากรู้ข้ามไปได้เลยครับ ถ้าใครที่ได้ดูแล้ว  มาลองแลกเปลี่ยนความคิดกันดูนะครับ ( เนื่องจากกระทู้นี้มีทั้งสปอยล์และไม่สปอยล์ ความคิดเห็นใดๆ ที่จะเปิดเผยจุดสำคัญของหนัง ช่วยเขียนบอกว่าสปอยล์ไว้ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ ) . . . . . อย่างที่ผมบอกไว้แต่แรกว่าหนังเรื่องนี้แบ่งเป็น 2 พาร์ท คือ Reality และ Fantasy จุดคั่นกลางคือฉากเปิดของหนัง ที่ผู้เป็นแม่กำลังบอกเล่าปัญหาที่ประสบกับตัวเอง เรื่องราวก่อนหน้านั้นทั้งหมดเป็น Reality และเรื่องราวหลังจากนั้นถูกเล่าเป็น Fantasy โดยสิ้นเชิง ครึ่งแรกของหนังกล่าวถึงการพบรักของแม่หม้ายลูกติดกับชายหนุ่มต่างชาติ ทั้งคู่ถูกดึงดูดเข้าหากันอย่างรวดเร็ว จนให้กำเนิดพยานแห่งความรักเป็นเด็กชายน้อยๆ เหตุการณ์ดำเนินไปแบบปกติธรรมดา กล่าวถึงการปรับตัวเข้ามาใช้ชีวิตร่วมกันของครอบครัว การดำเนินชีวิตของผู้เป็นแม่ ลูกสาว และพ่อคนใหม่ จนกระทั่งปัญหาเริ่มก่อเกิดหลังจากมีลูกชายตัวน้อย เด็กชายที่ดูจะไม่ธรรมดา ร้องไห้งอแงตลอดเวลา เริ่มมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับร่างกาย จากรอยจ้ำแดงที่แผ่นหลัง ดูเหมือนมีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติแบบไม่น่าไว้ใจ ผู้เป็นพ่อทิ้งครอบครัวไปหลังจากถูกกล่าวหาว่าเป็นต้นเหตุรอยช้ำของลูกน้อย สถานการณ์ของผู้เป็นแม่ที่ต้องเลี้ยงลูกสองคนเลวร้ายลงจนเกือบถึงจุดต่ำสุด หลังจากนั้นหนังก็พลิกผันไปในทางมหัศจรรย์ เด็กชายตัวน้อยงอกปีกออกจากแผ่นหลัง เมื่อเวลาผ่านไปปีกนั้นก็มีขนนกขึ้นปกคลุมจนทำให้เด็กชายตัวน้อยๆ บินได้ เป็นเหมือนเทวดาตัวน้อยที่ทั้งน่ารักและน่าเป็นห่วงในเวลาเดียวกัน ด้วยความไร้เดียงสาของทารกที่บินแบบไร้ทิศทางและการควบคุม จนความลับถูกเปิดเผยเมื่อเด็กน้อยกางปีกบินในที่ชุมชน เกิดเป็นกระแสให้ผู้คนและนักข่าวติดตามความเคลื่อนไหว และเกิดปัญหากับครอบครัวว่าพวกเขาจะเลี้ยงดูเด็กน้อยที่ไม่ธรรมดาคนนี้ต่อไปอย่างไร ผมคิดอยู่เยอะเลยทีเดียวว่าทำไมเด็กน้อยจะต้องมีปีก และทำไมบทสรุปของหนังคือ ...ผู้เป็นแม่ปล่อยให้เด็กน้อยหลุดมือและบินจากไป... ถ้าหนังเรื่องนี้ไม่ได้ถูกเล่าแบบ Fantasy แต่ถูกเล่าแบบ Reality อย่างเดิมล่ะครับ ครึ่งหลังของเรื่องคือการค้นพบว่าเด็กน้อยเกิดความผิดปกติกับร่างกาย เป็นโรคร้ายชนิดหนึ่งที่รักษาไม่หาย สภาพของเด็กน้อยย่ำแย่ลงทุกที หมดความหวังที่จะฉุดรั้งเอาไว้ ผู้เป็นแม่จึงจำต้องปล่อยให้ลูกน้อยหลุดมือจากไป หนังเลือกที่จะเล่าความเปลี่ยนแปลงของเด็กน้อยด้วยภาพที่งดงาม ถ้าเป็นหนังดราม่าทั่วไป ภาพของเด็กน้อยอาจดูรันทดขึ้นทุกขณะ แต่หนังเรื่องนี้กลับเปลี่ยนความรันทดให้งดงามด้วยสัญลักษณ์ของปีกของเทวดา จุดสิ้นสุดไม่ใช่ความตายของเด็กน้อยกับเครื่องช่วยหายใจในโรงพยาบาล แต่เป็นภาพที่เด็กน้อยได้โผบินไปสู่อิสรภาพ ทั้งสองกรณีล้วนเป็นจุดจบที่พลัดพรากเหมือนกัน แต่ด้วยการเลือกนำเสนอที่ต่างกันอาจทำให้เราคิดได้ว่า บางครั้งเราคงไม่อาจฉุดรั้งใครคนหนึ่งไว้ การจากไปของเขาไม่ได้ทิ้งไว้เพียงความเสียใจ แต่เขาอาจจะกำลังไปสู่ที่ๆ เป็นของเขา ดังเทวดาตัวน้อยที่ไม่ได้เกิดมาเพื่ออยู่กับมนุษย์ แต่เพื่อบินไปในฟ้ากว้าง สู่ที่ๆ เหมาะกับเขาจริงๆ นั่นก็คือสรวงสวรรค์ . . . ทั้งหมดนี้อาจจะเป็นการตีความของผมคนเดียว ผมเลือกมองว่า Francois Ozon ทำหนังออกมาได้อย่างแยบยล อย่างที่บอกไปแล้วว่าเขาพยายามใช้ Fantasy ลดทอนความหนักหน่วงในเนื้อหาของหนัง หนังไม่ได้บอกกล่าวถึงการพลัดพรากแบบโหดร้ายฟูมฟายน้ำตา ทั้งๆ ที่บทสรุปของหนัง ถ้าจะมองจริงๆ มันน่าหดหู่ไม่ใช่น้อย แต่เราสามารถเลือกมองมันได้ด้วยแง่มุมที่งดงาม.... จากคุณ : พลทหารไรอัน เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 20:19:28

ความคิดเห็นที่ 2 ทำไมต้องเอา The Greatest มาใส่ในตัวอย่างด้วยเนี่ย ทำให้ผมน้ำตาไหลเลยอ่ะ (เพลงนี้มีความหลัง) พลาดไม่ได้อ่ะ พลาดไม่ได้ enjoy your day จากคุณ : Holden Caulfield เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 20:39:25

ความคิดเห็นที่ 3 [อาจจะสปอยล์] ตอนดูไม่ได้คิดถึงนัยยะที่แฝงไว้ที่คุณพลทหารไรอันบอกเลยค่ะ คิดว่า Ricky เป็นหนูน้อยมหัศจรรย์ที่ปรากฏเข้ามาในโลกของสามพ่อแม่ลูกแบบไม่มีที่มาที่ไปจริงๆ เสียอีก พอลองคิดตาม ก็เออ จริงด้วยแหะ เพราะตอนหนังเผยให้เห็นรอยจ้ำบนหลังของเด็ก เราก็คิดว่าเขาเป็นโรคร้ายอะไรซักอย่างเหมือนกัน ประทับใจหนังเรื่องนี้ที่ก่อนหน้า Ricky จะเกิดขึ้นมานั้น ใช้วิธีเล่าหนังอย่างกับเป็น documentary เป็นสารคดีให้ดูชีวิตของคนเมืองสามคน Single mom ที่ต้องเลี้ยงลูกสาวตัวเล็ก กับผู้ชายต่างชาติที่ร่อนเร่หางานไปเรื่อยๆ แต่พอ Ricky ถือกำเนิดขึ้น หนังก็เริ่มมีเสียงเพลง มีการเล่นกับมุมมองกล้องมากขึ้น จาก documentary กลายเป็นหนังจริงๆ ไปเสียได้ ทีแรก เราคิดว่า ผู้กำกับต้องการสื่อว่า Ricky เป็นเด็กที่นำความสุขที่ขาดหายไปมาให้ครอบครัวนี้ แต่ถ้ามองแบบคุณพลทหารไรอัน คือหนังบิดจาก Reality ไปเป็น Fantasy เพื่อลดทอนความเจ็บปวดลง ก็ดูเป็นไปได้เหมือนกัน แก้ไขเมื่อ 31 ส.ค. 52 22:21:01 จากคุณ : ปลายลมหนาว เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 22:19:56

ความคิดเห็นที่ 4   หลอก ให้เราไป เสียตังอีกแล้วซิ ดูแล้วต้อง มาบ่นในนี้อีกแล้วสิเนี๊ย ชอบหนังแปลกๆ เสียด้วยซี อิอิ ไปมาสองครั้งแล้ว ครับ แต่ไม่ ทันรอบเย็นๆ สักที มีแต่รอบ สี่ทุ่มครึ่งไม่ไหว ดึกมาก สงสัย จะคลาดไป ก็ไม่ รู้ เฮ้อ.... จากคุณ : ซีถอย เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 52 02:03:30 A:203.107.204.253 X: TicketID:076232

ความคิดเห็นที่ 5 ไว้ได้ดู แล้วจะมาถกอีกที จากคุณ : GoTH.am_R.uz เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 52 22:30:40