ปิยธิดา วรมุสิก โอกาสมีไว้ให้พิสูจน์ตัวเอง
|
|
หลายคนอาจจะถือว่า โอกาส เป็นโชคชนิดหนึ่งที่บังเอิญผ่านเข้ามาให้ครอบครอง แต่สำหรับผู้หญิงคนนี้ โอกาส ไม่ใช่แค่โชคที่นำมาซึ่งความ ชื่นชมยินดีเพียงอย่างเดียว หากแต่เป็นช่วงเวลาสำคัญแห่งการเริ่มต้นพิสูจน์ตัวเอง ซึ่ง ป๊อก - ปิยธิดา วรมุสิก ก็เชื่อเช่นนั้น
มรดกคุณย่า ป๊อกถือว่าคุณย่า (คุณเน้ย วรมุสิก) เป็นต้นแบบของผู้หญิงที่ลงตัวที่สุด เพราะท่านไม่ได้มีแค่ความ อ่อนโยนละเอียดอ่อนแบบผู้หญิงเท่านั้น แต่ยังมีความเด็ดเดี่ยว เข้มแข็ง กล้าตัดสินใจแบบผู้ชายรวมอยู่ด้วย คุณย่าสอนป๊อกหลายอย่าง ตั้งแต่เรื่องมารยาท การใช้ชีวิต และเป็นผู้ให้อย่างไม่มีเงื่อนไขมาโดยตลอด ป๊อกจึงเริ่มคิดอยากแทนคุณคุณย่าบ้าง ซึ่งตอนนั้นใจก็คิดแบบเด็กๆ คิดแต่ว่าต้องมีเงินก่อน แต่แล้วเมื่อป๊อกเริ่มมีความพร้อม กำลังประสบความสำเร็จ...เวลาของคุณย่าก็หมดลงก่อนที่ป๊อกจะได้แทนคุณท่านเต็มที่ การสูญเสียคุณย่าในครั้งนั้นทำให้ได้คิดว่า ถ้าคิดจะทำอะไรก็อย่ารั้งรอ ทำเท่าที่ได้แต่ทำให้ดีที่สุด เงินทองไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะต่อให้มีมากแค่ไหนก็ไม่สามารถซื้อเวลาย้อนคืนกลับไปแก้ไขอดีตได้ อีกอย่างหนึ่ง แม้การจากไปของคุณย่าจะไม่ได้ทิ้งมรดกใดๆ ไว้ให้เลย แต่พวกเราก็ยังรักและคิดถึงท่าน เสมอ นั่นยิ่งเป็นการตอกย้ำคุณค่าของความรัก ความดีงามที่ไม่อาจตีค่าได้ด้วยเงินทองชัดเจนมากยิ่งขึ้นไปอีก ป๊อกจึงเก็บกระเป๋าสตางค์ของคุณย่าใบนี้ไว้เพื่อเตือนใจถึงข้อคิดดีๆ เหล่านี้
อย่ากลัวการเปลี่ยนแปลง หลังจากช่วงคุณย่าเสียไม่นานนัก ชีวิตป๊อกก็เผชิญความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เหมือนยืนอยู่บนทางแยก ที่ต้องเลือก ซ้ำยังมีปัญหาอื่นๆ ดาหน้าเข้ามาสารพัด เรียกได้ว่าช่วงนั้นจิตตกสุดๆ เสียศูนย์ไปพักหนึ่ง แม้จะเป็นคนไม่พูด แต่หน้าตาก็เก็บความทุกข์ไว้ไม่มิดจนเพื่อนร่วมงานสังเกตเห็นความผิดปกตินี้ พี่บิ๊กจึงซื้อหนังสือเรื่อง ใครเอาเนยแข็งของฉันไป มาให้ นัยว่าเป็นตัวช่วยคิดช่วยแก้ปัญหา หายกลัวเมื่อใดก็เป็นอิสระเมื่อนั้น เป็นตัวอย่างข้อคิดที่ป๊อกชื่นชอบ เพราะไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าใจ ของเราเอง ข้อกำหนดกฎเกณฑ์ที่เราตั้งไว้ในใจด้วยความกลัวนั่นเอง ที่เป็นตัวการทำให้เกิดทุกข์จะดีกว่าไหม ถ้าเราจะปล่อยให้ใจเป็นอิสระเหนือกฎเกณฑ์เหล่านั้น ที่สำคัญต้องกล้าเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงทุกรูปแบบ และยิ้มรับมันอย่างมีความสุขหนังสือเล่มนี้จึงเป็นเหมือนกุญแจปลดพันธนาการในใจ และสร้างกำลังใจให้ป๊อกเดินต่อไปด้วยก้าวที่มั่นคง
มากกว่าความอบอุ่น หากความรักคือการที่คนสองคนเรียนรู้เพื่อรู้จักรู้ใจกันและกันความรักของป๊อกกับพี่ตั๊ก (นภัสกร มิตรเอม) ก็คงเยี่ยมยอดไม่แพ้ใคร เพราะระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมาทำให้แน่ใจว่า รักของเรามันมากกว่าความอบอุ่นใจ พี่ตั๊กเป็นได้มากกว่าคนรัก คือเป็นได้ทั้งเพื่อน พี่ชาย คู่คิดและผู้นำ ที่สำคัญ พี่ตั๊กยังเป็นกัลยาณมิตรที่เปิดโลกทัศน์การเรียนรู้ของป๊อกให้กว้างไกลขึ้น และเปลี่ยนแปลงแนวคิดเดิมๆ ของป๊อกอย่างสิ้นเชิง ด้วยการพาป๊อกไปสัมผัสกับศาสตร์วิชาความรู้แขนงต่างๆ พาไปรู้จักคุณครูเก่งๆ รวมทั้งศิลปินแห่งชาติหลายท่าน แต่นั่นยังไม่มากเท่ากับตัวของพี่ตั๊กเองที่เป็นแบบอย่างการใฝ่รู้ได้ดีที่สุด คือถ้าสนใจอะไรก็จะไปเรียน เพิ่มเติมโดยที่เรื่องของอายุไม่ใช่กฎเกณฑ์ ชีวิตนี้อย่าหยุดเรียนรู้ อย่าหยุดหาความรู้ใส่ตัว ถ้าใจอยากจะเรียน ป๊อกจึงได้ก้าวเข้าสู่โลกของละครเวที การเต้นการแสดงที่นอกเหนือจากละคร และตกหลุมรักในที่สุด ทุกวันนี้ป๊อกอุ่นใจเสมอที่มีพี่ตั๊กเป็นกำลังใจอยู่ข้างๆ ถึงบางครั้งจะไม่ได้เจอกันแต่แหวนที่เราทำขึ้นมาแลกกันนี้ก็เป็นตัวแทนรักของเราได้อย่างดี...
ไกลกันแค่ไหนก็เหมือนใกล้กันเสมอ แม้จะเหนื่อยจากงาน เครียดกับเรื่องราวสารพัด แต่ทุกครั้งที่ก้าวเท้าแตะถึงบ้านความวุ่นวายต่างๆ ก็จะถูกทิ้งไว้หน้าประตู ยิ่งพอเข้าบ้านมาเจอหลานๆ ความเหนื่อยล้าก็แทบหายเป็นปลิดทิ้ง อย่างการ์ดใบนี้ที่หลานทำให้ก็เช่นกัน...ป๊อกชุ่มชื่นหัวใจทุกครั้งที่หยิบดู ก่อนหน้านี้บ้านเราไม่มีเด็ก ก็จะอยู่กันเงียบๆ ตามประสาผู้ใหญ่ แต่พอป๊อกมีหลานเล็กๆบรรยากาศ ของบ้านก็เปลี่ยนไป มีทั้งเสียงหัวเราะและร้องไห้เพิ่มเข้ามา ที่สำคัญ การเลี้ยงหลานๆ ยังทำให้ป๊อกได้สัมผัสกับความรู้สึกหลายๆ อย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน ซึ่งนอกจากจะได้สัมผัสความเป็น ผู้ให้ รู้สึกถึงความอบอุ่น ความอ่อนโยน ความไร้เดียงสาแล้ว สิ่งเหล่านี้ยังสร้างความภูมิใจลึกๆ ให้ว่า ป๊อกสามารถปกป้องดูแลชีวิตคนเล็กๆ ได้ ยิ่งเมื่อหลานๆ โตขึ้น สิ่งที่ป๊อกเห็นชัดเจนก็คือ ผู้ใหญ่ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้เด็กเพราะทุกอย่าง ที่เราทำ เราไม่ใช่แค่อยู่ในสายตาพวกเขาแบบมองอย่างผ่านๆ แต่จะเป็นต้นแบบให้เขายึดถือปฏิบัติตามได้ทันที หลานๆ จึงไม่ได้เป็นแค่ดวงใจ แต่ยังเป็นกระจกที่มีชีวิตซึ่งทำให้ป๊อกรู้สึกทุกขณะว่า ต้องทำตัวให้เหมาะสม นำเสนอสิ่งดีๆ เพื่อจะเป็นต้นแบบที่ดีให้คนเล็กๆ เหล่านี้ สำหรับป๊อก คุณค่าของโอกาส คือการพิสูจน์ตัวเองที่เราต้องทำให้เต็มที่อย่างดีที่สุดเพราะเราอาจจะ ได้รับโอกาสนั้นแค่ครั้งเดียว ที่สำคัญ...จะได้ไม่ต้องมาคิดเสียใจ เสียดายกันภายหลัง
จากคุณ |
:
poky
|
เขียนเมื่อ |
:
1 ก.ย. 52 23:09:43
|
|
|
|