ความคิดเห็นที่ 1 เหมือนกันเลย แต่ผมว่าผีไทยใจดีสุดแล้วนะ จากคุณ : Solic เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 21:27:18

ความคิดเห็นที่ 2 แต่หนังผีไทยผมว่าเอกลักษณ์นะ ต่างชาติดูยังชอบเลยแต่ส่วนใหญ่เน้นผี ตุ้งแช่มากว่า โผล่มาให้ตกใจดูนานๆก็จับจุดได้ จากคุณ : Emo-cRazyZ เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 21:29:46

ความคิดเห็นที่ 3 ส่วนตัวไม่คิดเช่นนั้น เหล่าภูติผีปีศาจของไทยไม่ใช่น้อยๆ ถ้าไปนั่งอ่านหนังสือภูติผีปีศาจของแต่ละภาค แล้วมาประมวลรวมๆกัน ก็ได้มากอยู่ หากแต่ 1. ชนชาติไทย ไม่ได้นำ "สัตว์" และ "คนตาย" มาผสมผสานกันมากมายนัก 2. ชนชาติไทย ไม่ได้นำ "สิ่งของ" และ "คนตาย" มาผสมผสานกันเลย 3. ชนชาติไทย ค่อนข้างเชื่อเรื่อง "เวรกรรม" เป็นตัวนำพาให้เกิดไม่ใช่เรื่อง "เทพบันดาลให้เกิดแบบบางประเทศ" แต่เห็นด้วยเรื่อง ชนชาติไทยผูกติดกับศาสนาฮินดูและพุทธมาอย่างยาวนาน ซึ่งฮินดูและพุทธ ไม่ได้เน้นเรื่องภูติผีปีศาจ แม้ฮินดูจะมีเรื่องเทพเจ้า แต่เทพเจ้าของฮินดูมีอำนาจเหนือเหล่าปีศาจและภูติผี แทบจะเรียกได้ว่า "ไม่มีรายชื่อภูติผีปีศาจในศาสนาฮินดู เพราะเทพเจ้าปราบเกลี้ยง" ส่วนพุทธ ไม่ได้สอนในเรื่องพวกนี้ แม้กระนั้นก็มีเรื่องหลังความตายพอเป็นกระสัยให้เรารู้ักผู้ที่ต้องชดใช้กรรมในลักษณะต่างๆ กันออกไป แต่ไม่ใช่ภูติผีปีศาจที่มีฤทธิ์มีเดช 2 ศาสนาซึ่งมีอิทธิพลกับชนชาติไทยเป็น แบบนั้น ผีไทยเลยเป็นแบบนั้นแล จากคุณ : joyka เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 21:33:06

ความคิดเห็นที่ 4 คำๆหนึ่งก็มีหลายความหมาย ในภาษาไทย ผีสามารถแปลว่าเทพเจ้าก็ได้ หรือแปลว่าปีศาจก็ได้ ผีไทยก็หลากหลายนะครับ ไล่ไป กระสือกระหัง เปรต ปอบ ปือ กุมารทอง ผีหัวขาด ผีอำ ผีโป่ง ผีกองกอย ผีหัวม้า ผีแม่นาค ผีตายโหง ฯลฯ แล้วแต่จินตนาการตามท้องถิ่น ที่ญี่ปุ่นศาสนาชินโตกับศาสนาพุทธผสมรวมกันเหมือนที่ศาสนาผีกับศาสนาพุทธผสมกันที่ไทย วัฒนธรรมการนับถือผีตามความหมายเดิม ที่เหลืออยู่ให้เห็นก็มีมากมายเช่นการไหว้ต้นไม้ ศาลพระภูมิ เจ้าที่เจ้าทาง ไหว้ผีปู่ย่า อะไรอย่างนี้น่ะครับ แก้ไขเมื่อ 15 ก.ย. 52 22:30:05 จากคุณ : เชษฐา เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 22:24:27

ความคิดเห็นที่ 5 อะไรทำให้คิดว่าผีญี่ปุ่นมีเยอะกว่า!?เป็นเพราะเราอ่านจากการ์ตูน!?? หรือพบจากสื่ออื่นๆได้ง่าย เราไม่รู้จักผีไทยเพราะการ์ตูนบ้านเรายังมีน้อยยังไม่มีชัดเจนเป็นเอกลักษมากพอ ทำให้เราจำไม่ได้... ผมว่ามัน"มี"แต่"เราไม่รู้"มากกว่า อะไรที่ไม่รู้ ก็ไม่ใช่ว่าไม่มี ผีไทยถ้าจะทำมันก็มีมุขให้ทำเป็นล้านแปด......... อย่างที่นักเขียนการ์ตูนยุ่นทำ สันหาข้อมมูลทำข้อมูลผีใหม่ๆเข้ามา อาจเป็นผีเก่า แต่กก็ขุดมาใช้ทำใหคนรู้จัก ทำให้ผีที่"คนสมัยนี้รูจัก"มีเยอะ จากคุณ : NEKOmimi เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 22:27:24

ความคิดเห็นที่ 6   เคยเห็นมาบ้างแล้วครับ เช่น ผีเสื้อ ผีตองเหลือง ผีพุ่งไต้ ผีขนุน ฯลฯ จากคุณ : Guest เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 22:27:52 A:118.175.72.100 X: TicketID:174672

ความคิดเห็นที่ 7   จริงๆ ตามหลักพุทธศาสนา พวกที่คนไทยเรียกว่าเป็น "ผี" ส่วนหนึ่งศาสนาพุทธเรียกว่า "เทวดา" ครับ คือ เทวดาชั้นสูงจะไปอิ่มทิพย์อยู่บนสวรรค์ชั้นสูงไม่ลงมายุ่งเกี่ยวบนโลกจนกว่าบุญจะหมดแล้วตกกลับลงมา ส่วนเทวดาชั้นสามัญก็จะอยู่อาศัยสถิตตามป่าเขา ตามต้นไม้ ตามบ้านเรือน เช่นที่คนทั่วไปเรียกผีบ้านผีเรือน ถ้าศาสนาพุทธเราเรียก "เคหะเทวดา" ครับ ส่วนคำว่า "ผี" จริงๆ ศาสนาพุทธเราเรียกพวกที่จิตใจหยาบช้าหรือจิตค่อนไปในทางที่ไม่ดีว่า "ผี" หมด ไม่เว้นว่าจะมีสังขารหรือไม่ เช่น ผีเปรต ผีกองกอย (ไม่ใช่ผีดิบจีนกระโดดดึ๋งๆ นะครับ ถ้าอยากรู้ว่าผีกองกอยจริงๆ เป็นยังไงไปถามผู้เฒ่าผู้แก่หรือพวกพรานป่าแก่ๆ ดูครับ) ส่วนพวกที่มีสังขาร เช่น มนุษย์หากประพฤติชั่ว สร้างความเดือดร้อนแก่คนหรือสัตว์อื่น ศาสนาพุทธเราก็นับว่าพวกนี้เป็น "ผี" เช่นกันครับ แต่ในปัจจุบันนี้หลักศาสนาพุทธในบ้านเราจะค่อนข้างไม่เป็นไปตามหลักเดิมครับ คือ มีการเอาความเชื่อพวกฮินดู พรามหณ์ มาปะปนบวกกับบางทีไปเอาแนวคิดศาสนาพุทธจากชาติอื่นบางชาติที่ได้รับการดัดแปลงจนเละเทะมาผสม ทำให้คนรุ่นใหม่ๆ เข้าใจหลักเดิมของศาสนาพุทธผิดเพี้ยนไป จากคุณ : Noble Heart Horse เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 22:31:26 A:58.8.227.36 X: TicketID:116070

ความคิดเห็นที่ 8 ผีไทยเยอะมากนะครับ ผีผ้าห่ม,ผีหวานเย็น,ผีทะเล,ผี....ไม่ใช้และ จากคุณ : copycat_7th เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 22:35:01

ความคิดเห็นที่ 9 เข้าใจว่าผีที่ จขกท.เข้าใจจะรวมพวก ปีศาจ อมมนุษย์ ฯ เข้าไปด้วยนะครับ ตอบ เพราะเป็นผีไทยครับ เราเลยชินตาแบบบ้าน ๆ เรา และไม่ค่อยมีการ์ตูนที่ดีไซน์ผีไทยแบบเท่ ๆ หรือน่ารัก ๆ ออกมาให้เห็น แยกประเภทให้ชัดเจน จะว่าผีไทยมีเยอะมั้ยก็เยอะอยู่ (เอาแค่ที่พอจะรู้จักไม่รวมไปถึงผีพื้นบ้านตามท้องถิ่นต่าง ๆ )เช่น ผีดิบ ผีตายโหง ผีโป่ง ผีตายท้องกลม ผีแม่ม่าย ผีขนุน ฝั่งปีศาจก็มี กระสือ กระหัง สมิง ปอบ(นี่ก็ไม่รู้ว่ากึ่งภูตหรือเปล่า) ภูตก็เช่น ผีบ้านผีเรือน(หรือจะเป็นผีก็ไม่น่าจะใช่) เจ้าที่เจ้าทาง ภูตแม่น้ำโขง ภูตพิสวาท(ชอบส่วนตัว) นี่ยังมีรุขเทวดา เทพารักษ์ เจ้าป่าเจ้าเขา นางตานี นางตะเคียน นางไม้ต่าง ๆ บอกไม่ไหวเพราะจำไม่ค่อยได้ และแยกประเภทได้ไม่ถูกด้วยครับ เยอะมากครับเพียงแต่ไม่มีคนที่แบ่งประเภทให้ชัดเจนแล้วเผยแพร่ให้รู้จักกันทั่วถึงแบบผีญี่ปุ่น เดาล้วน ๆ จากคุณ : ReiLove เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 22:36:39

ความคิดเห็นที่ 10 โอยยยย คุณ ของไทยๆ ถ้าจะขุดมาทำเป็นการ์ตูนหรือสื่ออื่นๆ มีให้ทำมากมายก่ายกอง เพียงแต่ต้องค้นคว้าสักหน่อย ถ้าจะเอาอย่างสำเร็จรูป มันก็ย่อมต้องซ้ำกับชาวบ้านเป็นธรรมดา ส่วนหนึ่งที่ทำให้ของไทยๆดูน่าเบื่อ เป็นเพราะการปกครองแบบรวมศูนย์ ไม่ใช่แค่เรื่องผีสาง ที่คนไทยทั่วไปจะรู้จักแต่ผีภาคกลาง ประวัติศาสตร์ก็ด้วย เรารู้แต่กษัตริย์สุโขทัย, อยุธยา, รัตนโกสินทร์ ว่าเก่งกล้าสามารถ และ ล้านนา, ล้านช้าง ฯลฯ คืิอ "ไทย" แต่เอาเข้าจริงมันมีอะไรอีกมากมายก่ายกองนอกกะลา อยากรู้ คุณต้องออกไปหามันเอง จากคุณ : masked v เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 23:17:41

ความคิดเห็นที่ 11 เคยมีคนบอกว่า ผีไทยที่จริงมีเยอะมาก และแปลกๆก้อมากด้วย แต่คนไทยสมัยนี้ ไม่ค่อยรู้จัก หรือมีความรู้เรื่องผีสางนางไม้ของไทยเท่าไรนัก ทำให้ดูเหมือนไม่ค่อยหลากหลาย เราอาจกำลังโดนครอบงำทางวัฒนธรรมไปมากเกินไปแล้วก้อได้ ของของตัวเองไม่ค่อยรู้จัก แต่กลับรู้จักของๆคนอื่นมากกว่าของตัวเอง จากคุณ : อุนทามะ เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 00:15:46

ความคิดเห็นที่ 12 พวกผีต่างๆที่อยู่ในป่าอย่างในเรื่องเพชรพระอุมา หรือนวนิยายอะไรเกี่ยวกับป่า ก็มีผีเยอะเหมือนกันนะคะ บางอย่างอ่านเจอแล้วข้าพเจ้าก็เพิ่งจะรู้จักจากหนังสือนั่นแหละ แต่เรื่องญี่ปุ่นมีผีหลากหลายเนื่องจากความเชื่อเรื่องวัตถุมีวิญญาณก็น่าจะจริง ขนาดร่ม มันยังเป็นผีได้เลย- -"(เราเห็นในการ์ตูนแล้วก็งงนะ มันน่ากลัวตรงไหนเนี่ย) จากคุณ : โลกนี้ยังคงน่ารักเสมอ เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 00:17:43

ความคิดเห็นที่ 13 เราว่าผีไทยขึ้นชื่อเรื่องความน่ากลัวนะคะ เรามีเพื่อนคนญี่ปุ่นเคยอ่านหนังสือที่รวบรวมผีไทยแล้วเค้าบอกว่าน่ากลัวมาก แถมยังแปลกและมีหลากหลายด้วย ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะผีของเราต่างกับผีของญี่ปุ่นหลายอย่าง อย่างเช่นญี่ปุ่นมีผีที่แอบมาเลียขี้ไคลในห้องน้ำ ผีร่มกับรองเท้าแตะเก่าๆ ผีแมว ผีแรคคูนออกมาตัดไผ่ตอนกลางคืน ผียายแก่มาคอยโม่แป้งเฝ้าห้องให้เวลาไม่มีคนอยู่ ผีกลับหมอนจากหัวมาไว้ที่ปลายเท้า พวกนี้มันดูไม่น่ากลัวเท่า ผีปอบ ผีกองกอย ผีกระสือ กระหัง ผีขโมด ผีเปรต ผีพราย อย่างพวกนี้ถ้าเจอจั๋งๆน่ากลัวและหลากหลายกว่าแน่ๆ(เพื่อนเราว่างั้นนะ) ป.ล.ถามนิดนึงในคิทาโร่นี่ส่วนใหญ่เป็นผีหรือภูตคะ จากคุณ : almond_pank เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 00:57:22

ความคิดเห็นที่ 14 ก็เยอะอยู่นะ ถ้าไปค้นๆผีตามความเชือพื้นบ้าน (แต่ว่าชื่อมันพิลึกเหลือเกิน แล้วก็น่าตลก ปนเวทนามากกว่าน่ากลัว) อย่างของทางเหนือที่พอจำได้พ่อแม่ ย่ายายเล่าหลอกตอนเด็กๆก็มี ผีกองกอย (คนละอันกับที่กระโดดหยองๆมียันต์แปะหน้าผากของจีนนะ) ทั่วไปเขาว่ามันมีขาเดียวงอขาก็ไม่ได้เลยต้องเดินเขย่งเก็งกอย ส่วนเวอร์ชั่นพ่อเล่า ผีกองกอยตัวเป็นขนรุงรัง ไม่มีหัว มีตาเดียวใหญ่ๆอยู่ที่อก มีปากอยู่ที่ท้อง พอเด็กร้องไห้ พ่อแม่ก็บอกว่าจะจับโยนให้ผีกองกอยกิน สงสัยพ่อจะใส่ไข่เพิ่มให้มันน่ากลัวเองมากกว่า ผีม้าบ้อง ผีผู้ชายตัวเป็นคนหัวเป็นม้า มันทำอะไรได้บ้างลืมไปแล้ว เวอร์ชั่นพ่อเล่า (อีกแล้ว) ดึกๆมันจะออกมาวิ่งกลางที่โล่ง ไม่นุ่งผ้า เอาขวานเหน็บเอว โตมาหน่อยถึงสงสัย ไม่นุ่งผ้าแล้วขวานเอาไปเน็บยังไง??? ผีปกกะโหล้ง (หรือปกกะด้ง อะไรซักอย่างทำนองนี้) เป็นผีป่าแข้งขายาว ผมยายรุงรังกินกบกินเขียดปูปลาดิบๆตามลำห้วย (ถ้าจำไม่ผิดนะ) ผ้าผ่อนไม่นุ่ง นึกภาพเป็นกอลลั่มเลยแฮะ ผีเสื้อห้วย คล้ายๆผีเสื้อสมุทรล่ะมั้งแต่ว่าอยู่ในป่า ใครหลงป่าก็จะโดนแปลงกายมาหลอก ตัวใหญ่ผมยาวรุงรังน่ากลียด แต่ถ้าเจอหนุ่มๆ ก็จะแปลงเป็นสาวสวยมาหลอกล่อ ผีโพง กินกบกินเขียดเหมือนกัน ตอนกลางวันเป็นคนปกติ ตกกลางคืน จะเอาจมูกไปถูกเสียดสีกับบันไดไม้ (บ้านสมัยก่อนน่ะ) ให้จมูกติดไฟแดงๆส่องกบส่องเขียดกิน(ยังกะไฟฉายเลย สะดวกดีนะ) ผีกะ เหมือนผีปอบของภาคกลาง โดนผีกะสิงจะโวยวายอยากกินโน่นกินนี่ ( "กะ" มีความหมายเหมือนตะกละ เข้าใจว่าคงเป็นที่มา) ว่ากันว่า ถ้ามีแขกมาบ้านแล้วนกเค้าแมวร้อง แขกคนนั้นแหละเป็นผีกะ ผีกะยักษ์ ผีพระที่ตอนบวชขโมยของวัด ตายไปเลยต้องมาเฝ้าวัด ผีสือ ก็ผีกระสือนั่นล่ะมั้ง เป็นผีผู้หญิง ตอนเด็กโดนขู่ว่า ถ้านอนชันเข่าไม่เหยียดขาให้เรียบร้อย เช้ามาเข่าจะเขียวช้ำเพราะผีสือมาขบ (ทำไมแค่มาขบเฉยๆก็ไม่รู้เหมือนกัน) ผีจ๊ะแค่ อันนี้จำผิดจำถูกหรือเอาที่ไหนมาปนบ้างไม่แน่ใจเหมือนกัน จำได้แค่ว่า มันไม่มีหัวเข่า ก็เลยต้องเดินทื่อๆงอขาไม่ได้ คนเฒ่าคนแก่ขู่ว่า กลางค่ำกลางขืนอย่านั่งห้อยขาลงไปใต้ถุน ผีจ๊ะแค่จะมาดึง ผีหม้อนึ่ง (หม้อคล้ายๆซึ้ง เอาไว้นึ่งข้าวเหนียว) คล้ายๆผีถ้วยแก้วอ่ะ เอาไว้เสี่ยงทายถามเรื่องโน้นเรื่องนี้ แต่วิธีการไม่ทราบเหมือนกันค่ะ ผีปู่แสะย่าแสะ อันนี้ไปดูเค้าทำพิธีบ่อยๆพ่อชวนไปดูบ้าง อ.ที่คณะสมัยเรียนวิชาประวัติศาสตร์ศิลปะพาไปบ้าง เป็นเหมือนผีที่นับถือกันก่อนศาสนาพุทธเข้ามา ผีปู่แสะย่าแสะเป็นประมาณยักษ์นี่แหละมั้ง จับคนกิน พอพระพุทธเจ้ามาโปรด ปู่แสะย่าแสะก็หันมานับถือพุทธสัญญาว่าจะเลิก แต่ขอให้คนเอาเนื้อควายสดๆมาทำพิธีเซ่นไหว้ทุกปีเป็นข้อแลกเปลี่ยน ทุกปีจะมีงานเลี้ยงผี มีการล้มควาย คนที่เป็น(หรือแสดงก็ไม่รู้)ปู่แสะย่าแสะ ก็จะกินเนื้อควายสดๆกันตรงนั้น เลือดย้อยเชียว บางทีก็คาบไส้ห้อยต่องแต่ง (มีวักเลือดสาดคนดูให้ฮือฉาเล่นพอบันเทิง) ขณะทำพิธี จะมีการแขวนภาพเขียนพระพุทธเจ้าไว้สูงๆ เป็นผ้าผืนใหญ่ๆแนวตั้ง แขวนห้อยลงมา เรียกพระบด เอาไว้คอยข่มผีทั้งสอง ถ้างานศักดิ์สิทธิ์จริงพระบดจะแกว่งแรงมากทั้งๆที่ไม่มีลม (เคยไปดูก็แกว่งจริงนะ) แก้ไขเมื่อ 16 ก.ย. 52 02:38:15 จากคุณ : ouiya เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 01:46:00

ความคิดเห็นที่ 15 ผีปู่ย่า เป็นผีบรรพบุรุษ คุ้มครองลูกหลาน สืบทอดกันทางฝ่ายหญิงแต่งงานออกเรือนไปผู้หญิงก็ต้องเอาผีไปด้วย (ก็สงสัยอยู่ว่าถ้าเราแต่งงาน ต้องพาผีของบ้านเราไปด้วยมั้ย -___-" เพราะเราเป็นลูกผู้หญิงคนเดียว ไม่เคยเห็นซะด้วยสิแล้วจะพาไปด้วยได้ยังไงเนี่ย) ทุกปี ก็ต้องมีการเลี้ยงผี ก็คล้ายๆไหว้เจ้าที่นั่นแหละ ญาติพี่น้องก็จะไปรวมตัวกันเลี้ยงผี ที่บ้านของหญิงที่รับผีปู่ย่าไปอยู่ด้วย พอผู้หญิงในบ้านจะแต่งงาน ก็ต้องมีการใส่ผี ก็คงเหมือนสินสอดของทางภาคกลาง หรือถ้ามีการได้เสียกันก่อนแต่งงาน โดนผู้ใหญ่จับได้ ฝ่ายชายก็ต้องไปเสียผี (คือไปจ่ายค่าเสียหาย )แล้วรับผิดชอบแต่งงาน สมัยก่อนบ้านล้านนามีแค่สองห้อง คือชานด้านนอก เป็นห้องโล่งๆไม่มีผนังกั้นด้านหน้า (มีเติ๋นเป็นระเบียง จากระเบียงจะยกพื้นขึ้นมาอีกนิดหน่อยเรียกว่าชาน) แล้วก็มีห้องนอน ถือว่าเป็นห้องส่วนตัวของครอบครัว คนอื่นห้ามเข้า ในห้องนอนแทนที่จะเป็นหิ้งพระ ก็เป็นหิ้งผีปู่ย่า เหนือประตุจะมีแผ่นไม้แกะสลักติดอยู่ เรียกว่า  หัมยนต์(ที่จริงก็พิมพ์ตรงตัวนั่นแหละ แต่ระบบไม่ให้ผ่าน เว้นวรรคแล้วก็ไม่ให้ -__-" ) ผู้ชายนอกครอบครัวห้ามล่วงล้ำอาณาเขตเลยหัมยนต์  นี่เข้าไป ถ้าเข้าไป ยังไม่ต้องแตะเนื้อต้องตัวกันก็ต้องเสียผีให้ฝ่ายหญิงแล้ว ผีมด ผีเม็ง ตระกูลเดียวกับผีปู่ย่า คุ้มครองดูแลลูกหลาน(แต่เข้าใจว่า ไม่ได้ติดตามสืบทอดกันทางฝ่ายหญิงมั้ง) เวลาจะเซ่นไหว้ผีมดผีเม็ง จะมีการฟ้อนด้วย เรียกว่าฟ้อนผีมด ท่าทางฟ้อนออกจะพิสดารหน่อยๆ ครึกครื้นทีเดียว ดูไปก็คล้ายๆลงเจ้าเข้าทรง เพราะคนที่ฟ้อนคือเชื่อว่า มีผีมาลงด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีผีดีๆอื่นๆ เสื้อบ้าน เสื้อเมือง เสื้อวัด เสื้อบ้านนี่หมายถึงหมู่บ้านน่ะค่ะ ไม่ใช่บ้านหลังเดียว พวกผีพื้นบ้านที่เล่าๆไปแต่ละพื้นที่แต่ละครอบครัว ก็เล่ารายละเอียดปลีกย่อยต่างกันออกไปบ้าง ยกเว้นปู่แสะย่าแสะ ผีปู่ย่า ผีมดที่ออกจะเป็นตำนานที่ตรงกันหมด เพราะเกี่ยวข้องกับพิธีกรรมด้วย ========================= โอยนี่ขนาดแค่ผีของทางเหนือยังพิมพ์กันจนเหนื่อย (พิมพ์เท่าที่เรารู้จักด้วย อาจจะมีผีอื่นๆอีก) ยังไม่นับผีทางภาคอื่นๆอย่าง ผีขโมด แถน ผีโป่ง ผีเปรต กระสือ กระหัง เสือสมิง ผีจากสภาพการตายหรือสภาพศพ ผีตายทั้งกลม(ตายตอนท้อง) ผีหัวขาด ผีตาโบ๋ (สมัยก่อนเป็นหนังด้วยนะ คุณสรพงษ์เล่น) ผีตายโหง ผีพราย (ตายหลังคลอด หรือตอนคลอด) ผีตามสภาพที่อยู่ เช่นผีตานี ผีตะเคียน  กุมารทอง ลัก-ยม นับๆดูก็มีไม่น้อยนะ เอามาเขียนได้ทั้งแนวตลก แนวน่ากลัว จากคุณ : ouiya เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 01:48:46

ความคิดเห็นที่ 16 ที่จขกท.พยายามจะวิเคราะห์มันก็โอเคอยู่ แต่จริงๆแล้วมันไม่ได้หายไปอย่างที่จขกท.ว่า มันยังมีอยู่ในแทบทุกพื้นที่ เพียงแต่เด็กในเมืองอาจจะไม่มีโอกาสได้เห็น ยังมีการเลี้ยงผีกัน ในครอบครัวทางเหนือ (ก็เหมือนคนจีนไหว้เจ้า) ยังมีการฟ้อนผีมดทุกปีหาดูได้ไม่ยาก ขึ้นไปตามหมู่บ้านชาวเขาในฤดูเลี้ยงผีบรรพบุรุษ(จะเปรียบให้หรูก็เหมือนโอบ้ง ของญี่ปุ่น) หน้าบ้านยังคงปักตาแหลว(ตอกสานเป็นรูปคล้ายๆดาว) แสดงเขตหวงห้ามไม่ให้วิญญาณอื่น หรือคนนอกหมู่บ้านเข้ามาในเขตในช่วงเทศกาลนั้น ยังมีการเซ่นผีปู่แสะย่าแสะทุกปี สถานที่ก็ใกล้ๆที่เค้าจัดงานพืชสวนโลกนี่เอง(ฝรั่งมาทำสารคดีบ่อยๆ) ยังมีการไหว้เสื้อบ้าน เสื้อเมืองทุกปี (ที่เชียงใหม่จะมีงานอินทขิล เป็นการไหวเสาหลักเมือง เป็นงานประจำปี) ยังมีงานเทศกาลแห่ผีตาโขน ที่ช่างภาพห้องกล้องพันทิบไปกันทุกปี เรื่องเล่าผีแบบบ้านๆ ก็ยังเล่ากันเป็นนิทานก่อนนอนในหลายครอบครัว อย่างที่บอก บางทีมันตลกมากกว่าน่ากลัว เอาไว้ขู่เด็กไม่ให้ซนได้ด้วย ครูโรงเรียนปฐมหลายคน(โรงเรียนในเมืองด้วยนะ ไม่ใช่โรงเรียนในชนบท) ยังเอาไว้เป็นนิทานหลอกเด็กให้สนใจเรียกเรทติ้ง คือ...ขับรถผ่าน iberry ของโน้ต อุดม ผ่านตุ๊กตายักษ์สี่ขาหน้าเป็นคนหน้าร้านเค้าน่ะ หลานสาวหัวเราะใหญ่บอกว่า ผีม้าบ้องๆ เราก็งงว่ารู้จักได้ไง มันบอกว่าครูที่โรงเรียนเล่า (แต่ผีม้าบ้องหัวเป็นม้าตัวเป็นคนนะ) จากคุณ : ouiya เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 02:17:47

ความคิดเห็นที่ 17 ผีไทยไม่หลากหลาย แต่คนมาตอบกระทู้เก่าๆ ที่ถามหาผี ไม่รอบรู้ รู้จักไม่กี่อย่าง ดูกระทู้นี้สิ ผีเพียบเลยเห็นไหม ปล. ตอนนี้ผมเชียร์ "ผีแดง" อยู่นะ จากคุณ : Zenithius เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 02:27:23

ความคิดเห็นที่ 18 สาระมากเกินไป อ่านแล้วปวดหัวอะ (ฮ่า) จากคุณ : leo_attack เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 08:37:02

ความคิดเห็นที่ 19 ผีทางภาคเหนือก็เยอะเหมือนกัน เคยอ่านเจอในหนังสือของท่านมาลา คำจันทร์ จากคุณ : เพลงร็อคแม่น้ำร้อยสาย เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 09:10:18

ความคิดเห็นที่ 20 ^ ^ หนังสือ เรื่องเล่าจากดงลึก ถ้าจำไม่ผิดนะขอรับ จากคุณ : ladydunce เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 09:28:45

ความคิดเห็นที่ 21 ผีไทยมีมากมายนะ แบบแปลกๆก็มากอยู่ที่ตั้งประเด็นในการเขียน จะสื่ออะไร สมัยก่อน การ์ตูนไทย เรื่องที่เป็นหมอผีปราบผี มี ใช้อาคม เรียกควายธนู มา อัดผีร้ายๆ จำชื่อเรื่องไม่ได้ แต่ไอเดียดีมาก นั่นก็ส่วนนึง เราต้องศึกษาเองก่อนนะครับ ให้รู้แน่ๆ จึงเริ่มวางพล๊อต ปล. ผีไทย มีอีกเยอะนะ ถ้ายังมีโอกาส ให้คนแก่ในบ้านเราให้คุณฟังสิ ยายผมเคยเล่า พอสมควร การฟังคำเล่าจากคนแก่ มีประโยชน์มากๆ กระสือ มีอยู่จริงๆ คุณเชื่อผมไหม? พ่อเพื่อนผมเล่าให้ฟัง ว่าสมัยเด็ก 2 ทุ่ม คนอื่นเข้านอนแล้ว พวกลุงๆ ก็จะ รวมตัวกันไปไล่กะสือ เดินไปสักพักเจอ กระสือกลางคันนา ก็เลย เฮกันเอาไม้ไล่ฟาดๆๆๆ จนหนีไป ฟังดู เว่อร์ๆใช่ไหมครับ ? กระสือ ที่เขาไล่ตี เป็น ก้อนกลุ่มแก๊ส ครับ มีสีฟ้าๆ แดงๆ สลับๆ มันจะลอยออกมาเป็นก้อนๆ คนเฒ่าคนแก่จะ กลัวๆกัน เลยต้องมีคนไปไล่ ซึ่งรุ่นลุงเขาก็รู้แล้วว่า มัน เป็นแก๊ส (ก็แหมไปไล่ตีซะกระเจิง) แต่เนื่องด้วยความเชื่อที่มีมาแต่ก่อน จึงต้องบอกใครๆว่า กระสือมีจริง ถ้าวาดการ์ตูนแบบ QED คุณสามารถเอาเนื้อเรื่องนี้ไป ผูกปมปริศนาได้เลย ถูกไหม? ขึ้นอยู่กับคนนำเสนอครับ จากคุณ : เจ้าหญิงน้อยแห่งอันดามัน เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 09:29:09

ความคิดเห็นที่ 22 ผมคิดว่ากระทู้นี้ไม่เกี่ยวกับกลุ่มย่อย[การ์ตูน]นะครับ ตั้งกระทู้นอกเรื่องในโต๊ะเฉลิมไทยได้ในกลุ่มย่อยกระทู้นอกเรื่องคลิกเข้าไปตามรูปได้เลยครับผม ~ Time may Change my Life, But my Heart remains the Same to You ~ จากคุณ : Enixma เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 10:10:36

ความคิดเห็นที่ 24   อยากเห็น สมิง vs werewolf จากคุณ : Guest เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 16:16:34 A:118.175.72.100 X: TicketID:174672

ความคิดเห็นที่ 25 ผมมองว่ามันเป็นเพราะวัฒนธรรมไทยมันไม่สามารถรวมศูนย์ได้จริง ๆ ต่างหาก ทำให้ความเชื่อเรื่องผีกระจัดกระจายไปตามหมู่บ้านต่าง ๆ ที่มีตำนานอะไรเป็นของตัวเอง แต่ที่ผมคิดว่าญี่ปุ่นเขาเก่งคือการเอาพวก Urban legend หรือตำนานเล่าขานของผีในเมืองมาใช้กับการเล่าเรื่องได้ และจะว่าไปยุ่นเขานี้ ศาสนาที่มีอิทธิพลมากคือชินโต และนิกายเซน ชินโตนี้ถือเป็นรากฐานที่การ์ตูนหลายเรื่องเอาความเชื่อมาดัดแปลง เสริมแต่ง จนได้เป็นเรื่องสนุก ๆ ให้ดูกัน ที่น่าสนใจคือการนำเสนอแบบไมต้องอิงต้นแบบร้อยเปอร์เซนต์ ถ้าเราเอาผีไทยมาทำแบบนี้บ้าง (รวมพวก Urban Legend ที่เล่ากันตามรายการทีวีด้วย) ก็คงเยอะพอ ๆ กับญี่ปุ่นอยู่ล่ะครับ ส่วนในพันติ๊บนี้ ต้องยกให้ "ผีไฟแดง" จากคุณ : ShadowServant เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 16:33:41