 |
ความคิดเห็นที่ 29 |
แปะๆก่อนค้าา เอาที่พี่จินให้สัมภาษณ์มาแปะก่อน อ่านแล้วรู้สึกชอบบบพี่จินโดยเฉพาะตรงที่พี่จินใฝ่เรียนนี่แหล่ะ แบบว่าปลื้มมากกกกกกกกมาย อิอิ
ปล เตียงนอนพี่จินใหญ่เหรอ อิอิ นู๋เมะว่าไง
Translation: Wink Up 10/2009 - Maru, Koki, Jin credit: xmonster1603
Akanishi Jin
Q:คุณชอบซื้อของเพราะมีอะไรมาดลใจให้ซื้อหรือเปล่า (ฟังแหม่งๆมาก คงแบบว่ามีอะไรทำให้อยากซื้อ หรือซื้อเพราะตามใจอยากหรือเปล่าอ่ะนะ)
-แต่ก่อนผมจะซื้อเสื้อผ้ามาตั้งเยอะแยะยังงั้นนั้นเลยแหล่ะ แต่ตอนนี้ผมไม่ทำแล้วครับ ผมเริ่มที่จะใส่ใจเรื่องราคา แล้วก็เลิกซื้อพวกของแพงๆตามใจอยาก ทุกวันนี้ผมจะไปช็อปปิ้งก็ต่อเมื่อผมมีอะไรที่อยากได้จริงๆ ผมจะวางแผนไว้ก่อนที่จะออกไปอะไรประมาณนั้นแหล่ะครับ
Q:ของบางอย่างที่ใช้มาตั้งนาน ก็เลยรู้สึกผูกพันธ์กับมัน
-ก็อาจจะเป็นนาฬิกาข้อมือที่ตอนนี้ผมใช้มันมาตั้งสามปีแล้ว ผมชอบซะจนต้องใส่มันทุกวันเลยล่ะ มันเลยดูเหมือนเป็นสมบัติมีค่าของผมเลยก็ว่าได้ แต่ตอนนี้รู้สึกเหมือนผมจะผูกพันธ์กับสิ่งของเกือบทุกอย่างที่ซื้อมา เมื่อผมใช้อะไรสักอย่างแล้วจะใช้ได้นานมาก นาฬิกานี่ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยแหล่ะ พวกเครื่องสำอางค์ก็ด้วย ถ้าผมคิดว่ามันเข้ากับผมแล้วล่ะก็ ผมจะใช้แบบเดิมๆนานเลยล่ะ ผมค่อนข้างจะอยู่ห่างๆพวกของที่ไม่เคยใช้น่ะครับ
Q:ที่โปรดในบ้าน
-ห้องนอนของผมเอง เพราะผมสามารถที่จะผ่อนคลายในนั้นได้น่ะสิ ไม่ใช่เพราะผมนึกคลั่งใคล้อะไรเป็นพิเศษกับที่ตรงนั้นหรอกฮะ คือไงล่ะ ผมชอบที่จะนอนเอกเขนกเล่นรอบเตียง (หัวเราะ) อันต่อไปก็..ผมชอบผ้าม่านที่ติดบนหน้าต่างในห้องนอน เตียงนอนของผมจะแต่งสีน้ำตาลและค่อนข้างใหญ่ จริงๆแล้ว มันก็ไมได้แพงวิเศษอะไรหรอกฮะ ก็แค่เตียงที่ผมนอนได้แบบสบายเท่านั้นเอง ปลอกหมอนที่ใช้ก็ไม่มีอะไรพิเศษด้วย แต่เมื่อไหร่ที่ผมเริ่มชินกับผมแล้ว ผมก็ไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนไปใช้อันใหม่ ผมเริ่มใช้ตอนไหนน่ะเหรอ..ก็คงตั้งแต่ตอนที่ออกมาอยู่คนเดียวมั้งฮะ
Q:เพลงโปรดที่อยากจะร้องในคอนเสิร์ตให้ได้
-เอ่อ ไม่มีเลยอ่ะ (หัวเราะ) โซโล่เพลงของผมนั้นสำคัญกับผมมาก มันก็ใช่อ่ะนะ แต่มันก็ไม่ใช่อะไรที่จะแทนที่ไม่ได้ แต่สำหรับเพลง Jumpin up มันจะมีตอนที่เราต้องตบมือ แล้วเราจะมีอารมณ์สนุกร่วมไปกับคนดูมากๆขึ้น ถ้าพูดเรื่องเพลงแล้วล่ะก็ การที่ได้ร้องเพลงแนวนี้มันทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นนะฮะ
Q:อัพเดทสิ่งที่ทำในตอนนี้
-ทัวร์คอนมันน่าสนใจก็ตรงที่เราสามารถไปได้หลายสถานที่ แล้วในส่วนของการแสดงเองก็ค่อนข้างสนุกด้วยฮะ แต่หลังจากที่ต้องแสดงสองครั้งในวันเดียวนี่ มันก็หนักเกินไปฮะ (หัวเราะ) จริงๆแล้วมันทำให้ผมน้ำหนักลดได้เลยล่ะ แล้วอะไรอีกนะ... ผมพูดเรื่องนี้ลงในนิตยสารอื่นด้วย ผมยังเริ่มเขียนเรียงความจากมุมมองความคิดของผมเองด้วย ทำไมผมถึงเริ่มเขียนน่ะเหรอ เพราะถูกเพื่อนบังคับให้ทำอ่ะ (หัวเราะ) ผมมักจะถูกล้อเรื่องgrammar(ไวยากรณ์)ที่ไม่ได้เรื่องของผมเรื่อยเลย ถ้าผมอยากให้grammar ของผมก้าวหน้าขึ้นแล้วล่ะก็ มันไม่มีทางอื่นที่จะดีไปกว่าการได้ฝึกเขียนและอ่านให้มากหรอกครับ ดังนั้นเพื่อนผมก็เลยให้หัวข้อมา แล้วผมก็เขียนตามนั้น จากนั้นเพื่อนก็จะตรวจให้ทีหลัง ไม่ใช่ว่าผมต้องเขียนเป๊ะตามแบบแผนหรอกฮะ ไม่มีกฏเกณฑ์ด้วยว่าต้องเขียนยาวขนาดไหน ผมก็เลยไม่ได้เขียนยาวนัก แต่ผมก็ต้องหยิบเอาดิชชันนารี่มาดูในส่วนของ grammar..มันก็ยากเหมือนกัน ที่เพื่อนผมทำแบบนี้ก็เพื่อตัวผมเองล่ะฮะ แล้วผมเองก็ชอบด้วย แต่มันก็ไม่ง่ายเล้ย ศัพท์ที่ใช้ในการพูดกับเขียนน่ะต่างกันอย่างสิ้นเชิง แล้วยังมีหลักเกณฑ์บางอย่างที่จะใช้แต่ในการเขียนเท่านั้น พวกนี้มันเริ่มจะตีกันให้วุ่นในหัวแล้วล่ะ ยังไงก็ตาม..ถ้าผมสามารถทำแบบนี้ได้เรื่อยๆ พอถึงตอนที่ผมแต่งเพลง ผมก็จะสามารถถ่ายทอดความรู้สึกออกมาได้ดีขึ้นนะ เป็นโอกาสที่ดีมากสำหรับผมเลยล่ะ
แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 52 02:27:05
จากคุณ |
:
daniellove
|
เขียนเมื่อ |
:
20 ก.ย. 52 02:24:50
|
|
|
|
 |