ความคิดเห็นที่ 1   เมื่อวานดูรุกฆาตอยู่ฉากนึง(ไม่รู้ตอนอื่นเป็นรึป่าว) ภาพมันตัดไปตัดมา แบบที่จขกท.ว่าจริงละน้า เพราะปกติเราก็ไม่ได้สังเกตอะไร ความรู้ก็ไม่มีด้วย อิอิ แต่มาเห็นด้วยจ้า แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 52 22:37:31 จากคุณ : เต่าคุง in the sky เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 22:32:45

ความคิดเห็นที่ 2 ผมก็ไม่ได้รู้อะไรมากนักนะครับ เอาเป็นว่าเราแชร์ความคิดกัน ผมว่าความแตกต่างที่คุณเห็นคือด้าน "ภาษาภาพ" ครับ ทางญี่ปุ่นเค้าคงจะมีเงินลงทุนมากกว่า ทำให้เลือกใช้คนมีฝีมือได้ อีกทั้งสามารถใช้เวลาถ่ายทำได้นานกว่า หรือสามารถใช้อุปกรณ์การถ่ายทำที่ดีกว่า อันนี้คิดเอาเองครับ บุคคลากรฝีมือดีในวงการ ทางญี่ปุ่นก็อาจมีมากกว่า เพราะผมเห็นวงการภาพยนตร์ญี่ปุ่น ได้รับการยอมรับในระดับโลกค่อนข้างสูง ดังนั้นภาพยนตร์ญี่ปุ่นกับซีรีย์ญีปุ่น คุณภาพเลยไม่ทิ้งกันมากนัก ต่างกับของเกาหลี เกาหลีผมสังเกตุว่า ทั้ง ๆ ที่อุตสาหกรรมภาพยนตร์ค่อนข้างก้าวหน้า แต่ซีรีย์กลับยังอยู่ในวังวนเดิม ไม่ใช่่ว่าโปรดักชั่นไม่ดีนะครับ โปรดักชั่นออกจะเนี๊ยบ แต่บทละครและแนวความคิดกลับย่ำอยู่กับที่ เรียกว่าถ่ายสวย ฉากเยี่ยม คอสตูมยอด แต่ยังมีจุดอ่อนที่บทละครที่ซ้ำรอยเดิมและขาดความสดใหม่ อุตสาหกรรมภาพยนตร์เกาหลี ได้ยินว่ารัฐบาลเค้าสนับสนุนเข้มแข็งมากนะครับ เมื่อก่อนมีกฎที่ให้โรงภาพยนตร์ต้องฉายหนังเกาหลี เป็นกี่เปอร์เซนต์ในแต่ละปีด้วย เพิ่งมายกเลิกการสนับสนุนเมื่อไม่นานมานี้เอง มีการประท้วงจากพวกนักแสดงและพวกในวงการภาพยนตร์ด้วย ญี่ปุ่นโชคดีครับ มีทั้งทุนสร้าง มีทั้งบุคคลากรที่มีฝีมือ ผลงานเลยเนี๊ยบอย่างที่เห็น อีกทั้งประชากรก็มีทางเลือกให้เสพสื่อประเภทต่าง ๆ และแนวต่าง ๆ ค่อนข้างมาก มีอิสระในการเสนอแนวคิดใหม่ ๆ อยากให้บ้านเราเป็นแบบญี่ปุ่นจังเลย ไม่ใช่ผู้จัดละครอะไร ๆ ก็โบ้ยมาที่คนดูตลอด บอกว่าที่สร้างแบบนี้ เพราะคนดูชอบแบบนี้ ประมาณถ้าสร้างแบบมีหัวคิดจะไม่มีคนดูว่างั้นเถอะ ลงท้ายอดแทะละครบ้านเราไม่ได้ ขออภัยครับ จากคุณ : sianpa เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 22:35:08

ความคิดเห็นที่ 3 เท่าที่เคยเห็นพวก ถ่าย PV อะไรอย่างงี้ เค้าใช้เป็นรางเลื่อนอ่ะค่ะ แบบนี้ (ละครก็น่าจะใช้น๊า คิดว่า) จากคุณ : Kotoko_ChaN เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 22:37:02

ความคิดเห็นที่ 4 แล้วก็ใ้ช้กล้องแบบนี้ด้วย  หมุนไปเรื่อยๆได้ ส่วนละครไทยกับเกาหลีคงถ่ายแบบขาตั้งกล้องธรรมดาค่ะ (ไม่รู้ว่าตอบตรงคำถามรึเปล่า ถ้าไม่ตรงก็ขอโทษนะคะ) จากคุณ : Kotoko_ChaN เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 22:41:31

ความคิดเห็นที่ 5   น่าสนใจนะครับ มีภาพเบื้องหลังมาโพสต์แบบนี้ มีใครมีภาพเบื้องหลังของละครไทยหรือเกาหลีบ้างไหมครับ จากคุณ : Marty Mcfly เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 22:45:23

ความคิดเห็นที่ 6 เพิ่มเติมนิดนึงครับ สำหรับเรื่องภาษาภาพ ยืนยันว่าของเกาหลีไม่แย่อย่างที่เข้าใจนะครับ เมื่อวานผมเิพิ่งดูเรือง The man who can't get married ที่รีเมคมาจากเรื่อง Kekkon dekinai otoko เปิดมาฉากแรกเลย กล้องจับภาพระยะไกล ให้เห็นแมนชั่นแห่งหนึ่งครับ ภาพจับที่ชั้นล่างก่อน มีบทสนทนาดังขึ้นมา คนดูได้รับทราบแล้วว่า เรากำลังดูกิจกรรมของผู้ที่พักอยู่ในแมนชั่นแห่งนี้ เค้าค่อย ๆ เลื่อนขึ้นไปครับ แต่ละชั้นก็มีชีวิตและอารมณ์แตกต่างกันไป สนุกสนานกันบ้าง ทะเลาะกันบ้าง สังสรรค์กันบ้าง แต่สิ่งที่ทุกชั้นมีเหมือนกันก็คือ เค้ามีมีเพื่อน มีญาติ มีแฟน มีครอบครัว มีคนอยู่ด้วยมีคนคุยด้วยกันทั้งนั้นครับ แล้วกล้องก็มาจับที่ชั้นบนสุด ทีนี้กล้องค่อย ๆ เคลื่อนเข้าไป ทะลุกระจก ทะลุผ้าม่านเข้าไป คุณพระเอกของเราอยู่คนเดียวครับ กำลังทำสเต็กทานอยู่ ท่าทางเอ็นจอยกับการอยู่คนเดียวซะด้วย นี่ล่ะครับ "ภาษาภาพ" เค้าสามารถบอกเล่าให้คนดูได้ทราบตั้งแต่ฉากแรกว่า ผู้ชายคนนี้ ค่อนข้างแปลกแยกไม่เหมือนคนอื่นเอาซะเลย ส่วนอาทิตย์ก่อน เพิ่งดูเรื่องเจ้าชายกาแฟจบไป ทั้งการเซ็ตฉากทั้งภาษาภาพ ผมว่าไม่แพ้ญี่ปุ่นเลย คุณมาร์ตี้ คงไปเจอละครบางเรื่องเข้าน่ะครับ ที่ถ่ายภาพแข็ง แช่เฟรม แล้วก็เห็นเงาแข็งโป๊กแบบของบ้านเรา ไม่ได้เป็นอย่างนั้นทุกเรื่องหรอกนะครับ ผมยืนยัน จากคุณ : sianpa เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 22:49:43

ความคิดเห็นที่ 7 อ้อ แล้วก็อีกอย่างนึงค่ะ การถ่ายทำฉากของละครญี่ปุ่น บางฉากเป็นพื้นที่ห้องที่ไม่ใหญ่มากนัก เค้าจะทำเป็นฉากห้องจำลองขึ้นมาเลยค่ะ ไม่ได้ถ่ายทำในสถานที่จริงเพราะคงไม่สะดวก แค่กล้อง + ทีมงานก็เต็มห้องแล้ว ไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่ลักษณะเหมือนห้องใน PV One Room Disco ของวง Perfume ค่ะ คือเป็นเหมือนกล่องสี่เหลี่ยม ไม่มีกำแพงด้านนึง ไว้ให้กล่องถ่ายเข้าไปได้ (แต่ของกองถ่ายละครใหญ่กว่าในรูปตัวอย่างนี้นะคะ อันนี้ก็ออกจะเล็กเกินไป) ฉากห้องของละครเค้าทำซะสวยเลยค่ะ แต่ของไทยนี่คงไม่มีทุนทำขนาดนี้ ^^" แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 52 23:07:43 จากคุณ : Kotoko_ChaN เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 52 23:05:36

ความคิดเห็นที่ 8 เบื้องหลังโนดาเมะอินยุโรป  มี 6 part ทุ่มเทมากค่ะ เสียดายไม่มีซับ  แต่ก็มองเห็นการทำงานระดับหนึ่ง จากคุณ : aonton เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 52 02:05:56

ความคิดเห็นที่ 9 เค้าทุนหนาแล้วก็ลงรายละเอียดกับงานมากๆน่ะค่ะ อย่างถ่ายแค่รายการวาไรตี้อย่าง SMAPxSMAP แค่นี้ มีกล้องหลักอยู่ 3 ตัว แถมด้วยกล้อง handy อีก 1-2 ตัว ดูเอาจากเวลารายการเอาเบื้องหลังมาฉายน่ะค่ะ บางคลิปที่เป็น live บางทีก็จะเห็นตากล้องวิ่งไปวิ่งมา ถ่ายไปหลบไป ยิ่งถ้าเป็นคลิปคอนเสิร์ทด้วยแล้ว นอกจากจะมีตากล้องวิ่งไปวิ่งมา ยังต้องมีคนวิ่งตามถือสายไฟให้ตากล้องอีกสองสามคนอีกต่างหาก แล้วกล้องก็ไม่ใช่ตัวเดียวด้วยนะ มีเป็นสิบล่ะค่ะ เอาแค่คลิปนี้นะคะ จะเห็นกล้องตั้งอยู่ข้างหน้าเวทีสองตัว แต่จากหลายๆมุมกล้อง จะรู้ว่ามีกล้องข้างหลังคนดูอีกอย่างน้อย 1-2 ตัว แถมมีมุมสูงด้วย และคงต้องมีกล้อง handy อีกอย่างน้อยหนึ่งตัว ถึงจะถ่ายจากบนเวทีกลับไปหาคนดูได้ เวลาถ่ายละคร เราคิดว่าจำนวนกล้องอะไรพวกนี้คงไม่หนีกันเท่าไหร่ แล้วพอมีหลายมุมกล้องให้เลือก หลาย footage ให้ใช้ คนตัดต่อก็เลยมีอะไรให้เล่นเยอะ แก้ไขเมื่อ 01 ต.ค. 52 05:27:47 จากคุณ : NAJ เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 52 05:26:00

ความคิดเห็นที่ 10 แต่เรื่องจำนวนกล้องก็ไม่ใช่เป็นสิ่งเดียวที่สร้างความแตกต่างให้กับคุณภาพงาน ส่วนตัวเราว่าต้องชมมาตั้งแต่คนคิด story board และผู้กำกับที่รู้จักเลือกใช้ของที่มีอยู่ อย่าง CM นี้ ที่สร้างความฮือฮาในญี่ปุ่นไม่น้อยตอนเปิดตัวใหม่ๆเมื่อเดือนที่แล้ว อันนี้ใช้กล้องเดียว ถ่าย one cut ถ้าดูเบื้องหลังจะเห็นตากล้องวิ่งทุลักทุเลลงบันไดมาเรื่อยๆ แต่ภาพออกมาสวย ดูดีกว่าโฆษณาหรือละครบางเรื่องที่ใช้กล้องหลายตัว ตัดไปตัดมาซะอีก นี่ว่าแค่เรื่องภาพนะคะ ไม่ได้พูดถึงเรื่องฉาก prop อลังการงานสร้างอื่นๆใน CM ตัวนี้เลย ก็ต้องชมคนคิด story board แล้วก็ความเจ้าบุญทุ่มจริงจังกับงานของคนญี่ปุ่นเค้าล่ะค่ะ เพราะแค่ถ่าย CM แค่นี้ ค่าตัว presenter ก็ปาไปเหยียบร้อยล้านเยนเข้าไปแล้ว นี่ยังจ้างตากล้อง ผู้กำกับ ทีมงานระดับโลกที่เคยทำ MV ให้ Michael Jackson มาทำอีก คือนอกจากทุนหนาแล้ว เราว่าคนประเทศเค้ายังทำอะไรแบบทุ่มสุดตัว ต้องทำให้ดีที่สุดจริงๆ ถ้าเป็นอย่างที่ไทย พูดตรงๆนะคะ สินค้าบางตัวได้ presenter ระดับ A+ อย่างทาทาอย่างป๋าเบิร์ด แต่พอเวลาถ่ายทำจริงๆ มุมกล้อง เนื้อหาไอเดียต่างๆ กลับธรรมดามากๆ อาศัยแต่ชื่อ presenter เท่านั้น มัวแต่ไปทุ่มจ่ายตรงค่าตัว presenter แต่ส่วนอื่นๆกลับละเลย งานที่ออกมามันเลยไม่สุด ไอ้โฆษณายาแก้ปวดซาร่านั่นน่ะ เสียดายมาก ได้ทาทามาทั้งที เล่นอะไรได้อีกตั้งเยอะ นี่เอามายืนพูดๆ แต่งตัว จัดแสง มุมกล้องอะไรไม่ได้ต่างจากสินค้าตัวอื่นๆเท่าไหร่ เผลอๆจะแย่กว่า ถ้าทำดีๆ ไหนๆก็ทุ่มไปแล้ว ทุ่มเพิ่มอีกนิดทำให้เป็น talk of the town ไปเลย เอาเฉพาะไอเดียงาน ผลงานของคนไทยเราไม่แพ้ใครหรอกค่ะ ขอแค่พิถีพิถันตั้งใจกับทุกส่วนหน่อยแค่นั้นเอง จากคุณ : NAJ เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 52 05:46:34

ความคิดเห็นที่ 11 ใครเคยดูรายการนี้บ้าง Run for Money (หรือ วิ่งไล่จับนั่นเอง) ผู้เข้าแข่งขันเกือบยี่สิบคน  คนวิ่งไล่อีก ก็คิดดูแล้วกัน มีกล้องตามทุกคน แถมกล้องถ่ายจากเครื่องบิน มุมสูงจากตึก คิดว่าแข่งครั้งนึงใช้กล้องไม่ต่ำกว่าสามสิบตัว (รวมกล้องเล็กๆ ติดตัวด้วยนะ) เรื่องกล้องกับคุณภาพของญี่ปุ่นดีอยู่แล้ว ไม่งั้นเราจะใช้กล้องนิคอน แคนนอน โซนี่กันเหรอ  คุณภาพกล้องดี คนคิดกล้องดี คนใช้ก็ต้องดีกว่าอยู่แล้ว (ส่วนมากนะ คิดว่าคนไทย หรือชาติไหนๆ คนเก่งก็มีอยู่แล้วแหล่ะ แต่ที่ญป.อาจจะมากว่าหน่อย เพราะพี่เค้าเปนประเทศผู้ผลิตนี่) แต่อย่างไรก็ตาม.....คุณภาพเนื้อเรื่องของญป. ถูกใจมากมาย อย่ามาเทียบละครไทย.....เสียอารมณ์ ตบตี แย่งสามี แย่งสมบัติ ฯลฯ แก้ไขเมื่อ 01 ต.ค. 52 09:22:55 จากคุณ : คุณนายปลาดิบ เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 52 09:22:29

ความคิดเห็นที่ 12 ปล.รายการ Run for Money เราชอบมาก มีทีไรต้องดูให้ได้ ถ้าไม่ได้ดูก็ต้องอัดเอาไว้กลับมาดู ดูแล้วลุ้นมาก เหนื่อยแทนคนวิ่ง  ไอ้คนที่วิ่งไล่เนี่ย คิดว่าต้องเป็นนักวิ่งแน่นอน เพราะเวลาพี่แกเห็นใครแล้ว ลองได้วิ่งไล่ ส่วนมากจะทันตลอด หน้าตาก็ไร้อารมณ์ แต่ดูโหด ใครไม่เคยดูแนะนำให้ดู แล้วจะชอบ สนุกมากๆ แค่วิ่งไล่จับเนี่ย แต่ลุ้นมากมาย จากคุณ : คุณนายปลาดิบ เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 52 09:26:00

ความคิดเห็นที่ 13 รู้แต่ว่า เวลาดูละครแล้วมีฉากห้องพระเอก ที่ทำงานนางเอก หรือห้องเรียน โรงยิม ตอนแรกคิดว่าไปถ่ายกันในสถานที่จริง  ที่ไหนได้ เซ็ทฉากอยู่ในสตูดิโอทั้งนั้น  แต่จัดพร๊อบ จัดแสง หามุมถ่ายซะยังกะของจริง  ชอบตรงนี้แหละค่ะ มันสะท้อนว่าเค้าละเอียดอ่ะ จากคุณ : ntta33 เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 52 10:33:37

ความคิดเห็นที่ 14 ท่านมุ้ยเคยพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้นะคะ จากกระทู้นี้ ที่มีคนเชียร์ท่านให้ดูโนดาเมะ แล้วท่านก็ดู และชอบด้วย http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/2009/03/A7681099/A7681099.html ท่านคอมเมนท์โนดาเมะตั้งแต่ความเห็นที่ 479 ลงไปค่ะ ความแตกต่างของเทคนิคการถ่ายทำระหว่างซีรีย์(เรื่องโนดาเมะ) กับละครไทย อยู่ตรงความเห็นที่ 484 ค่ะ ขออนุญาตท่านยกความเห็นของท่านมาลงตรงนี้ด้วยนะคะ __________________________________________________________ เท่าที่สังเกตุ เรื่อง Nodame นี่จะใช้กล้องเดียวถ่าย จะมีหลายกล้องถ่ายคือช่วงตอนมี Concert ซึ่งจำเป็นจะต้องถ่ายอย่างรีบเร่ง การใช้กล้องเดียวถ่ายจะช่วยให้การจัดแสงหรือเลือกมุมกล้องได้ดีกว่า ผิดกับละคอนของเราที่ใช้กล้องสามกล้องขึ้นไปในการถ่าย ซึ่งการจัดแสงจะต้องจัดอย่างถัวเฉลี่ยสำหรับกล้องทั้งสามกล้อง และการเลือกมุมกล้องจะตกเป็นของคนตัดภาพไม่ใช่ผู้กำกับ ซึ่งจะถูกลดอำนาจลงมาเป็นเพียงคนกำกับบท การใช้กล้องเดียวถ่ายเหมือนกับการถ่ายหนังจะช่วยให้การวางมุมกล้องได้ ละเอียดขึ้น การจัดแสงที่เฉียบคมและการกำกับสามารถเข้าถึงดารามากกว่าการใช้สามกล้องถ่าย รวบยอดทั้งซีน(แต่จะช่วยให้ถ่ายได้เร็วขึ้น) จากคุณ : Cinephile - [ วันจักรี 10:00:55 ] __________________________________________________________ ซึ่งเราคิดว่า โดยรวมแล้วซีรีย์ญี่ปุ่นน่าจะใช้เทคนิคเีดียวกันนี้เป็นส่วนใหญ่นะคะ คงถ่ายเป็นซีนไปเหมือนถ่ายหนัง แก้ไขเมื่อ 01 ต.ค. 52 10:47:29 แก้ไขเมื่อ 01 ต.ค. 52 10:46:09 จากคุณ : Everything you know is wrong เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 52 10:44:20

ความคิดเห็นที่ 15 เห็นด้วยค่ะ เลยชอบดูละครญี่ปุ่นมากๆ เราเป็นคนชอบดูหนัง ละครที่ภาพสวยมากๆ แล้วก็ญี่ปุ่นทั้งภาพสวย เืนื้อเรื่องดี แล้วฉากที่ทำก็ละเอียดมากๆเหมือนจริงมากๆ บางทีไม่รู้เลยว่าเป็นฉาก รู้ตอนดูเบื้องหลังโน่นแหละ ปล. ให้กิ๊ฟท์คุณ Kotoko_ChaN >< เพราะมียามะจัง 555 จากคุณ : ไม่ควรรักเธอ เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 52 10:56:43

ความคิดเห็นที่ 16 ^^^ เลียนแบบข้างบนมั่ง 5555 ปล. ให้กิ๊ฟท์คุณ Kotoko_ChaN >< เพราะมีสาวๆ Perfume 555 จากคุณ : Love Nocchi & Mariko sama เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 52 15:26:30

ความคิดเห็นที่ 17 อ่านกระทู้แล้วกำลังนึกถึงที่ท่านCinephile เคยคอมเม้นท์ไว้ เลื่อนลงมาเจอ คห.14พอดี ขอบคุณมากค่ะ เรื่องนึงที่เราว่าจัดแสงและมุมกล้องได้ดีมากๆคือlast friends บางฉากนี่เหมือนกำลังดูหนังอยู่เลย (อย่าหาว่ากระแดะเลยนะ) ตอนนี้กลายเป็นว่ากลับไปดูละครไทยไม่ได้แล้วค่ะ ดูแล้วแบบว่าอึดอัด ขัดใจมาก ตัดไปตัดมา บางทีก็ถ่ายหัวหายบ้าง หลุดเฟรมบ้าง ยังไม่นับเนื้อเรื่องเสื่อมอีกนะ จากคุณ : SPEED STAR เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 52 20:11:36

ความคิดเห็นที่ 18 เราก็ไม่ได้ศึกษามาทางนี้เหมือนกัน เอาจากความรู้สึกนะคะ จะรู้สึกว่าภาพของทาง ฝั่งญี่ปุ่น จะให้ความรู้สึกสื่อถึงอารมณ์ได้มากกว่า เวลาดูแล้วรู้สึกได้ถึงฤดูกาล บรรยากาศ และ ความรู้สึกของตัวละครนั้นๆ โดยเฉพาะแสงนี่รู้สึกได้ว่าจะโดดเด่น เป็นเอกลักษณ์เลย จนบางครั้งนึกสงสัยว่าไอ้แสงแบบนี้มันมีที่เดียวบนโลกรึเปล่า แล้วก็เรื่ององค์ประกอบของภาพ น้อยแต่มาก ไม่ค่อยรกหูรกตา เหมือนไม่ว่ากล้อง จะตัดภาพไหนมา มันจะรู้สึกได้ว่านี่คือภาพที่เขาจัดองค์ประกอบเอาไว้แล้ว ซึ่งทำ ให้เราสงสัยมาตลอดว่า ซีรี่ย์นี่เขาเขียนสตอรี่บอร์ดกันรึเปล่า จากคุณ : Mithrandia เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 52 20:50:29

ความคิดเห็นที่ 19 ขอเพิ่มเติม รูปของ คห.3 และ 4 รูป3 เขาเรียกว่าการ dolly ครับ เมืองไทยใช้รางแบบนี้ เป็นประจำอยู่แล้วครับ ส่วนรูป 4 เขาเรียกว่า เครน ครับ ใช้ถ่ายจากมุมสูงครับ เครนสมัย ควบคุมอัตโนมัติได้หมดครับ ญี่ปุ่นเขาจะเน้นการใช้ภาพในการสื่อความหมายออกมาครับ เรียกว่า sybomlic (ไม่รู้สะกดถูกหรือเปล่านะครับ) จากคุณ : k.y.u.club เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 52 21:46:30

ความคิดเห็นที่ 20 เสริม คุณ k.y.u.club ซักนิดนะครับ พอดีเรื่องนี้เคยอ่านมา การใช้ภาพสื่อความหมายออกมา ก็คือภาษาภาพนั่นแหละครับ รวมหมดทั้งการให้แสง การจัดสี การจัดเฟรมภาพ ระยะใกล้ไกล มุมกล้อง ทุกอย่างที่รวมกันเป็นภาพ ถ้าสิ่งนั้น ๆ สามารถสื่อความหมายออกมาให้คนดูเข้าใจ เราเรียก ภาษาภาพ ครับ ส่วน symbolic คือสัญลักษณ์ เป็นสิ่งที่แทนความความหมายที่เราจะสื่อ อย่างเช่นฝนตก สื่อความหมายถึงอารมณ์เศร้า ภาพพระอาทิตย์ขึ้น สื่อความหมายถึงการเริ่มต้นใหม่ หรืออาจจะเป็นดอกกุหลาบในเรื่องร้านดอกไม้ ไพ่ในเรื่อง love shuffle หรือน้ำครึ่งขวดใน around 40  พวกนี้เป็น symbolic ครับ สำหรับคนที่ดูละครเรื่องนั้น ๆ ก็จะทราบความหมายที่สิ่งเหล่านี้เป็นตัวแทนอยู่ครับ แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 52 09:43:05 จากคุณ : sianpa เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 52 23:05:12

ความคิดเห็นที่ 21   ก็ดูแค่ละครไตเติ้ลซิคะที่ขึ้นเครดิตนักแสดง ทีมงานอ่ะค่ะ แค่นี้ก็กินขาดแล้ว ของทางญี่ปุ่นเขาถ่ายทำกันแยกต่างหากไปเลย ทำให้เข้าใจอารมณ์ละคร มากขึ้นไป แถมเทคนิคใช้ก็สุดยอดมากๆ ดึงดูดเชิญชวนให้ดูละครสุดๆเลย ดูอย่างเรื่อง maou ก็ได้ค่ะ เรื่องนี้เราแค่ดูไตเติ้ลเราก็ใจเต้นด้วยความ ตื่นเต้นแล้ว แถมทำแบบไม่นอกเหนือละครด้วย รายละเอียดถ้าเก็บดีๆจะรู้ว่า มีอยู่ในละครหมด เราว่าสุดยอดอ่ะ เพราะอย่างนี้เค้าถึง พวก ost และ dvd series ได้แบบไม่ต้องไปโปรโมตประเทศอื่นเลยจริงๆ(เพราะแค่ขายในประเทศเค้าก็ยอดขายดีอยู่แล้ว) จากคุณ : sakuraiba เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 52 16:29:11 A:161.246.25.222 X:161.246.254.167

ความคิดเห็นที่ 22 ความเห็นตรงกันเลย มีช่วงหนึ่งที่ดูแต่ญี่ปุ่น แล้วกลับมาดูละครไทย โอ้แม่เจ้า ตาลายไปหมด สับสนกับกล้องมากๆ จากคุณ : clubbank_max เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 52 11:03:14

ความคิดเห็นที่ 23   ภาพยนตร์ได้มั๊ยคะ จาก crows zero II เป็นภาพในกองถ่ายเห็นว่าน่าสนใจดี จากคุณ : ogurin เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 08:11:57

ความคิดเห็นที่ 24   สังเกตฉากเขียว ๆ ส่วนที่จะเป็นcg จากคุณ : ogurin เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 08:13:14

ความคิดเห็นที่ 25   3 จากคุณ : ogurin เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 08:14:20

ความคิดเห็นที่ 26   costume งานหนักมากก จากคุณ : ogurin เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 08:20:14

ความคิดเห็นที่ 27   prop ก็ต้องเผื่อเยอะ ๆ จากคุณ : ogurin เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 08:23:07

ความคิดเห็นที่ 28   -_-; จากคุณ : ogurin เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 52 08:26:50