Spoil___ตามประสาคนดูหนังแล้วคิดเยอะ ไม่รู้ว่าคนอื่นจะคิดเหมือนกันหรือเปล่าครับ พอดีว่าไปดูหนังเรื่องนี้มา แล้วตั้งข้อสังเกตขึ้นมาได้ 1 ข้อ (จริงๆมีอีกแต่หาข้อมูลอยู่) เรื่องเกี่ยวกับ "มาม่า" ในเรื่อง รถไฟฟ้า..มาหานะเธอทำไมมาม่าต้องต้ม 3 นาที?สังเกตว่าภายในเรื่องตัวละครจะมีความสัมพันธ์กับมาม่า 2 ครั้ง คือ ตอนที่พระเอกจะต้มมาม่าให้นางเอกกินรองท้องก่อนขึ้นรถแท็กซี่ และตอนที่นางเอกผิดหวังเรื่องพระเอกต้องไปเรียนต่อเมืองนอก จึงกลับมาต้มมาม่าที่บ้านคนเดียว หนังกำลังจะบอกอะไรเราหรือเปล่า? ผมว่าเขากำลังจะบอกเรื่องสาระของ การรอคอย และ "ความอดทน" ครั้งแรกในรถแท็กซี่ นางเอกเปิดกินในขณะที่เพิ่งใส่น้ำร้อนไปแค่ 1 นาที พระเอกก็บอกว่า ก็ข้างถ้วยเขาเขียนให้รอ 3 นาที นางเอกก็เถียงว่าชอบกินแบบนี้ เส้นกรอบๆแบบนี้ ถ้าเรามองแบบเปรียบเทียบ ม่าม่ากับความรัก .. เหมือนหนังกำลังบอกว่า ทั่วไปตามสากลโลก ความรักมันมีเวลาของมัน การบ่มเพาะเส้นของความรักให้นุ่มพอดี พอเหมาะเข้าปากนั้น ต้องใช้เวลา แม้นางเอกอาจจะชอบเส้นกรอบๆ ที่ใช้เวลาน้อย แต่ความรักเป็นเรื่องของคน 2 คน จะตัดสินด้วยความชอบเพียงฝ่ายเดียวไม่ได้ และเวลาอีก 2 ปีที่พระเอกจะไม่อยู่ ก็คือช่วงเวลาที่จะบ่มเพาะความรัก ให้สามารถกินได้ทั้ง 2 ฝ่ายนั่นเอง มาม่ามักถูกใช้เป็นตัวช่วยของคนที่ ไม่มีเวลา ไม่มีเวลาทำกับข้าว ไม่มีเวลาไปหาอาหารกินข้างนอก เหมือนในเรื่องนี้ นางเอกคิดว่าตนเองไม่มีเวลาจะรอพระเอกแล้ว เพราะอายุก็มาก เหงาก็เหงา กินข้าวคนเดียว แต่จะให้ทำอย่างไร แม้แต่มาม่ายังมีเวลา 3 นาทีของมัน แล้วความรักล่ะ? จึงมาสู่ตอนที่นางเอกเครียดในการต้มมาม่าคนเดียวที่บ้าน อยากกินเร็วๆแต่อะไรก็ขัดใจไปหมด น้ำก็ไม่ได้ต้มไว้ ฉีกซองเครื่องปรุงก็ลำบาก เนื่องจากความใจร้อน มองแต่เป้าหมาย แต่ลืมมองระหว่างทาง การจะกินมาม่า ต้องต้มน้ำ ต้องค่อยๆเตรียมเครื่องปรุง เหมือนความรัก หากจะมองแต่เป้าหมายว่าฉันกับเขาจะต้องรักกัน แต่ลืมใส่ใจระหว่างทาง ภาพนั้นคงไม่เกิดมาม่า ก็เป็นตัวแทนหนึ่งของคนในสมัยนี้ ที่ต้องใช้ชีวิตเร่งรีบ ทุกๆอย่างต้องแข่งกับเวลา จนลืมไปว่า เรื่องที่ละเอียดอ่อนอย่างความรัก มันเร่งรีบไม่ได้หรอกสรุปคือ ผมคิดว่า หนังใช้มาม่าสอนเราในเรื่องความรัก ถ้าคิดจะรัก ก็ต้องเรียนรู้ที่จะรอ ต้องอดทน คนสมัยนี้มักขาดความอดทนครับ แลกเบอร์กันไม่กี่วัน ก็อยากให้อีกฝ่ายเรียกเราว่าแฟนแล้ว น่าจะมองดูว่า แม้สิ่งที่จะช่วยเราประหยัดเวลามากแค่ไหน อย่างมาม่า มันก็ยังมีเวลาของมัน แล้วกับความรัก ก็เช่นกัน---
คิดอย่างไรบ้างครับ? ^^
เราว่าเหม่ยลี้ต้มเกิน1นาทีด้วยไหนจะต้องเดินขึ้นรถอีก อิอิอ่านกระทู้นี้แล้ว มันไม่ไร้สาระเลยน่ะค่ะแต่ไม่มีกิฟท์จะให้ อิอิ แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 52 03:26:58
แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 52 03:26:58
ดูจากเส้นแล้วเกิน 1 นาทีแน่นอน
คุณพระ !!ผู้กำกับเค้าคิดได้ขนาดนี้ หรือคิดมากไปเองเนี่ย
คิดว่า แล้วแต่จะตีความนะ ทุกอย่างถ้าจะตีความก็ตีได้หมด แต่ก็เป็นข้อคิดดีๆ
3 give + 1 vote !!วิเคราะห์ได้ดีมากครับ
ล้ำลึกค่ะเป็นอีกแง่มุมหนึ่งที่น่าสนใจ บางคนชอบกินมาม่าแบบกรอบๆ ไร้การเติมแต่ง ไม่ใส่น้ำร้อน แกะแล้วกินเลยบางคนชอบกินมาม่าแบบฟูลออฟชั่น เครื่องแบบอลัง ใส่หมูเห็ดเป็ดไก่พร้อมผักใบเขียว เพื่อครบห้าหมู่บางคนชอบกินมาม่าแบบตามจริง เท่าไรก็เท่านั้น ใส่น้ำร้อน รอเวลา ไม่ไขว่คว้าสิ่งใดๆแต่ละคน ก็มีวิธีกินไม่เหมือนกัน สูตรใครสูตรมันเนอะมาม่า..มันก็ยังมีเวลาของมัน แล้วกับความรัก..ก็เช่นกัน^^ประทับใจประโยคนี้ของคุณ modjo! มากค่ะ
เห็นรูปประกอบแล้วหิวตอนดึกเลย ...
ผู้กำกับรู้เข้า ดีใจตายเลยยยย !!...หนังเค้าลุ่มลึกได้ขนาดนี้สสสส !!!...ชื่นชม จขกท. นะครับ ในความช่างคิด (ไม่ได้ประชดนะครับ--น่ายืมไอเดียมาม่ากับการรอคอยไปใช้จริงๆ ..อิอิ.. ) ..แต่สำหรับหนังเรื่องนี้..ผมไม่คิดว่าคนทำจะคิดลึกซึ้งขนาดนั้น..เพราะโดยส่วนอื่นๆที่ประกอบกันเป็นหนังทั้งเรื่องก็ไม่มีส่วนไหนที่ทำให้ดูแล้วรู้สึกได้ว่าคนทำมีแง่มุมต่อชีวิตและความรักที่ลึกซึ้งแต่อย่างใด... .. ....
ดูหนังแบบปรัชญามากเลยครับ นึกไม่ถึงเลยจริงๆ จุดนี้ ๕๕๕+
รักแล้วรอหน่อย ^^
เอ่อออ ผมว่า ผกก. เค้าก็คงตั้งใจให้คิดแบบนี้แหละครับ
ช่างคิดมากกกกกผมก็ชอบมาม่าแข็งๆ เหมือนกันครับ
ตอนดูนางเอกขัดใจมาม่านี่ไม่ได้นึกมาถึงตรงนี้เลยค่ะ กด gift และ vote ไปไม่รอช้า
ถ้าจะตีความกันละเอียดแบบนี้ ก็จะมีจุดอีกเยอะครับเช่นต้นเรื่อง นางเอกเมา และก็มีฉากที่กินเบียร์ จนพระเอกแซวเรื่องกลิ่นละมุดแต่หลังจากเจอพระเอกก็ไม่มีเรื่องแบบนี้อีกเลย.. วิเคราะห์ได้อีกยาวเลยครับ ซึ่งผู้กำกับคิดแต่ละฉากลึกซึ้งขนาดขั้นหรือเปล่าผมก็ไม่รู้หรอกครับ และผมไม่วิเคราะห์หรอกครับ เพราะผมดูแค่นี้ก็มีความสุขมากโขแล้ว
ความรักผมรอคอยได้ครับแต่มาม่าขี้เกียจรอ หิว!
ไม่รู้สิ เหมือนกับเคยเห็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อไหนไม่ทราบ มีคำแนะนำข้างซองว่า "ต้มเพียง 3 นาที"คำว่า "ต้ม" น่าจะเป็นการนำไปใส่ในน้ำแล้วนำไปตั้งไว้บนไฟแต่บะหมี่ ใช้น้ำที่ต้มสุกร้อนๆ มาเทใส่ น่าจะใช้คำว่า "ลวก" มากกว่าแต่ถ้าบะหมี่ต้องต้ม 3 นาทีจริงๆ เกรงว่าจะได้กินโจ๊ก ซะมากกว่าขอโทษนะที่ต้องมาวิเคราะห์คำว่า "ต้ม" ของเจ้าของกระทู้แทน เพราะคิดว่า ผกก คงไม่วางบทให้คนคิดลึกขนาดนั้น เพราะหนังไม่ใช่แนวสืบสวนสอบสวน หรือฆาตรกรรมอำพรางอะไร แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 52 03:13:54
แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 52 03:13:54
ความคิด จขกท. ดีนะครับ ที่เปรียบเทียบแต่ผมว่าผู้กำกับเขาคงไม่คิดลึก(มาก)ถึงขนาดนี้หรอกครับหนังดูสบายๆ ส่วนตอนหลังที่นางเอกกินมาม่า ยังไม่ทันได้ต้มเลย น้ำยังไม่ร้อนเลยครับ ^^
เข้าใจผูกเรื่อง ได้ใจๆผมแค่มองว่ามันคือโฆษณาแฝง เพราะขนาดกินมาม่าถ้วยยังเอาฝาไปแลกตั๋วได้เลยนะ แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 52 03:55:45
แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 52 03:55:45
พออ่านแล้วก็นึกถึงเรื่องกล้อง ที่ลุงบอกไว้ว่า...'ถึงจะพังไปแล้ว แต่ก็ยังมีเมมโมรี่อยู่'หรือก็คือถึงจะจากกันและความสัมพันธ์จะไม่ได้เป็นอย่างที่หวัง แต่ก็ยังมีความทรงจำอยู่ลุ่มลึกมากเลยอะ ผมนึกว่าเขาแค่โฆษณากล้อง มาม่า แว่นอะไรเทือกๆนี้ซะอีกเจ๋งว่ะ !! ( หรือว่าเราคิดมากไปเอง ) แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 52 04:21:09
แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 52 04:21:09
ผมว่าเขาตั้งใจครับ ไม่งั้นคงไม่มีตั้ง2ฉาก มาม่าอาจเป็นโฆษณาแฝง ได้สองต่อแหนะ
ผู้กำกับเขาก็ต้องคิดสิครับไม่งั้นเขาจะใส่ dialogue เรื่องนางเอกชอบกินมาม่าไม่สุกมาทำไมส่วนใคร จะตีความว่าอย่างไร ก็แล้วแต่ผู้ชมล่ะครับหรือไม่ที่จำเป็นต้องใส่ฉากมาม่าเข้าไป ก็อาจเป็นเพราะsponsorต้องการให้โฆษณาแฝงเลยต้องหาเรื่องราวใส่หน่อย จะได้ไม่ดูยัดเยียดผมคิดอย่างนี้นะครับ
ผมว่าบางทีคนดูก็ตีความกันไปเองมากกว่าครับ เห็นจากหลายๆเรื่องเลย คนเขียนบทไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่คนดูมักจะตีความงั้นงี้ใหญ่โตมากๆไปๆมาๆ กลายเป็นให้เครดิตกะคนเขียนบทโดยไม่รู้ตัว 555just my opinion na kub
ถ้าโฆษณาแฝงอ่ะ เชื่อ
ขอคิดลึกๆบ้าง ต่อจาก ค.ห. 20- เรื่องดาวหาง อาจจะมาครั้งเดียวและอาจไม่ได้เห็นอีกเลย ตอนฮัลเลย์มาเหมยลี่ไม่ได้ดู = คุณจะเก็บความรัก ความทรงจำที่ดีๆนี้ไว้รึเปล่า หรือจะยอมปล่อยมันไป เหมือนคราวที่พลาดดูดาวหางฮัลเลย์- พระเอก นางเอก และอีกหลายๆคนได้ดูดาวหางพร้อมกันแม้จะต่างสถานที่ต่างเวลา= ถ้าคุณเปิดใจที่จะเก็บ ความทรงจำดีๆใดๆไว้แล้ว ไม่ว่าคุณและเค้าจะอยู่ห่างไกลกันมากแค่ไหนก็สามารถสัมผัสความรู้สึกดีๆนั้นได้ตลอดเวลา
ช่างคิดมากๆเเต่มาม่าเส้นเเข็งก็อร่อยดีนะคะ
ถ้าเทน้ำร้อน ต้อง 3 นาทีครับ (บวกกับตอกไข่ด้วย แล้วเทพร้อมกัน) ถึงจะอร่อยครับถ้าต้มมาม่า ต้องรอให้น้ำเดือดก่อนครับ แล้วถึงค่อยใส่เส้นกับเครื่องปรุง ซักนาทีครึ่ง แล้วค่อยตอกไข่ใส่ ปิดฝาครบสองนาที จะอร่อยที่สุดครับจากมาม่าแมน (ผมจะแปลงร่างแล้วมาพบกันเพื่อนๆช่วงใกล้ๆสิ้นเดือน) แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 52 06:19:15
แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 52 06:19:15
ผมว่าคนดูร้อยละ99 ไม่ได้รับmessageนี้ครับคุณmodjo!เจ๋งมากที่ตีความประเด็นนี้ได้
คิดด้่ายงายยย
ถามว่าเป็นโฆษณาแฝงไหม? ผมว่าใช่นะครับแต่สิ่งที่สำคัญคือมันกลมกลืนไปกับตัวหนัง ไม่ทำให้อารมณ์หนังสะดุดไม่เหมือนหนังหรือละครบางเรื่องที่ขายของกันโต้งๆและที่เจ๋งคือ การใส่ความหมายเชิงสัญลักษณ์ไปในตัวสินค้าด้วย
อ่านจบแล้วก็หิวขึ้นมาเลยทีเดียว,,,ผมเห็นด้วยครับ
ก็มีรู้สึกนะ แต่รู้สึกไปทางโฆษณาแฝงมากกว่า .....ความรักบางทีไม่ต้องการเวลาก็ได้ครับ บางทีการรอคอยอาจจะทำให้ตัวผู้ที่รอ เจ็ปปวดได้เช่นกัน
เห็นด้วยครับ
นั่นซินะ
หลังจากอ่านจบ...อยากกินมาม่า ง่ะ
ดูหนังเรื่องนี้แล้วอิ่มใจจนไม่คิดถึงมาม่าต้องต้มกี่นาที
นั่นดิ
อืม คิดได้ละเอียดดีครับ
... เข้ามาดู