ความคิดเห็นที่ 1   Do you believe that someone who joins a terrorist group and trains to kill Americans deservers the death penalty even if they have never actually killed anyone? อันนี้นักวิชาการตัวแม่   Larry J. Siegel เ้ค้าตั้งคำถาม Critical Thinking อันนี้ผมสงสัยเหมือนกันครับ ลองคิดมุมกลับว่า แล้วทำไมการวิสามัญ"ผู้ก่อการร้าย"ถือเป็นเรื่องปกติที่พึงกระทำได้ล่ะครับ ถ้าในทางกระบวนการยุติธรรมจะปล่อยให้คงโทษประหารชีวิตไว้บ้าง ใช้จำนวนเท่าที่จำเป็น ดำเนินการให้โปร่้งใส เอามาประหารกลางที่สาธาณชน(ขัดหลักสหประชาชาติก็ช่างเค้า ประเทศตู เจือกไร) ตรรกะนี้คิดว่าไงครับ http://books.google.co.th/books?id=9nH0kSUMwGIC&pg=PT569&lpg=PT569&dq=Do+you+believe+that+someone+who+joins+a+terrorist+group+and+trains+to+kill+Americans+deservers+the+death+penalty+even+if+they+have+never+actually+killed+anyone%3F&source=bl&ots=6gAhFw5Pld&sig=zVlRuAqMJP0rmp-wnyEuhB8XoHM&hl=th&ei=pyPiStmPCYqQ6APFzp3qAQ&sa=X&oi=book_result&ct=result&resnum=1&ved=0CAoQ6AEwAA#v=onepage&q=&f=false จากคุณ : อีกด้านหนึ่งของดวงจันทร์ เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 05:18:29

ความคิดเห็นที่ 2 มาอ่านคะ แต่ว่าผิดห้องรึเปล่าคะ จากคุณ : hikaruki เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 05:37:47

ความคิดเห็นที่ 3   ไม่ผิดห้องหรอกครับ พอดีัวันก่อนผมอ่านเจอกระทู้ http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A8435597/A8435597.html http://www.pantip.com/cafe/social/topic/U8419425/U8419425.html เลยมาตั้งกระทู้นี้น่ะครับ ป.ล ไม่ใช่แค่นักสิทธิมนุษยชนหรอกครับ ที่ออกมาต่อต้านการประหารชีวิต แนวคิดนี้มันปลูกฝังไปยังพวกเจ้าหน้าที่หน่วยงานกระบวนการยุติธรรม ทั้งนักวิชาการพวก ก.ยุติธรรม ราชทัณฑ์ ........... แต่บางครั้ง ผมว่าแนวคิด ทฤษฎีทั้งหลายแหล่ วิจัย บทความวิชาการ มันก็สวนทางกับความรู้สึกของคนเลยนะครับ จนบางครั้งผมก็เกิดความสงสัย ตั้งคำถามขึ้นมาว่า แล้วถ้ามองมุมกลับ ถ้าเราอยู่ข้างสังคม และข้างเหยื่อล่ะ แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 52 05:51:22 จากคุณ : อีกด้านหนึ่งของดวงจันทร์ เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 05:49:21

ความคิดเห็นที่ 4 สงสัยเค้าใช้แนวคิดว่า นักโทษก็รักชีวิตเหมือนกัน แต่ฆ่าคนอื่นได้มั้ง ไม่เข้าใจเหมือนกันค่ะ ถ้ามีโทษประหารคนชั่นน้อยลงแน่นอน จากคุณ : invu เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 06:03:05

ความคิดเห็นที่ 5 รากความคิดมันต่างกันครับ พระเจ้าสร้างมนุษย์เป็นผลงานชิ้นเอก พระเจ้ารักมนุษย์ทุกคน ดังนั้นมนุษย์จึงมีสิทธิของคนเองในการอยู่กับพระเจ้า พระเจ้าจะตัดสินคนบาป ดังนั้นมนุษย์จึงไม่ควรที่จะเข้าไปจัดการในเรื่องพวกนี้ ทำได้แค่การควบคุมให้อยู่ร่วมกัน ไม่มีสิทธิตัดสินกันเอง หรืออีกนัยหนึง มนุษย์เป็นสิ่งประเสริฐเพราะเกิดมาเป็นมนุษย์ มีความดีติดตัวมาอยุ่แล้ว การกระทำชั่วเกิดจากการดลบันดาลของสิ่งชั่วร้าย(งูซาตานฯลฯ) ดังนั้นการละพวกนี้ไว้จึงเป็นการอภัยให้กลับตัวกลับใจ หันกลับมาทำความดี หันมาหาพระเจ้า ในขณะที่รากของเราใช้คือ มนุษย์เป็นสัตว์เกิดเพราะกรรม กระทำอย่างไรก็จะต้องได้ผลอย่างนั้น มนุษย์ไม่ต่างจากสัตว์ถ้าการกระทำเหมือนกัน หรืออีกนัยหนึ่ง มนุษย์เป็นสัตว์ที่ไหลไปตามกิเลส(ไหลลง) การกระทำอันใดล้วนเกิดจากเจตนาของเจ้าตัวที่ไม่รู้จักยับยั้งกิเลสของตนเอง ดังนั้นการสนองของการกระทำนั้น ต้องเกิดในระดับที่สมควรแก่การกระทำ แนวคิดแบบนี้มาจากการสั่งสอนทั้งนั้นแหละครับ ไม่ได้ว่าศาสนาไหนดีไหนถูก แต่ละแนวคิดล้วนสอนให้คนทำความดี แต่พื้นความคิดพวกนี้มันต่างกันโดยสิ้นเชิง ทำให้เกิดข้อขัดแย้ง แต่คนที่มีสองแนวคิดนี้ก็จะมีความเห้นต่อโทษประหารต่างกัน ขึ้นอยุ่กับแต่ละสังคมครับ ว่าเหมาะสมแบบไหน ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น ถ้าไม่มีการประหารให้สาสม สมมุติว่า ก ไปฆ่า A ซึ่งเป็นพ่อของ B ก โดนจำคุกตลอดชีวิต B เกิดความแค้น ไปฆ่า ข ซึ่งเป็นลูกสาวของ ก แถมแก้แค้นด้วยการฆ่าข่มขืนเพิ่อสร้างความ"เจ็บ"ให้ ก ผลคือ เพิ่มคนเคราะร้าย มาอีก2คน คือ Bที่ควรจะมีอนาคต กับ ข ซึ่งไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ในขณะที่ถ้าประหาร ก ให้สมกับการกระทำของเขา B กับ ข ก็อาจจะโกรธกัน หรือไม่โกรธกันเลย เพราะ ก ได้รับผลของเขาแล้ว สังคมนี้ก็อาจจะเสี่ยงกับ คนที่ ทำผิดแล้วกลัวความผิดจะก่ออาชญากรรมรุนแรงขึ้น แต่ถ้าเทียบกับการที่คนที่ยังไม่ได้ทำผิด จะกลัวโทษของการทำผิด กับการลดการจองเวรกันในสังคม สังคมนี้ก็"สมควร"ที่จะคงโทษประหารเอาไว้ ในการอภิปรายกันเรื่องนี้ อย่าเอาเรื่องจับแพะ ตัดสินผิดหรือ การใส่ร้าย มาอ้างนะครับ เพราะมันเป็นเรื่องที่ต้องเอามาคิดวิธีป้องกัน-แก้ทีหลังจากการกำหนดทิศทางแล้ว ถ้าไม่มีโทษประหารก้ไม่ต้องคิด ถ้ามีก็ต้องมีมาตรการเซฟตี้ เช่น อาจจะประหารในอีก5ปีให้หลัง เพื่อรอพยานหลักฐานเพิ่มเติม ฯลฯ และถ้ามัวห่วงสิทธิของส่วนน้อย ส่วนใหญ่ก็จะไม่สามารถดำรงอยุ่ได้เลย อาจจะฟังดูน่าหมั่นไส้ แหมถ้าเกิดขึ้นกับตัวผมจะรู้สึกยังไง คนใกล้ชิดเป็นแพะจะทำยังไง เราต้องยอมรับเพิ่อความเรียบร้อยของสังคมครับ อย่าเห็นแก่สิทธิส่วนบุคคลจนเห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่สังคม ไม่เห็นแก่ประเทศชาติ จากคุณ : กังป๋วย เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 06:29:29

ความคิดเห็นที่ 6 กฏหมายมีไว้ปราม ... จากคุณ : Walking in the Sunshine เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 07:12:57

ความคิดเห็นที่ 7 รากความคิดมันต่างกันครับ พระเจ้าสร้างมนุษย์เป็นผลงานชิ้นเอก พระเจ้ารักมนุษย์ทุกคน ดังนั้นมนุษย์จึงมีสิทธิของคนเองในการอยู่กับพระเจ้า ในขณะที่รากของเราใช้คือ มนุษย์เป็นสัตว์เกิดเพราะกรรม กระทำอย่างไรก็จะต้องได้ผลอย่างนั้น มนุษย์ไม่ต่างจากสัตว์ถ้าการกระทำเหมือนกัน หรืออีกนัยหนึ่ง มนุษย์ เป็นสัตว์ที่ไหลไปตามกิเลส(ไหลลง) การกระทำอันใดล้วนเกิดจากเจตนาของเจ้าตัวที่ไม่รู้จักยับยั้งกิเลสของตนเอง ดังนั้นการสนองของการกระทำนั้น ต้องเกิดในระดับที่สมควรแก่การกระทำ แนวคิดแบบนี้มาจากการสั่งสอนทั้งนั้นแหละครับ ไม่ได้ว่าศาสนาไหนดีไหนถูก แต่ละแนวคิดล้วนสอนให้คนทำความดี แต่พื้นความคิดพวกนี้มันต่างกันโดยสิ้นเชิง ทำให้เกิดข้อขัดแย้ง แต่คนที่มีสองแนวคิดนี้ก็จะมีความเห้นต่อโทษประหารต่างกัน จากคุณ   : กังป๋วย ^ ^ ขออนุญาตเจ้าของกระทู้ชี้แจงคคห.นี้นิดเดียวนะครับ เพราะเผื่อว่าใครมาอ่านแล้วขาดความเข้าใจถ่องแท้ จะเข้าใจผิด go so big ได้ คุณกังป๋วยเข้าใจผิดไปมากทีเดียวครับ ผมเกรงว่าความที่ยังไม่เข้าใจในแก่นแท้ของศาสนาเปรียบเทียบ   ทำให้คุณเข้าใจและตีความไปเองแบบไม่ถูกต้องครับ ตัวผมเองเรียนศาสนาคริสต์เพราะอยู่รร.คริสต์  จึงพอเข้าใจสิ่งที่คุณบอกพารากราฟแรก แต่อยากกระตุ้นให้คุณลองเปิดคำสอนศาสนาพุทธมาอ่านใหม่ คุณจะทราบเองว่าพุทธสอนตรงข้ามกับสิ่งที่คุณเข้าใจมากทีเดียวครับ ด้วยความเคารพมิตรต่างศาสนาครับ กลับเข้ามาตอบกระทู้เรื่อง "ถ้าโทษประหารชีวิตไ่ม่ดีทำไมอเมริกาถึงเอาโทษประหารชีัวิตกลับมาใช้ซํ้าล่ะครับ" ^ ^ เท่าที่ผมทราบ(ผมไม่เก่งเรื่องอเมริกานัก เพราะเรียนรร.ปะกิด นายเก่าก็ปะกิด มีแฟนก็เป็นคนปะกิด) อเมริกาไม่ไ้ด้ "นำโทษประหารกลับมาใช้ใหม่"นะครับ อเมริกาเป็นประเทศแบบ "หลายรัฐมารวมกันเป็น united states" กฎหมายของเขาจึงเป็นเอกเทศในแต่ละรัฐ  คือมีกฎหมายร่วม แต่กฎหมายลูกต่างกัน ให้ตรงตามภูมิสังคมของแต่ละรัฐครับ รัฐของอเมริกาจึงมีทั้งรัฐที่ยกเลิกโทษประหารแล้ว เช่น นิวยอร์ก แต่รัฐอย่างแคลิฟอร์เนีย ไมอามี่ คงโทษประหารอยู่ครับ ยกเลิกไม่ได้เพราะปชช.ยังสนับสนุนอยู่ วอนผู้รู้มาช่วยเสริม หรือช่วยแก้ข้อมูลให้ผมด้วยถ้าผมจำผิดนะครับ (แก้ไข font ครับ) แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 52 07:21:07 แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 52 07:20:33 จากคุณ : ผึ้งน้อยพเนจร เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 07:19:01

ความคิดเห็นที่ 8 ในสายตาคนพวกนี้ ฆาตกร คือ ฝ่ายถูก และ น่าสงสาร เหยื่อ คือ คนดวงซวย และ ช่างมันเถอะ เท่านั้นครับ จากคุณ : Limelight เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 07:34:25

ความคิดเห็นที่ 9 เพิ่งเข้าไปอ่านบทความตามลิงค์หนังสือและลิงค์กระทู้ที่คุณจขกท.ให้ไว้ จึงขอมาตอบเพิ่มดังนี้ครับ 1. โดยส่วนตัว ผมเป็นพุทธเอามากๆ จึงไม่เห็นประโยชน์อันใดที่จะตัดรอนชีวิตผู้อื่น การให้โอกาสผู้กระทำผิดได้แก้ไขความผิด เป็นผลดีสูงสุดกว่าในแง่ของจิตวิญญาณ ผมเองรู้สึกว่าการประหาร ปราณีนักโทษด้วยซ้ำ เพราะตายเร็วไป การชดใช้กรรมในคุกจนชั่วชีวิตทรมานกว่า และด้วยช่วงเวลาที่เหลืออยู่นี้..คนๆนั้นอาจพลิกใจตัวเองมาทำประโยชน์ให้ผู้อื่นได้ เช่น ฆาตกรต่อเนื่องของอเมริกาหลายคนที่ก่อเหตุในรัฐที่ไม่มีโทษประหาร เขาติดคุกตลอดชีวิต ระหว่างติดคุก มีนักเขียน สื่อมวลชน นักจิตวิทยา นักวิจัย เอฟบีไอ มาสัมภาษณ์ขอข้อมูลเชิงลึกจากเขาเพื่อนำไปศึกษาต่อ ในวิชา "จิตวิเคราะห์"บ้าง วิชา "พฤติกรรมอาชญากร"บ้าง ฯลฯ คำให้สัมภาษณ์ และการร่วมมือในการทดสอบของนักโทษเหล่านี้ ช่วยสร้างคุณประโยชน์ให้กับองค์ความรู้เรื่องอาชญากรรมมากมาย การฆ่าทิ้งเพื่อให้ตายตกตามกัน นอกจากไม่เกิดประโยชน์แล้ว ยังต่อเวรกรรมไม่จบสิ้น แต่..... แต่ผมก็เป็นพสกนิกรใต้ร่มโพธิ์สมภารของในหลวงท่าเช่นกัน ท่านทรงสอนเราตลอดเวลาว่าจะทำอะไร จะเปลี่ยนแปลงสิ่งใด ให้นึกถึง "ภูมิสังคม" ของคนที่เราจะเปลี่ยนแปลง หรือสังคมที่เราจะปรับปรุง ก่อนเสมอ ภูมิสังคมของไทย ยังไม่เหมาะกับการยกเลิกโทษประหารจริงๆครับ 2. ผมสังเกตคำกล่าวของเอ็นจีโอที่เรียกร้องให้ยกเลิกโทษประหารเพราะ "ไม่มีผู้ใดเข้าไปทำลายชีวิตของใครได้" NGo มองด้วยมุมมองของ "สิทธิ" ซึ่งเป็นหลักตรรกะ+เหตุผลอย่างมาก จึงไม่สามารถ "ชนะใจ" ประชาชนที่เต็มไปด้วยความรู้สึกได้ครับ จากคุณ : ผึ้งน้อยพเนจร เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 07:35:46

ความคิดเห็นที่ 10   ยกเลิกโทษประหารก็ได้ แต่ไห้เลิกเอาเงินภาษีไปเลี้ยงพวกนี้ด้วย ไห้ปลูกข้าว เลี้ยงหมู เลี้ยงไก่ กินกันเอาเอง ถ้าเหลือก็ส่งไห้รัฐเอาไปขาย จากคุณ : call เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 07:48:17 A:117.47.135.125 X: TicketID:165031

ความคิดเห็นที่ 11 สังคมมันเสื่อมขึ้น โทษประหารกลับน้อยลง ขัดแย้งกับความเป็นจริง โทษประหาร จึงควรกลับมาใช้ซ้ำอีก เพราะคนชั่วส่วนใหญ่มันไม่กลัวหรอกเวรกง เวรกรรม มันกลัวตายกัน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องความเอาตายนี่แหล่ะ กำหลาบพวกคนชั่ว จากคุณ : แจ๋ว ริมคอมพ์ เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 07:48:51

ความคิดเห็นที่ 12 edit แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 52 07:55:01 จากคุณ : hydrophobia เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 07:50:37

ความคิดเห็นที่ 13 ควรจะเปิดมุมมองให้กว้างและศึกษาข้อมูลให้มากก่อน คำถามคือ 1.อเมริการัฐไหนครับที่เอาโทษประหารชีวิตกลับมาใช้ 2.จริงอยู่ที่มีบางรัฐที่มีโทษประหารอยู่ แต่ไม่ใช่ว่าเอากลับมาใช้ครับ มันมีอยู่นานแล้ว ประเด็นี้จะคุยว่าอเมริกาเอาโทษประหารกลับมาใช้อย่างไร ต้องมีข้อมูลที่ชัดเจนกว่านี้ครับ ส่วนที่ 2 คือ โทษประหารไม่เกี่ยวกับพื้นฐานศาสนา ถ้ารู้ไม่รอบอย่าเขียนมาก มันละเอียดอ่อน คนที่ไม่รู้คนอื่นมาอ่านจะเข้าใจผิดไปกันใหญ่ จริงๆคือ คนในพื้นที่นั้นๆ เป็นคนร่วมกันกำหนดขึ้น ............................................................... ในส่วนตัวผมมีความคิดว่าโทษประหารชีวิตไม่จำเป็น เพราะถ้าเราแยกสิทธิการใช้ชีวิตของเขาออกจากสังคมโดยสิ้นเชิง ก็ถือว่าประหารชีวิตเขาทั้งเป็นจากสังคมได้ แต่ต้องมีวิธีการจัดการที่แยกแยะ เราควรเพิ่มการบังคับในกฏหมายให้ผู้กระทำผิด ให้ทำงานชดใช้สังคม ชดใช้เหยื่อ เช่น ไปฆ่าพ่อแม่เด็ก ก็จะต้องทำงานรับใช้สังคม และค่าแรงที่ได้นั้นจะต้องส่งไปให้เป็นทุนการศึกษาของเด็กจนกว่าจะโต ผู้ที่กระทำความผิดซ้ำสอง จะต้องได้รับโทษเพิ่มมากขึ้น หรือถ้าพบว่ากระทำความผิดแบบเดียวกันมากกว่า 3 ครั้งขึ้นไปให้ถือว่าเป็นตัวอันตรายกับสังคม โดยเฉพาะคดีที่เกี่ยวกับการทำร้ายร่างกาย ฆาตกรรม ไม่มีสิทธิกลับมาใช้ชีวิตในสังคมอีก (โทษประหารแบบไม่ต้องฆ่า แต่ถือว่าตายแล้วจากสังคม ให้ทำงานชดใช้สังคมในการกระทำที่ตัวเองทำผิดไปจนกว่าจะครบกำหนดอย่างน้อย 30-40 ปี (หรือจนกว่าจะแก่ไม่มีพิษภัยกับชาวบ้าน) ผู้ที่ก่อความเสียหายให้กับสังคม นอกจากรับโทษแล้วต้องชดใช้คืนให้สังคมด้วย ส่วนกฏหมายสำหรับผู้กระทำความผิดครั้งแรกคงเดิม เรายังต้องให้โอกาสผู้บริสุทธิ์ แพะ และความผิดพลาดที่ไม่ตั้งใจของคนที่กลับตัวได้อยู่ จากคุณ : djnyzzz เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 07:54:00

ความคิดเห็นที่ 14   ไม่เจอกับตัวเองไม่รู้หรอก บอกได้แค่นี้  (ผมก็ไม่เคยเจอนะ แต่ก็อย่างที่บอก ผมเชื่ออย่างที่กล่าว) จากคุณ : อั้ม ติ่งเหลือม เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 07:57:56

ความคิดเห็นที่ 15 ข้อมูลประเทศที่ยกเลิกโทษประหารชีวิตล่าสุด คือประเทศ ไลบีเลียเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2005 นอกจากนี้ประเทศที่ยกเลิกโทษประหารชีวิตแล้วจำนวน 88 ประเทศ ถ้ารวมประเทศที่ไม่มีการประหารชีวิต จำนวน 139 ประเทศ ขณะที่ประเทศที่ยังมีโทษประหารชีวิตจำนวน 58 ประเทศ ในทวีปอเมริกา มีเพียงประเทศสหรัฐอเมริกาประเทศเดียวที่มีโทษประหารชีวิต แต่ที่ยังใช้โทษประหารชีวิตมีจำนวน 38 มลรัฐ จากจำนวนทั้งหมด 50 มลรัฐ สำหรับประเทศที่เป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปจำนวน 25 ประเทศต่างยกเลิกโทษประหารชีวิต นอกจากนี้ประเทศเซเนกัลได้ยกเลิกโทษประหารชีวิตทุกข้อหาความผิดในวันสิทธิมนุษยชนใน ค.ศ. 2004 ร่วมกับหลายประเทศในทวีปอาฟริกา สำหรับประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2005 MR.Seiken Suguira รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมคนใหม่ ได้แถลงว่าจะไม่เซ็นอนุญาตให้ประหารชีวิตตามคำพิพากษาของศาล โดยมีความเห็นว่า “ไม่มีใครสามารถฆ่าคนอื่นได้ ” แต่เขายืนยันว่าเป็นความคิดเห็นส่วนตัวไม่ได้เป็นนโยบายของรัฐบาล และในอดีตระหว่างปี 1989 – 1993 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมของประเทศญี่ปุ่นไม่เซ็นอนุญาตให้ประหารชีวิต จากคุณ : djnyzzz เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 08:03:08

ความคิดเห็นที่ 16 โทษประหารสมควรมีอยู่ต่อไป ตราบใดคนที่โหดเหี้ยม หรือเป็นการกระทำที่รุนแรงเกินกว่าใคร ๆจะรับได้ นักสิทธิมนุษยชนได้แต่ประท้วง ห้าม แต่ถามว่าคนใดคนหนึ่งในครอบครัวคุณ โดนกระทำเช่น แม่ลูกศรีธนขัณฑ์ หรือ น้องโช เขาเหล่านั้นทำผิดหรือไม่ ถึงตอนนั้นคุณจะประท้วงให้ยกเลิกโทษประหารหรือไม่ ?????? แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 52 08:50:22 แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 52 08:49:40 จากคุณ : รุ้ง7สี เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 08:33:40

ความคิดเห็นที่ 17 เพราะคนออกกฎหมาย ไม่ใช่ผู้เกี่ยวข้องกับความสูญเสียมั๊งครับ ความคิดของคุณ  djnyzzz ก็น่ารับฟัง แต่ที่ไม่น่าเห็นเห็นด้วยที่สุดคือ ที่เขียนว่า... "ผู้ที่กระทำความผิดซ้ำสอง จะต้องได้รับโทษเพิ่มมากขึ้น หรือ ถ้าพบว่ากระทำความผิดแบบเดียวกันมากกว่า 3 ครั้งขึ้นไปให้ถือว่าเป็นตัวอันตรายกับสังคม โดยเฉพาะคดีที่เกี่ยวกับการทำร้ายร่างกาย ฆาตกรรม ไม่มีสิทธิกลับมาใช้ชีวิตในสังคมอีก" คือ....คุณจะให้เกิดเหตุซ้ำตั้ง 2-3 ครั้งเลยเหรอครับ ถึงจะคิดว่าคนๆนั้นอันตราย.... ครั้งเดียว...ก็พอแล้วมั๊งครับ จากคุณ : คนดี มีคุณธรรม ค้ำจุนโลก เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 08:36:39

ความคิดเห็นที่ 18 อยากให้นักสิทธิๆสร้างบ้านกลับใจให้พวกโจรคดีร้ายแรงที่ศาลตัดสินให้ประหารชีวิตไปอยู่ร่วมกับนักสิทธิๆเหล่านั้น แล้วทำให้เห็นว่าพวกนั้นกลับตัวกลับใจได้ ไม่รู้ว่าจะกล้าอยู่หรือปล่าว จากคุณ : pisake เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 08:46:59

ความคิดเห็นที่ 19 บางคนมันเลวมากๆ ชัดเจนสุดๆ เลี้ยงไปก็เสียข้าวสุกไง จากคุณ : leetaesok เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 08:51:11

ความคิดเห็นที่ 20 ถ้าถามความเห็นผมว่าสมควรมีต่อไปครับ จากคุณ : a-ผู้ชั่วร้าย เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 08:52:28

ความคิดเห็นที่ 21 รากความคิดมันต่างกันครับ พระเจ้าสร้างมนุษย์เป็นผลงานชิ้นเอก พระเจ้ารักมนุษย์ทุกคน ดังนั้นมนุษย์จึงมีสิทธิของคนเองในการอยู่กับพระเจ้า ในขณะที่รากของเราใช้คือ มนุษย์เป็นสัตว์เกิดเพราะกรรม กระทำอย่างไรก็จะต้องได้ผลอย่างนั้น มนุษย์ไม่ต่างจากสัตว์ถ้าการกระทำเหมือนกัน หรืออีกนัยหนึ่ง มนุษย์ เป็นสัตว์ที่ไหลไปตามกิเลส(ไหลลง) การกระทำอันใดล้วนเกิดจากเจตนาของเจ้าตัวที่ไม่รู้จักยับยั้งกิเลสของตนเอง ดังนั้นการสนองของการกระทำนั้น ต้องเกิดในระดับที่สมควรแก่การกระทำ แนวคิดแบบนี้มาจากการสั่งสอนทั้งนั้นแหละครับ ไม่ได้ว่าศาสนาไหนดีไหนถูก แต่ละแนวคิดล้วนสอนให้คนทำความดี แต่พื้นความคิดพวกนี้มันต่างกันโดยสิ้นเชิง ทำให้เกิดข้อขัดแย้ง แต่คนที่มีสองแนวคิดนี้ก็จะมีความเห้นต่อโทษประหารต่างกัน จากคุณ   : กังป๋วย ^ ^ ขออนุญาตเจ้าของกระทู้ชี้แจงคคห.นี้นิดเดียวนะครับ เพราะเผื่อว่าใครมาอ่านแล้วขาดความเข้าใจถ่องแท้ จะเข้าใจผิด go so big ได้ ............................................ ควรจะเปิดมุมมองให้กว้างและศึกษาข้อมูลให้มากก่อน คำถามคือ 1.อเมริการัฐไหนครับที่เอาโทษประหารชีวิตกลับมาใช้ 2.จริงอยู่ที่มีบางรัฐที่มีโทษประหารอยู่ แต่ไม่ใช่ว่าเอากลับมาใช้ครับ มันมีอยู่นานแล้ว ประเด็นี้จะคุยว่าอเมริกาเอาโทษประหารกลับมาใช้อย่างไร ต้องมีข้อมูลที่ชัดเจนกว่านี้ครับ ส่วน ที่ 2 คือ โทษประหารไม่เกี่ยวกับพื้นฐานศาสนา ถ้ารู้ไม่รอบอย่าเขียนมาก มันละเอียดอ่อน คนที่ไม่รู้คนอื่นมาอ่านจะเข้าใจผิดไปกันใหญ่ จริงๆคือ คนในพื้นที่นั้นๆ เป็นคนร่วมกันกำหนดขึ้น ...................................... ^ ^ ^ ที่ผมพูดถึงไม่ใช่ศาสนาครับ ขออภัยถ้าจะทำให้คนอ่านเข้าใจผิดว่าการประหารมีต้นเหตุมาจากความเชื่อทางศาสนาใดๆ แต่ผมกำลังพูดถึงพื้นฐานของความคิดสองกลุ่มที่น่าจะเป็นสาเหตุให้มีการตัดสินใจว่าโทษประหารเหมาะสมหรือไม่ ความคิดพวกนี้เหมือนกับความคิดของชาวพุทธจำนวนหนึ่งที่คิดว่าเอาบุญมาล้างบาปได้ หรือชาวคริสต์ที่คิดว่าการสารภาพบาปจะทำให้ไปอยุ่กับพระเจ้า แน่นอนมันไม่ถูกต้องตามหลักการของศาสนาใดๆแต่มันก้เป้นความคิดความเชื่อของคน มันไม่ถูกตามแก่นแท้ของศาสนาแบบที่คุณผึ้งน้อยพเนจรบอกแน่นอนครับ เพราะสิ่งที่ผมยกตัวอย่างมันเป็นแค่ความรู้ความคิดของคนซึ่งเป็นจำนวนพอสมควรในสังคม ถามว่าพอสมควรคือมากแค่ไหน คำตอบคือมากพอที่จะเผยแพร่ความรู้ความคิดแบบนี้ ให้ลูกให้หลานจนมีความรู้เช่นนี้เกลื่อนสังคม ดังนั้นถ้าไม่ใช่คนที่มีความรู้สึกกับคนใกล้ตัว ถ้าไปถามคนที่มีรากของความคิดแบบที่2 จะตอบว่าต้องมีโทษประหารโดยไม่ต้องคิดเลยทีเดียว เช่นเดียวกัน ถ้าไปถามคนที่มีรากของความคิดแบบที่1 ก้จะตอบว่าอย่ามีเลย มันไม่สมควรหรอก ไม่ใช่คนนับถือศาสนาหนึ่งจะตอบแบบหนึง แต่เป้นคนที่มีความคิดแบบหนึ่งจะตอบแบบหนึ่ง สังเกตจากคนตอบกระทู้ก็ได้ครับ คนที่สนับสนุน จะมีเหตุผลในทำนองว่า เพราะเขาทำเลว จึงสมควรได้รับผลของการทำเลวนั้น ไม่ใช่เรื่องของกฎแห่งกรรมในศาสนาพุทธนะครับ แต่เป้นแรงดีดกลับของสังคม จากการกระทำของคนผิด ผมก้ไม่รู้จะใช้คำไหนอธิบายการกระทำ ที่มีวิบากได้ดีกว่าคำว่ากรรมแล้วครับ ขออภัยอย่างยิ่งถ้าพุทธบริษัทจะเข้าใจว่าผมหมายถึงพุทธศาสนา เช่นเดียวกันกับคนที่คัดค้าน เพราะเขาเห็นความสำคัญของความเป็นมนุษย์สูง หรือให้สิทธิของความเป็นมนุษย์สูง เหตุผลถึงออกมาในแนวเราไม่มีสิทธิไปกระทำ เขามีสิทธิที่จะอยู่เพราะเขาเป็นมนุษย์ ให้ความเป้นมนุษย์สูงกว่า มนุษย์ที่ตายไปแล้ว ผมต้องขออภัยคริสตศาสนิกชนและศาสนาอื่นๆที่เข้าใจว่าผมหมายถึงหลักของศาสนาของท่านด้วยครับ ผมไม่ได้หมายถึงหลักของศาสนาใดๆเลยจริงๆ แต่ความคิดพวกนี้เป็นความคิดหลักๆของคนในสังคมที่ท่านอยุ่กันจริงๆ และเป้นความคิดพื้นฐานที่จะทำให้เขาตัดสินใจในการตอบออกมาจากใจของเขาเลยจริงๆ อาจจะมีแนวคิดแบบอื่นๆอีกที่จะสนับสนุนการเลือก แต่ผมคิดว่าจะแยกออกเป็นสองแนวคิดหลักจากตำตอบได้แค่นี้นะครับ ขอบคุณนะครับที่มาเตือนไม่ให้ผมทำให้มีคนเข้าใจผิด และขอโทษอีกครั้งครับ กับคนที่เข้าใจว่าผมเอาศาสนามาบิดเบือน จากคุณ : กังป๋วย เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 08:59:00

ความคิดเห็นที่ 22 ขี้เกียจมาเถียงกับเหล่าวิชาการทั้งหลาย เอาเป็นว่า "เมื่อไรที่มนุษย์เลิกฆ่าคนด้วยกัน แล้วค่อยเลิกโทษประหารชีวิต" ละกัน แล้วตอนนี้มนุษย์เลิกทำความชั่วกันได้หรือยังละ มองแต่สิทธิมนุษย์ของคนชั่วเหล่านี้ แล้ว ผู้ถูกกระทำที่ตายไปแล้ว และที่ยังตายทั้งเป็น หรือผู้ลำบากเดือดร้อนอื่นๆ อีกละ เขาไม่มีสิทธิแบบคนเหล่านั้นหรือค่ะ ท่านนักสิทธิมนุษย์ทั้งหลาย คนตายไม่มีปาก เลยไม่มีสิทธิืใช่ไหมค่ะ แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 52 09:51:22 จากคุณ : ผู้กอง เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 09:50:13

ความคิดเห็นที่ 23 พวกที่ออกมาเรียกร้องให้ยกเลิกก็แค่ปากหอยปากปูกับประเทศกำลังพัฒนาไม่เคยเลยแม้แต่จะกล้าออกไปเรียกร้องในประเทศคอมมิวนิวต์ เช่น จีน พม่า รับรองเมริงไม่ได้กลับบ้านแน่ เพราะคือคณเข้าไปก้าวก่าย เรื่องของเขา จากคุณ : เด็กขายก๋วยจั๊บ เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 10:08:06

ความคิดเห็นที่ 24 ผมชอบดูหนังแอคชั่น ทริลเลอร์ ครับ ประเภท ทำดี ได้ดี ทำชั่ว ได้ชั่ว ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ผมคิดได้แค่นี้จริงๆ ครับ จากคุณ : สิ่งที่ทำหล่นหาย เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 10:09:18

ความคิดเห็นที่ 25 ถ้าไม่มีโทษประหาร ก็ต้องมีจำคุกแบบตลอดชีวิตจริงๆ แบบอยู่ในคุกจนตาย และถ้าเป็นแบบนั้น  ประเทศเราต้องมีคุกที่ใหญ่ขึ้นกว่านี้ มีพื้นที่มากกว่านี้ ในคุกก็ต้องเข้มงวดไม่ใช่ปล่อยปะโทรศัพท์เต็มคุก ฯลฯ การดูแลรักษากฏหมายก็ต้องเป็นไปอย่างเคร่งครัด โทษก็ต้องเพิ่มหนักกว่านี้ การดูแลนักโทษก็ต้องเข้มงวด ไม่ใช่นักโทษหลุดออกมาทุกปีแบบนี้ ที่เขียนมาทั้งหมดข้างบนนี่แน่ใจว่าประเทศไทยทำได้ จากคุณ : แมวหลงทาง เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 10:14:53

ความคิดเห็นที่ 26 นึกถึงหนังเรื่องนี้จัง จากคุณ : ole (trufa) เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 10:16:06

ความคิดเห็นที่ 27 จิงๆโทษประหารไม่ต้องมีก็ได้ แต่เลิกเหอะไอ้ประเภทลดโทษกึ่งหนึ่งเพราะให้การมีประโยชน์ต่อการดำเนินคดี (ทำให้กรุทำงานสบาย ว่างั้น)  จำคุกตลอดชีวิต   คดีเกิดขึ้นเยอะไม่ใช่เพราะไม่มีโทษประหาร  แต่เพราะคนมีอำนาจไม่ทำงาน สันหลังยาว เห็นแก่ตัว ขนาดไอ้คนฆ่าหั่นศพเด็กกะแม่ มันให้การว่ายิงเพราะบันดาลโทสะ เรพาะคิดว่าโทษจะน้อยลง  คิดดูเหอะ  ฆ่าคนนะเว้ย ไม่ใช่เล่นว่าว จากคุณ : สตรีมีกล้าม เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 10:22:04

ความคิดเห็นที่ 28 คห. 25 เราก็เชื่อว่าประเทศไทยทำได้ค่ะ แต่..ไม่ยอมทำ... ถ้าหากจะยกเลิกโทษประหารชีวิตสำหรับคนที่ทำความผิดร้ายแรงมากๆจริงๆ ขอแนะนำให้เปลี่ยนจากประหาร เป็น แขวนติดไว้ข้างกำแพง ให้ข้าววันละมื้อ เอารังมดแดงมาโรยใส่เป้ากุงเกงทุกวัน จนกว่าจะขาดใจตายไปเอง.. ดีมะ... จากคุณ : elin เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 11:08:27

ความคิดเห็นที่ 29 ^ ^ สงสัยโดนประนามยิ่งกว่าเก่า *-* -------------------------------------------------------------------- บางคนที่มันขุดไม่ขึ้น ส่งไปเกิดใหม่ดีกว่า เผื่อชาติหน้าจะดีกว่านี้ จากคุณ : bermby38 เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 11:21:54

ความคิดเห็นที่ 30 ใครสนับสนุนโทษประหารชีวิต ก็แสดงความเห็นของคุณไปสิครับว่าทำไมต้องมี ต้องใช้ และมีอย่างไรถึงจะถูก แต่คุณอยู่ในสังคมประชาธิปไตยรึเปล่า ทำไมคุณถึงไม่ยอมรับความเห็นฝ่ายตรงข้าม คนที่ไม่อยากใช้ความรุนแรงผิดด้วยเหรอ คุณถึงต้องหาว่าเป็นพวกนักวิชาการ พูดอะไรไม่รู้เรื่อง รับจ้างฝรั่งมา ไม่ก็ประโยคคลาสสิค "ต้องให้ญาติมันโดนซะบ้างถึงจะรู้สึก" คนอื่นแค่เห็นต่างกับคุณในเรื่องวิธีแก้ปัญหา คุณด่าอย่างกับเขาเป็นอาชญากรซะเอง ปล.เห็นด้วยกับคุณผึ้งน้อย โดยเฉพาะเรื่องความรู้สึกเหนือเหตุผล จากคุณ : ayres เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 11:43:07

ความคิดเห็นที่ 31   ลดโทษกึ่งนึงเป็นเรื่องของกระบวนการวิธีว่าการพิจารณาคดีของศาลครับ เป็นอำนาจทางตุลาการ อยู่ที่"ดุลพินิจ"ของศาล ที่จะอ้างอิงกฎหมาย ฎีกาเก่ามาตัดคดีด้วยหรือไม่ก็ได้ รู้สึกเหตอันควรปราณีนี่น่าจะมีดังนี้ครับ อันนี้ผมก็ไม่ชัวร์ครับ ต้องให้พวกนักกฎหมายมาตอบอีกทีึครับ 1. ผู้กระทำผิดจิตไม่ปกติ - (จิต จิตฟั่นเฟือน จิตบกพร่้อง)จะลงโทษน้อยเพียงใดก็ได้ 2.ผู้กระทำผิดเป็นผู้ทำคุณความดีมาก่อน - เคยทำบุญคุณให้สังคมประเทศชาติว่างั้น 3.ผู้ืกระทำผิดเมื่อกระทำผิดลงไปแล้วเกิดความรู้สึกกลัวผิด ได้พยายามแ้ก้ไขให้เหตุร้ายที่ได้กระทำนั้นบรรเทาลง (แสดงเจตนาเยียวยา แสดงให้เห็นถึงเจตนา เรื่องประสงค์ผลต่อผล) 4.ผู้กระทำผิดลุแก่โทษก่อนที่ความผิดของตนจะได้ปรากฎ (เข้ามอบตัวก่้อน??) 5.การรับสารภาพ 6.การให้การสัตย์ 7.ให้ความรู้ต่อศาลเป็นประโยชน์ในการพิจารณาคดี (ซัดทอด เพื่อน - -) แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 52 13:13:04 จากคุณ : อีกด้านหนึ่งของดวงจันทร์ เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 11:46:51

ความคิดเห็นที่ 32   เรื่องของกระบวนการยุติธรรม ที่ว่ามันไม่เป็นธรรม ก็เพราะมันเน้นการให้การคุ้มครองสิทธิ ที่แบบทั้งตรวจสอบถ่วงดุล จนบางทีผมก็รู้สึกว่ามันมากเกินไปเหมือนกัน ระบบของกระบวนการยุติธรรมมันมีแบบนี้ครับ (ถ้าจำไม่ผิดนะ) เกิดคดีขึ้น ภาคประชาชน (การมีส่วนร่วมของประชาชน) ทนาย ที่ปรึกษาทางกฎหมาย V V ตำรวจ - รับคดีมา (ต้องมีผู้ฟ้องร้องกล่าวหา แจ้งคดีก่อน  หรือไม่ก็เจ้าพนักงานต้องเป็นผู้เจอเอง) กว่าจะจับกุม ก็ต้องขออำนาจ หมายศาล กว่าจะจับกุม กว่าจะทำอะไร- - จับกุมได้ก็พิจารณาหลักฐาน พฤติการณ์เหตุการณ์คดี ทำสำนวนส่งฟ้องอัยการ ในชั้นนี้ถ้าผู้กระทำผิดถูกจับจะมีสถานะเป็นแค่"ผู้ต้องหา" ไม่ใช่ผู้กระทำผิดสามารถประกันตัวได้ อะัไรได้ หรือถ้าถูกกังขัง อย่างมากก็ขังในตะราง หรือฝากขังภาษาราชทัณฑ์เค้าเรียกว่า Jail V V อัยการ - ตัวแทนอำนาจฝ่ายบริหาร คอยพิจารณากลั่นกรอง ตรวจสอบสำนวน หลักฐาน พิจารณาสั่งฟ้อง หรือส่งฟ้องศาล หรือตีสำนวนกลับไปให้ชั้นสอบสวน หรือชั้นตำรวจทำการสืบหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม ในกรณีที่คิดว่าบางคดี ถ้าส่งฟ้องไปแล้ว หลักฐานไม่ชัดเจนฟ้องไปก็เปลืองงบประมาณเปล่า ผู้ต้องหาอาจถูกยกฟ้อง V V ศาล - อำนาจฝ่ายตุลาการ มีหน้าที่พิจารณาว่ากล่าวคดีั มีตั้งแต่ศาลชั้นต้น ศาลอุรณ์ ศาลฎีกา การดำเนินการขั้นตอนมีมากมาย ไหนจะเรียกสอบพยาน สอบกี่ปากก็ว่าไป ไหนจะเกิดเหตุการณ์เบี้ยวนัด จำเลยไม่มาฟังนัดสืบพยาน อ้างป่วย!?? ไหนจะต้องให้เจ้าหน้าที่พนักงานคุมประพฤติไปสืบเสาะ พินิจ ิพิจารณาว่าจำเลยเป็นเช่นไร สภาพภูมิหลัง ประวัติ พฤติการณ์กระทำผิด บ้านสภาพแวดล้อม การศึกษาการประกอบอาชีพ นิสัยความประพฤติ สุขภาพภาวะแห่งจิต ข้อมูลอาชญากรรม ทำความเห็นประกอบการพิจารณาคดีศาล ว่าเหมาะสมที่จะให้คุมประพฤติหรือไม่ พอศาลพิพาำกษา ว่ามีความผิดทีนี้จากผู้ต้องสงสัยก็จะกลายเป็น "นักโทษเด็ดขาด" ต้องเข้าไปอยู่ในสิ่งที่เรียกว่า Prison   เอาเป็นว่า ถ้าถูกฟ้อง ถูกพิพากษาตัดสินประหารชีวิต กว่าจะสู้กันของอุทรณ์ถึงชั้นฎีกา กว่าจะได้ประหาร บางที่ก็ยาวนานจนสังคมลืมไปหมดแล้วว่าจำเลยทำผิดอะไร??? อ่อ บางที่ถ้ามีการลดหย่อนโทษ เหลือโทษจำคุกไม่เกิืน 3ปี ศาลมีสิทธิใช้การพิจารณาการรอการลงโทษ หรือรอการกำหนดโทษ อย่างที่ชาวบ้านเข้าใจว่าคือ"การรอลงอาญา" ซึ่งจะมีการใช้การคุมประพฤติ ทำงานตอบแทนสังคมหรืออะไรก็ว่าไปเข้ามาใช้ด้วย ในตรงนี้เป็นโทษที่เอามาใช้กันมากที่สุด ทั้งใน US และอีกหลายๆที่ทั่วโลก เค้าเรียกว่า Probation น่ะแหล่ะ ด้วยเหตุผลว่า เอาเข้าคุกไปจะเกิดมลทิน เกิดการตีตรา Stigma /Labeling สังคมตราหน้าว่าเค้าขี้คุก ตามหลักทฤษฎีของพวกอาชญากร ส่วนนึงคนที่กระทำผิด เพราะสังคมผลักดัน อ้าว!?????~ + มีทฤษฎีว่า การเรียนรู้พฤติกรรมอาชญากร สามารถเรียนติดต่อกันได้ ด้วยการพบปะ การติดต่อปฏิสัมพันธ์ในสังคม ตามแนวคิด Edwin H. Sutherland การเอาคนเข้าคุกระยะเวลาสั้นๆ ไม่ทำทันให้คนรู้สำนึก แต่กลับทำให้เกิดการถ่ายทอดพฤติกรรมอาชญากร ผลคือ เราสร้างอาชญากรเพิ่มอีก แต่เงื่อนไขมันมีว่าต้องไม่เคยเป็นผู้ถูกดำเนินคดีอาญามาก่อน ยกเว้นโทษประมาท และลหุโทษ (จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน1000) ตรงนี้สังคมก็จะมามองว่า ทำไมไอพวกเวร คุณน้องหงิก มันรวย ไฺิฺฺฮโซหรือไง ขับเบนซ์ฆ่าคนไม่เข้าคุก ......... V V ราชทัณฑ์ หน่วยงานลำดับท้ายสุด เป็นหน่วยงานกระบวนการยุติธรรมฝ่ายบริหาร มีหน้าที่ทำ ตามคำสั่งการพิจารณาคดีของศาล คือฟื้นฟูแก้ไข ผู้กระทำผิดเพื่อกลับคืนสู่สังคม(เค้าว่างั้น) เป็นหน่วยงานที่ทำงานโดยใช้หลักความเมตตา(จริงๆ) มีการใช้หลักสังคมสงเคราะห์เข้ามาจัดการตรงนี้ด้วย ขยายความถึงเรื่องสังคมว่า ทำไมเข้าเรือนจำำไปแล้ว ทำไมบางคนจำคุก 10 ปี เอาเข้าจริง อยู่ไม่ถึงมันก็ออกมา มันมีเยี่ยงไร การปล่อยตัวก่อนกำหนด เค้าเรียกว่า Parole แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 52 12:16:42 จากคุณ : อีกด้านหนึ่งของดวงจันทร์ เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 12:15:45

ความคิดเห็นที่ 33   การที่นักโทษออกก่อนกำหนด มันมีได้ 2 รูปแบบ 1.การพักการลงโทษ 2.การพระราชทานอภัยโทษ (อันนี้ผมไม่ขอพูดถึงล่ะกัน) การพักการลงโทษ มีที่มาจากสมัยอังกฤษ ที่ใช้การเนรเทศนักโทษไปยัง แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ มันมีผู้คุมประพฤติคนนึงที่ออส เอามาทดลองใช้ดู ปรากฎว่ามันก็ได้ผลดี หลังจากนั้นก็เลยใช้มาทั่วโลกน่ะ - - การพักการลงโทษคือการปล่อยตัวนักโทษเด็ดขาดออกจากเรือนจำ หรือทัณฑสถาน หลังจากที่ผู้กระทำผิด ได้รับโทษตามคำพิพากษามาแล้วพักนึง ทั้งนี้ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขทีั่กำหนด ว่าเขาจะไม่กระทำผิดอีก โดยจะมีการควบคุมสอดส่องภายหลังการปล่อยตัว การพิจารณาจะพิจารณาให้เป็นรายๆไป รู้หรือไม่ว่า การพิจารณาพักการลงโทษ จะพิจารณาแล้ว ว่าถ้าเหลือโทษจำคุก ต่อไปไม่เกิน 1 ใน 3 ของกำหนดโทษ  และเป็นนักโทษ"ชั้้นเยี่ยม" ก็มีสิทธิได้รับสิทธินั้นเดี๋ยวนี้ สาเหตุที่ต้องมีการใช้การคุมประพฤติจนกว่าจะสิ้นสุดโทษจริงๆน่ะแหล่ะ สมมติ โดนนายหงิก โทษจำคุก 10 ปี เป้นนักโทษชั้นเยี่ยมได้รับการพักการลงโทษ 3ปี ภายใน 3 ปีนี้ นายหงิกจะต้องทำตามเงื่อนไขการคุมประพฤติทุกอย่าง เช่นเป็นต้นว่า ห้ามออกนอกเขตจังหวัด ต้องมารายงานตัวทุกเดือน ต้องทำงาน ทำประกอบอาชีพ ห้ามไปกระทำพฤติกรรมในทางเสื่อมเสีย ฯลฯ ถ้าเจ้าหน้าที่ปกครอง / เจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่ามีการทำผิดเงื่อนไข ก็มีิิสิทธิเด้งเข้าตะรางได้ทันที โดยไม่ต้องมีหมายจับ โดยที่จะต้องถูกเพิกถอนการพักการลงโทษ และต้องถูกจำคุกต่อไป ตามกำหนดโทษที่ยังเหลืออยู่ (สมมติ น้องหงิกโดนโทษจำคุก 10 ปี จำคุกมาแล้ว 7 ปีทำตัวเป็นคนดี ได้รับการพักการลงโทษ 3 ปี น้องหงิกพอได้พักการลงโทษมา ก็ชิ่งหนี ไม่ไปรายงานตัว น้องหงิก โดนจับได้ น้องหงิกก็ต้องมาอยู่ในคุกต่ออีก 3 ปี แถมโดนลดขั้นอีกตะหาก) (และอาจจะ + โทษทางวินัยเข้าไปอีก) เพราะแต่เดิม เมื่อนักโทษเข้ามาอยู่ในคุกก็จะหมดแรงจูงใจ ที่จะทำงาน หมดแรงจูงใจที่จะกลับตัวเป็นคนดี พูดง่ายๆ คือหายใจไปวันๆน่ะแหล่ะ การใช้การพักการลงโทษเป็นวิธีการล่อใจ เำพื่อชักจูงให้นักโทษตั้งใจประพฤติตัวเป็นนักโทษที่ดี (ไม่ก่อจลาจล จี้ผู้คุม ทำตัวดักดาน) ถ้าทำตัวดีก็ได้เลื่อนไข จากนักโทษชั้นกลางก็ไปชั้นดี  ไปชั้นดีมาก หรือสูงสุด คือชั้นเยี่ยม (เข้ามาใหม่จะเป็นนักโทษชั้นกลาง) นักโทษที่ประพฤติตัวแย่ก็จะโดนลดไปยังชั้นเลว กับเลวมาก (ลดไปมากๆ อาจมีขังเดี่ยว+เพิ่มโทษ+รางวัลหาย) นักโทษชั้นดี มีสิทธิได้รับการพิจารณาลดหย่อนโทษ 1 ใน 5 นักโทษชั้นดีมาก มีสิทธิได้รับการพิจารณาลดหย่อนโทษ 1 ใน 4 นักโทษชั้นเยี่ยม มีสิทธิได้รับการพิจารณาลดหย่อนโทษ 1 ใน 3 - โทษจำคุกตลอดชีวิต สามารถพิจารณาได้ หลังจากที่ต้องถูกจำคุกมาไม่น้อยกว่า 10 ปี จึงไม่แปลกครับ ที่สังคมเราจะเจอแบบ เฮ้ย ทำไมไอเวรนี่โดนโทษจำคุกตลอดชีวิต แต่เอาเข้าจริงอาจอยู่ในคุกแค่ 20 ปีั แต่รู้ไหมครับ การที่เค้าพ้นโทษออกมา เค้าต้องถูกจำกัดอณาเขต ถูกกำหนดเงื่อนไขไปตลอดชีวิตแหล่ะครับ แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 52 12:47:36 แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 52 12:46:20 จากคุณ : อีกด้านหนึ่งของดวงจันทร์ เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 12:42:41

ความคิดเห็นที่ 34   คิดกันไปได้ ให้กระทำผิด 2-3 ครั้งแล้วถึงจะได้รับโทษติดคุกนานขึ้น 30- 40 ปี จนไม่มีแรงออกมาก่อคดี ไอ้ครั้งที่ 2-3 นิอาจจะทำให้ตายเป็น 100 ก็ได้ ถ้าให้คนชั่วพวกนี้หลุดออกมา คนธรรมดา ต้องมานั่งดวงซวยเจอพวกคนชั่วพวกนี้ทำร้าย - -* (ทั้งๆ ที่รุ้ว่ามานชั่ว แต่ก็ยังปล่อยออกมาลอยนวลในสังคม) จากคุณ : berrycooky เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 12:44:36

ความคิดเห็นที่ 35   พูดถึงเรื่องโทษประหารชีวิต บางครั้งผมก็เห็นด้วยนะครับ ที่ว่าถ้ามีการประหารแพะ ก็ต้องแก้ที่ระบบ เพราะสังคมเองก็ไม่ยอมรับตรงนี้เหมือนกัน ทุกท่านคิดว่าไงครับ จากคุณ : อีกด้านหนึ่งของดวงจันทร์ เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 12:50:47

ความคิดเห็นที่ 36 ไม่ได้เห้นด้วย หรือไม่เห็นด้วยกับโทษประหารนะ  แต่  ถ้าแค่อมริกา นำกลับมาใช้(ทั้งที่จริงๆแล้วใช่ว่านำกลับมาใช้ ป  แล้วทำไมคนอื่นหรือประเทศอื่นต้องเห็นดีเห็นงามตาม อเมริกาด้วย จากคุณ : หนูหงอย เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 13:05:38

ความคิดเห็นที่ 37   โจรสามารถฆ่าคนได้ แต่เวลาตัดสินไม่สามารถตัดสิน ด้วยการฆ่าโจรได้ตาม กฏหมายให้จำคุก ลดหย่อน หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท ซะเป็นส่วนใหญ่ คนไม่ดีเลยมีเต็มบ้านเมือง เพราะกฏหมายยังไม่แข็งพอ ดังนั้นเราๆท่านๆระวังป้องกันตัวกันเอง จากคุณ : ภูลับฟ้า เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 13:50:51

ความคิดเห็นที่ 38 โทษประหารต้องอยู่ต่อไป ตราบเท่าที่โลกนี้ยังมีอาวุธ และกิเลสตัณหา แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 52 14:21:33 จากคุณ : aell เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 14:20:40

ความคิดเห็นที่ 39   จำเลย บางคน มันก็น่าฆ่าซะให้ตาย อ่ะนะ... จากคุณ : แล้วแต่ปุ๊... (ผีแอะ) เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 14:25:07

ความคิดเห็นที่ 40 เอาแบบประนีประนอมได้ไหมค่ะ สำหรับผู้ที่เห็นด้วยกับการยกเลิกโทษประหาร :- หากญาติพี่น้องหรือตัวของคุณถูกทำร้าย ผู้ที่เป็นฆาตกรก็ไม่ต้องรับโทษ ประหาร เพราะคุณไม่เห็นด้วยกับการตัดสินประหารชีวิตฆาตกร สำหรับผู้ที่เห็นด้วยให้คงมีโทษประหารต่อไป :- หากญาติพี่น้องหรือตัวของคุณถูกทำร้าย ผู้ที่เป็นฆาตกรก็ต้องรับโทษ ประหารให้ตายตกไปตามกัน แบบนี้น่าจะประนีประนอมกันได้นา จากคุณ : กุลณัฐ เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 14:32:22

ความคิดเห็นที่ 41 อย่างอื่นไม่รู้ แค่ไม่เข้าใจว่า พวกที่เข้าๆออกๆคุกเป็นว่าเล่น  คือเพิ่งพ้นโทษออกมา แล้วมันก็ทำผิดอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่าเนี่ย ทำไมปล่อยมันลอยหน้าลอยตาในสังคมอยู่นั่นแหละ ในเมื่อ 'โอกาส' ในการกลับตัวกลับใจเป็นคนดี มันก็เคยได้รับนะ แต่!! มันไม่ใช้ .. แล้วมันไปทำผิดซ้ำอีกเนี่ย คนกลุ่มนี้น่าจะโดนโทษหนักๆบ้างได้แล้ว!!!! จากคุณ : zDongii* เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 15:35:36

ความคิดเห็นที่ 42 ไหนๆ จขกท. ก็ ยกให้อเมริกาเป็น role model ซะขนาดนั้น ก็ลองอ่านนี่ดูแล้วกันครับ http://en.wikipedia.org/wiki/Cameron_Todd_Willingham อาจจะรู้รู้เรื่องนี้อยู่แล้วก็ได้มั้ง และเผื่อ จขกท. จะไม่ได้ติดตามข่าวสารจากประเทศอื่น http://blog.foreignpolicy.com/posts/2009/09/17/japan_suspends_death_penalty ญี่ปุ่นก็ยุติการประหารชีวิตอย่างไม่เป็นทางการไปเมื่อเดือนที่แล้ว ยังผลให้เหลือเพียงอเมริกาประเทศเดียวในกลุ่มประเทศ G8 ที่ยังคงมี"และใช้" โทษประหารอยู่ จากคุณ : The Absurdist เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 15:51:43

ความคิดเห็นที่ 43 #40 แบบนั้นมันก็ฉีกตำรากฎหมายพื้นฐานทุกข้อแล้วล่ะครับ คือ impartiality คือทุกคนอยู่ใต้กฎหมายเดียวกัน ก็ขนาดกษัตริย์ก็ยังต้องอยู่ใต้กฎหมายเลย แต่ก็ไม่แน่ะนะ อาจจะเหมาะกับประเทศไทยก็ได้ ใช้หลายๆมาตรฐานได้สบายๆอยู่แล้ว แล้วถ้าจะให้เขียนกฎหมายตามความรู้สึกของประชาชนล่ะก็ เมาแล้วขับก็คงถูกกฎหมาย ทิ้งขยะไม่เป็นที่ก็คงไม่ต้องมานั่งปรับกัน ภาษีก็คงไม่ต้องจ่ายกัน (ถามจริงใครชอบจ่ายภาษีมั่ง) well, you get the idea จากคุณ : The Absurdist เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 15:58:35

ความคิดเห็นที่ 44 เห็นด้วยกับคุณ คห.13 อ่านแล้วอยู่ตรงกลางๆ คือคำนึงถึงคนบริสุทธิ์ที่อาจถูกจับด้วย ถึงแยกกลุ่มคนที่มีโอกาสกลับตัวไว้อีกส่วน บางทีคนเราอารมณ์ชั่ววูบกระทำผิด ถ้ารับโทษแล้วมีโอกาสแก้ตัว แยกกลุ่มนี้ไว้ส่วนนึง แล้วเจาะจงกำจัดกลุ่มที่มีพฤติกรรมชั่วจริง ถ้าขนาดมีโอกาสกลับตัวแล้วยังกลับมาทำความผิดก่ออาชญากรรมซ้ำอีก ซึ่งแสดงถึงสันดานเลวๆ ก็ควรจะได้รับโทษมากกว่าเดิม เช่นปกติติด 2 ปีให้ติด 4 ปี และถ้าครั้งที่ 3 เป็นต้นไปให้หมายหัวว่าเป็นผู้อันตรายต่องสังคมอย่างแท้จริง คห.17 คะ ถ้าอ่านบรรทัดสุดท้ายของคุณ คห.13 ที่ว่า ส่วนกฏหมายสำหรับผู้กระทำความผิดครั้งแรกคงเดิม เรายังต้องให้โอกาสผู้บริสุทธิ์ แพะ และความผิดพลาดที่ไม่ตั้งใจของคนที่กลับตัวได้อยู่ น่าจะเข้าใจว่า คห.13 สื่อถึงการลงโทษคน 2 ประเภทที่แตกต่างกันค่ะ คือคนที่ยังมีโอกาสกลับตัว เพราทำผิดด้วยอารมณ์ชั่ววูบบ้าง หรือจำใจบ้าง เช่นคนที่บันดาลโทสะยิงชู้กับเมียตาย คนที่พลาดขับรถชนคนตายโดยไม่ตั้งใจ ฯลฯ ซึ่งเมื่อเขารับโทษตามความผิดแล้ว เรายังต้องยอมรับว่าเขามีโอกาสที่จะเริ่มต้นใหม่ แต่กับคนอีกกลุ่มที่แสดงให้เห็นว่าเกินความเยียวยา ซึ่งที่จริงอาจเห็นแววตั้งแต่แรกแต่ถ้าเขารับโทษตามกฏหมายไปแล้วและออกจากคุก มันก็ยังเป็นสิทธิของเขาที่จะเป็นอิสระ แต่ถ้าคนประเภทนี้ก่ออาชญากรรมซ้ำสอง ซึ่งแสดงถึงสันดาน หรือพฤติกรรมอันตรายต่อสังคมอย่างชัดเจน ย่อมสมควรจะต้องโดนลงโทษอย่างหนักขึ้นมากกว่าคนทั่วๆไป ซึ่งถ้าเห็นเจตนาข้อนี้จะเห็นว่าคุณ คห. 17 เข้าใจผิดว่าให้โอกาสคนเลวให้กระทำผิดได้หลายครั้ง ซึ่งอ่านดีๆแล้วไม่ใช่เลยค่ะ จากคุณ : กาแฟแก้วใหญ่ เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 16:23:33

ความคิดเห็นที่ 45 ตอบ คห. 17 และ คห.34 ผมเข้าใจที่คุณหมายถึงครับ ประเด็นก้คือเรามองคนที่กระทำความผิดกว้างและแคบไม่เท่ากัน ซึ่งทำให้มุมมองแตกต่างกัน ในมุมมองของคุณมองเฉพาะคนร้ายที่มันเลวร้ายมากๆ อย่างเราเองไม่อยากให้มันมีชีวิตอยู่ หรืออยากให้ลงโทษคนร้ายอย่างรุนแรงสาสม แต่ประเด็นของผมมองถึงว่ากฏหมายมันครอบคลุมไปถึงคนทุกคน ซึ่งไม่ใช่คนเลวเสมอไป ถ้าว่าไม่ใช่คนเลวผิดพลาดกระทำผิดได้ไหม มีส่วนหนึ่งนะครับ แม้กระทั่งเราเองก็มีโอกาสผิดพลาดได้ เช่น ถ้ารถคุณเบรคแตกและคุณชนคนตายโดยไม่เจตนา คุณย่อมมีสิทธิติดคุก เคยอ่านข่าวพวกนี้ไหมครับ  แม่ลูกขโมยซาลาเปา พูดง่ายๆว่ามีคนบางคนตันหาทางออกไม่ได้ สิ้นคิดตัดสินใจทำผิด ซึ่งเราบอกไม่ได้หรอกว่าเขาเลวโดยสันดานหรือเปล่า คนธรรมดาบางทีก็มีโอกาสติดคุกเหมือนกันครับ คุณจะให้กฏหมายทำไงกับคนกลุ่มนี้..ลองคิดดีดี การร่างกฏหมายต้องมองเผื่อเรื่องพวกนี้ด้วย เพราะกฏหมายบังคับใช้กับคนทุกคน และการร่างกฏหมายต้องเผื่อที่ว่างสำหรับแพะ และผู้ที่ผิดพลาดในชีวิตจริงๆ คนบางคนถูกแอบอ้างกระทำความผิดแล้วต้องรับโทษก็มี ซึ่งคนเหล่านี้ถ้าเขารับโทษทัณฑ์ตามกฏหมายไปแล้ว ก็อย่างที่คุณกาแฟฯ ว่า.. คือเราจะชอบไม่ชอบ แต่เมื่อศาลตัดสินลงโทษและเขาได้รับโทษตามที่ศาลว่าไปแล้ว เขามีสิทธิที่จะเป็นอิสระ ทีนี้เราจะทำยังไงดีกับคนพวกนี้ ก็ต้องหาช่องทางที่จะแยกคนเลวโดยสันดานออกจากสังคมให้ได้ และช่องทางที่มันสื่อได้ชัดเจนแน่ๆ คือคนที่กระทำความผิดซ้ำสอง เช่น เคยปล้นเขาแล้วไปปล้นอีก เคยฆ่าคนแล้วไปฆ่าอีก (ซึ่งที่จริงก็ไม่อยากให้พวกนี้ออกจากคุกเลยครับ) คิดว่าอธิบายเพิ่มเติมชัดแล้ว ในแง่การร่างกฏหมาย น่าจะเข้าใจมากขึ้น จากคุณ : djnyzzz เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 16:51:06

ความคิดเห็นที่ 46 ตอย จขกท. ผทเข้าใจเจตนาที่คุณสื่อ แต่ที่ติงเพราะมากความากความเห็น กลัวว่ามีคนอ่านและตีประเด็นเบี่ยงเบนไปจะไม่เป็นประโยชน์ เท่านั้นแหละครับ จากคุณ : djnyzzz เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 16:53:07

ความคิดเห็นที่ 47 มาเสวนาเพราะมีเทียบเชิญไปนะครับ คือในมุมมองของผม จะอยู่ฝ่ายไหนก็แล้วแต่ การอ้างอิงผลการศึกษาเป็นเรื่องสำคัญ ส่วนตัวผมนั้น เห็นด้วยว่า การมีโทษประหารชีวิต จะเป็นหลักประกันที่แน่นอนว่าบุคคลผู้กระทำผิดจะไม่สามารถทำผิดซ้ำได้ จึงสมควรมีอยู่ ปัญหาคือกระบวนการยุติธรรม จับคนผิดตัว/จับแพะ และยังมีกรณีทำผิดโดยประมาท รู้เท่าไม่ถึงการณ์ หากเราสามารถวิเคราะห์สันดานมนุษย์ จับโกหกได้ 100% และทำงานโปร่งใส ระบบสมบูรณ์แบบ จับผู้กระทำผิดได้แน่นอน เราสามารถให้โทษประหารชีวิตเป็นโทษเพียงอย่างเดียวที่มีอยู่ก็ได้ครับ จากคุณ : powerconduit เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 17:53:03

ความคิดเห็นที่ 48   นิติบัญญัติ อาจแก้ปัญหาให้เด็ดขาดไป  เพราะกระทรวงที่รับผิดชอบเรือนจำก็ไม่สามารถทำงานได้ดีปล่อยให้เกิดการทุจริตซ้ำซากของข้าราชการที่ดูแลนักโทษ แต่ในกรณีนักโทษคดีเพชรซาอุ คิดว่าไม่น่าประหารในเมื่อกระแสเรื่องการประหารพุ่งเป้ามาที่ไทย  แต่ก็หวังว่าการถวายฎีกาจะได้รับการพระราชทานยกโทษประหารเสีย ถ้ากรณีค้ายาเสพติดรายใหญ่ซ้ำยังเข้าไปค้าในคุกอีกติดต่อล็อตใหญ่ๆด้วย มันเกินจะรับได้ ปล่อยให้ติดคุกตลอดชีวิตแต่มีเครือข่ายนอกคุกค้าขายจนญาติพี่น้องร่ำรวย รอวันอภัยโทษอย่างเดียว เครือข่ายยาเสพติดก็ใหญ่ขึ้นไปอีก จากคุณ : kookkookke เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 20:39:14

ความคิดเห็นที่ 49 ขอเข้ามาอ่านอย่างเดียว จากคุณ : ตัวตลกจมูกแดง เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 52 23:47:31