 |
ความคิดเห็นที่ 63 |
ตอบแบบไม่เข้าใครนะครับ 1. กรณีการกู้เงินเอาแบบเรา ๆ เลย อย่างกรณีซื้อบ้านเพื่ออยู่ bank ตรวจแล้วตรวจอีก ประเมินแล้วประเมินอีก กว่าจะปล่อยกู้ และตามดอกเบี้ยที่กู้เมื่อคำนวณแล้วก็พบว่า สมมติซื้อบ้าน 2 ล้าน ผ่อน 30 ปี ผ่อนเดือนละ 10000 เมื่อครบ 30 ปี จะพบว่าเป็นที่จ่ายให้ bank = 3,600,000 แต่อย่าลืมนะครับนั่นคือ 30 ปี และ ผ่อนเดือนละ 10,000 ธนาคารไม่ได้มั่วนะครับ และ ผู้กู้ก็รับรู้ตั้งแต่วันที่กู้แล้ว
2. กรณีป๋าเทพ ที่แกทำคือ กะจะไปลงทุนซื้อทาวน์เฮาส์ขาย (โดนหลอกไม่โดนหลอกไม่รู้) ณ วันที่เกิดโลภ คิดไปเองว่ากู้มา 700,000 สมมติผ่อนเดือนละ 70,000 เป็นเวลา 1 ปี (รวม 840,000 เสียดอก 140,000) โดยแกกะจะขายได้สัก 1,200,000 ซึ่ง ณ วันนั้นแกก็คิดว่ากำไรเห็น ๆ แต่พอขายไม่ได้ งวดที่ 5 แกก็เลยไม่ผ่อนกับแบงค์เลย ก็โดนเป็นดอกเบี้ยทบต้นไป เช่น สมมติ ต้นเหลือ 500,000 = จ่ายงวดนั้น 70,000 (หักต้น 50,000 หักดอก 20,000) แต่แกไม่จ่าย ดังนั้นงวดต่อไปก็จะเป็น 500,000+20,000 ไปเรื่อย ๆ เป็นเวลา 10 ปี โดยแกก็ไปเถียงข้าง ๆ คู ๆ ต่อไป
แถมแกก็ปล่อยไปให้แบงค์ว่าฝากขายด้วยนะ โดยอาจคิดไปว่าขาดแล้วจะหักลบหนี้ได้หมดพอดี หรือ อาจเหลือให้แกนิดหน่อย โดยไม่ได้ติดตาม วันเวลาก็ผ่านเลยไป ... พอขายไม่ได้ ดอกก็ทบต้น ต้นทบดอก แล้วแกจะมาโวยว่าแบงค์ไม่ไปขายให้ ... อันนี้ก็ไม่ถูกนะครับ
3. กรณีที่แกอ้างเรื่องนอกระบบ ว่าถูกกว่า อันนี้ยืนยันครับ ไม่จริง เพราะนอกระบบก็ทบต้นทบดอกเหมือนกัน
4. เรื่องกฏหมาย ระบุไว้ชัดเจนว่า อ้างว่าไม่รู้กฏหมายไม่ได้
ผมก็เห็นใจแกนะครับในฐานะลูกหนี้ แต่ ในมุมหนึ่งที่เราอย่าลืมคือ แกเป็นแบบนี้เพราะแก โลภ + โง่ คนเราถ้าใช้ปากมากกว่าหูเมื่อไหร่ก็เสร็จแบบแก
ถามแบบสมมติ หากวว่าวันนั้นแกขายได้ตามที่คิด แกได้กำไร แกจะด่าแบบนี้ไหม ที่ผ่านมา โดยเฉพาะที่แกลงทุนทำหนังแผ่น 5 แผ่น หนังบ้า ๆ บอ ๆ ของกแกที่ดูถูกคนดู ลงทุนไปก็เห็นแกบอก 1 - 2 ล้าน ทำไมไม่เอามาจัดการปัญหาก่อน
เรื่องของแก ผมว่าหลายฝ่ายพยายามเข้ามาช่วยแล้ว แม้แต่แบงค์เอง แต่แกก็คงเป็นแกที่ไม่ฟังไม่รับรู้
ที่หลายคนถามว่าทำไมแบงค์ไม่ยึดไปเลย ก็เพราะแบงค์ประเมินแล้วว่าราคาของที่ยึดไม่เพียงพอต่อหนี้ แถมจะเป็นภาระเอา แกจะเอามูลค่าที่แกซื้อ กับ มูลค่าที่แกคิดจะขายมาอ้างไม่ได้
แกต้องถามตัวแกเองแล้วว่า วันที่แกมีเงิน แกเอาเงินไปทำอะไร ที่แกบอกมีรายได้เดือนละ 300,000 ต้องพูดให้ชัดเลยว่าแล้ว สุทธิแล้วเหลือเท่าไหร่
เมื่อคิดจะทำธุรกิจ ต้องมีความรับผิดชอบสูง คือ เมื่ออยากทำไปขอกู้เงินเขามาทำ คิดดีแล้วหรือยัง เพราะการปล่อยกู้คืออาชีพเขา อย่างแก อยากทำเพราะคิดว่าจะได้เงิน และ ไม่มาดูแลจริงจัง พอไม่ได้ก็ไปด่าคนปล่อยกู้
เสียนะครับ เป็นเหมือนพวกคนที่ไม่รู้จักรับผิดชอบ คนจนหรือคนรากหญ้าอย่างที่แกพูดไปกู้แบงค์มาก็เยอะหลายรายก็เอาไปทำมาหากินใช้หนี้+สร้างอาชีพจนตั้งหลักได้ก็เยอะ
อย่างแกเสียอีก เงินทองเยอะแยะอย่างที่คุย หายไปไหนหมด ...
หากใครไปอ่านประวัติแกดี ๆ จะรู้เลยว่า ไอ้เราคนกินข้าวแกง ไปหลงสงสารคนที่ใช้ชีวิต(ในวันที่มีเวิน)แบบราชา แต่พลาดมาตกอับ เพราะใช้จ่ายไม่เป็น
แก้ไขเมื่อ 06 พ.ย. 52 09:32:37
แก้ไขเมื่อ 05 พ.ย. 52 12:13:41
จากคุณ |
:
ดินสอสีเขียว (x-schneider)
|
เขียนเมื่อ |
:
5 พ.ย. 52 11:26:27
|
|
|
|
 |