ความคิดเห็นที่ 1   มันมาเล่นกับมนุษย์อ่ะพอเห็นคนมันก็มาเล่นด้วย กลับโดยเคียวเฉาะหัว หมู่กันหมดเลย ถ้าวันหนึ่งมนุษย์โดนโลมา จู่โจมคงจะไม่แปลกใจ แก้ไขเมื่อ 01 ธ.ค. 52 00:54:00 จากคุณ : Ballmakoto2 เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 00:53:21

ความคิดเห็นที่ 2   Good documentary movie. จากคุณ : seakatt เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 01:05:37 A:142.239.254.20 X: TicketID:191410

ความคิดเห็นที่ 3 เเล้วสรุปช่วยมันได้มั้ยอ่ะ สงสารจริงๆYY จากคุณ : เฮเคียวมาแล้วค่ะ เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 01:15:04

ความคิดเห็นที่ 4 ยังไม่ได้ดูเลย เห็นแค่ตัวอย่างก็สลดใจ (-__-) จากคุณ : ปัทมราช เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 01:19:59

ความคิดเห็นที่ 5 ไม่กล้าดู เเค่เห็นหัวข้อกระทู้ ก็เศร้าแล้ว.. จากคุณ : i am kai เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 01:27:39

ความคิดเห็นที่ 6 เคยเห็นในข่าว มีซอกหินผาริมทะเล ใช้เป็นที่เชือดโลมา จนทำให้น้ำทะเลบริเวรนั้นเปลี่ยนสีไปเพราะเลือดของโลมา! จากคุณ : โควี เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 02:06:51

ความคิดเห็นที่ 7 เคยดู trailer ใน apple ค่ะ ปกติชอบดู Animal documentary มาก แต่แนวนี้ไม่ค่อยกล้าดูค่ะ แค่ดูเรื่องหมูน่ารักๆใน thai pbs แล้วมาคิดว่าเราต้องไปกินเขาก็หดหู่มากแล้ว จากคุณ : ถั่วน้อยจ้าวยุทธภพ เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 02:14:53

ความคิดเห็นที่ 8 ดูแล้วหดหู่ มีข้อมูลอีกมั้ยคะ อยากอ่านแบบจริงจัง T^T จากคุณ : ด๋อยด๋อย เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 02:45:16

ความคิดเห็นที่ 9 เหมือนเคยอ่านในฟอร์เวิร์ดเมล์เลยค่ะที่ประเทศเนเธอแลนด์(อ้างจากเมล์พร้อมภาพประกอบ) มีการฆ่าโลมาแบบนี้ทุกปี จนทะเลเปลี่ยนเป็นสีเลือด เห็นแล้วสลดมากๆ เพิ่งรู้ว่ามีการฆ่าสนุกๆ แบบนี้ด้วย ทำแล้วได้อะไรเหรอคะ สงสารสัตว์อ่ะ โลมาเป็นสัตว์น่ารัก แสนรู้ ทำไมต้องฆ่ามันด้วยคะ เห็นแล้วเศร้าใจ น้ำตาลจะไหล มนุษย์(บางคน)นี่ก็โหดร้ายจังเลยนะคะ แก้ไขเมื่อ 01 ธ.ค. 52 03:02:09 จากคุณ : กตัญญุตา เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 03:01:25

ความคิดเห็นที่ 10 ในยุโรป ผมเจออันนี้ ใจไม่ถึงอย่าดูนะครับ จากคุณ : jukbee เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 05:00:24

ความคิดเห็นที่ 11 ใจร้ายยยยยยย มากอ่ะ ทำไมถึงโหดร้ายกันได้ขนาดนี้ กับสัตว์ที่ไม่ได้มีพิษมีภัยกับใคร จากคุณ : hyacinthie เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 05:53:39

ความคิดเห็นที่ 12 ก็มีแบบนี้ทุกประเทศทั่วโลกแหละ   http://www.google.co.th/search?hl=th&source=hp&q=%E0%B8%86%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3&btnG=%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2+Google&meta=&aq=f&oq= โลมาก็น่าสงสารนะ แต่แมวน้ำ  น่าสงสารมากๆ น่ารัก ล่าแมวน้ำ (The Seal Hunter)                จากเรื่องลึกลับมาอ่านเรื่องโหดๆ ของผมต่อครับ จะได้รู้ว่าโลกเรานั้นมีเรื่องโหดอีกหลายเรื่องที่เราไม่รู้                แคนาดาก็เป็นหนึ่งในประเทศที่มีเรื่องหฤโหดเหมือนกัน...........                              ในระหว่างเดือนมีนาคมถึงกลางเดือนพฤษภาคมนั้นเป็นเทศกาลล่าแมวน้ำของแคนาดาครับ ซึ่งทางการแคนาดาอนุญาตให้คนอื่นล่าได้แถมเป็นแบบเชิงพาณิชย์และถูกกฎหมายเสียด้วยสิ                          แมวน้ำที่เป็นกลุ่มเป้าหมายที่โดนล่าที่สุด เป็นพันธุ์ ฮาร์ปซีส (Harp Seal) แมวน้ำที่น่าตาน่ารักมากๆ ใจดี ไม่ดุร้าย ขนสีขาวอ่อนนุ่ม นิสัยรักสงบอาศัยในดินแดนอาร์คติกแถบขั่วโลกเหนือ แต่ถ้าฤดูหนาวมาพวกมันจะพากันอพยพไปดินแดนที่อบอุ่นกว่าตามธรรมชาติแถวเกาะแก่งต่างๆ ในดินแดนแคนาดา แต่สำหรับผู้ล่าแล้วแมวน้ำนี้คือสุดยอดของดีในการสังหารเพราะหนังและขนของมันนั้นสามารถนำมาเป็นเครื่องประดับของพวกไฮโซใส่กับไปงาน ซึ่งมีราคาสูงมากๆ แถมเนื้อของมันก็อร่อยอีก นำมาทำพาย โอย...สุดยอด                จากสถิตแล้วอายุของแมวน้ำที่โดนล่าส่วนมาก 93%  เป็นแมวน้ำอายุ 12 วัน!! นั้นหมายความว่าแมวน้ำยังไม่ทันหย่านมก็โดนฆ่าซะแล้ว                ทำไมรัฐบาลต้องออกกฎหมายล่าเหรอ......ไม่รู้ครับ คงปริมาณแมวน้ำมากเกินไปมั้ง?? แต่จากข้อมูลกฎหมายแคนาดาซึ่งออกโดย หน่วยงานออกกฎเกณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทางทะเลของแคนาดา (Canada’s Marine Mammal Regulations) ระบุว่าการล่าแมวน้ำพันธุ์ ฮาร์ปซีส ในช่วง 15 พฤศจิกายนถึง 15 พฤษภาคม ของทุกปี (เป็นเวลา 6 เดือนเต็มๆ) และให้โควตาให้ล่าแสนตัว.............                                        แต่โควตาแสนตัวนี้ก็ไม่ตรงกับที่กำหนดหรอก....เฉพาะในปี 2003 รัฐบาลแคนาตั้งโควตาตัวเลขไว้ที่ 275,000 ตัว ซึ่งในแคนาดามีแมวน้ำอยู่ประมาณครึ่งล้านตัวเห็นจะได้ โดยแคนาดาได้กำหนดเกาะแม็กเดลีน(magdelene) และยังมีอีกหลายเกาะในย่าม อ่าวแห่งเซ็นต์ ลอร์เร็นซ์ (Gulf of Lawernce)ซึ่งถือว่าเป็นเกาะที่แมวน้ำ ฮาร์ป ชีส ชุมนุมมากและหนาแน่นที่สุด                การที่จะให้ล่าช่วงนี้ก็เพราะเวลานี้อากาศเริ่มอุ่นขึ้นบ้าง และแผ่นน้ำแข็งก็แยกเปิดทางสามารถนำเรือเข้าไปบรรทุกแมวน้ำที่น่าสงสารได้อย่างสบายๆ                                นักล่าแมวน้ำชนิดนี้ มีชื่อเรียกเฉพาะนะครับ พวกเขาชื่อ ชีลเลอร์(Sealer) ต้องเป็นคนชำนาญด้วยไม่ใช้ง่ายๆ เลยนะครับ ฆ่าแมวน้ำนี้ เพราะเขาจะต้องคาดเดาออกว่าแผ่นน้ำแข็งตอนไหนที่เปราะบางหรือหนาพอที่จะสามารถเดินไปฆ่าแมวน้ำได้สบายๆ นอกจากนี้ก็ยังมีการต่อกระดานระหว่างแผ่นน้ำแข็งเพื่อตามไปไล่ตีแมวน้ำอย่างถึงที่สุดอีกด้วย          สำหรับการล่าแมวน้ำนั้นพวกนักล่าจะใช้กระบองคล้ายๆ กับไม้เบสบอลตีกระหน่ำไปที่หัวของแมวน้ำ นอกจากนี้ยังมีขอเกี่ยวเหล็กแหลมเรียกว่า แฮ็คคาพิกส์ (hakapiks) เอาไว้คอยจิกเกี่ยวแมวน้ำขึ้นเรือสังหารด้วย                แต่ส่วนใหญ่วิธีการดังกล่าวถือว่าโหดร้ายมากๆ เพราะมีแมวน้ำมากมายไม่ตายสนิท แต่เพื่อให้แน่ใจว่า แมวน้ำเหล่านั้นตายก่อนที่พวกมันจะถูกถลกหนัง จะต้องตัดเส้นเลือดใต้ ครีบของมันให้มันหมดลมหายใจจริงๆ จึงสามารถถลกหนังได้ โดยการถลกหนังนั้นต้องทำงานแข่งกับเวลา เพราะนักล่าจะต้องสู้กับความหนาวอยู่ตลอดเวลา ซึ่งการถลกหนังนั้นมักจะทำบนน้ำแข็งมากกว่าจะอยู่บนเรือเพื่อประหยัดเวลา ดังนั้นพวกนักล่าจะมีผู้ช่วยด้วยในการล่าแมวน้ำแต่ละครั้ง                แต่ถ้าแมวน้ำไม่ตายแล้วถูกนำมาขึ้นเรือนั้น นักล่าจะสามารถใช้ปืนยิงแมวน้ำให้ตายด้วยได้ตามกฎหมาย(ยิงแมวน้ำบนผืนน้ำแข็งไม่ได้ แต่ยิงบนเรือได้) จากคุณ : CherryBlossom669 เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 06:33:49

ความคิดเห็นที่ 13 แน่นอนครับวิธีการฆ่าแสนโหดร้ายนี้ก็ต้องมีคนต่อต้านแน่นอน โดยหน่วยงานที่เป็นตัวตั้งตัวตีสำคัญในการต่อต้านการล่าสังหารแมวน้ำฮาร์ป ซีส ก็คือกองทุนนานาชาติเพื่อสวัสดิภาพแห่งสัตว์ต่างๆ IFAW(Interntional Fund For Animal Welfare) ซึ่งร่วมมือกับนานาชาติในการลงมติให้ยุติการล่าต่อเนื่อง                แต่เอย..................จากอดีตถึงปัจจุบัน 300 ปี ความหวังขององค์การนี้ก็ไม่เป็นผล โดยกลุ่มดูแลสิทธิของสัตว์หลายกลุ่ม บอกว่า การล่าแมวน้ำ ซึ่งเป็นเทศกาลล่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ใช้ชีวิตอยู่ในน้ำที่ใหญ่ ที่สุดในโลก เป็นการทารุณกรรมและยากที่จะคอยติดตามดูแล อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อจำนวนประชากรของแมวน้ำอีกด้วย แต่หน่วยงานด้านการประมงและนักล่าแมวน้ำปกป้องเรื่องนี้ โดยยืนยันว่า เป็นการล่าอย่างพอเพียง และมีการจัดการที่ดี                นอกจากนี้พวกนักล่าแมวน้ำยังเหม็นขี้หน้าองค์กรนี้อีก(ก็ตัวขัดผลประโยชน์นี้ปี ๕.ศ.1997 ดอกเตอร์ริค สมิธ ผู้อำนวยการ IFAW ถูกนักล่าแมวน้ำรุมทำร้ายจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดพร้อมกับทีมงานและตากล้องที่เขาไปเก็บภาพล่าสังหารเพื่อเผยแพร่ไปทั่วโลก                 ในปี ค.ศ.1999 ทีมงาน IFAW ตลอดจนช่างภาพหนังสือพิมพ์อีก 3 คน โดนนักล่าแมวน้ำรอบทำร้ายก่อนที่จะได้รับการช่วยเหลือจากยามฝั่งที่ขับเฮลิคอปเตอร์ที่ผ่านมาประสบเหตุเข้าพอดี จนสามารถช่วยชีวิตคนเหล่านั้นได้                                                                        แม้จะมีเหตุการณ์ทำร้ายนักข่าว ช่างภาพ และเจ้าหน้าที่ของ IFAW อยู่เนื่องๆ แต่ก็ไม่เห็นมีกลุ่มนักล่าแมวน้ำรายไหนถูกเพิกถอนใบอนุญาตล่าแมวน้ำและสั่งลงโทษแต่อย่างใด                อย่างไรก็ตาม รู้เปล่าครับการสงเกตการล่าแมวน้ำนั้นโครตยากเลย ถ้าเทียบกับการอนุญาตล่าแมวน้ำ เพราะต้องขอใบอนุญาตจากหน่วยงานของทางการที่เมือง ชาร์ล็อคทาวน์ ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะ ปริ๊นซ์ เอ็ดวาร์ดได้ และต้องมีกฎหยุกหยิกหลายข้อ เช่น ต้องสังเกตจากเฮลิคอปเตอร์ที่อยู่ห่างจากจุดสังหารไป 500 หลา แต่ถ้าเป็นพื้นดิน(แผ่นน้ำแข็ง) ต้องอยู่ห่างจุดล่าราวๆ 20 หลา จากคุณ : CherryBlossom669 เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 06:36:15

ความคิดเห็นที่ 14 ปี ค.ศ.1998 หน่วยงานวิทยาศาสตร์แห่งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทางทะเล ได้ออกมาระบุว่าปีนี่ปีเดียวแมวน้ำถูกล่าสังหารถึง 406,258 – 548,908 ตัว โดยเฉพาะแคนาดาประเทศเดียวนั้นประมาณ 282,070 ตัว!!                ไม่รู้ว่าตัวเลขนี้จะทำให้ทางการแคนาดาเปลี่ยนใจอยากยุติแมวน้ำหรือเปล่า แต่ถึงยังไงชาวโลกต่างลงความเห็นว่า “สมควรเลิกฆ่าแมวน้ำที่น่าสงสารได้แล้ว” ไม่อย่างงั้นเดือนมีนาคมถึงพฤษาคมของทุกปี....ทั่วผืนน้ำแข็งแห่งแอตแลนติคตอนเหนือของแคนาดาจะระงมไปด้วยเสียงร้องโหยหวน เสียงทุบตี เสียงปืน และเลือดทั่วแผ่นน้ำแข็งราวกับนรกๆ แน่นอน ไม่ว่าประเทศไหนก็สมควรหยุดได้แล้ว สงสาร ............ จากคุณ : CherryBlossom669 เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 06:37:17

ความคิดเห็นที่ 15 ฆ่าจิงโจ้-ลดโลกร้อน? คอลัมน์ รุ้งตัดแวง สปาย-กลาส จิงโจ้ สัตว์พื้นเมืองออสเตรเลีย ขยายพันธุ์รวดเร็ว ทำลายพืชผลเกษตร และรุมกินหญ้าจนภูมิประเทศแห้งแล้ง กระทรวงกลาโหมเคยถึงขั้นระดมนายพรานไล่ล่า ซึ่งกลายเป็นประเด็นถกเถียงในสังคมออสเตรเลีย และโดนกลุ่มพิทักษ์สิทธิสัตว์โจมตี แต่ต่อไปนี้ทางการออสเตรเลียคงมีข้ออ้างที่หนักแน่นขึ้น เมื่อรายงานพิเศษของกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโลก กรีนพีซ แนะว่า ออสเตรเลียควรลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สาเหตุหลักของโลกร้อน โดยลดการกินเนื้อวัว แล้วหันไปกินเนื้อจิงโจ้แทน เพราะทำให้ ผายลม น้อยกว่า ฟังดูตลก แต่กรีนพีซให้เหตุผลด้านวิทยาศาสตร์ว่า เนื้อวัวกินแล้วทำให้เกิดก๊าซมีเทนจำนวนมากในกระเพาะ ทำให้ท้องอืดเฟ้อ เกิดอาการเรอ และผายลม ขณะที่เนื้อจิงโจ้ไม่ทำให้เกิดอะไรแบบนั้น แค่ลดการกินเนื้อวัวลงร้อยละ 20 และแทนที่ด้วยเนื้อจิงโจ้ ไม่ว่าจะเป็นสเต๊กจิงโจ้ จิงโจ้สับ เบอร์เกอร์จิงโจ้ ก็จะทำให้ออสเตรเลียลดก๊าซเรือนกระจกได้ราว 15 ล้านตัน ภายในปี 2020 ดร.มาร์ก ดีเซ็นดอร์ฟ เจ้าของงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยนิวเซาธ์เวลส์กล่าว และย้ำว่าโลกจะเผชิญหายนะแน่ ถ้าไม่เร่งลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 30 ในปี 2020 แต่ดีเซ็นดอร์ฟก็หวั่นว่าจะโดนโจมตีเหมือนกันที่ไปรณรงค์ให้คนกินสัตว์ซึ่งเป็นถึงสัญลักษณ์ของประเทศ ปัจจุบันออสเตรเลียมีจิงโจ้ 25 ล้านตัว ลดลงจาก 5 ปีก่อนครึ่งหนึ่ง เพราะความแห้งแล้ง ทุกปีจะมีการฆ่าจิงโจ้เพื่อเอาหนังและเนื้อราว 3 ล้านตัว โดยพรานนักล่าซึ่งต้องมีใบอนุญาตจะใช้ปืนส่องยิงจิงโจ้ที่ระหว่างดวงตาในยามกลางคืน ทั้งประเทศผลิตเนื้อจิงโจ้ได้ปีละ 30 ล้านกิโลกรัม บริโภคเอง 1 ใน 3 นอกนั้นส่งออก โดยได้รับความนิยมสูงในเยอรมนี ฝรั่งเศส และเบลเยียม รายงานชิ้นนี้คงปลุกกลุ่มคนรักสัตว์ลุกขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมคำถามว่า การลดโลกร้อนจำเป็นต้องไปเบียดเบียนสัตว์จริงหรือ หน้า 7 ข้อมูลจาก ข่าวสด เราชอบจิงโจ้นะ น่ารักตาแป่ว จากคุณ : CherryBlossom669 เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 06:43:49

ความคิดเห็นที่ 16 http://atcloud.com/stories/13310 ลิงค์นี้มีคลิบทั้งฆ่าสัตว์ในไทย และประเทศอื่นๆ สงสาร จากคุณ : CherryBlossom669 เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 06:46:08

ความคิดเห็นที่ 17 โหด จากคุณ : โควี เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 07:50:10

ความคิดเห็นที่ 18 มนุษย์นี่น่ากลัวจริงๆ จากคุณ : โคลอนไส้ครีม เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 08:14:30

ความคิดเห็นที่ 19 มนุษย์นี่โหดร้ายที่สุดในโลกเลยนะ จากคุณ : น้ำใสแต่ไม่เย็น เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 08:29:30

ความคิดเห็นที่ 20 เรื่องนี้เคยได้ยินว่า ไม่ได้เป็นการทำไปด้วยความสนุกนี่  ชาวประมง ต้องแย่งปลากับโลมา แย่งสู้ไม่ใหว ก็เลยต้องลดจำนวนมันลง ทำอยู่ทุกปี แสดงว่า มันก็ออกลูกออกหลานเพิ่มกันทุกปี คุณไปว่าพวกเขากันไม่ได้หลอก ก็ในเมื่อผู้ล่า2ชนิด ที่มีเหยื่อ เหมือนกัน การแก่งแย่งต่อสู้ก็ต้องตามมาเป็นธรรมดา จากคุณ : jackmaster (jackmaster) เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 08:36:58

ความคิดเห็นที่ 21 ตอนนี้ที่อเมริกา ก็เป็นฤดูล่ากวาง เห็นกวางวิ่งไปวิ่งมาในป่าน่ารัก ดูไม่เห็นมีพิษมีภัย แต่ทำไมมนุษย์ถึงเอาปืนไปไล่ยิงมันเพื่อความสนุกไม่เข้าใจ ดูๆ ไปมนุษย์นี่หละเป็นสัตว์เลือดเย็นที่สุดในโลกแล้ว จากคุณ : chuamalee เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 08:37:19

ความคิดเห็นที่ 22   เฮ้อ..พวกมนุษย์ สัตว์ประเสริฐไม่ใช่เหรอ ดูแค่รูป ก้อไม่ไหว แร้ว ....เกลียดพวกคนแบบนี้ อยากเข้าไปในจอแร้วเอา ที่เฉาะหัว..เฉาะหัวมันดูบ้าง แร้วมันจะรู้สึกยังงัย จากคุณ : บ๊อบบี้ชอบกินคุ้กกรี้ เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 08:56:54 A:61.90.21.181 X: TicketID:240739

ความคิดเห็นที่ 23 ทำไม ถึงกับญาติอิฉันอย่างงี้ละ TT จากคุณ : โลมาสีดำ เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 09:01:40

ความคิดเห็นที่ 24 อันนี้มันคนละเรื่องกับล่าแมวน้ำเลยนะครับ เรื่องล่าโลมานี่คนญี่ปุ่นไม่รู้ เป็นการกระทำโดยคาดว่าคนทำน่าจะเป็นผู้มีอิทธิพลและได้รับอนุญาตจากรัฐด้วย ข้อมูลจากในคลิปนั่นแหละ น่าสนใจมากเดี๋ยวจะหาดูให้หมดเลย จากคุณ : donutpla2 เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 09:14:25

ความคิดเห็นที่ 25 กินอร่อย คนก็เอามากินก็แค่นั้นแหละครับ จากคุณ : เกิดในที่สว่าง เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 09:27:37

ความคิดเห็นที่ 26 เฮ้อ ผมไม่ค่อยเข้าใจ พวกข้สงสาร แต่ไม่เข้าใจ สถานะการ โลกเลยครับ มันดูน่าสงสารจริง แต่นึกถึงเหตุผลที่ต้องทำนิดนึงด้วยครับ ถ้าสัตว์มันขยายพันธ์ตามปกติ และจำนวนมากพอในธรรมชาติคงไม่เป้นไร แต่ถ้ามันมากจนเกินไปล่ะ  มากจนแย่งอาหารกันเองล่ะ  มาจนกระทั่งแย่งอาหารของมนุษย์ซะเองล่ะ คุณเป้นรัฐบาลจะทำอย่างไร ทางออกคือ จำเป้นต้องควบคุมจำนวน ล่าแมวน้ำเพื่อควบคุมจำนวน เหมือนสนุก แต่คิดถึงความอันตรายในการเดินบนแผ่นน้ำแข็ง เพื่อล่า  คิดต่อเอาดีกว่า ส่วนล่าโลมา โดยปกติโลมาออกลูกไว และโตไว ถ้าแหล่งอาหารมาก  แต่นั่นหมายความว่าฝูงปลา ที่จะเป้นอาหารมนุทย์ จะโดนแย่งไป จำเป้นต้องล่าไหม ก็สมเหตุผล ที่จำเป็นต้องทำ  ถ้ามันเพิ่มจำนวนขึ้นจน ควบคุมไม่ได้ อาหารสำหรับมนุทย์ เริ่มไม่เพียงพอ  เมื่อนั้น คนที่ว่า จะบอกว่าสงสารๆ  ก็คงเห็นด้วย ส่วน จิงโจ้  ถ้ามันแยะขนาดนั้น มันก็สมควรหรอก จิงโจ้ สัตว์พื้นเมืองออสเตรเลีย ขยายพันธุ์รวดเร็ว ทำลายพืชผลเกษตร และรุมกินหญ้าจนภูมิประเทศแห้งแล้ง  แบบนี้ระยะยาว มันก็ตายกันหมดทั้งคนทั้งจิงโจ้ ล่าเพื่อควบคุมจำนวน เพื่ออาหาร  ทำไปเถอะครับ มากเกินไป ก็ไม่ดี น้อยเกินไปก็ไม่ดี  ต้องมีสมดุลในตัวเองด้วย จากคุณ : Night_Angel เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 09:43:51

ความคิดเห็นที่ 27 อ่า  ดูคลิปข่าวของญี่ปุ่นแล้ว รู้สึกคล้อยตาม โดยสรุปเขาบอกว่าการฆ่าปลาโลมาเป็นวัฒนธรรมของเมืองเล็กๆแห่งนี้(แต่ไม่รู้ฆ่าไปทำไมนะ) และการที่อยู่ๆฝรั่งเข้ามาแอบถ่ายแล้วไปออกวิดีโอตามใจชอบโดยทำเนื้อหาให้ดูรุนแรงเป็นเรื่องที่ไม่สมควร ผู้ชายคนนึงที่ให้สัมภาษณ์ในคลิปพูดได้ดีมากว่ายุคต่อจากนี้เป็นยุคที่ทุกๆชาติจะจับมือร่วมมือพัฒนาไปด้วยกัน มีปัญหาอะไรก็น่าจะมาคุยกันแบบเพื่อน ไม่ใช่อยู่ๆก็มาโจมตีเอาข้างเดียว แกพูดได้ดูใจเย็นมากเลยครับ ดูแล้วน่านับถือ จากคลิปที่ดูมาทั้งสองอันเห็นว่าแตกต่างกันมาก the cove พยายามสร้างเรื่องให้แรง ส่วนข่าวที่ออกในญี่ปุ่นเป็นเรื่องของการเข้ามาขัดขวางวัฒนธรรมท้องถิ่นทีี่มีความยาวนานมาถึง400ปี ก็ต้องขออธิบายไว้เสริมหน่อยว่าคนญี่ปุ่นเขามองสิ่งที่อยู่ในน้ำเป็นอาหาร ไมว่าจะกุ้ง หอย ปู ปลา โลมา หรืออะไรก็ตาม ส่วนสัตว์ที่อยู่บนบกคือสัตว์ ตรงนี้แยกกันชัดมาก เพิ่งจะไม่นานมานี้ที่ได้รับรู้กันว่า โลมาและปลาวาฬเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และปกติการทำอาหารพวกซาชิมิของญี่ปุ่นก็โหดอยู่แล้ว(ในสายตาของเรา) ตกปลาได้ แล่เลย กินเลย ตกปลาหมึกได้ ตัดหนวด กินเลย นึกแล้วสยิว อยู่ๆโดนตัดมือไปกินต่อหน้าต่อตา เรื่องวัฒนธรรม มันเป็นสิ่งที่มีมายาวนานและได้รับการยอมรับจากคนในสังคมนั้น คนในสังคมย่อมไม่ตัดสินว่าวัฒนธรรมนั้นผิด ในทางกลับกันเมื่อคนต่างวัฒนธรรมไปเห็นก็ย่อมไม่เข้าใจและตัดสินเอาว่าไม่ดี แต่เมื่อเราเห็นว่าชุมชนแห่งหนึ่งมีวัฒนธรรมในทางสุดขั้ว และไม่ดี สมควรเปลี่ยนแปลง อย่างน้อยการดำเนินการก็ไม่น่าทำแบบ the cove ที่หวังสร้างกระแสลบให้กดดันเจ้าของวัฒนธรรมต้องเสียหน้า เสียใจ และไม่เข้าใจว่าสิ่งที่ตัวเองทำมายาวนานไม่ดียังไง การเข้าไปคุยกัน ทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน ให้มุมมองอีกด้าน น่าจะเป็นวิธีที่มีอารยธรรมมากกว่า .................... เพิ่งสังเกตเห็น ในคลิปข่าวหน้าที่มันค้างอยู่ก่อนกดเพลย์ (ที่เห็นผู้ชายใส่แว่นกันแดด) มุมขวาบนมันเขียนว่า"ชาวต่างชาติผู้ต่อต้านการล่าปลาวาฬ" ตกลงมันปลาวาฬหรอกรึนี่ ที่จริงตอนแรกก็แปลกใจอยู่ว่าญี่ปุ่นมันล่าโลมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ปกติเห็นล่าแต่ปลาวาฬ คงเป็นปลาวาฬพันธุ์เล็กพอคนไม่รู้มาเห็นเลยเข้าใจผิดมั้ง แก้ไขเมื่อ 01 ธ.ค. 52 09:49:22 จากคุณ : donutpla2 เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 09:44:18

ความคิดเห็นที่ 28 เห็นใจโลมาแล้ว โปรดเห็นใจ หมู กับ ไก่ ด้วยครับ เกิดเติบโตมาเพื่อโดนฆ่า โดนคนเอามากินทุกวัน จากคุณ : นาเม็ก เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 09:46:59

ความคิดเห็นที่ 29 อย่าตัดสินคนที่หน้าตาฉันใด ก็อย่าตัดสินสัตว์ที่หน้าตาฉันนั้น จากคุณ : นักกวีจากเงามืด เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 10:19:50

ความคิดเห็นที่ 30 เคยได้ยินว่าปลาวาฬมันกินปลาเล็กๆเยอะมากครับ ชาวประมงเลยต้องฆ่า จากคุณ : HOWL เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 10:36:35

ความคิดเห็นที่ 31   ญี่ปุ่นกินโลมาครับ จริงๆแล้วก็กินหมดทุกอย่างที่อยู่ในทะเลแหละ การล่าของเขาก็รุนแรงจริงๆ อย่างปลาฉลามก็จะตัดเอาแค่ครีบ แล้วก็โยนฉลามลงทะเล ไม่มีครีบมันก็ว่ายน้ำไม่ได้ สุดท้ายก็จมน้ำตาย แต่จริงๆมันมีโหดทุกประเทศล่ะ ไก่ทอดKFCที่เรากินๆกันก็ฆ่าไก่โหดมากๆ เนื้อที่เราๆท่านๆกินกันทุกวัน เราก็ไม่รู้หรอกว่าเค้าใช้วิธีฆ่ายังไง [แต่ที่แน่ๆหมูใช้วิธีทุบหัวจนตาย] ดีที่สุดก็กินเจซะ จากคุณ : call เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 10:56:27 A:117.47.10.197 X: TicketID:165031

ความคิดเห็นที่ 32 ตอนนี้มีสัตว์อีกจำพวกหนึ่ง ซึ่งมีจำนวนมากเกินไปบนโลกใบนี้ มันเป็นสาเหตุให้โลกร้อน โลกเย็น โลกเน่า มันเป็นสัตว์ที่เป็นภัยต่อสัตว์อื่นๆอย่างมาก สัตว์จำนวนนี้แพร่ขยายพันธุ์เร็วมากๆ ผสมพันธุ์กันทุกวัน และมันคงจะต้องถูกลดจำนวนลงอย่างฮวบฮาบ ภายในอนาคตอันใกล้นี้ โดยธรรมชาติ สัตว์จำพวกนี้คือ มนุษย์ แต่แต่แต่... อย่าคิดหนีล่ะ.. ตายแน่ๆ จากคุณ : N'Wan เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 14:00:00

ความคิดเห็นที่ 33 คลิปในคห.10 เราดูแค่30วิก็ไม่ไหวแล้วอ่ะ นี้สินะที่เรียกว่ามนุษย์มีอารยธรรม สักวันนึงธรรมชาติจะเอาคืนบางก็คงไม่แปลก ต่อให้ส่งเสียงเรียกร้องขอความช่วยเหลือ ก็คงไม่มีใครได้ยินเหมือนตอนเราทำกับโลกใบนี้ จากคุณ : Elli เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 14:02:41

ความคิดเห็นที่ 34 ขอพูดถึงเฉพาะกรณีกวางที่คุณ chuamalee เอ่ย กวางหรือหมีในอเมริกานั้นแพร่พันธุ์เยอะจนเกินระดับความควบคุม จึงเปิดโอกาสให้พรานที่ต้องการทำการล่าได้ โดยต้องซื้อใบอนุญาต และมีฤดูกาลในล่า อย่างที่บอกแหละครับว่าไม่งั้นมันจะแพร่กันมากเกินไปจนก่อผลเสียหายกับพืชผลการเกษตรหรืออื่นๆได้ รวมไปถึงการล่าสัตว์อื่นๆ แม้แต่ตกปลา ปกติคุณต้องซื้อใบอนุญาต ไม่ใช่หิ้วเบ็ดไปตกได้เฉยๆ เหตุผลอื่นๆนอกเหนือจากควบคุมปริมาณสัตว์ ก็คือหารายได้เข้ารัฐ จะผิดหรือถูก อันนี้ผมไม่มีความเห็น เพียงบอกแต่ข้อมูลเบื้องหลังการกระทำ การตัดสินผลว่าควรไม่ควรเป็นเรื่องของผู้อ่านเองครับ ส่วนแมวน้ำหรือโลมา ข้อมูลละเอียดผมไม่ทราบครับ จากคุณ : น้ำใส เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 14:18:42

ความคิดเห็นที่ 35 โอ๊ยจะเป็นลม อ่านแล้วจิตตกเลยอ่า ไม่กล้าดูคลิปด้วย จากคุณ : Rule_Of_Rose เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 15:21:50

ความคิดเห็นที่ 36 ไม่เพียงโลมา จะหมูจะไก่จะเนื้อไร ก้ถือเปนสัตว์ที่เเต่ละวันโดนเชือดโดนฆ่าเป็นสิบๆล้านตัว มีชีวิตเหมือนกัน ตายทรมานเหมือนกัน จากคุณ : Thaumaturge เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 16:57:03

ความคิดเห็นที่ 37 คลิปในความเห็นที่ 10 โหดกว่าของญี่ปุ่นเยอะเลย หั่นกันเห็น ๆ ทะเลเป็นสีเลือด เคยเห็นคลิป ประเพณีล่าปลา (ยักษ์) แต่ละตัวใหญ่มาก ใหญ่กว่าคนอีก เห็นแล้ว เฮ่อ มนุษย์ นี่ น่ากลัวที่สุด จากคุณ : I-AM-KIM เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 20:09:27

ความคิดเห็นที่ 38 หมู 23,000 ตัว ถูกฆ่าในแต่ละวันที่ไทย ทำไมไม่มีใครบ่นมั่ง จากคุณ : bluedracula เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 23:01:56

ความคิดเห็นที่ 39 #10 นาที ที่ 3.50 เศร้าหว่ะ จากคุณ : TeyTaey เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 52 03:12:25

ความคิดเห็นที่ 40   โอ๊ย...จะเป็นลม จากคุณ : Need for Re-J-ection เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 52 05:13:45

ความคิดเห็นที่ 41 จริงๆ แก้ไม่ยากครับ... เราก็ลองให้พวกที่ "ล่า"... ไปเป็นผู้ "ถูกล่า"... แล้วเค้าก็จะเข้าใจเองครับ "ใจเขาใจเรา" จากคุณ : .อย่าลืมความฝันในวัยเยาว์. เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 52 12:02:01

ความคิดเห็นที่ 42 เคยได้ยินมาว่า ญี่ปุ่นล่าโลมาไม่ใช่เพราะว่าโลมาลดปริมาณอาหารของมนุษย์นะครับ แต่เค้าล่าเพื่อการกีฬา ซึ่งเรื่องนี้โดนต่อต้านอย่างมากโดยเฉพาะจากกลุ่มนักอนุรักษ์ธรรมชาติ จากคุณ : unicorn-k เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 52 12:13:10

ความคิดเห็นที่ 43 มุมมองจากมนุษย์สัตว์เยอะเกินต้องควบคุม ถ้ามองในมุมสัตว์มันก็คงมองว่า มนุษย์มีมากเกินไป เหมือนกัน จากคุณ : ... (GreenEyes) เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 52 14:47:56

ความคิดเห็นที่ 44 มนุษย์เอาเปรียบทุกอย่าง จากคุณ : bombz2 เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 52 17:33:26