ความคิดเห็นที่ 1 ชอบเหมือนกันจากเรื่อง สะบายดี หลวงพระบาง ฟังแล้วรื่นหูมาก จากคุณ : Halls เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 11:19:58

ความคิดเห็นที่ 2 ฟังรู้เรื่องทุกคำเลย คนลาวเค้าจะฟังไทยรู้เรื่องแบบเรามั้ยนะ จากคุณ : มือปราบหน้าใส (SoundForce) เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 11:28:21

ความคิดเห็นที่ 3 ชอบครับ รู้สึกเหมือนภาษาอีสาน+ภาษาเหนือเลย ฟังแล้วยิ้มอ่ะ จากคุณ : IzE-KunG เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 11:29:57

ความคิดเห็นที่ 4 ชอบเหมือนกัน ดูสีสันกีฬาเมื่อไหร่ เห็นความน่ารักของคนลาว ชักจะอยากไปเที่ยวแล้วหละสิ จากคุณ : north_shine เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 11:37:30

ความคิดเห็นที่ 5   ไม่ใช่ไม่ให้นะ จขกท  แต่เขาไม่รับอ่ะ 5555 จากคุณ : ดีดี (chichimaru_dd) เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 11:39:09

ความคิดเห็นที่ 6 มาบอกว่าชอบเหมือนกันค่ะ ฟังแล้วเห็นถึงความจริงใจ จากคุณ : Grabbie-Angie เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 11:39:56

ความคิดเห็นที่ 7 สำเนียงเค้าฟังแล้วเพราะหูดี  คนลาวสวยด้วย ^^   บ้านพี่เมืองน้อง จากคุณ : ก้างติดคอ เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 11:47:23

ความคิดเห็นที่ 8 เขาอยากเป็นบ้านพี่..เมืองน้องกันกับเราจริงๆเหรอ จากคุณ : TrojanTHM เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 11:51:20

ความคิดเห็นที่ 9 คนลาวฟังภาษาไทยออกเหมือนที่เราเราฟังภาษาลาวออกค่ะ คห2 เคยไปเที่ยวที่ประเทศลาวเราพยายามอ่านภาษาลาวเพราะดูๆแล้วเหมือนเป็นคำอ่านภาษาไทย คนลาวก็บอกว่าคนลาวอ่านภาษาไทยออกแต่คนไทยอ่านภาษาลาวไม่ออกเราก็ยิ้มๆ จำได้ว่าคนลาวพูดจาเพราะเหมือนพูดภาษาเหนือเลยเนิบๆหวานๆค่ะ จากคุณ : sugar_cus เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 11:52:20

ความคิดเห็นที่ 10 เป็น "เพื่อนบ้าน" ที่น่ารักมากเลยค่ะ จากคุณ : สาวร้อยเอ็ด (ข้าวมันไก่พิเศษสอง) เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 11:54:42

ความคิดเห็นที่ 11 เพราะคุณเป็น คนไทย หัวใจรักเพื่อนบ้าน... คุณเลยรู้สึกดีๆ เช่นนั้น ... ผมก็รู้สึกแบบนั้นนะ จากคุณ : blacksabbath เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 11:54:57

ความคิดเห็นที่ 12   ลาวเค้าไม่ได้อยากเป็นบ้านพี่..เมืองน้อง เค้าถือเป็นเพื่อน จากคุณ : ต้ากงอ้วง เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 11:56:22

ความคิดเห็นที่ 13 ภาษาเค้าน่ารักครับ ฟังแล้วอดยิ้มไม่ได้ คุณ ความเห็นที่ 2 ครับ เค้าก็ฟังรู้เรื่อง พอๆกับที่เราฟังเค้ารู้เรื่องละครับ ตอนผมไปเที่ยวที่ลาว ผมพูดไทยคุยกะเค้ารู้เรื่องนะ คำน่ารักๆของภาษาลาว ห้องไอซียู = ห้องมรสุม ห้องคลอด = ห้องประสูติ นาง ผดุงครรภ์ = นาง ประสูติ ไฟแดง = ไฟอำนาจ ไฟเขียว = ไฟอิสระ จากคุณ : Plainwalker เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 11:56:35

ความคิดเห็นที่ 14 สาวลาวออกจะน่ารัก จากคุณ : Autumn2reason เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 12:00:37

ความคิดเห็นที่ 15 ^ ^ จริงอ่ะ? จากคุณ : หนูซุยกะ เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 12:01:26

ความคิดเห็นที่ 16 ฟังแล้วชอบเหมือนกัน และก็ฟังเข้าใจค่ะ ^^ จากคุณ : Doungtawan เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 12:05:37

ความคิดเห็นที่ 17 เป็นพี่เป็นน้องก็ดีนี่นา ปรกติพี่จะรักน้องมากกว่ารักเพื่อนนะ ไม่จำเป็นต้องตีความว่าใครจะด้อยจะดีกว่าสักหน่อย จากคุณ : nirocino เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 12:07:58

ความคิดเห็นที่ 18 คห.14 ดูแล้วยิ้มจริงๆอ่ะ น่ารักมากเลยดูเป็นธรรมชาติไม่แบ๊วเกิน อิอิ จากคุณ : ดังฮู เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 12:17:59

ความคิดเห็นที่ 19 คำว่าพี่น้อง มาจากภาษาอีสานค่ะ ซึ่งจะหมายถึง ญาติ หรือ รักกันเปรียบเหมือนญาติสนิท ชิดเชื้อ ประมาณนั้น แต่ในภาษากลาง คำว่า พี่น้อง จะหมายถึง พี่ กับ น้อง ตรงๆตัวเลย จากคุณ : Ku_Aom77 เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 12:23:52

ความคิดเห็นที่ 20   ภาษาลาวแถวๆ เวียงจันทร์ สำเนียงจะคล้ายๆกับสำเนียงอีสานแบบหนองคายและเลย แต่ถ้าเป็นแถวๆหลวงพระบาง เซียงของ ซำเหนือ จะเป็นภาษาคำเมืองแบบล้านนาเลยครับ เพราะในอดีต หลวงพระบางคือ เมืองเชียงทอง เมืองหนึ่งในล้านนานั้นเอง แต่สำเนียงจะเหมือนคนน่านพูดอ่ะครับ แล้วที่สำคัญผู้หญิงเวลาพูดเวลาพูดหางเสียงจะลงท้ายด้วยคำว่า เจ้า เหมือน ทางเหนือของไทยเลย จากคุณ : badboyben (badboyben) เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 12:40:05

ความคิดเห็นที่ 21 เค้านับพี่นับน้องกับเวียดนามค่ะ เค้าพูดด้วยซ้ำไปว่าเวียมนามเป็น "พี่" เค้าเป็น "น้อง ส่วนไทยเป็นได้แค่ "เพื่อน" ค่ะ เราว่า ถ้าเค้าอยากเป็นแค่เพื่อน ก็เป็นเพื่อนไปสิคะ ทำไมต้องอยากเป็นพี่น้องกับเค้ามากทั้งที่เค้าก็ไม่ได้อยากเป็นกับเราซักหน่อย จากคุณ : นางมารร้ายใส่Lacroix เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 12:51:17

ความคิดเห็นที่ 22 ในคลิป14 ภาษาเหนือบ้านเฮา จากคุณ : +++นัทจัง+++ เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 12:51:26

ความคิดเห็นที่ 23 ตามคห.21 ถูกต้องเลยค่ะ มีแต่คนไทยค่ะที่คิดว่าลาวเป็นพี่น้องค่ะ ไปถามคนลาวได้เลย พี่น้องเค้าคือเวียดนามที่ร่วมรบกันในสงครามอินโดจีน ส่วนไทย คนลาวจำได้แค่ว่า ไปชิงพระแก้วมรกตเค้ามาค่ะ จากคุณ : +++นัทจัง+++ เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 12:54:49

ความคิดเห็นที่ 24   นั่นนะสิเราคิดไปฝ่ายเดียวมากกว่าว่าเค้ากับเราคือพี่น้อง ทีแท้จะคอยแทงกันข้างหลังมากกว่า จากคุณ : สาวหนองโพ เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 13:00:59 A:222.123.169.124 X: TicketID:244027

ความคิดเห็นที่ 25   มีแต่คนคิดแบบนี้แหละ ไทยกับลาวจึงไม่ร่วมมิตรกัน ส่วนตัวผมว่า สำเนียงคนลาว ลื่นหู เหมือนสำเนียงเหนือ ช้าๆสบายๆ จากคุณ : silveraom704 เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 13:11:58

ความคิดเห็นที่ 26 แหมจะไปว่าเค้าก็ไม่ได้นะคะ คนไทยน่ะแระชอบไปดุถูกเค้า ว่าด่าใครยังมีคำว่า ไอ้.....ว อยู่เลย ใครจะนับญาติกับคนที่ดูถุกตัวเองได้ละคะ อย่าถือดีเหนือคนอื่นนักเลยคะ ทุกวันนี้ รอบบ้านเราทรัพยากรธรรมชาติเขายังมีอยู่มากมาย การที่เขาพัฒนาช้า ทำให้ประเทศเค้ายั่งยืน เค้าดูตัวอย่างประเทศเรา อีกหน่อย อนาคตข้างหน้า เราอาจต้องไปของานเค้าทำหรือเปล่า หรืออาจจะต้องไปขอกุ้เค้าหรือเปล่าไม่รู้นะคะ.... เห็นช่วงนี้วิ่งหาที่กู้อยู่เลยนิคะ จากคุณ : sherykik (sherykik) เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 13:32:02

ความคิดเห็นที่ 27 โทรแล้วยิ้ม.......น่ารักดีคะ แต่ว่า คำว่า "บ้านพี่เมืองน้อง" ญาติเราเคยทำทัวร์เที่ยวเมืองลาวมา เค้าบอกว่า คนลาวโคตรจะไม่ชอบประโยคนั้นเลย.. - -" จากคุณ : ไก่กา อาราเร่ เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 13:44:37

ความคิดเห็นที่ 28 ชอบเหมือนกันเลย จากคุณ : ChaoyhinG เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 13:52:18

ความคิดเห็นที่ 29 เห็นด้วยกับ คห.ข้างบนที่บอกว่า คนลาวบางคนเขาไม่อยากเป็นพี่น้องกับไทยหรอก เพราะคนไทยบางคนยังดูถูกเขาว่าไม่เจริญอยู่ อย่างเช่น ดูหล่อนสิ แต่งตัวได้ลาวมาก นี่แก จะหน้าลาวไปถึงไหน นิสัยเธอลาวมาก เราได้ฟังประโยคพวกนี้มาบ่อยมาก ฟังแล้วรู้สึกว่าคนพูดเอาสมองส่วนไหนคิด ทำไมไปดูถูกเขาขนาดนั้น คนลาวมันไม่ดีตรงไหน ถึงได้เอามาเปรียบแต่เรื่องว่าด้อยพัฒนา เราชอบประเทศลาวที่เป็นลาวแบบนี้ ดูน่ารัก ไม่ตามรอยความเจริญทางวัตถุนิยมที่ไร้ค่า แต่ลาวทำตัวเองให้มีคุณค่าในตัวของเขาเอง แก้ไขเมื่อ 10 ธ.ค. 52 13:59:59 จากคุณ : north_shine เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 13:58:18

ความคิดเห็นที่ 30 เด็ดสุดคือ คนลาวส่วนใหญ่เค้าอ่านภาษาไทยเราออกนะครับ ไม่ใช่แค่ฟังรู้เรื่อง แต่คนไทยขนาดผมอยู่ใกล้ๆ กับประเทศเค้ายังอ่านออกมั่งไม่ออกมั่งเลย จากคุณ : Touya Kazami เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 13:59:13

ความคิดเห็นที่ 31 ภาษาลาวเพราะค่ะ แต่รบกวนขอโพสเกร็ดปลีกย่อยนะคะว่า มันเป็นคนไทยเองที่ไปทึกทักว่่าลาวเป็นบ้านพี่เมืองน้อง คนลาวเป็นบ้านพี่เมืองน้องกับคนเวียดนามค่ะไม่ใช่คนไทย เพราะคนลาวกับคนเวียดนามร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันในสงครามอินโดจีน ส่วนคนไทยคนลาวมองเราเหมือนที่เรามองพม่า ว่ามาเผาบ้านเผาเมืองเรา ทุบทำลายกรุงศรีอยุธยา   แถมประวัติศาสตร์เขามีเรียนกันตั้งแต่สมัยประถมที่ลาว บอกว่าพระแก้วมรกตของเรา แต่เดิมเป็นของลาวแต่ไทยไปรบแล้วปล้นมา แถมเผาเมืองลาวซะราบ ถ้าใครได้มีโอกาสไปเที่ยวเมืองลาว หรือเจอคนลาวอย่าไปอ้างคำว่าบ้านพี่เมืองน้องกับเขานะคะ จะโดนคนลาวหัวเราะเยาะเอาลับหลังค่ะ แต่ยังไงก็ถือว่าเป็นเพื่อนบ้านกันเนาะ ใช้คำว่าเพื่อนบ้านจะงามกว่าค่ะ จากคุณ : แตงกวา01 เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 14:05:34

ความคิดเห็นที่ 32 ถ้ายังงั้นขอคิดใหม่นะครับ... ว่าอยากให้เมืองไทยมีความเป็นเพื่อนกับคนลาวให้มากกว่านี้ ที่ผ่านมาอาจจะมีเรื่องกินใจกัน.. ทั้งเรื่องลัทธิการปกครอง และเรื่องราวในอดีต.. แต่มันแก้ไขอะไรกันไม่ได้แล้ว แต่ในปัจจุบัน.. เชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่ดูซีเกมส์หนนี้จบแล้ว ตอนนี้อยากจะเที่ยวไปเยื่อนลาวมากกันมากกว่าแต่ก่อนแน่นอน เพราะกระแสสื่อมันแรงเหลือเกินตอนนี้ และที่สำคัญไทยฟังลาวรู้เรื่อง  ลาวฟังไทยก็รู้เรื่อง ตอนนี้ยังงั้ยลาวก็ต้องรักเวียดนามมากกว่าอยู่แล้ว..   แต่ความเป็นเพื่อนถ้าเพื่อนคบเพื่อนด้วยความจริงใจ ภาษาก็คุยกัน รู้เรื่อง ความใกล้ชิดมันต้องเกิดขึ้นง่ายอยู่แล้ว ต่อไปเพื่อนกันรักกันมาก มันต้องรักกันเหมือนญาติพี่น้อง..  บางคนอาจจะคิดว่าเค้าไม่ได้รัก เรามากมายขนาดนั้น เพราะฉนั้นเราไม่ควรจะต้องไปรักเค้ามากมาย อย่างนั้นหรืองั้ย แต่สำหรับเราแล้วได้ฟังได้ยินคนลาวพูดทีไร (ผ่านทางสื่อ) ฟังแล้วมันซื่นม่วนหัวใจได้แต่ยิ้มๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆอย่างเดียว ปล.สมเด็จพระเทพฯ ท่านเจริญสัมพันธ์ไมตรีกับลาวไว้มากมาย    คนลาวก็รักสมเด็จพระเทพฯ  เราในฐานะคนไทยก็อยากจะรักคนลาว    บ้างไม่ได้หรือยังงั้ย  มันอาจจะต้องใช้ความพยายามมากสักหน่อย    เพาะอดีตเราก็ทำไว้กับเค้าเยอะ.. แต่คิดว่าความรักกันด้วยความจริงใจ    จะทำสายสัมพันธ์ไทยลาวยั่งยืนตลอดไป จากคุณ : จขกท (ครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน) เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 14:37:25

ความคิดเห็นที่ 33 จริงๆ ก็เห็นใจเค้านะ เค้าคงรู้สึกแย่นิดหน่อยกับเราจริง พูดกันจริงๆแล้ว เราออกจะเป็นผู้ร้ายในแถบนี้นะ อันนี้พูดจากใจ เพราะบ้านเราเจริญกว่า คนของเราจึงดูถูกประเทศรอบข้าง อีกอย่างด้วยเหตุผลทางประวัติศาสตร์ต่างๆ มันจึงทำให้ไม่สนิทใจกัน อย่างไรก็ตาม ไม่ต้องคิดอะไรมาก ถือซะว่าเราอยู่ส่วนเรา เค้าอยู่ส่วนเค้า (รวมถึงประเทศอื่นๆ) ถ้ามีอะไรช่วยเหลือกันได้ก็ช่วยไปตามอัตภาพ และที่สำคัญให้ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่ากัน อย่าไปดูถูกเค้าก็พอ จากคุณ : เจ้านางละอองคำ เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 14:49:42

ความคิดเห็นที่ 34 แม่หญิงลาวน่ารักมากครับ อาทิตย์ก่อนไปลาว เจอ 1 คำแล้ว  โอ้ยย จะตายเอา แม่นางเอ่ยคำว่า "แหม่นแล่ว" โอ้วว ~~ ได้ฟิลล์ น่ารักมากกกก ~ จากคุณ : Phyz เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 15:14:03

ความคิดเห็นที่ 35 โฆษณาคห14 ดูแล้วยิ้มเหมือนกันนะคะ จากคุณ : sugar_cus เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 15:14:11

ความคิดเห็นที่ 36 เอาเถอะ เค้าไม่เป็นพี่เป็นน้องด้วยก็แล้วแต่ ไปเที่ยวลาวมั่งดีกว่า จากคุณ : SoundForce เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 15:32:52

ความคิดเห็นที่ 37 ไม่สนเรื่อง ชนชาติอยู่แล้วครับ ดูกันเป็นคนๆ ไป   ก็เห็นมีดีมีเลวกันทุกชนชาตินี่แหละ ผมคิดว่า ไม่ใช่คนลาวทุกคน จะเหมารวมว่า คนไทยทั้งชาติมีทัศนคติไม่ดีต่อบ้านเค้า มันก็เหมือนบ้านเรา ที่มีทั้งรังเกียจ และชื่นชมต่างชาติ  หรือกระทั่ง ชื่นชอบและเกลียดกันเอง -_-" อย่างน้อยในอินเตอร์เนตคนลาว ก็จะได้รู้ว่า ยังมีคนไทยที่ยังแคร์ความรู้สึกของประเทศเค้าอยู่   ถ้าเรามีทัศนคติที่ดี ยังไงซะ อนาคตก็จะทำให้เข้าใจกันได้มากขึ้นเอง จากคุณ : Panda-baker เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 15:45:34

ความคิดเห็นที่ 38 มันเป็นคนไทยเองที่ไปทึกทักว่่าลาวเป็นบ้านพี่เมืองน้อง คนลาวเป็นบ้านพี่เมืองน้องกับคนเวียดนามค่ะไม่ใช่คนไทย เพราะคนลาวกับคนเวียดนามร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันในสงครามอินโดจีน ส่วนคนไทยคนลาวมองเราเหมือนที่เรามองพม่า ว่ามาเผาบ้านเผาเมืองเรา ทุบทำลายกรุงศรีอยุธยา   แถมประวัติศาสตร์เขามีเรียนกันตั้งแต่สมัยประถมที่ลาว บอกว่าพระแก้วมรกตของเรา แต่เดิมเป็นของลาวแต่ไทยไปรบแล้วปล้นมา แถมเผาเมืองลาวซะราบ ถ้าใครได้มีโอกาสไปเที่ยวเมืองลาว หรือเจอคนลาวอย่าไปอ้างคำว่าบ้านพี่เมืองน้องกับเขานะคะ ถูกต้องที่สุดเลย คนไทยนี่เองชอบเหมาเอาหมดว่าคนโน้นต้องอย่างนี้ คนนี้อย่างนั้น จากคุณ : ผีเสื้อสมุทรประเภท2 เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 16:29:40

ความคิดเห็นที่ 39 อ่านกระทู้นี้แล้วถอนหายใจเฮือก ๆ เลยทีเดียว ยังมีคนไทยสักกี่คนที่ยังไม่รู้ว่าพระแก้วมรกตน่ะเป็นของไทยจริง ๆ แถมยังมาทวงความเป็นเจ้าของให้เค้าอีก ความจริงพระแก้วมรกตอยู่ที่เชียงใหม่หรือเชียงรายนี่แหละ แล้วลาวน่ะมาเอาไป  พอเราเอาคืนมาได้มีงี้อีก มีหลักฐานชัด ๆ ด้วย ไม่งั้นลาวฟ้องศาลโลกได้คืนไปแล้ว มาเอาของเราไปแท้ ๆ แล้วคำว่าบ้านพี่เมืองน้องน่ะก็แค่คนบางกลุ่ม คนไทยส่วนมากก็เฉย ๆ ไม่ได้อะไรหรอก จากคุณ : Metaphysics เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 16:35:35

ความคิดเห็นที่ 40 - พระแก้วมรกตค้นพบที่เชียงราย อัญเชิญมาลำปาง  แล้วก็มาประดิษฐานต่อที่เชียงใหม่   จนกระทั่งพระไชยเชษฐาธิราช พระโอรสของเจ้าฟ้าล้านช้างกับเจ้าหญิงแห่งเชียงใหม่ ได้รับเชิญให้ไปครองนครล้านช้าง จึงทูลขอพระอัยยิกา(ตา)นำพระแก้วไปเป็นสิริมงคล   และตั้งแต่นั้นมาพระแก้วมรกตจึงประดิษฐานอยู่ที่หลวงพระบาง(เมืองหลวงเก่า) จนกระทั่งมีการอพยพไปสร้างเมืองหลวงแห่งใหม่ที่เวียงจันทน์   - เพื่อนลาวส่วนใหญ่ดูโทรทัศน์ช่องเมืองไทยค่ะ  ช่องไทยเป็นที่นิยมมากกว่า   เขารับฟังเราได้เข้าใจอย่างแน่นอนค่ะ  อาจจะมีบางคนสื่อสารการพูดได้ไม่ชัดเจนแต่เขาเข้าใจภาษาไทยแน่นอนค่ะ   - เพื่อนลาวมากกว่าครึ่งมีทัศนคติที่ดีกับเพื่อนไทยค่ะ   ที่เห็นว่ามีความคิดทางลบกับเรานั้นจะเป็นชาวพระนครเวียงจันทน์ จากคุณ : ป้าทุยบ้านทุ่ง เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 17:47:10

ความคิดเห็นที่ 41 ^ ^ ^ พระแก้วมรกตถูกค้นพบครั้งแรกที่ จ. เชียงราย เมื่อปี พศ. 893 จากนั้นจึงกย้ายไปอยู่ลำปาง และเชียงใหม่ ตามลำดับ ต่อจากนั้นพระเจ้าไชยเชษฐาผู้สืบเชื้อสายมาจากเจ้าทางหลวงพระบาง และมีศักดิ์เป็นลูกเขยของกษัตริษย์เชียงใหม่ยกทัพกลับไปทำสงครามที่หลวงพระบาง จึงได้อัญเชิญพระแก้วมรกตไปยังหลวงพระบาง ซึ่งปัจจุบันคือพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติหลวงพระบาง และย้ายไปอยู่ที่เวียงจันทน์ตามลำดับ หาอ่านประวัติพระแก้วมรกตได้ในหนังสือทั่วไปค่ะ หรืออยากรู้จริงๆก็ไปซื้อหนังสือประวัติพระแก้วมรกตได้ที่วัดพระแก้วค่ะ เล่มละ 20 บาท จากคุณ : ปลากระป๋องจอมกวนตัวแสบ เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 17:47:32

ความคิดเห็นที่ 42 ที่แน่ๆ เค้าเจริญช้ากว่าเรา แต่คุณภาพสังคมเค้าดีกว่าเราเยอะ.. ไม่ต้องมาเล่นกีฬาสีกันด้วย.. เลิกดูถูกใคร ด้วยคำว่า ลาว เสี่ยว ได้แล้ว.. จากคุณ : Phychexxx เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 18:43:20

ความคิดเห็นที่ 43 อ้าว กลายเป็นแตกประเด็นเป็นเรื่องลาว-ไทย ทุกทีจนได้ คงคล้ายๆ กระทู้เกาหลีแต่แตกประเด็นทุกทีสิน่า บอกตรงๆ นะคะ ประเทศที่มีอาณาเขตติดกันน่ะ ร้อยทั้งร้อย มีความบาดหมางกันหมดแหละ อย่าเฉพาะแค่ไทย ลาว พม่า เขมร ดูจีน เกาหลี ญี่ปุ่น สิ เกาเหลากันจะปานจะกลืนกิน อินเดีย จีน พรมแดนติดกัน แต่ก็หยิ่งว่าต่างคนต่างเป็นชาติใหญ่ มองโกเลีย ลึกๆ ก็ไม่ชอบจีน เพราะจีนเคยรุกราน จีนก็ไม่ชอบมองโกล เพราะยุคนึงเคยอยู่ใต้มองโกลมาก่อน อ้าว... นี่เราก็ออกทะเลอีกแล้วเหรอเนี่ย เฮ้อ... จากคุณ : ณ พิชา เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 19:00:43

ความคิดเห็นที่ 44 พระแก้วมรกต เคยอยู่ในดินแดนที่เป็นประเทศไทยในปัจจุบัน (คือแถบล้านนา) ก่อนจะไปหลวงพระบางและเวียงจันทน์ แล้วอัญเชิญมายังกรุงเทพ หลังจากสงครามที่เวียงจันทน์ อันทำให้เมืองราบคาบ ในยุคสมัยที่ค้นพบพระแก้วที่เมืองล้านนา ดินแดนแถบนั้นก็ยังถูกชาวไทยเรียกว่าลาวอยู่ โดยชาวไทยจะเรียกล้านนาและล้านช้างรวมกันไปเลยว่า เป็นชาวลาว (ถ้าอ่านขุนช้างขุนแผน วรรณคดีสมัยอยุธยา จะพบว่าเมียขุนแผนคนหนึ่งชื่อนางลาวทอง เป็นหญิงสูงศักดิ์ชาวเชียงใหม่) แต่ปัจจุบันนั้นพระแก้วอยู่เมืิองไทย ไม่ว่าใครจะว่าอย่างไรก็คงจะคืนกันไม่ได้หรอก ไทยจึงบอกว่านี่เป็นของไทยด้วยเหตุประการฉะนี้ (จะอ้างด้วยเหตุเชียงใหม่เชียงรายลำปางไม่ได้หรอก เพราะแต่ก่อน ไทยเองก็เรียกแถบนี้ว่าลาวนินา) จากคุณ : ธัมมนันทิ เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 19:07:34

ความคิดเห็นที่ 45   ขอแสดงความคิดเห็นในส่วน ปล.ของจขกท. ไทยได้เข้าไปช่วยเหลือให้การสนับสนุนในการจัดงาน โดยรัฐและเอกชน ตอนหลังมีปัญหาเรื่องรายได้ ส่วนแบ่ง เกี่ยวกับการถ่ายทอด  ทำให้ลาวยกเลิกการสนับสนุนบางส่วนจะทำเอง  เราเลยไม่ได้ดูการทอดสดเต็มที่ได้อย่างเคย คนลาวคิดว่าคนไทยชอบเอาเปรียบและดูถูก  จึงไม่ค่อยชอบคนไทย เราชอบสร้างศัตรูข้างบ้าน  รู้ตัวบ้าง ไม่รู้ตัวบ้าง จนจะหาใครคบอย่างจริงใจไม่ได้แล้ว ไม่ได้เครียดนะ  อยากแชร์เฉยๆ จากคุณ : NoNoop เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 19:45:26

ความคิดเห็นที่ 46   อ่านคห.บางอันเกี่ยวกับพระแก้วมรกตแล้วกลุ้ม สมัยก่อนเชียงใหม่ ก็ไม่ไช่ไทยนะครับ เป็นส่วนหนึ่งในฐานะเมืองขึ้นของสยาม ที่ภายหลังผนวกมาเป็นส่วนหนึ่งในรูปของจังหวัดของราชอาณาจักรไทย เชียงใหม่ หรือล้านนา เคยมีพระราชวงศ์ กฏหมาย และภาษาของตัวเอง เช่นเดียวกับล้านช้าง หรือลาวในปัจจุบันเช่นกัน ถ้าไอ้ยำยำฝรั่งเศสมันไม่ปล้นเอาไป ลาวก็คงจะถือเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทยในปัจจุบันเช่นกัน จากคุณ : oio เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 20:16:18 A:61.90.27.27 X: TicketID:144599

ความคิดเห็นที่ 47 ชอบการแต่งกายของสาวลาวอ่ะ ที่ใส่ผ้าซิ่น ดูเรียบร้อย น่ารักดี แอบหลงรักสาวลาวซะแล้ว จากคุณ : BE DAZE เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 21:09:20

ความคิดเห็นที่ 48 ชอบเหมือนกัน ดีใจที่เราพูดกันได้โดยไม่ต้องแปล เพลงซีเกมส์ลาว ก็เหมือนเพลงภาษาไทยเลย เข้าใจทุกความหมาย จากคุณ : หลายมิติ เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 21:21:49

ความคิดเห็นที่ 49 ถูกค่ะอาณาจักรล้านนา ล้านช้าง เป็นลาวค่ะ บอกตรงๆว่าบางทีอยากให้คนที่ซื้อหนังสืิอเล่มละยี่สิบบาทอ่าน หัดอ่านประวัติศาสตร์ไทยให้แตกฉานก่อนเอามาโพสค่ะ แต่ไม่รู้ไม่เป็นไรค่ะคนเรามีผิดมีถูกได้ แต่อย่ามั่นใจให้มากแถมมาแนะนำคนอื่นถ้าไม่รู้จริง ส่วนตัวเราไม่สนใจหรอกค่ะ ว่าเรื่องในประวัติศาสตร์ จะมามีผลอะไรกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แล้วก็ไม่ได้อยากให้ใครเกลียดชังใคร แต่แค่อยากให้คนไทยได้รู้ความจริง การไปเที่ยวต่างประเทศแล้วได้ศึกษาข้อมูลไว้ก่อนให้แน่น รู้จักวิธีวางตัวให้ถูกต้องรู้เขารู้เรา เราจะไปเที่ยวได้อย่างปลอดภัยค่ะ เพราะถ้าคุณไปลุยเที่ยวที่ลาว แล้วไปพูดโมเมกับชาวลาว ว่าเป็นบ้านพี่เมืองน้องกัน ลดราคาหน่อย รับรองว่าไม่ได้ลด แถมอาจจะโดนชาร์จเพิ่ม เรื่องแบบนี้มันคล้ายเป็นบาดแผลในใจนะคะ เพราะมันมีเรียนในโรงเรียน เหมือนถ้าเราที่ได้รับการปลูกฝังมา ว่าพม่าเผากรุงศรีอยุธยา ถ้ามีชาวพม่ามาตีสนิท แล้วบอกว่าเราบ้านพี่เมืองน้องกัน คงมีหลายคนที่รู้สึกตะขิดตะขวงใจ ใจเขาใจเรานั่นแหละค่ะ แก้ไขเมื่อ 10 ธ.ค. 52 23:06:01 แก้ไขเมื่อ 10 ธ.ค. 52 22:54:25 จากคุณ : แตงกวา01 เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 22:48:59

ความคิดเห็นที่ 50 ขำแต่วันนี้ นั่งดู วอลเลย์บอลชายหาด ไทยแข่งกับเวียดนาม ได้ยินกองเชียร์ลาวพูดว่า " เวียดนามสู้ ๆ " เพื่อนผมมันขึ้น อารมณ์ว่าทำไมลาวเชียร์เวียดนามออกนอกหน้าอย่างนี้วะ เวียดนามเนี่ยน่ากลัวจริง ๆ ลาวกับเขมรต้องสยบให้ทั้งในการเมือง และระดับประชาชน(คนเวียดนามในลาวกับเขมรเยอะ) จากคุณ : นภาอากาศ (นภาอากาศ) เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 23:01:36

ความคิดเห็นที่ 51 จากที่ต้องพบปะกับคนลาวกับเขมรมากๆ เพราะทำงานด้วยกัน จะบอกว่า คนลาวจะเกรงใจคนไทยมากกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ถึงมากที่สุด ลึกๆเราคิดว่า เค้าอาจจะไม่ได้ชอบคนไทยมาก เพราะอาจจะคิดว่าคนไทยชอบดูถูกและเอาเปรียบเค้า คนลาวที่สัมผัส จะเป็นคนซื่อๆ ชิวๆ ช้าๆ อารมณ์ขันทั้งวัน ไม่เครียดกับชีวิตเลย ไม่เคยเห็นคนลาวเครียดเลยอ่ะ เราเองบางทีจะหงุดหงิดแทนว่า นี่ไม่เครียด ไม่รีบกันเลยใช่มั้ย โดยสรุป คนลาวที่เราเจอก้อนิสัยน่ารักแหละ แต่อาจจะไม่ได้ชอบคนไทยมากนะ (แต่ไม่ได้แสดงออกขนาดนั้นนะ) แก้ไขเมื่อ 10 ธ.ค. 52 23:36:27 จากคุณ : [C]haruru เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 23:35:47

ความคิดเห็นที่ 52 ไม่ใช่ละ ถ้าจะเอาอาณาเขตในอดีตมาพูดงี้  เราจะบอกว่าทุกสิ่งของลาว เคยเป็นของไทยงั้นดิ  ถ้าจะพูดจริง ๆ ก็เป็นของเจ้าเมืองเหนือ แล้วล้านนาล้านช้างมีกษัตริย์แยกกันไม่ใช่เหรอ  แล้วเชื้อสายก็อยู่ในไทย เป็นคนไทย  จะมาบอกว่าอ้างไม่ขึ้นไม่ได้หรอก ถ้าจะอ้างอย่างนั้นตอนที่เราไปเอาพระแก้วมา ลาวเป็นของไทย พระแก้วก็เป็นของไทยสิทำไมคุณไม่พูดยังงี้มั่งเหตุผลเดียวกันเลยนะ จากคุณ : โหมง่อง่อ (Metaphysics) เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 01:27:14

ความคิดเห็นที่ 53 สะใภ้ลาว(ลาวแท้)อย่างเรา มองจากครอบครัวฝั่งสามีนะคะ  ถ้าเป็นคนเก่าแก่รุ่นอาม่าอากงหรือพวกนายพลทหาร(ลาว)เก่าๆ  เค้าไม่ได้ปลึ้มกับคำว่าบ้านพี่เมืองน้องกับไทยนะคะ  เราไม่ถามเหตุผลหรอกไม่อยากก่อชนวน   สำหรับรุ่นใหม่ๆ ที่ตอนเด็กๆ ได้ลี้ภัยตามพ่อแม่มาไทยแล้วไปประเทศที่ ๓ อย่างสามีเรานี้  รักและผูกพันกับไทยและญาติพี่น้องที่ไทยมากๆ แบบถือว่าไทยมีบุญคุณที่เป็นทางผ่าน(แม้ข้าราชการไทยสมัยนั้นจะอมเงินช่วย เงินฝาก ของฝาก  รับสินบนในการเข้าศูนย์ผู้อพยพ) ฟังเรื่องราวแล้วก็เข้าใจนะคะ จากคนที่มีตึกร้านค้าขายสามสี่ร้าน  มีไร่สวนมากมาย โรงสี โรงไม้ ฯลฯ พอเปลี่ยนแปลงการปกครอง โดนยึดเรียบทั้งที่ค้าขายหามาได้โดยสุจริต ที่ดินก็ได้มาจากรุ่นปู่ย่าตาทวด  ที่ได้มาจากการเป็นข้าราชบริพารเจ้าลาว ฯลฯ  เพื่อนสามีสมัยเด็กชอบกลับไปเที่นวเมืองลาวกลับมาเล่าว่ารัฐบาลเอาบ้านเดิมสามีไปทำสถานที่ราชการไปแล้ว  ติดรูปเจ้าของไว้(ประหนึ่งว่ามอบให้ ทั้งที่จริงๆ ยึดไป)  เวลากลับไทยไปยี่ยมญาติแนวชายแดน  ชวนข้ามไปเที่ยวยังไม่ไปเลยค่ะ  อยู่ที่ตปต.นี้ใครถามก็บอกว่าเป็นคนจีนที่เกิดที่ลาว(แค่นั้น) โตที่ไทย อ่านเขียนไทย  เรียนที่ รร.จีน ที่มีครูสอนภาษาฝรั่งเศส ถ้าพูดถึงนิสัยโดยรวมเราชอบคบคนลาวมากกว่าคนไทยนะ  เพราะเค้าจะซื่อๆ  รักพวกพ้องมากถือว่าผ่านการลำบากมาด้วยกัน   ชอบสนุกสนาน(บางที่ก็เยอะเกิน) ข้อเสียมีแค่ชอบอวดพาเดินชมบ้าน รถต้องเบนซ์ แอคคิวร่า แลคซัส ฯลฯ แต่ถ้าอย่างเราเองที่ไม่เต้นตาม  ยินดีที่เค้ามี เข้าใจปมในอดีตที่ผ่านการสูญเสียมาก่อนก็คบกันได้  เราโชคดีที่เจอลาวทะเยอทะยาน ใฝ่การศึกษาทำงานโปรเฟสชั่นนัล และไม่เคยว่าร้ายให้คนไทยเลย ปล.เคยพาอาม่าไปทำวีซ่าเข้าไทย(รู้ว่าจะอยู่นาน ๓๒ วัน เกินเดือน) เพราะอากงพูดว่า เราต้องทำให้ถูกต้องอย่าให้คนไทยเขาดูถูกว่าเราคิดจะหลบเลี่ยง จากคุณ : one&only เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 01:33:00

ความคิดเห็นที่ 54 เรามีน้องที่รู้จักคนนึงเป็นคนลาวผู้ชาย หน้าตาซื่อๆ พูดจาซื่อๆ นิสัยตลกมากๆ วันนั้นไปเที่ยวคอนโดน้องคนนี้กับเพื่อน เพื่อนเราให้คอนโดน้องคนลาวนี้อยู่ฟรีๆ เพราะสนิทกัน และไม่ได้ใช้คอนโด เนื่องจากตัวเองมีบ้านอยู่แล้ว ตกดึกคืนนั้นมัวกิน เล่น ร้องเพลงกัน จนดึกมากๆ เลยชวนกันนอนที่คอนโดเพราะมี 2 ห้อง  เห็นเป็นคอนโดเพื่อน ความเกรงใจเราเลยลดลง ซึ่งไม่ถูกต้องเลย น้องคนลาวก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะเมาไปแล้ว หัวเราะเริงร่าไม่ได้หยุด และอยู่ร้องเพลงต่อกับเื่พื่อนอีกคน พอเราเข้าไปนอนในห้องกับเพื่อน  เจอพวกแผ่นโพสตฺ์อิท เขียนคำด่าคนไทยไว้เต็มห้อง เล่นเอาเหวอ หนักสุดคือเขียนว่า "คนไทยใจหมา" คำด่าพวกนี้สลับกับคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ที่เค้าแปะไว้ทั่วห้องเหมือนกัน เหมือนพยายามจะเรียนรู้ และจดจำ ยืนไล่อ่านกับเพื่อนทีละใบด้วยใจตุ้มๆต่อมๆ เราไม่โกรธ แต่คิดว่าเค้าคงโดนเอาเปรียบพอสมควรในสังคมการทำงานที่นี่ และรู้สึกสลดใจ ที่คนบ้านเราบางคนทำให้คนลาวคนนึงต้องคิดแบบนี้ อึดอัด ไม่รู้จะบอกใคร ทนไม่ไหวจึงต้องเขียนออกมาแปะห้อง ไม่รู้ว่าแต่ละวันเค้าจะนอนหลับด้วยความรู้สึกยังไง แต่คืนนั้นเรากับเพื่อนหลับไม่ลงจริงๆ จากคุณ : แก้มน้อยกลอยใจ เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 08:37:52

ความคิดเห็นที่ 55 คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจอย่าคิดว่าคนท่าทางซื่อๆ พูดจาซื่อๆ จะเป็นอย่างที่เราเห็น ใจมนุษย์ยากแท้หยั่งถึง ไม่มีใครอยากตกอยู่ในฐานะที่ต่ำกว่าคนอื่นหรอกค่ะ   แต่อ่าคห.ข้างบนแล้วเสียวสันหลังแทนเพื่อนคุณอ่ะ จากคุณ : แตงกวา01 เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 13:51:32

ความคิดเห็นที่ 56 คนลาว เขาไม่ชอบประโยค บ้านพี่เมืองน้องนะคะ เคยไปเวียงจันทน์ เกี่ยวกับงานอ่ะค่ะ แล้วอันนี้เราอาจรู้สึกเองน่ะ คือ คนลาวชอบพูดว่าลาวอ่านไทยได้ แต่ไทยอ่านลาวไม่ได้อ่ะ ได้ยินหลายหน หลายคนพูด เราว่าเขาพูดออกแนวเหยียดๆด้วย จากคุณ : MIKIkaa เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 13:53:52

ความคิดเห็นที่ 57   ไอ้ประโยคที่บอกว่า ไทย-ลาวเป็นบ้านพี่เมืองน้องกันเนี่ย ไม่ควรพูดในลาวนะครับ ทางเอกสารของสถานทูตไทยให้เราเลี่ยงไปใช้คำว่า ไทย-ลาวเป็นบ้านใกล้เรือนเคียงกัน จะเหมาะสมกว่าครับ ในความคิดของผม ชาวลาวไม่ได้คลั่งชาติแบบเรา จะมีกี่คนกันที่ยังจะคิดเรื่องพระแก้วมรกตอยู่ เค้าไม่ได้รังเกียจเราด้วยเหตุผลนั้น สิ่งที่เค้ารังเกียจเราคือ ทุกบ้านจะมีญาติพี่น้องเค้าที่ถูกระเบิดของอเมริกันทิ้งลงมาตาย ปัจจุบันระเบิดเหล่านี้ก็ยังกู้ไม่หมด เรื่องนี้มันยังไม่นาน เค้ายังไม่ลืมเลือนว่า เครื่องบินที่ทิ้งระเบิดมาปลิดชีพคนในครอบครัวที่เค้ารัก บินขึ้นจากสนามบินอุดร จากประเทศที่มีความคิดด้านการปกครองต่างจากเค้า ประเด็นเรื่องลัทธิการปกครองต่างหากที่แยกเราออกจากกัน ไม่มีใครผิดเพราะแต่ละระบบก็เหมาะกับแต่ละสังคม ดังนั้นเค้าจึงสนิทกับเวียดนามมากกว่าเราซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา วันแรกที่ผมมาเหยียบลาว มีการแข่งขันเอเชี่ยนคัพระหว่าง ไทย-อินโดฯ อย่าคิดว่าที่เค้าเชียร์เวียดนามเพราะเค้ารักเวียดนามนะครับ วันที่ผมดูบอลไทย-อินโด เค้าก็เชียร์อินโดครับ แสดงให้เห็นชัดเจนว่าที่เค้าเชียร์เวียดนาม อาจไม่ใช่เพราะเค้ารักเวียดนาม เพียงแต่เค้าไม่รักเราต่างหาก ผมได้ยินหลายๆครั้งเหมือนกันว่าคนไทยโง่อ่านภาษลาวไม่ออก แต่เด็กลาวอ่านภาษาไทยออกทุกคน ผมได้ยินก็ได้แต่ยิ้มๆแล้วตอบว่า ผมว่าก็จริงนะเหมือนตอนผมเด็กๆผมยังคิดเลยว่าทำไมเด็กไทยอ่านภาษาอังกฤษออกทุกคนแต่เด็กอังกฤษโง่จังอ่านภาษาไทยไม่ออกซักตัว จากคุณ : คนพื้นที่ เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 16:07:11 A:124.121.4.128 X: TicketID:198023

ความคิดเห็นที่ 58 ผมว่าเค้าพูดแล้วน่ารักดีครับ เหมือนคนทางเหนือบ้านเฮาเลย 555555 จากคุณ : เด็กชายจากดาวดวงอื่น เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 19:12:59

ความคิดเห็นที่ 59 เคยมีเหตุนักศึกษาลาว เดินขบวนเรียกร้องให้รัฐบาลเรียกคืนพระแก้วมรกตจากไทยค่ะ แต่รัฐบาลลาวไม่เอาด้วย เพราะคงมีคนลาวแค่กลุ่มน้อยเท่านั้นแหละคะที่จะยกเอาพระเอาเจ้ามาเป็นเหตุบาดหมางระหว่างประเทศ และทางลาวก็มีพระบาง ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะอยู่แล้ว แต่เรื่องพระแก้วมรกตเนี่ยเรารู้มาจากชาวลาวค่ะ ตอนแรกเราก็ไม่เชื่อแต่เราก็กลับมาค้นหนังสือ ส่วนเรื่องสมครามอินโดจีน  ไทยเรายอมให้ไอ้กันเข้ามาตั้งฐานทัพแล้วเอาระเบิดไปทิ้งเวียดนามลาวกับกัมพูชา แวะเอาลิ้งมาแปะเผื่อใครสนใจค่ะ รู้ไว้ไม่เสียหลาย  อ่านมากฉลาดมากค่ะ http://serichon.com/board/index.php?topic=3602.0 แก้ไขเมื่อ 11 ธ.ค. 52 22:31:50 จากคุณ : แตงกวา01 เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 22:29:40

ความคิดเห็นที่ 60   #59 คือตอนที่เราอัญเชิญพระแก้วมาจากเวียงจันทน์ เราก็อัญเชิญพระบางเข้ามาด้วยพร้อมๆกันนั่นแหละครับ เพียงแต่ในสมัยรัชการที่ 4 ได้ทำการคืนพระบางกลับสู่ดินแดนล้านช้าง ด้วยเหตุผลบางอย่าง ซึ่งท่านหาอ่านได้จากหนังสือของกรมดำรงฯครับ ด้วยเหตุนี้จึงเป็นเหตุผลที่เหมือนกับเรายอมรับว่าเอาของๆเค้ามาจริงๆ แต่ในความเห็นของผม ผมว่าวิธีการคิดของคนแต่ละสมัยมันก็ต่างกัน ถ้าจะสามารถเรียกร้องกันได้จริง ก็คงต้องเรียกร้องเอาทองหุ้มเจดีย์จากประเทศที่ตีอยุธยาคืนมายังงั้นหรือครับ #44 เรื่องตำนานพระแก้วในลาวมันเป็นยังงี้ครับ พระเจ้าไซยะเซดถาเนี่ย เป็นลูกครึ่งพ่อเป็นเจ้าล้านซ้าง แม่เป็นลูกสาวเจ้าล้านนา และถ้าจะถามว่า พ่อกับแม่เค้าไปเจอกันได้ยังไง มันก็ยังมีเรื่องภาคแรกก่อนพ่อแม่พระเอกเจอกันอีกครับ แต่มันจะยาวมาก ทีนี้เจ้าไซยะเชดถาเค้าก็เกิดและโตที่เชียงใหม่ครับ พอเสด็จตาสิ้น ก็ถูกอัญเชิญขึ้นเป็นเจ้าครองนครเชียงใหม่ ทีนี้ท่านก็เลยได้เป็นผู้ครอบครองพระแก้วมรกตอย่างถูกต้องตามกฏหมาย ก็ปกครองบ้านเมืองเชียงใหม่อย่างสงบร่มเย็น วันนึงก็มีนกพิราบสื่อสาร(เดาเอาเอง)มาส่งข่าวว่าพระบิดาเจ้านครล้านช้างที่เมืองซัวสิ้นซะแล้ว คนเป็นลูกก็ต้องกลับไปปลงศพพ่อสิครับ ก็เลยยกพลกลับมาที่เมืองซัวเพื่อทำศพพระบิดา(ไม่ได้ไปทำสงครามอย่างที่ท่านเข้าใจ) ด้วยความที่ต้องจากบ้านมากลัวระแวงหลังจึงอัญเชิญพระแก้วเสด็จมาด้วย พอทัพเจ้าไซยะเซดถายกออกจากเชียงใหม่ กลุ่มขุนนางที่จงรักภักดีกับอำนาจของพม่าก็เข้ายึดอำนาจในเมือง(เห็นมั้ยครับว่าเวลาผู้มีอำนาจออกนอกประเทศฝ่ายตรงข้ามก็เลือกจังหวะนี้เข้ายึดอำนาจ ผ่านมาเป็นร้อยปียังเล่นมุขเดิมอยู่) เจ้าไซยะเสดถาเมื่อปลงศพพระบิดาเสร็จก็กลับเมืองเชียงใหม่ไม่ได้ จึงจำเป็นต้องอยู่ปกครองเมืองซัวต่อจากพระบิดา และอัญเชิญพระแก้วไว้ที่เมืองซัวนี้ หลังจากปกครองเมืองซัวได้ระยะหนึ่งเจ้าไซยะเซดถาก็มีความต้องการจะผูกสัมพันธ์กับทางเจ้าครองนครกัมพูชา จึงส่งพิราบสื่อสาร(เดาเอาเองอีก)ไปขอลูกสาวเจ้านครกัมพูชามาเป็นชายา ทางกัมพูชาก็ใจดียกลูกสาวให้หนึ่งคน พร้อมให้ของขวัญวันแต่งงานเป็นพระพุทธรูปทองคำหนึ่งองค์ เรียกว่าพระบาง เมื่อนำพระบางมาประทับอยู่ในเมืองซัวแล้ว จึงเปลี่ยนชื่อเมืองซัวว่า เมืองหลวงพระบาง ตั้งแต่นั้นมา (ทำไมไม่เรียกว่าเมืองพระแก้ว ถ้าพระแก้วสำคัญกับจิตใจขนาดที่จะอยากทวงคืน ก็น่าจะเปลี่ยนชื่อจากเมืองซัว เป็นเมืองหลวงพระแก้วน่าจะถูกกว่านะครับ#59)ดังนั้นพระบางถูกนำเข้ามาในลาวในสมัยเจ้าไซยะเซดถา ไม่ใช่สมัยเจ้าฟ้างุ้มที่หลายๆท่านเข้าใจผิด หลังจากนั้นเมืองหลวงพระบางก็ถูกอำนาจพม่าเข้ามาแหย่อยู่เรื่อย เจ้าไซยะเซดถารู้สึกรำคาญ จึงย้ายเมืองหลวงไปให้ไกลพม่าหน่อย จึงย้ายเมืองหลวงลงมาอยู่ที่เมืองเวียงจันทน์ ซึ่งเป็นบริเวณศูนย์กลางของอาณาจักรล้านช้างที่ในสมัยนั้นครอบคลุมดินแดนทั้งด้านซ้ายและขวาของแม่น้ำโขง ตั้งชื่อเมืองว่า เมืองจันทะบุรีสีสัดตะนาคะนะหุต จึงเกิดราชวงศ์เวียงจันทน์มาแต่บัดนั้นและพร้อมกันก็ได้อัญเชิญทั้งพระแก้วและพระบางลงมาประทับอยู่ที่เมืองเวียงจันทน์ด้วย ตำนานเรื่องพระพุทธรูปยังโยงมาถึงลูกสาวสามคนของเจ้าไซยะเซดถา คือ พระใส พระสุก และพระเสริม ซึ่งปัจจุบันก็อยู่ในไทย 2 องค์ที่หนองคาย ที่กรุงเทพฯ และจมอยู่ใต้น้ำโขงหนึ่งองค์ (ทีพระใสอยู่แค่หนองคายแท้ๆ ไม่เห็นว่าจะมีใครมาประท้วงขอคืนเลย) ต่อมาเมื่อกำลังของกรุงธนบุรีเข้มแข็ง จึงได้ขึ้นไปตีเมืองเวียงจันทน์ซึ่งขณะนั้นอาณาจักรล้านช้างแบ่งการปกครองเป็นเจ้าสามราชวงศ์ คือราชวงศ์หลวงพระบาง(ซึ่งไม่ใช่เชื้อสายเจ้าไซยะเซดถาแล้ว) ราชวงศ์เวียงจันทน์(อันนี้เป็นเชื้อสายเจ้าไซยะเซดถา)และราชวงศ์จำปาสัก กรุงธนบุรีที่นำทัพโดยเจ้าพระยาจักรีก็สามารถตีเวียงจันทน์แตกโดยได้รับการช่วยเหลือจากกองทัพของราชวงศ์หลวงพระบาง ธนบุรีจนต่อเนื่องมาถึงกรุงรัตนโกสินทร์จึงมีอำนาจเหนือเวียงจันทน์ตั้งแต่บัดนั้น จึงมอบอำนาจการปกครองท้องถิ่นล้านช้างทั้งมวลภายใต้การควบคุมของสยามเป็นรางวัลให้แก่ราชวงศ์หลวงพระบางที่ปกครองล้านช้างต่อมาจนเสียอำนาจการปกครองให้กับฝรั่งเศสในเวลาต่อมา เมื่อธนบุรีตีเมืองเวียงจันทน์แตกก็ได้เอาลูกชายคนโตแห่งราชวงศ์เวียงจันทน์กลับมาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมด้วย ชื่อว่าเจ้าอนุวงศ์(คล้ายวิธีที่พม่าเอาตัวพระนเรศไปเป็นบุตรบุญธรรม) ดังนั้นสิ่งที่ได้รับในการไปตีเวียงจันทน์ได้ก็คือ พระแก้ว พระบางและเจ้าอนุวงศ์ รวมถึงชุมชนชาวลาวที่ฝั่งธนฯในปัจจุบันนี้ด้วย พระแก้วและพระบางจึงถูกอัญเชิญมาแต่บัดนั้น จวบจนมาถึงยุค ร.4 เกิดเหตุที่ไม่ควรเกิดขึ้นมากมาย มีผู้ทำนายว่าเหตุเกิดจากเทวดาที่รักษาองค์พระแก้วและเทวดาที่รักษาองค์พระบางไม่ถูกกัน ถ้าเอาพระไว้ในเมืองเดียวกันจะสร้างปัญหามาก จึงได้เชิญพระบางจากที่เคยเก็บไว้ที่วัดอรุณฯกลับสู่เมืองหลวงพระบาง ส่วนปัจจุบันพระบางประทับอยู่ที่ไหน ไม่มีใครทราบ เรื่องมันก็เป็นประการฉะนี้ จากคุณ : คนพื้นที่ เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 23:53:39 A:124.121.4.128 X: TicketID:198023

ความคิดเห็นที่ 61 พระบางอยู่ในเมืองหลวงพระบางค่ะล้อมคอกลั่นกุญแจไว้ ชาวลาวจะนำพระบางออกมาแค่ครั้งเดียว คือวันสงกรานต์ให้คนลาวได้สรงน้ำพระบาง อันนี้เพื่อนเราไปเที่ยวมาค่ะ ส่วนเราก็จะไปสงกรานต์นี้เพราะหวังว่าจะได้เห็นพระบางซักครั้งค่ะ จากคุณ : แตงกวา01 เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 00:20:50

ความคิดเห็นที่ 62 พระบาง ปัจจุบันได้รับการเก็บรักษาภายในพระราชวังหลวงพระบางค่ะ เข้าชมได้ แต่ที่ไม่ค่อยมีภาพปรากฏ เพราะเค้าห้ามถ่ายรูปค่ะ ในเทศกาลสงกรานต์ วันที่ 16 เมษายน ของทุกปี จะมีการแห่พระบาง เพื่อให้ประชาชนชาวลาวได้สรงน้ำค่ะ จากคุณ : +++นัทจัง+++ เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 00:46:47

ความคิดเห็นที่ 63   #61 & #62 คุณถูกหลอกแล้วครับ พระบางที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์ที่หลวงพระบาง ด้านหน้าไม่ใช่พระบางครับ แต่เป็นพระที่เป็นปางเดียวกับพระบาง แต่จริงกพระองค์นี้คือองค์ที่จะอัญเชิญลงมาสรงน้ำในวันสงกรานต์ครับ พระบางองค์จริงจะไม่มีชฎา เป็นพระพุทธรูปเกศตุ้มตามศิลปเขมร เมื่อพระบางกลับคืนสู่หลวงพระบาง ผู้มีอำนาจยุคนั้นเอาตะปูตอกพระบาทเอาไว้เพื่อไม่ให้ไปที่ไหนอีก พระบาทของพระบางองค์จริงจึงมีรูครับ อีกอย่างพระบางเป็นพระพุทธรูปทองคำ แต่ที่ประทับอยู่หน้าพระราชวังเดิมที่หลวงพระบางเป็นทองสัมฤทธิ์แล้วทาสีทองครับ ผมจึงได้บอกว่าปัจจุบันไม่ทราบว่าพระบางองค์จริงประทับอยู่ที่ไหนนั่นเอง จากคุณ : คนพื้นที่ เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 11:17:38 A:124.121.0.40 X: TicketID:198023

ความคิดเห็นที่ 64 ขออนุญาตทราบแหล่งอ้างอิงจากข้อมูลข้างต้นได้มั้ยคะ ขอยอมรับรับว่าได้ยินที่นี่ครั้งแรก และถ้าเป็นการหลอกหลวง  เพื่อนชาวบลูฯและtrekking Thai หลายท่าน รวมถึงนักเขียนหนังสือ บุคคลผู้มีความรู้หลายคน ที่ได้มีโอกาสไปสักการะพระบาง ไม่เห็นมีใครเอ่ยถึงข้อมูลที่คุณมีเลยค่ะ ด้วยความเคารพ ถ้าข้อมูลที่คุณพูดมามีมูล คงจะเป็นเรื่องที่น่าสนใจที่ควรได้รับการตีแผ่มากๆค่ะ กราบขออภัยอีกครั้งขอข้อมูลที่เป็น fact สามารถอ้างอิงได้นะคะ ในส่วนที่เป็นตำนานหรือฟังต่อมาอีกที ขออนุญาตไม่ใช้ในการอ้างอิงนะคะ จากคุณ : +++นัทจัง+++ เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 15:21:27

ความคิดเห็นที่ 65 เบื่่อตำนานดรื่องนกพิราบสื้อสารอะไรนั่น มั่วมาก คงไม่เข้ามาอ่านแล้วเพราะที่คุณเล่ามาข้างต้นเพื่อนเราที่เป็นนักประวัติศาสตร์บอกว่านิทานพื้นบ้านชัดๆหาความจริงไม่มี นั่งเทียนเขียนตำนานเองนี่มันบาปนะคุณ จากคุณ : แตงกวา01 เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 15:28:04

ความคิดเห็นที่ 66 พระบางเป็นพระพุทธรูปปางประทานอภัย สูงสองศอกเจ็ดนิ้ว (ประมาณ 1.14 เมตร) หล่อด้วยสัมฤทธิ์ (ทองคำผสม 90 เปอร์เซ็นต์) มีอายุอยู่ราวปลายพุทธศตวรรษที่ 18 ถึงตอนต้นของพุทธศตวรรษที่ 19 ตามศิลปะเขมรแบบบายนตอน ปลาย โดยมีพุทธลักษณะคือ ประทับยืนยกพระหัตถ์ขึ้น นิ้วพระหัตถ์เรียบเสมอกัน พระพักตร์ค่อนข้างเป็นรูปสี่เหลี่ยม พระนลาฏกว้าง พระขนงเป็นรูปปีกกา พระเนตรเรียว พระนาสิกค่อนข้างแบน พระโอษฐ์บาง พระเศียร และพระเกตุมาลาเกลี้ยงสำหรับสวมเครื่องทรง ปั้นพระองค์เล็ก พระโสภีใหญ่ ครองจีวรห่มคลุม แลเห็นแถบสบง และหน้านาง พระบาง เดิมนั้นประดิษฐานอยู่ที่นครหลวงของอาณาจักรขอม จนเมื่อ พ.ศ. 1902 พระเจ้าฟ้างุ้มกษัตริย์แห่งล้านช้างซึ่งมีความเกี่ยวพันทางเครือญาติกับพระเจ้ากรุงเขมร มีพระราชประสงค์ที่จะเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้ประดิษฐานมั่นคงในพระราชอาณาจักร จึงได้ทูลขอพระบางเพื่อมาประดิษฐาน ณ เมืองเชียงทองอันเป็นนครหลวงของอาณาจักรล้านช้างในขณะนั้น หอพระบาง พิพิธภัณฑ์เมืองหลวงพระบาง แต่เมื่ออันเชิญพระบางมาได้ถึงเมืองเวียงคำ (บริเวณแถบเมืองเวียงจันทน์ในปัจจุบัน) ก็มีเหตุอัศจรรย์ขึ้นจนไม่สามารถเดินทางต่อไปได้ พระบางจึงได้ประดิษฐานอยู่ที่เมืองนี้จนถึง พ.ศ. 2055 อันเป็นสมัยของพระเจ้าวิชุณราช ผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นเจ้าเมืองเวียงคำมาก่อน จึงสามารถนำเอาพระบางขึ้นไปประดิษฐานไว้ที่วัดวิชุนราชในนครเชียงทอง ทำให้เมืองเชียงทองถูกเรียกว่า หลวงพระบาง นับแต่นั้นเป็นต้นมา ในสมัยที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้ยกทัพเข้ายึดครองอาณาจักรล้านช้างไว้ได้ จึงได้อาราธนาพระบาง พร้อมทั้งพระแก้วมรกต ลงมาประดิษฐานที่กรุงธนบุรี ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จึงได้พระราชทานพระบางคืนให้แก่ล้านช้างดังเดิม ปัจจุบันพระบางประดิษฐานอยู่ที่ หอพระบาง พิพิธภัณฑ์เมืองหลวงพระบาง ข้อมูลสากลจากวิกิพีเดีย  ไม่ได้นั่งเทียนเขียนเอาแบบพิศดาร จากคุณ : แตงกวา01 เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 15:38:45

ความคิดเห็นที่ 67   แหม ข้อมูลของคุณน่ะแหละครับที่นั่งเทียน ถ้าคุณบอกว่าเราส่งพระบางคืนในสมัยรัชกาลที่ 1 นั่นแสดงว่าที่กล่าวอ้างในหนังสือของกรมดำรงฯ ที่เขียนว่าได้ส่งคืนในสมัยรัชกาลที่ 4 คงเป็นเรื่องโกหกใช่มั้ยครับ ข้อมูลสากลของคุณน่ะใครเขียนครับ ไทยหรือลาว ดังนั้นถ้าข้อมูลสากลที่ลาวเขียนถึงไทยก็ต้องถูกทั้งหมดหรือครับ พระบางน่ะประทับอยู่ในเมืองหลวงพระบางมาตลอดตั้งแต่สยามส่งคืน เปลี่ยนที่ไปเปลี่ยนที่มา ระหว่างวัดวิชุนราชกับวัดมโนรมณ์ จวบจนมาถึงยุคสงครามเย็น พระบางจึงถูกเก็บรักษาไว้ในที่ที่ปลอดภัยและไม่เปิดเผยมาจนปัจจุบันครับ นักวิชาเกินเพื่อนคุณน่ะ ก็อ่านตำรามาจากผู้เขียนที่ถูกหลอกน่ะแหละครับ ถ้าคุณเคยมาร่วมงานสรงพระบางในช่วงสงกรานต์หรือปีใหม่ลาวของทุกปี จะเป็นพิธีที่เอาพระบางองค์ที่นักท่องเที่ยวไปกราบไหว้นั่นแหละครับ มาวางในซุ้มที่วัดใหม่สุวรรณาราม แล้วให้ประชาชนมารดน้ำโดยให้น้ำผ่านรางนาคที่ทำด้วยไม้รดน้ำลงบนพระบางทั้งวันทั้งคืน คิดในแง่ของคนที่มีเหตุผลนะครับ ไม่ใช่เชื่อนักวิชาการตะพึดตะพือแบบคุณ ใครกันจะโง่พอหรือจะกล้าพอที่จะทำอย่างนั้นกับศิลปวัตถุโบราณอันมีค่าระดับชาติ ปีแล้วปีเล่า ใครกันจะเก็บวัตถุมีค่าระดับชาตินั้นไว้แค่มีลูกกรงกั้นล็อคกุญแจชั้นเดียว เรื่องพระบางเราก็มีข้อมูลของเรา ส่วนคุณก็มีข้อมูลจากกลุ่มคนไทยที่มารับข้อมูลในสมัยเราเปิดประเทศใหม่ๆ แล้วฟังภาษาลาวจับใจความออกมั่งไม่ออกมั่ง แล้วก็เอาไปเขียนถ่ายทอด แล้วก็ส่งข้อมูลเพี้ยนๆสู่รุ่นน้องรุ่นลูกหลาน ถ้าคุณอยากเห็นพระบางองค์จริงให้มาที่ลาวแล้วหาปฏิทินปี 2006 จะเป็นรูปอดีตเจ้าอาวาสวัดแสนสุขที่หลวงพระบาง(ปัจจุบันท่านสิ้นไปแล้ว) และอัญเชิญรูปพระบางองค์จริง มาลงด้านหลังของท่าน คุณจะเห็นว่ารูปพระบางองค์จริงจะต่างจากพระบางที่นักท่องเที่ยวเห็นอย่างมาก ชนิดที่เรียกว่าศิลปคนละยุคเลยครับ และถ้าคุณยังจะดื้อดึงไม่เชื่อผม หาโอกาสมาที่หลวงพระบางแล้วไปนมัสการพระบางองค์ที่คุณเชื่อตามข้อมูลเพี้ยนๆของคุณว่าใช่ แล้วดูดีๆว่าลักษณะตรงกับที่คุณบรรยายมามั้ย หรือพระเกตุที่เป็นชฎาทรงเครื่องของพระองค์นั้นสามารถถอดได้ตามที่คุณบรรยายหรือไม่ หรือมาถามผู้เฒ่าผู้แก่ที่นี่ดูก็ได้ เมื่อตาสว่างแล้ว ค่อยสำนึกขอโทษผมในวันนั้นก็ได้นะครับ ไม่ผิดกติกา จากคุณ : คนพื้นที่ เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 17:14:48 A:124.121.0.40 X: TicketID:198023

ความคิดเห็นที่ 68   อีกเรื่องคือ เจ้าตากไม่เคยไปตีลาวครับมีแต่ส่งแม่ทัพไป และสยามไม่เคยตีหลวงพระบางครับ ตีแต่เวียงจันทน์ กองทัพสยามเหยียบหลวงพระบางแค่ครั้งที่เราส่งกำลังไปปราบฮ่อในยุครัชกาลที่ 5 นี่เอง จากคุณ : คนพื้นที่ เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 17:17:53 A:124.121.0.40 X: TicketID:198023

ความคิดเห็นที่ 69   นี่ไม่ใช่การหลอกลวงนะครับ คคห.64 เพียงแต่พวกคุณเข้าใจกันไปเองว่าพระบางที่ประทับอยู่ที่หน้าพระราชวังเก่าเป็นพระบางองค์ที่คุณเข้าใจกัน และก็ไม่ใช่เรื่องที่เราจะต้องไปตีฆ้องร้องป่าวว่า เจ้าข้าเอ๊ย เราต้องการเก็บสิ่งมีค่าของเราไว้ในที่ปลอดภัยนะ เราจึงเอาองค์จำลองมาให้ท่านสักการะกัน จำเป็นด้วยหรือครับ ข้อมูลของเราก็เป็นแค่เรื่องที่เค้ารู้ๆกันอยู่แต่ไม่เห็นต้องไปแจ้งให้นักวิชาการต้องมารับรู้เลย หรือถ้าเป็นองค์จำลองแล้วจะไหว้ไม่สนิทใจครับ จากคุณ : คนพื้นที่ เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 17:24:19 A:124.121.0.40 X: TicketID:198023

ความคิดเห็นที่ 70 เมื่อก่อนลาวแตกออกเป็นลาวขวากับลาวซ้ายรบรากันเอง เมื่อลาวซ้ายเป็นฝ่ายชนะ รัฐบาลได้รับการสนับสนุนโดยเวียดนาม ลาวจึงสนิทกับเวียดนามมากกว่า ทั้งที่โดยเผ่าพันธ์แล้วใกล้เคียงกับไทยมากกว่า ถ้าลาวขวารบชนะ มันก็จะเป็นอีกแบบนึง   ในประวัติศาสตร์เมื่อลาวเป็นประเทศเล็กที่่อยู่ตรงกลาง ก็ย่อมตกอยู่ใต้อิทธิพลของไทยบ้าง เวียดนามบ้างมาตลอด พอดีปัจจุบันเป็นยุคที่ตกอยู่ใต้อิทธิพลของเวียดนาม เลยดูเหมือนจะสนิทกับเวียดนามมากกว่าครับ จากคุณ : เชษฐา เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 23:34:12

ความคิดเห็นที่ 71 สนับสนุน คห. 68 คะ เราเคยทำประวัติของจ.อุบลราชธานี เดิมเป็นเมืองหน้าด่านสมัยนั้น มีน้องชายของเจ้าเมืองเวียงจันทร์ (ทำรายงานนานแล้ว นึกได้คราวๆ) ชื่อท้าวคำผง อยู่ที่ดอนมดแดง เดิมเป็นพื้นที่ของลาวแตเนื่องจากพี่ชายคิดว่าน้องจะก่อกบฎ เลยส่งทหารมาจัดการ ท้าวคำผง ไปขอให้เจ้าเมืองจำปาสักช่วยแต่ไม่ได้รับการช่วยเหลือ เลยส่งจดหมายไปขอให้พระเจ้ากรุงธนบุรี ขณะนั้น ช่วยเหลือ ซึ่งพระเจ้ากรุงธนบุรี ได้ส่ง ร.1 สมัยนั้นซึ่งเป็นแม่ทัพ มารบช่วยแต่ตั้งให้เป็นเมืองหน้าด่าน โดยย้ายจากดอนมดแดง ไปแล้วตั้งเป็นเมืองขึ้นมา ให้ชื่อว่า นครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน (อุบลราชธานี ซึ่งเราสงสัยมานานแล้วอยู่อุบลไม่เป็นจะมีดอกบัวเยอะอะไรเลยมันตั้งชื่ออุบลได้ไง) และได้เสด็จยกทัพตีลงไปเรื่อยจนถึงหลวงพระบางเก่า และได้อันเชิญพระพุทธรูปมา 2 องค์ พร้อมตั้งเมืองนครเขื่อนขันธ์ เป็นเมืองประเทศราช แล้วเรามาเสียอาณาจักรให้กลับประเทศฝรั่งเศลในสมัย ร.4 คะ ในวิกิพิเดียมันอาจไม่สมบูรณ์ลองดูหนังสือประวัติพระแก้ว หรือลองไปดูที่หอสมุดแห่งชาติคะ อ่านหนังสือหลายๆเล่ม เราเคยทำรายงานนี้ตอน ม.1 อันนี้ถามจากคนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านที่ จ.อุบลคะ จากคุณ : sherykik (sherykik) เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 52 15:08:30

ความคิดเห็นที่ 72 พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%95 พระแก้วมรกต Emerald Buddha http://en.wikipedia.org/wiki/Emerald_Buddha ไปโพสตอบไว้ที่ Webboard ลาว Learn more about The Emerald Buddha - พระแก้วมรกต http://laomate.activeboard.com/forum.spark?aBID=98894&p=3&topicID=32843207&page=2&sort=oldestFirst จากคุณ : dhawat เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 52 19:28:16