 |
ความคิดเห็นที่ 27 |
ต้องแบ่งแบบนี้นะครับ เป็นเรื่อง ๆ
- กรณี ทรท. หรือโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ เมื่อสมัยก่อนการจัดการแข่งขัน ทางเจ้าภาพจะจัดตั้งศูนย์ถ่ายทอด ศูนย์ข่าว ซึ่งจะนำรายได้มาใช้ตรงส่วนนี้ รายได้ก็คือสปอนเซอร์และเงินกองกลางที่แต่ละชาติได้ส่งเข้ามา รวมถึงเงินบางส่วนที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเจ้าภาพ ดังนั้นสมัยก่อน ทรท. จึงสามารถนำสัญญาณตรงนั้นมาถ่ายทอดให้ชมได้ โดยข้อได้เปรียบของ ทรท. ก็คือไม่เสียตังค์ค่าสิทธิ์ในการดักสัญญาณมาถ่ายทอด เพราะทางศูนย์ถ่ายทอดของเจ้าภาพ ส่งสัญญาณออกไปฟรี ๆ จริง ๆ สมัยเก่าเก็บกว่านั้น ไม่มี ทรท. ปัญหาก็เกิด ตรงที่ว่าบางช่องอยากได้ส่วนแบ่งจากการหาสปอนเซอร์ในช่วงถ่ายทอด แต่ติดที่แม่ข่ายบางช่องยึดสัญญาณไปแล้ว จึงเป็นที่มาของการร่วมมือกัน(กิน) หรือรวมการเฉพาะกิจ ทำให้ ทรท. มีช่องทางในการนำเสนอภาพสัญญาณได้มาก เพราะมีเครือข่าย 3,5,7,9 ให้เลือกช่วงเวลาในการนำสัญญาณไปถ่ายทอดออกทางทีวีได้ (พูดง่าย ๆ ก็คือมีเวลาให้เลือกได้มากมาย) ซึ่งทาง 3,5,7,9 ก็พร้อมที่จะเจียดเวลาปกติมาให้ เพราะสิ่งที่ได้รับแลกเปลี่ยนก็คือค่าเช่าเวลาที่เสียไป คืนต้นทุนให้ผู้เช่าที่ถูกเบียดเวลา และที่อร่อยที่สุดก็คือ "สปอนเซอร์" (รสดั้งเดิม ) ดังนั้นการถ่ายทอดผ่านระบบของ ทรท. จึงไม่มีปัญหา (มีปัญหาสมัยแรก ๆ ก็คือการจ้องจะกินเยอะ ๆ ด้วยการใส่โฆษณามาถี่ยิบเกินไป ตอนหลัง ๆ น่าจะเป็นแบบเหมาจ่าย เลยเหลือโฆษณาเว้นวรรคเป็นช่วง ๆ ได้) - กรณี RSBS เนื่องจากทางเจ้าภาพปีนี้ เลือกที่จะกั๊กสัญญาณไว้ แปลว่า ไม่ปล่อยฟรี ถ้าใครอยากรับสัญญาณภาพต้องจ่ายตังค์ นั่นก็คือ ลิขสิทธิ์ถ่ายทอด ซึ่งทาง ทรท. ตั้งแง่มานานแล้ว เพราะอะไร? ก็เพราะต้องเสียตังค์ ทีนี้เมื่อมีการจ่ายและมีสี่ช่อง 3,5,7,9 ซึ่งเป็นเอกชนเกือบทั้งนั้น (ยังไงก็ต้องมองว่าเอกชนล่ะนะ) ไม่มีใครหน้าใหญ่หรือกระเป๋าตุงถึงขั้นจะบอกว่า อั๊วจ่ายให้ก่อน ยากสสสส์ครับ จึงเป็นหน้าที่ในบทบาทของ ทรท. ที่จะต้องออกโรงมาบอกว่า ไม่เอา แพงไป (เพราะยังไม่รู้ว่าจะคุ้มทุนไหม ในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ และมหกรรมกีฬาที่ไม่ได้ใหญ่มากถึงขั้นสปอนเซอร์วิ่งเข้าหา) เมื่อสบช่อง ทรท.ยืนฮึ่ม ๆ นิ่ง ๆ ทางเอกชนอย่าง RSBS ซึ่งก็วางเป้าประสงค์ของตัวเองไว้แล้วว่าจะเข้าเซกเมนต์กีฬา ก็มองซีเกมส์ครั้งนี้เป็น "ช่องทางทำเงิน" จึงเสนอตัวเข้าไปซื้อลิขสิทธิ์มา เมื่อมีผู้ซื้อผู้ขายครบถ้วนตามเงื่อนไขของเจ้าภาพ คืออาจจะล็อกให้ประเทศละหนึ่งผู้ถือสิทธิ์ ก็แปลว่าเมื่อ RSBS ซื้อมาแล้ว ใครเจ้าไหนก็ตามไม่มีสิทธิ์จะไปซื้อซ้ำได้อีก ต้อง "ขอ" จากทาง RSBS เท่านั้น (กฏหมายก็ต้องเป็นกฏหมาย ไม่ว่าของประเทศไหน จะละเมิดกันก็คงมีปัญหา .... ในทางทฤษฎี) แต่ RSBS ไม่มีช่องทางในการถ่ายทอดของตัวเอง (ทีวีดาวเทียมของ RS ก็ยังไม่มี) ดังนั้นเมื่อซื้อสิทธิ์มาแล้ว (เสียตังค์ไปแล้ว) สิ่งที่ต้องทำก็คือหาเวลาลงทีวีให้ได้ ณ ตอนนั้นแล้วทาง 3,5,7,9 ไม่มีใครเปิดช่องให้ เพราะความเป็น ทรท. ค้ำคออยู่ ขืนช่อง 3 หรือ 5 หรือ 7 หรือ 9 ยอมให้ RSBS เช่าเวลาถ่ายทอดซีเกมส์ ความศักดิ์สิทธิ์(มั้ง)ของ ทรท. ในการจะมีอำนาจต่อรองในอนาคตก็จะไม่มี รวมถึง ช่องที่เสนอตัวให้เช่าเวลา ก็อาจจะถูกถอดออกจากความเป็น ทรท. ก็ได้ (ซึ่งยังมีเค้กให้รอแบ่งกินในอีกหลาย ๆ มหกรรม) ดังนั้นใครจะยอมเสียสัตยาบันไปให้ RSBS เช่าเวลา
สุดท้ายผลก็ออกมาอย่างที่เห็น RSBS ต้องไปเช่าเวลากับ NBT ซึ่งไม่ได้อยู่ใน ทรท. (อยู่บ้างบางครั้ง) แต่ทาง NBT ก็ต้องมีเงื่อนไข เพราะมีเอกชนเช่าเวลาในช่วงต่าง ๆ อยู่ ถ้าหากต้องงดรายการก็ต้องจ่ายชดเชยให้เอกชน ซึ่งช่วงเวลาที่ให้ RSBS เช่าได้ ก็เป็นเวลาที่ทางช่องทำรายการเอง ดังนั้นจึงไม่มีความเสียหายในแง่การชดเชย แต่ได้ค่าเช่าเวลา (อาจจะบวกส่วนแบ่งสปอนเซอร์เล็ก ๆ น้อย ๆ) ประเด็นก็คงอยู่ที่ว่า RSBS มองแล้วว่าเวลามีถึงช่วง 18.00 น. เพราะถ้าเลยจากนั้น ต้อง "จ่าย" ให้เอกชนที่เช่าเวลาไว้อยู่แล้ว ก็เลยตกลงกันออกมาเป็นแบบนั้น เมื่อครบเวลา ทางลาวก็ตัดสัญญาณ เพราะซื้อแค่นี้ จบแค่นี้ ทาง NBT ก็เปิดช่องให้แค่นั้นเพราะ RSBS ไม่จ่าย
แต่บางคนอาจจะสงสัย แล้วทำไมรัฐฯ ที่ดูแล NBT ไม่จ่าย... ก็ในเมื่อภาครัฐฯ ออกเงินอุดหนุนกีฬาซีเกมส์ที่ลาว ในฐานะรัฐต่อรัฐไปแล้ว ทำไมยังต้องจ่ายค่าชดเชยการออกอากาศให้ผู้เช่าของ NBT อีก เหมือนจ่ายซ้ำซ้อน ดีดลูกคิดยังไงก็ไม่คุ้ม ได้ใจประชาชน แต่ขาดทุนตัวเลข แล้วก็เป็นช่องทางโดนด่าทางการเมืองได้อีก (แต่ยังสุดท้ายถ้าจะด่าก็ด่ากันได้อยู่ดี)
มันก็เลยกลายเป็นรักสามเส้า RSBS อยากทำกำไรด้วยคำว่า ผู้ถือสิทธิ์แต่เจ้าเดียว แต่ไม่มีช่องทาง, NBT ได้ตังค์จากการปล่อยเช่าเวลาทีี่เป็นของตนเอง แต่ไม่เปิดช่วงเวลาที่เอกชนเช่า ... ตรงนี้คนรู้คงมีแค่สองฟากคือ NBT กับ RSBS ว่าจริง ๆ แล้ว NBT ต่อรองค่าชดเชยมากกว่าปกติ หรือ RSBS ไม่อยากจ่ายค่าชดเชย ...., ส่วนภาครัฐ ถ้าพูดตามกฏหมาย ก็คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรมแบบนี้ เพราะเอกชนได้ลิขสิทธิ์มา และบ้านเราก็มีกฎหมายลิขสิทธิ์อยู่แล้ว จะไปใช้ช่องพิเศษตรงไหน ๆ ก็โดนด่า (แต่ยังไงก็โดนด่าเหมือนเดิม )
อยากให้ทำความเข้าใจกันดี ๆ ครับ ถ้าคิดว่าจะ "ด่า" ก็เลือกมุมและจุดที่ต้องการจะด่าให้ถูกต้อง ไม่งั้นเหมือนสาดไปโครม ๆ แล้วก็เหมาว่า เออ ไอ้นี่แหล่ะผิด ซึ่งมันเป็นเรื่องสามเส้าอย่างที่บอกครับ จับตรงไหนก็เจ็บ แต่เจ็บที่ใคร ก็ต้องพิจารณากันเป็นเรื่อง ๆ ไป
ปล.ความคิดเห็นส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน :)
จากคุณ |
:
wolf
|
เขียนเมื่อ |
:
14 ธ.ค. 52 17:34:06
|
|
|
|
 |