ความคิดเห็นที่ 24 |
ตอนที่3 (เห็นว่าเย็นแล้ว ยังคงไม่ได้โพสตอนจบ ผมขอถือวิสาสะ ทำให้ครบ นะครับ)
http://www.thaipost.net/news/161209/15034
คำต่อคำของอำมาตย์ ๑๐๐% ชื่อ ดร.สุเมธ (ตอนจบ)
"เมื่อถูกอ้าง...จะให้ทำอย่างไร"
เรื่องที่ถูก "อ้าง" คนใกล้ไม่ได้อ้าง คนอ้างไม่ได้ใกล้นั้น "ดร.สุเมธ" ต้องถอนหายใจหลายครั้ง กว่าจะเริ่มตอบอย่างมีคำถาม
จะให้ทำอย่างไร...แต่เราก็ไม่เคย ถ้าพระองค์ไม่เรียกก็ไม่เข้าเฝ้าฯ เรียกหาก็เข้าเฝ้าฯ เรื่องอ้าง เรื่องข่าวลือ มันมีมาตั้งแต่สมัยไหนแล้ว สมัยรัชกาลที่ 5 ก็มีเรื่องหยุมหยิม เรื่องมูลฝอย ผมเคยอ่านหนังสือสมัยรัชกาลที่ 5 ทรงมีรับสั่งว่า "เลิกนินทากันซะทีเถอะ" ขอให้พอทีเถอะ ข่าวโกหกคนโง่ก็เป็นเหยื่อ คนฉลาดฉุกคิดได้ก็รอดไป เป็นเรื่องมนุษย์ บ้านเมืองวุ่นวาย เหมือนเชื้อโรค ย่อมมีอยู่รอบตัวเรา สำคัญว่ามีคนเชื่อหรือเปล่า...ทำไมถึงเชื่อกันง่าย
เมื่อสถาบันถูกกระทบกระเทียบจากฝ่ายต่างๆ "ข้าแผ่นดิน" ที่ตามรอยเส้นทางเสด็จฯ ยังคงก้มหน้าก้มตา เดินตามทางแห่ง "พ่อ" ของแผ่นดิน
ก็ต้องทำหน้าที่ ไปสอน ไปอบรม ไปพูด คนตีกันก็ห่วง พอห้ามตีกันก็โดนด่ากลับมา ผมไม่เข้าใจคนในสังคมนี้ เราบอกให้สงบ เลิกทะเลาะกัน ก็ด่าเราอีก
"ดร.สุเมธ-คนกลาง อำมาตย์ 100 เปอร์เซ็นต์"
"ผมเป็นอำมาตย์ 100% ในชีวิตไม่เคยทำอะไร นอกจากเป็นข้าราชการ อำมาตย์ก็คือข้าราชการ มียศ มีศักดิ์ ใช่...แล้วไง แล้วตอนบ้านเมืองจนมุม ก็มีแต่พวกอำมาตย์กู้ชาติ ถ้าผมตายก็ตาย ไม่รู้จะเตือนอย่างไร จำนวนคนอวิชชามันเยอะ ถ้าเขาฟังก็ฟัง เขาด่าเราก็ไม่ด่าตอบ ทำตามบทบาทหน้าที่ ทำได้เท่านี้ แล้วก็ทำไม่เคยหยุด เสาร์-อาทิตย์ก็ทำงาน"
ถ้าจะให้เตือน มีอย่างเดียวคือ ไม่ต้องห่วงใคร ถ้ามีสติ ห่วงตัวเองเท่านั้นแหละ ถ้ามีสติ จะรู้ตัวว่าตัวเองยืนอยู่ตรงไหน หรืออยากจะเป็นคนอพยพ อยากอยู่ที่โน่น ที่นี่ ก็เชิญ ผมอยากอยู่ที่นี่ อยากให้ลูกหลานอยู่ที่นี่ ใครจะสร้างรัฐใหม่ ไปอยู่รัฐใหม่ เราไม่ไป เราจะอยู่รัฐเก่านี่แหละ
คนที่เรียกร้องคนกลางมาแก้ปัญหา เราก็สุดปัญญาจะอธิบาย คนกลางก็มีแล้ว มีหมดทุกอย่าง มีเครื่องมือครบ แต่ก็ไม่อยากจะซ่อมกัน ปล่อยให้เครื่องมือเสีย
เพราะฉะนั้น สื่อเองแหละที่ต้องทบทวนตัวเอง มีหน้าที่พร้อมมูล คนกลางพูดไปเถอะ ไม่มีมรรคผลหรอก คนกลางออกมา คนฟังก็อาจจะมี คนไม่ฟังก็อาจจะมี ถ้าสื่อจับมือกันกระหน่ำคนที่ทำผิด พักเดียวก็อยู่ ตอนนี้สื่อไม่มีเอกภาพ แต่ถ้าลองพร้อมใจกันหยุดทำมาหากินสักพัก แล้วเห็นใครบ้าๆ บอๆ ก็กระหน่ำให้อยู่...ขุดโคตรมาเลย รับรองทุกอย่างจะเข้าที่โดยเร็วที่สุด ดังนั้นสื่อนั่นแหละคนกลาง
ผมคาดหวังในพลังของสื่อมาก ต้องนำมาใช้ในทาง positive ที่ผมพูดนี้พูดโดยบริสุทธิ์ใจ ผมเสนอว่าลองหยุดสัก 6 เดือน เป็นสื่อกู้ชาติ
"พระเจ้าอยู่หัวท่านทำร้ายใคร...ไม่มี ท่านทรงอยู่เฉยๆ"
ประชาธิปไตยเขาสอนหรือ ว่าให้อยู่เฉยๆ เวลาเห็นคนโกง การมาตามประชาธิปไตย เพราะฉะนั้นให้เขากินกันอย่างนั้นหรือ แล้วมาบ่นกันทำไม...น่าเศร้า
"โดนโจมตีว่าเป็นอำมาตย์ แล้วจะให้ผมทำอย่างไร ผมก็เป็นผม ผมเป็นอำมาตย์ ผมจะเจียระไนให้ดูว่า อำมาตย์คนนี้ทำอะไรบ้าง เป็นคนทำงานพัฒนาชนบท เคยออกรบ โดดร่มกลางป่า ก็อำมาตย์ทำทั้งนั้น ตอนนี้เป็นอดีตอำมาตย์ที่เกษียณ แต่ยังกินเงินเดือนอำมาตย์อยู่ รับเงินเดือนทุกเดือน ใครมาด่าเราก็ปลง เราไปช่วยเขาแท้ๆ"
ในช่วงสองสามปีมานี้อำมาตย์โดนวิพากษ์วิจารณ์มากเป็นพิเศษ แต่ "ดร.สุเมธ" บอกว่า "ผมอยู่ตรงกลางจริงๆ แดงก็ด่า เหลืองก็ด่า ทั้งๆ ที่อยู่ตรงกลางที่สุดแล้ว ผมก็ทำงานไป จะเอาอะไรไปตอบโต้ ใครเดือดร้อนก็ไปช่วย อย่าพะวงว่าจะโดนด่า พระพุทธเจ้ายังถูกนินทา โดนทำร้ายด้วย แล้วเราจะเหลืออะไร"
"คนที่พูดคำว่า จงรักภักดี คำที่ดีที่สุดคือ สติ เหนือสิ่งอื่นใด ทุกวันนี้สติหด หาย ขาด ถ้ามีสติ มีศีล มีปัญญา ฉลาดรอบคอบ ก็ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน เพราะฉะนั้น คนในสังคมต้องมีสติ อย่าขาดสติ จะให้เราเข้าใจที่สุด"
คำต่อคำของอำมาตย์ ๑๐๐% จบสมบูรณ์ ๓ ครับ หัวข้อสำคัญของวันนี้ อ่านทบทวนกันให้ดี ผมจะไม่หยิบตรงไหนมาสรุป เพราะถึงเวลาที่ทุกคนต้อง "สรุป-ด้วยใจ" ตัวเองกันแล้ว.
จากคุณ |
:
Piphop.S
|
เขียนเมื่อ |
:
16 ธ.ค. 52 17:37:05
|
|
|
|