 |
ความคิดเห็นที่ 42 |
รากฐานพระราชพิธีพระราชทานปริญญาบัตรอยู่ที่ โอกาสของสามัญชนที่จะได้ ถ่ายรูป, อยู่เฉพาะพระพักตร์, และเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ ซึ่งเป็นรางวัลชีวิตของ บัณฑิตผู้ใฝ่ศึกษา ต่อมา แผ่ขยายไปที่บางคนที่ "ตั้งเป้าหมายชีวิต" อยู่ที่เรียนจบมหาวิทยาลัย ให้บุพการีภาคภูมิใจ ดังนั้นจึงก่อเป็นประเพณี และจารีตขึ้นว่า ในพระราชพิธีนี้ต้องเรียบร้อย, สมควร, และอยู่ในกาล และเทศะ
ดังนั้นแล้วพระราชพิธีนี้ ไม่ใช่เพียงแค่แสดงสัมมาคารวะต่อ พระมหากษัตริย์ ของประเทศของผมครับ (สมเด็จพระเทศรัตน์ฯ ท่านมาเป็นตัวแทนของ พระมหากษัตริย์ในนามของราชวงศ์จักรี) แต่เป็นสัมมาคารวะต่อ คณาจารย์ผู้ประสาทวิชา, บุพการี, รุ่นพี่, รุ่นน้อง, เพื่อน ร่วมรุ่น, และรวมไปถึงบรรดาบุพการีที่เข้ามา หรือคอยชมการรับพระราชทาน ปริญญาของบุตรหลานของตนด้วย ซึ่งสุดท้ายก็จะกลับมาที่สัมมาคาวระต่อตนเองในที่สุด
++++++++++++++++++++
อีกมุมหนึ่งการที่ให้ทำทรงผมที่เรียบร้อยเข้ารับพระราชทานปริญญา มีเหตุผล เบื้องหลังคือ -ทรงผมจะไม่มีทางดูล้าสมัยแน่นอน เมื่ออยู่ในรูปถ่ายแล้ว ไม่ว่าผ่านไปนาน เพียงใดจะเสมือนว่า พึ่งเข้าไปรับเมื่อวันวาน -สีของชุด และความยาวกระโปรง ก็เช่นกัน -การไม่ให้ติดกิ๊ฟมาก เพราะการสะท้อนแสดงแฟลต์ และการใช้เป็นอาวุธ อีกทั้งเคยมีกรณีกิ๊ฟหลุด และผมลงมาปรกจนถ่ายรูปไม่เห็นหน้า -รองเท้าติดโลหะ เพราะเสียงเดินดึงความสนใจ ทำให้สายตามอองไป สุดท้าย รูปที่ถ่ายมีบุคคลอื่นหันหน้า -มือถือ การไขว้หน้า การสั่นขา ก็เช่นกันคือ ดึงสายตา -ยกทรงโลหะ เพราะทำให้แถวชะงัก อาจารย์ที่เป็นชาย ตรงแถวไม่สะดวก ว่าติดสิ่งใดที่ต้องห้ามเข้ามา -การตัดเล็บ อยู่ที่เล็บหักจากกรณีใดๆในพิธี -อาหาร และเครื่องดื่ม เกี่ยวกับกลิ่น และการเข้าห้องน้ำ รวมถึงการท้องเสีย
มองไปข้อความข้อไหน ไม่เพียงเป็นสัมมาคารวะ ก็เป็นเรื่องของนิสิต หรือ นักศึกษาเองด้วยทั้งสิ้น
+++++++++++++++++++++++
เพียงแต่วัฒนธรรมไทยปัจจุบัน ก็คงตกต่ำไปตามกาล และเวลาเช่นกัน สุดท้ายก็จักวิบัติสิ้นเหมือนกับที่ภาษาวิบัติ ดังนี้แล้ว ไม่มีผู้ใดผิดหรอก แม้แต่สังคมก็ไม่ผิด เนื่องจากทุกอย่างก็มีเกิด และดับไปตามครรลอง
รากเหง้าของปัญหาเริ่มตั้งแต่สถาบันครอบครัว และการศึกษา ขึ้นไปจนถึง สถาบันทางปกครอง บทสรุปก็อยู่ที่ "เกินเยียวยา" และ "อุเบกขา" ก็เท่านั้น
จากคุณ |
:
VoidOne
|
เขียนเมื่อ |
:
16 ธ.ค. 52 12:28:30
|
|
|
|
 |