 |
ความคิดเห็นที่ 259 |
แปะข่าวสดนะคะ
รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ หนุน"อาม่า"ที่เสนอจะจ่ายเงิน 5 ล้าน แลกกับการให้หลานได้อุ้ม"หลินปิง"ชี้ได้เงินมาสามารถเอาไปสมทบทุนก่อตั้งกองทุนหมีแพนด้า เพื่อวิจัย หมีแพนด้าร่วมกับจีน คาดเพราะแพนด้าน้อยตัวโตกำลังน่ารัก เหมือนตุ๊กตา คนเลยอยากอุ้มสักครั้ง ทางด้านนักอนุรักษ์ชื่อดัง "สุรพล นวลแข" ค้านทันควัน โวยสวนสัตว์หากำไรจากสัตว์จนผิดวัตถุประสงค์ก่อตั้ง หวั่นจะมีอีกหลายอาม่าตามมา เงินแทนที่จะไปช่วยสัตว์ไทย กลับไหลไปอยู่กับหมีแพนด้าหมด
จากกรณีนายประเสริฐศักดิ์ บุญตระกูลพูนทวี หัวหน้าโครงการวิจัยและส่วนจัดแสดงหมีแพนด้าแห่งประเทศไทย ออกมาเปิดเผยว่าแฟนคลับของหมีแพนด้าน้อย "หลินปิง" พยายามขอโอกาสได้อุ้มแพนด้าน้อยแม้สัก 5 นาที ด้วยการเสนอเงินเป็น การแลกเปลี่ยน เริ่มต้นตั้งแต่ 5 หมื่นบาท ไปจนถึงอาม่าคนหนึ่งจากกทม. ติดต่อพร้อม จะจ่ายเงินถึง 5 ล้านบาท เพื่อให้หลานสาวตัวเองได้โอกาสอุ้ม "หลินปิง" ตามที่ปรากฏเป็นข่าวไปแล้วนั้น
เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สัมภาษณ์กรณีมีประชาชนจำนวนมากสนใจที่จะขออุ้มหมีน้อยหลินปิง โดยยื่น ขอเสนอบริจาคเงินเป็นจำนวนเงินตั้งแต่ 50,000-5,000,000 บาท โดยนายสุวิทย์หัวเราะพร้อมกับถามยืนยันกับผู้สื่อข่าวว่า มีจริงๆ หรือ ตนยังไม่ทราบข่าวนี้ อย่างไรก็ตาม หากมีผู้สนใจจะบริจาคเงินจริงๆ ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะเงินส่วน นี้จะสามารถนำมาใช้สมทบทุนในการก่อตั้งกองทุนหมีแพนด้า ในการส่งเสริมการทำวิจัยเรื่องหมีแพนด้า ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานกับประเทศจีน แต่เรื่องการพิจารณาคงต้องให้องค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูป ถัมภ์ พิจารณา
"ถ้ามีจริงก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะมีคนสนใจมาก ก็สามารถนำเงินมาสมทบทุนกองทุนหมีแพนด้า ไว้ใช้สำหรับงานวิจัยได้ ที่คนสนใจมากตอนนี้อาจจะเป็นเพราะว่าหลินปิงตัวใหญ่มากขึ้น ขนฟู เหมือนตุ๊กตาน่ารัก ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ใครๆ ก็อยากอยู่ใกล้ๆ และลองอุ้มหลินปิงดูสักครั้ง" นายสุวิทย์กล่าวอย่างอารมณ์ดี
ทางด้านนายสุรพล ดวงแข นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ป่า กล่าวว่า เรื่องของอาม่าที่ต้องการบริจาคเงินถึง 5 ล้านบาท เพื่อขอให้หลานอุ้มหมีแพนด้านี้ เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนแสดงให้เห็นว่า ปัจจุบันการดำเนินการขององค์การสวนสัตว์ฯ หรือสวนสัตว์ทั่วโลก มีหลักการที่ผิดเพี้ยนไปแล้ว จากวัตถุประสงค์เดิมของการตั้งสวนสัตว์ ที่ต้องการให้ความรู้กับประชาชนเกี่ยวกับธรรมชาติของสัตว์ มากกว่าการนำสัตว์มาเป็นสินค้าเพื่อหากำไร ปัจจุบันจะเห็นว่าสวนสัตว์ได้นำสัตว์มาโปรโมต เพื่อให้คนสนใจเข้าไปเที่ยวชมเพื่อความบันเทิง เพื่อจะ ได้มีกำไรเยอะๆ และการทำเช่นนี้แทนที่จะเป็นการทำให้คนฉลาดขึ้น แต่กลับจะทำให้คนโง่ลง สนใจเพียงความบันเทิง ไม่มีพื้นฐานของความรู้เรื่องสัตว์ ปัญหาที่เกิดขึ้นกับสัตว์ หรือแนวทางที่ถูกต้องในการอนุรักษ์สัตว์
"เรื่องของอาม่าที่บอกว่าจะขอเอาเงินถึง 5 ล้านมาแลกกับการให้หลานได้อุ้มสัตว์นี้ เป็นตัวอย่างของความหลง ความคลั่ง ที่เกิดขึ้นจากการดูหมีแพนด้าที่ถูกโปรโมตมาก เกินไป ทำให้อาม่าไม่รู้ว่าจุดประสงค์ที่แท้ จริงของการนำสัตว์มาไว้ในสวนสัตว์คืออะไร ทำให้ไม่เข้าใจ และต้องการเพียงแค่อยากจะให้หลานอุ้มเล่นเหมือนตุ๊กตาเท่า นั้น ทำให้เห็นว่าหลักการของสวนสัตว์ในปัจจุบันผิดเพี้ยนไปแล้ว สวนสัตว์ทั่วโลกพยายามที่จะหาสัตว์แปลกๆ มาดึงดูดคนเข้าไปศึกษา แต่ไม่ได้ปูพื้นฐานที่ถูกต้อง ทำให้เกิดกรณีเช่นเดียวกับอาม่าขึ้นมา" นายสุรพลกล่าว และว่า สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้ ตนคิดว่า รัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐจะต้องออกมาแก้ไขปัญหาความเข้าใจที่ผิดเพี้ยนของการทำงานตามหลักการของสวนสัตว์ ให้คนเข้าใจมากกว่านี้ ไม่ใช่นำสัตว์มาขายเพื่อหากำไรอย่างเดียว
"คิดว่าหากเปิดโอกาสให้อาม่าพาหลานเข้าไปอุ้มสัตว์ ต่อไปก็จะมีการเลียนแบบทำตามกันขึ้นมาอีกเรื่อยๆ เหมือนกับกรณีดาราที่ชอบ เข้าไปอุ้มหมีกัน ล่าสุดเห็นแว้บๆ ว่าคุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรรายการ ข่าว ก็เข้าไปอุ้มหมีแพนด้าด้วย เหมือนเป็นการโฆษณา ทำให้คนเกิดความรู้สึกอยากเข้าไปอุ้มบ้าง หากหลานอาม่าได้อุ้มหมีด้วยการบริจาคเงิน 5 ล้านบาทก็คงจะมีการทำตามขึ้นอีก เพราะหากรัฐไม่ปรับเปลี่ยนความคิดแบบนี้ คิดว่าน่าจะมีอาม่าอีกหลายคน แทนที่จะนำเงิน 5 ล้านบาท ไปบริจาคสมทบ ทุนช่วยเหลือสัตว์ ตามหน่วยงานองค์กรด้านการอนุรักษ์อื่นๆ ก็จะกลายเป็นมาให้หมีแพนด้าหมด ทั้งๆ ตอนนี้สถานการณ์สัตว์ป่าของไทยกำลังย่ำแย่มาก แต่คนกลับไม่นึกถึง คิดถึงแต่หมีแพนด้าเพียงอย่างเดียว" นายสุรพลกล่าว
เมื่อเวลา 17.00 น. นายประเสริฐศักดิ์ บุญตระกูลพูนทวี หัวหน้าโครงการวิจัยและส่วนจัดแสดงหมีแพนด้าแห่งประเทศไทย พร้อมสัตวแพทย์ สวนสัตว์เชียงใหม่ นำหลินปิงพร้อมกับหลินฮุ่ย ออกมายังบริเวณลานที่โล่ง หรือบริเวณกำแพงเมืองจีนจำลอง เพื่อให้แม่หลินฮุ่ยได้ช่วยดูแลหลินปิงกลางแจ้งในช่วงปีนป่ายขึ้นที่สูงต่างๆ ซึ่งในการนำแม่ลูกออกมายังส่วนจัดแสดงกลางแจ้งนั้น ถือเป็นขั้นทดลอง โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที ปรากฏว่าหลินฮุ่ย อยากจะกลับไปยังในคอกกัก เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนและหลินฮุ่ยเองไม่คุ้นเคยเท่าไหร่ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้นำเข้าไปยังคอกกักตามปกติ
นายประเสริฐศักดิ์ เปิดเผยว่า การทดลองนำหลินฮุ่ยและหลินปิง แม่ลูก ออกมายังส่วนจัดแสดงกลางแจ้งเพื่อต้อง การให้หลินฮุ่ย มาช่วยดูแลลูกหลินปิงและมาช่วยสอนลูกในการปีนป่ายอย่างถูกต้องตามธรรมชาติ ซึ่งทางเราได้นำหลินฮุ่ยและหลินปิงออกมา ทดลอง 5-6 ครั้งแล้ว ระยะแรกๆ หลินฮุ่ยดูจะไม่คุ้นเคยกับสถานที่กลางแจ้งกับลูกน้อยเท่าไร จึงชักชวนลูกหลินปิงกลับคอกกัก วันแรกแค่ไม่กี่นาที พอวันที่ 2-3-4 เริ่มอยู่นานขึ้นเรื่อยๆ เริ่มคุ้นเคย และตอนนี้ของเล่นที่แฟนคลับส่งให้กลับหลินปิงมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่เรายังไม่ได้เปิดดูยังคงค้างอีกตั้ง 3 กล่องใหญ่ และเราจะทำการเปิดของเล่นที่แฟนคลับของหลินปิงส่งมาให้ในวันที่ 21 ธ.ค. ช่วงเช้า เพื่อจะดูว่ามีอะไรต่อหน้าประชาชนและสื่อมวลชนอีกครั้งหนึ่ง
นายประเสริฐศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับอาม่าที่ติดต่อมายังตนเพื่อเสนอขอบริจาคเงิน 5 ล้านบาท เพื่อขอให้หลานของตนเองเข้าสัมผัสหมีนั้น อาม่าเป็นคนกรุงเทพฯ ซึ่งตนลืมสอบถามที่อยู่ไว้ อย่างไรก็ตาม หากอาม่ายังคงสนใจที่จะให้หลานมาสัมผัสหลินปิงและอยู่อย่างใกล้ชิดเป็นกรณีพิเศษ ก็สามารถติดต่อมายังตน หรือไม่ก็ติดต่อผ่านหนังสือพิมพ์ข่าวสดได้ ตนขอให้ทางหนังสือพิมพ์ข่าวสดช่วยเป็นสื่อกลางประกาศตามหาอาม่าด้วย และแจ้งให้อาม่าทราบเลยว่าทางสวนสัตว์ได้รับการประสานจากผู้บริหารแล้ว ยินดีให้ทุกคนได้ใกล้ชิดหลินปิงตามสมควร และช่วงที่เหมาะสม ยินดีต้อนรับอาม่าและหลานของอาม่า ส่วนใครที่ต้องการจะบริจาคเงินให้กับทางสวนสัตว์หรือเข้ามูลนิธิแพนด้า เพื่อต้องการอยู่ใกล้ชิดหลินปิง หรือต้องการอยู่ใกล้ ก็ติดต่อมาได้ที่สวนสัตว์ หรือจะติดต่อโดย ตรงเลยที่นายโสภณ ดำนุ้ย ผอ.องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย โทร. 08-9894-4242 หรืออาจจะประสานมายังตนก่อนก็ได้ที่หมายเลข 08-1961-3545
นายประเสริฐศักดิ์กล่าวว่า ในวันที่ 21 ธ.ค. นายอัฌษไธค์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผู้อำนวยการสำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ จะได้นำผู้ที่ประมูล ได้ป้ายทะเบียนรถเลขสวย อักษร กห 9999 เชียงใหม่ ป้ายหลินปิง คือนายเกษม ปารมีศิลปขจร อายุ 49 ปี สมาชิกสภาเทศบาลนครเชียงใหม่ โดยประ มูลเป็นเงินถึง 1.8 ล้านบาท มาใกล้ชิดหลินปิง และเข้าสัมผัสหลินปิงเป็นกรณีพิเศษ ตามที่ได้แจ้งให้ผู้ประมูลทราบในวันประมูลเมื่อวันที่ 19 ธ.ค.ไปแล้ว ซึ่งทางขนส่งได้ประสานมายังสวนสัตว์เชียงใหม่แล้ว
ด้านนายอัฌษไธค์ เปิดเผยว่า ยอดรวมการประมูลป้ายทะเบียรถเลขสวยครั้งนี้ ถือว่าทะลุเป้าอย่างคาดไม่ถึง ยอดประมูลป้าย ตั้งแต่วันที่ 19-20 ธ.ค. มียอดรายได้ทั้งสิ้น 20,446,499 ล้านบาท ถือว่าประสบผลสำเร็จในการจัดประมูลครั้งนี้อย่างงดงาม เพราะตอนแรกตนได้ตั้งเป้าไว้แค่ 15 ล้านบาท ในจำนวน 301 ป้าย แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีคนมาประมูลแข่งกันจนได้เงินทะลุเป้าดังกล่าว และวันพรุ่งนี้ ตนก็จะนำผู้ประมูลป้ายรถเลขสวยที่ประมูลค่าสูงสุด เข้าไปใกล้ชิดกับหลินปิงอีกครั้งหนึ่งตามกติกาที่ได้ตกลงกันไว้ และทางสวนสัตว์ก็ได้ประสานมาแล้ว
จากคุณ |
:
อธิษฐานสิจ๊ะ~
|
เขียนเมื่อ |
:
23 ธ.ค. 52 10:21:27
|
|
|
|
 |