ความคิดเห็นที่ 1 บรรยากาศของกรุงลอนดอนในหนังได้รับการออกแบบสร้างสรรค์อย่างประณีต ของประกอบฉาก,เสื้อผ้าหน้าผมของผู้คนมากหน้าหลายตาในเมือง,ตึกรามบ้านช่องต่างๆมากมาย ทำให้ผมรู้สึกเหมือนได้เห็นภาพกรุงลอนดอนตอนยุคศตวรรษที่19ถูกฉายอยู่บนจอภาพยนตร์ขึ้นมาจริงๆ บวกกับโทนสีของภาพในหนัง สร้างความรู้สึกเหมือนเป็นภาพแสงเงาจากในโรงละคร ทำให้ผมอดนึกถึงหนังเพลงชำระแค้นบาร์เบอร์ของผกก.สุดดาร์ค Tim Burton กับนักแสดงคู่บุญ Johnny Deppในหนังรับช่วงคริสต์มาสตอนปี2007 “Sweeney Todd: The Demon Barber of Fleet Street”ไปเสียไม่ได้ (ช่างเป็นเรื่องบังเอิ๊ญ บังเอิญที่Sherlock Holmesเองก็ได้เข้าฉายรับวันคริสต์มาสในปีนี้เหมือนกัน) จะต่างกันตรงที่ว่า กรุงลอนดอนจากวิสัยทัศน์ของBurtonเป็นมหานครที่มืดมนเหมือนมีผีสิงอยู่ทุกซอกมุมเมืองตามคำบอกเล่าของSweeney Toddต่อกะลาสีหนุ่มตอนเปิดเรื่อง ในขณะที่ลอนดอนจากการกำกับของRitchieเป็นลอนดอนที่วุ่นวาย ประชากรชุกชุมแลดูมีสีชีวิตชีวามากกว่า แม้ว่าโทนสีของหนังทั้ง2เรื่องจะคล้ายกันมากเพียงใดก็ตาม (ก็มันผกก.คนละแนวกันเลยนิเนอะ) ในส่วนของสกอร์เพลงประกอบหนัง ฟังติดหู มีเอกลักษณ์ไม่หยอกเช่นกันครับ(ไม่แน่คนที่เพิ่งดูหนังจบบางคนอาจเผลอตัวฮัมเพลงประกอบหนังเรื่องนี้เหมือนผมก็ได้นะ) มีต่อ... แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 52 08:46:50 แก้ไขเมื่อ 25 ธ.ค. 52 18:09:19 จากคุณ : Apple101 เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 52 15:16:28

ความคิดเห็นที่ 2 ฉากแอ็คชั่นในหนังจะออกมาแนวตีกันมันส์โปกฮา โม้สะบั่นหั่นแหลก(แต่ยังไม่เว่อร์เกินรับไหว) สมกับที่เป็นหนังแนวแอ็คชั่นตลาดๆโดยแท้ หนึ่งในไอเดียการออกแบบฉากแอ็คชั่นที่ผมชอบที่สุดในหนังคือฉากที่Holmesคิดวิธีจัดการกับศัตรูตรงหน้าแบบสเต็ปบายสเต็ป ฉายเป็นภาพสโลว์โมชั่นในความคิดของHolmes (เช่น สเต็ปแรกตบบ้องหู สเต็ปสองต่อยคาง สเต็ปสามตุ๋ยท้อง ฯลฯ) ก่อนที่เราจะได้เห็นHolmesใช้สเต็ปที่คิดเอาไว้เป็นลำดับอย่างรวดเร็วกับคู่ต่อสู้ในฉากต่อมา ผมว่ามันเป็นไอเดียการออกแบบฉากแอ็คชั่นที่เจ๋งมาก(ตอนเห็นครั้งแรกผมถามตัวเองในใจว่า“มันคิดได้ไงวะ?”) ถ้าจำไม่ผิดจะมีฉากที่Holmesทำแบบนี้อยู่2ฉากครับ (ซึ่งผมว่ามีแค่นี้ก็พอแล้ว ขืนใช้เยอะ ไอ้ที่เราว่าเจ๋งมันจะแปรผันไปเป็นความเกร่อแทน) มีต่อ... แก้ไขเมื่อ 25 ธ.ค. 52 18:15:08 แก้ไขเมื่อ 25 ธ.ค. 52 15:21:18 จากคุณ : Apple101 เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 52 15:18:56

ความคิดเห็นที่ 3 ทางด้านของนักแสดง Robert Downey Jr.เล่นดีครับ ทั้งการแสดงสีหน้าท่าทาง(และการปล่อยมุข)อย่างเป็นธรรมาชาติ การพูดสำเนียงผู้ดีอังกฤษ(ด้วยน้ำเสียงยียวน) บทจะอัจฉริยะก็อัจฉริยะได้แบบแปลกๆเพี้ยนๆ บทจะบู๊ก็บู๊ได้มันส์+ฮายิ่งนัก ถือว่าสอบผ่านครับสำหรับHolmesเวอร์ชั่นมีเสน่ห์แบบที่ไม่ใครเหมือนและไม่เหมือนใครของDowney Jr. นับว่าช่วงปี2ปีมานี้(2008-2009)เป็นช่วงขาขึ้นของเฮียแกจริงๆนะครับ(ปีหน้าก็จ่อคิวIron Man 2เอาไว้อีก สบายแล้วล่ะเฮียเอ๊ย...) ป.ล.ความจริงแลวHolmesในนิยายต้นฉบับเป็นพวกเสพย์ติดโคเคนนะครับ ป.ล. สิ่งหนึ่งที่ยากที่สุดในการรับบทHolmesจากปากคำของDowney Jr.คืออะไรรู้มั้ยครับ? มันคือการเปลี่ยนสำเนียงพูดครับ จริงอยู่ที่ว่าเขาเคยเปลี่ยนสำเนียงตัวเองไปเป็นสำเนียงผู้ดีอังกฤษมาแล้วครั้งนึงในChaplin แต่เพราะCharlie Chaplinเป็นนักแสดงตลกที่มีตัวตนอยู่จริง ในขณะที่Sherlock Holmesเป็นตัวละครนักสืบในนิยาย มันจึงเป็นเรื่องยากมากในการจินตนาการเอาว่าน้ำเสียงของHolmesจริงๆควรเป็นเช่นไร? มีต่อ... แก้ไขเมื่อ 25 ธ.ค. 52 18:42:55 แก้ไขเมื่อ 25 ธ.ค. 52 15:25:10 จากคุณ : Apple101 เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 52 15:23:03

ความคิดเห็นที่ 4 Jude LawในบทคุณหมอJohn Watsonก็ทำหน้าที่เป็นคู่หู(ตัวตบมุข)ของHolmesได้ดีครับ บุคลิกของWatsonในหนังคือคนที่ดูเหมือนจะยอมHolmesไปซะทุกเรื่อง (ไม่มีเรื่องเกย์ๆเข้ามาเกี่ยวหรอกนะครับ) คล้ายๆพวกเด็กเรียนดีมีมารยาทที่คบเพื่อนเป็นพวกเด็กเก(เหมือนความสัมพันธ์ฉันเพื่อนของNite OwlกับRorschachในWatchmen) และด้วยความที่เขาเป็นคู่หูของHolmes จึงเป็นหน้าที่หลักอย่างนึงของWatsonที่ต้องคอยร่วมมือ(บวกแรงตรีน)ตื๊บพวกผู้ร้ายที่ดาหน้ากันเข้ามาขัดขวางการไขคดีของHolmesให้มันรู้สำนึก ซึ่งตรงนี้อาจสร้างความสงสัยให้ผู้ชมบางท่านได้ว่า ก็Watsonมันเป็นหมอไม่ใช่เรอะ? ไปเอาแรงที่ไหนมาตื๊บผู้ร้ายกัน?(ถ้าเป็นHolmesก็ว่าไปอย่าง เพราะในนิยายต้นฉบับระบุเอาไว้ว่าHolmesถนัดการใช้พลอง,ต่อยมวย,และฟันดาบ) ตัวหนังจึงบอกให้ผู้ชมได้รู้ว่าแท้จริงแล้วก่อนจะมาประกอบอาชีพเป็นคุณหมอชื่อดัง Watsonเคยเป็นทหารกล้าผู้รอดตายจากสนามรบในแอฟริกามาก่อน(ไม้เท้าอันเก่งของWatsonก็ได้มาจากวีรกรรมความกล้าที่ทำเอาไว้ในสนามรบนั้นแหละ) สุดท้าย พลังดาราของJudeอาจสู้Downey Jr.ไม่ได้(เพราะบทHolmesมันส่งที่สุดในเรื่อง) แต่ในแง่ของการแสดงเป็นพระรองที่คอยช่วยเหลือเกื้อกูลHolmes เป็นเพื่อนคู่คิดมิตรคู่ฮา(และความหล่อที่พี่Judeแกกินขาด ) ถือว่าทำได้ดีครับ ป.ล.ในชีวิตจริงถ้าผมมีเพื่อนอย่างWatsonล่ะก็ ขอดื่นเลือดสาบานคบกันไปจนวันตายเล้ย!! มีต่อ... แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 52 09:28:51 แก้ไขเมื่อ 25 ธ.ค. 52 19:17:08 แก้ไขเมื่อ 25 ธ.ค. 52 19:15:52 แก้ไขเมื่อ 25 ธ.ค. 52 18:57:07 จากคุณ : Apple101 เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 52 15:26:20

ความคิดเห็นที่ 5 Rachel McAdamsในบทIrene Adler สาวคนรักของHomels...ขอบอกว่าเธอคนนี้เล่นได้โดดเด่นมากๆครับกับบทหญิงสาวที่ทั้งสวยทั้งร้ายกาจ(แถมยังเคยเอาชนะHolmesได้ตั้ง2รอบ) การแสดงของMcAdamsทำให้เราเชื่อได้จริงๆว่า ผู้หญิงอย่าเธอนี่แหละที่สามารถสยบแบดบอยอย่างHomlesได้อยู่หมัด แต่ในอีกมุมนึง การแสดงของเธอก็สามารถทำให้ตัวละครของIreneแสดงความรักความห่วงใยที่มีต่อHolmesได้อย่างกลมกลืนและไม่ธรรมดา เหมือนกับที่Holmesเอง แสดงความหลงไหลได้ปลื้มในตัวเธอในแบบที่เขาเป็น(หรือก็คือในแบบที่Downey Jr.แสดงออกมา)เช่นกัน ถึงแม้ในหนัง บทบาทของIreneจะน้อยกว่าHolmesหรือWatson แต่ต้องขอบคุณฝีมือการแสดงของMcAdams(อีกครั้ง) ที่ทำให้ความ“น้อย” แปรเปลี่ยนความหมาย(และคุณค่า)ไปเป็น“น้อยแต่แน่น”ในที่สุด ฉะนั้น นางเอกสาวอย่างเธอย่อมเป็นที่จดจำในหมู่คนดูได้ไม่แพ้พ่อพระเอกสุดแนวกับพ่อพระรองสุดเซอร์ของเราแน่นอน มีต่อ... แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 52 09:36:55 แก้ไขเมื่อ 25 ธ.ค. 52 19:23:31 แก้ไขเมื่อ 25 ธ.ค. 52 19:22:30 แก้ไขเมื่อ 25 ธ.ค. 52 15:30:26 จากคุณ : Apple101 เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 52 15:29:15

ความคิดเห็นที่ 6 ทางฝั่งของการดำเนินเรื่อง การดำเนินเรื่องของหนังเรื่องนี้เป็นเส้นตรงครับ เข้าถึงคนดูส่วนใหญ่ได้ง่าย ไม่ได้มีเทคนิคการเล่าเรื่องตามแบบฉบับหนังสืบสวนยุคปัจจุบัน ที่นับวันยิ่งลึกลับซับซ้อนจนตีตัวออกห่างจากคำว่า“เรียบง่าย”ไปทุกที (ผมไม่ได้ว่าว่ามันเป็นเรื่องไม่ดี แต่บางครั้งการหยุดค้นหาอะไรยากๆแล้วหันกลับไปใช้งานอะไรง่ายๆมันก็ไม่ใช่เรื่องผิดนิ จริงไหม?) คนดูจึงไม่ได้เห็นบทสนทนาเฉือนคมชวนคบคิดจากปากอาชาญกรอัจฉริยะแบบในThe Silence of the Lambs ... ไม่ได้มีแง่มุมทางศาสนาหรือมีปูมหลังฝังใจของตัวละครหลักเข้ามาเกี่ยวข้องแบบในSe7en ... และไม่ได้มีวิธีการเล่าเรื่องแบบสลับไปสลับมาจนคนดูดูไปดมยาดมไปแบบในMemento ... อย่างที่ผมบอก “เรียบง่าย”... แต่ยังไงซะ การที่หนังเลือกดำเนินเรื่องเป็นเส้นตรงก็ไม่ได้ทำให้ความหน้าติดตามลดลงไปจากเดิมแม้แต่น้อย กลับกัน ตัวหนังมีวิธีในการสร้างความน่าติดตามบนความเรียบง่ายของตัวเองได้อย่างชาญฉลาด โหมกระหน่ำHolmesกับWatsonด้วยอำนาจเวทย์มนตร์ของLord Blackwoodที่แม้แต่คนดูเองก็ได้แต่เกาหัวว่าสรุปแล้วไอ้เวทย์มนตร์(ในหนัง)นี่มันมีจริงรึเปล่าหว่า? (และถ้ามี Holemesจะได้ไปฮอกวอตส์รึเปล่าหว่า? ) ตามด้วยฉากสืบสวนสอบสวนเพื่อหาหลักฐานและข้อเท็จจริงอันน่าฉงนตามสไตล์หนังสืบสวน(หรือว่ากันง่ายๆก็ตามสไตล์หนังHolmes) ตบท้ายด้วยฉากแอ็คชั่นประสานกันครบองก์บริบูรณ์(โดยไม่ลืมใส่อารมณ์ขัน, ฉากปล่อยมุขให้คนดูได้มีโอกาสพักหายใจ) การไขคดีครั้งนี้ของHolmesจึงเปรียบได้กับถนนที่ไม่ได้เลี้ยวลดขดเขี้ยวอะไรมากมาย แต่ถึงยังไงก็เป็นถนนที่มีอุปสรรค์ถาโถมเข้ามาเรื่อยๆตลอดเส้นทาง จึงเป็นหน้าที่ของHolmesที่จะต้องฝ่าฟันมันไปให้ได้ และเป็นหน้าที่ของคนดูที่จะต้องรับชมการผจญภัยครั้งใหม่บนเส้นทางสายนี้ของHolmes ... มีต่อ... แก้ไขเมื่อ 25 ธ.ค. 52 15:32:48 จากคุณ : Apple101 เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 52 15:31:43

ความคิดเห็นที่ 7 อยากดูมากครับ... จากคุณ : ไม่ได้เจ้าชู้แต่เอ็นดูทุกคน เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 52 15:35:42

ความคิดเห็นที่ 8 ตั้งใจจะไปดู แต่ยังไม่ว่างเลยค่ะ จากคุณ : YesterdayOnceMore เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 52 15:42:23

ความคิดเห็นที่ 9 ข้อด้อยของหนังก็คือ ตัวหนังดำเนินเรื่องเป็นเส้นตรง(ตามที่ผมได้พิมพ์กล่าวถึงและแก้ต่างให้ไปแล้วในคห.6 แต่มันก็คงปฏิเสธไม่ได้อยู่ดีแหละว่าการดำเนินเรื่องแบบนี้ถือเป็นข้อด้อยของหนังได้เหมือนกัน เข้าทำนองดาบสองคมว่างั้นเหอะ) สำหรับคนที่ดูหนังแนวสืบสวนสอบสวน-Thrillerยุคใหม่ที่เน้นการสอดแทรกเนื้อหาสาระบางอย่างเข้าไปหรือมีวิธีการเล่าเรื่องที่เก๋ไก๋ ฉลาดล้ำลึกก็อาจจะเฉยๆกับหนังขายความบันเทิงเรื่องนี้เอาได้ แต่ข้อด้อยพวกนั้นผู้ชมส่วนใหญ่คงพอเอาหูไปนาเอาตาไปไร่แล้วทำใจสนุกกับหนังได้อยู่(ยกเว้นคนที่ไม่ถูกจริตกับหนังแนวนี้จริงๆ) แต่ด้วยข้อด้อยข้อต่อไปนี้ต่างหากที่บั่นทอนคุณภาพของตัวหนังลงอย่างเห็นได้ชัด ข้อด้อยที่ว่านั้นก็คือบทบาทของผู้ร้ายในหนัง ... บทบาทของLord Blackwood(แสดงโดยMark Strong)   ... หากจะให้ผมอธิบายแบบหมดเปลือกไปเลยว่าบทบาทของตัวละครตัวนี้มันถือเป็นข้อด้อยตรงไหน ก็คงจะเป็นการSpoilเนื้อเรื่องของหนังในทางอ้อมไปโดยปริยาย ผมจึงจำเป็นต้องขออุบเงียบเอาไว้ก่อนสำหรับคนที่ยังไม่ได้ดู โดยขอบอกเพียงแค่ว่าตัวละครตัวนี้สามารถยกระดับตัวเองให้เป็นถึงดาวร้ายขั้นเทพในใจใครหลายๆคนได้สบายๆ“ถ้า” บทส่งพอ(ซึ่งมันไม่ใช่), หรืออย่างน้อย ตัวละครตัวนี้ก็สามารถเป็นที่จดจำในหมู่คนดูได้มากกว่าที่เป็นอยู่แน่นอน หากมีการสร้างมิติของตัวละครให้แน่นกว่านี้(ซึ่งมันก็ไม่ใช่อีกเหมือนกัน) และสุดท้าย เพราะMoriartyครับ ... แฟนๆSherlock Holmes รู้จักชื่อนี้กันดีใช่รึเปล่าครับ...? มีต่อ... แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 52 08:55:24 แก้ไขเมื่อ 25 ธ.ค. 52 17:36:08 แก้ไขเมื่อ 25 ธ.ค. 52 17:32:32 แก้ไขเมื่อ 25 ธ.ค. 52 16:10:53 จากคุณ : Apple101 เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 52 16:02:55

ความคิดเห็นที่ 10 ตั้งใจจะไปดูเหมือนกันครับ แต่ยังไม่มีเงิน จากคุณ : ผีหลอก เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 52 16:18:42

ความคิดเห็นที่ 11 สรุปนะครับ Sherlock Holmesคือหนังแอ็คชั่นที่ดูสนุก! สนุก! และก็สนุก! ถึงแม้ว่าตัวหนังอาจจะไม่ได้เลิศเลออะไรมากมายและยังมีข้อบกพร่องให้ติเตียนอยู่อีกประปรายก็ตาม   ยังไงซะ นี่ก็เป็นหนังที่ดูมันส์ ดูสนุก ดูเพลินเหมาะแก่การตีตั๋วหาความบันเทิงในช่วงวันหยุดที่ใกล้จะถึงนี้ ผมจึงขอฝากคำแนะนำง่ายๆว่า ถ้าอยากดูหนังเรื่องนี้ให้สนุก อย่าไปจ้องจับผิดแล้วคิดมากตอนดูเลยครับ เพราะบางครั้งการดูหนังให้สนุก ตรรกะเรื่องคุณภาพของหนังหรือข้อจำกัดต่างๆในการดูหนังของเรา เราโยนมันออกจากหัวไปซักพักนึงก่อนก็ได้ แล้วมุ่งหาความสุขจากการรับชมเป็นพอ(จากนั้นค่อยไปตัดสินองค์ประกอบของหนังอีกทีกยังไม่สาย) ใครดูAvatarแล้วอยากหาหนังสนุกๆมาดูช่วงวันหยุดอีกซักเรื่องล่ะก็  เรื่องนี้ผมขอแนะนำครับ ถ้าจะให้ผมให้คะแนน ผมให้Sherlock Holmes ไป7.5/10 ... ถ้าให้เป็นดาวก็3ดาว กับอีก3/4ดวง ... ถ้าให้เป็นตัวอักษรก็ B+กำลังดีครับผม ... อ้อๆ ขอเพิ่มเติมอีกนิดนึงนะครับ แนะนำเป็นพิเศษ ถ้าคุณชอบRobert Downey Jr. ถ้าคุณชอบJude Law ถ้าคุณชอบRachel McAdams คุณไม่ควรพลาด! ไม่ควรพลาด! และก็ไม่ควรพลาดSherlock Holmesครับ! ป.ล.ได้ข่าวว่ามีการวางแผนสร้างภาคต่อเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะมีBrad Pittมาร่วมแสดงด้วย เจ๋ง! Tyler DurdenปะทะSherlock Holmes! ป.ล.2 นี่เป็นการตั้งกระทู้วิจารณ์หนังแบบยาวๆครั้งแรกของผม ผิดพลาดตรงไหนหรือ่านแล้วปวดตับยังไง ต้องขออภัยเอาไว้ณ.ที่นี้ด้วยนะครับ แก้ไขเมื่อ 25 ธ.ค. 52 19:19:46 แก้ไขเมื่อ 25 ธ.ค. 52 19:13:09 จากคุณ : Apple101 เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 52 16:19:49

ความคิดเห็นที่ 12   #11 ซีนนี้ในหนังน่ะ แหม....ก้อง-พี มั่กๆเลยเฮียขา 555555+++.... ^^ จากคุณ : maddcoco เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 52 16:31:16

ความคิดเห็นที่ 13 โยนหนังสือทิ้งก่อนเข้าโรง Guy Ritchie's Sherlock Holmes 7/10 จากคุณ : nookieman เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 52 16:31:57

ความคิดเห็นที่ 14 วิเคราะห์ได้โอเคครับผม ในฐานะที่อ่านหนังสือมาทุกเล่มแล้วมาเจอตัวอย่างหนังแบบนี้ ทำให้ผมค่อนข้างผิดหวังเล็กน้อย แต่พอได้ไปดูแล้วรู้สึกว่า อืมม์ รายละเอียดต่างๆครบถ้วนดีจริงๆ ไม่ได้แหวกจากต้นฉบับอะไรมากนัก แล้วที่ชอบที่สุดก็บทพูดครับ ระหว่าง โฮล์มส์ วัตสัน โฮล์มส์ ไอรีน สู้กันด้วยคำพูดแบบสุดเจ๋งครับผม เรื่องนี้ผมให้ 8.5 ในฐานะที่ทำให้คนรักโฮล์มส์อย่างผมได้สัมผัสโฮล์มส์บนจอใหญ่แบบไม่ผิดหวังอีกครั้ง จากคุณ : Mancuniun เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 52 16:35:53

ความคิดเห็นที่ 15   ไม่รู้นะ ผมดูแล้วง่วงอ่ะ มันคุยกัยเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก จากคุณ : UBC (akumariku) เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 52 16:41:59

ความคิดเห็นที่ 16 เด๋วไปดู ฮ่าๆ ชอบโรเบิ้ด ดาวนี่ จูเนียร์ กิกิ ชอบตั้งแต่ไออ้อนแมนอ่ะ บทกวนๆ เหมาะกับหน้าตาท่าทางเค้าดีนะ จากคุณ : 081 8844 025 (โตน-จุลพจน์) เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 52 16:59:54

ความคิดเห็นที่ 17 ดูมาแล้วเหมือนกัน ชอบมากคะ ส่วนตัวก็ติดตามโฮมส์อ่านหนังสือมาก่อน ถ้าคนไม่เคยอ่านนึกถึงการ์ตูนโคนันคะจะได้รับอิทธิพลมาหน่อยๆ ส่วนคนที่ดูใหม่ๆต้องนึกถึงว่ามันเป้นเรื่องแต่งตั้งแต่สมัยสร้างสะพานลอนดอน สมัยหอไอเฟลยังไม่มีในอังกฤษ วิธีการเล่าเรื่องอาจจะอธิบายและข้อสงสัยเยอะ เพราะสมัยนั้นยังไม่มีนักวิทยาศาสตร์หรือคนที่อธิบายเหตุการณ์อื่นๆได้ชัดเจนแบบ CSI ไม่เคยดูไอรอนแมน  เคยดูจู้ดลอว์บทอื่น แต่พอเข้าใจว่าที่สร้างตัวร้ายไม่ให้เด่นมากเพราะอยากให้คนดูติดภาพโฮมส์+วัตสัน+ไอรีนส์ และที่จะโผล่มาในอนาคตอย่าง ศาสตราจารย์มอรี้อาตี้มากกว่าคะ กรี๊ด...ชอบ อาทิตยนี้ได้ดูหนังสนุก 2 เรื่องเลยคะ เหมาะกับเทศกาลที่เราอยากผ่อนคลายมากๆ ลองไปดูกันคะ ไม่ผิดหวังแน่ๆๆ จากคุณ : sherykik (sherykik) เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 52 17:46:47

ความคิดเห็นที่ 18 คิดว่าไม่พลาด   ต้องไปดูซะแล้ว จากคุณ : nssr@2527 เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 52 18:21:48

ความคิดเห็นที่ 19   ดูแล้ว 85% ไม่ควรพลาด ( แต่พลาดได้ไม่ตายครับ ) ( ไม่มีไรทำ สิ้นปีนี้ หนังนี้ไม่เสียดายเวลา และเงินครับ) จากคุณ : jalop เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 52 19:14:51

ความคิดเห็นที่ 20 ดูแล้วเหมือนกันครับ คิดว่าใช้ได้นะ ผมชอบที่เนื้อเรื่องแบบเส้นตรง(เฉพาะเรื่องนี้) มันทำให้รู้สึกย้อนยุคดี จากคุณ : donutpla2 เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 52 21:42:18

ความคิดเห็นที่ 21 ส้มป่อย 555 เพิ่งอ่านกระทู้ชื่อไทยของspoil มาเอง เอามาใช้กันแล้วเหรอ ชอบๆๆๆ จากคุณ : เงือกย่าง เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 06:10:52

ความคิดเห็นที่ 22 สนุกมากกกก ตั้งนาทีแรก เลยค่ะ  ^^ จากคุณ : Okep เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 07:21:10

ความคิดเห็นที่ 23 เห็นตัวอย่างแล้วรู้สึกว่าอยากดูนะ อยากดูเพราะชื่อ เชอร์ล็อคโฮมส์ มากกว่า ชื่อ กาย ริชชี่ จริงๆ กาย ริชชี่ มีหนังดีๆอยู่หลายเรื่อง แต่ยังนึกภาพไม่ออกเหมือนกันว่า ถ้ากาย มาจับหนังเสกลใหญ่แบบนี้ จะทำได้ดี เหมือนตอนทำหนังฟอร์มเล็กๆหรือเปล่า ? เห็นชื่อ จขกท แล้ว อยากเข้ามาให้กิฟนะ แต่กิฟหมด ขออภัย แล้วเขียนบ่อยๆล่ะครับ จะตามอ่าน อิอิ จากคุณ : joblovenuk เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 14:00:32

ความคิดเห็นที่ 24 ชอบฉาก ที่ อธิบายความคิดว่าจะ อัดคู่ต่อสู้ตรงไหนก่อนลงมือจริงเหมือนกัน แบบดูแล้ว  มันอัจริยะบนความโรคจิตชัดๆ จากคุณ : Heart Break Kid เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 14:41:11

ความคิดเห็นที่ 25 ชอบที่หนังมีความเท่ห์ ตามstyle guy ricchie อยู่ด้วย แต่ บางครั้งเส้นตรง บวกกับบทพูดเยอะๆ ก็หลับไปวืดหนึ่งเหมือนกัน ให้ B ^^ จากคุณ : green brown and blue เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 23:27:08

ความคิดเห็นที่ 26 จริง ๆ ผมก็ไม่ได้หวังอะไรก่อนไปดูนะ ใจไม่อยากไปดูเท่าไหร่ แต่เพื่อนชวน ก็ลองดู ดูจบแล้ว ผมก็เฉย ๆ น่ะ ไม่ดีไม่เลว อะไร สนุกมั้ย ก็เพลิน ๆ พอดูได้ แต่ดูแล้ว แอบง่วง หนังมันไม่เร้าใจอะไรเลย ราบเรียบ พล็อตเรื่องก็เดาง่าย ที่ไม่ชอบหนังเรื่องนี้ อย่างนึงคือ พอพระเอกไขปริศนาอะไรได้แล้ว จะเฉลยอยู่นั่น เฉลยมันแทบทุกอย่าง อะไรที่มันดูแล้วเข้าใจได้เอง ก็ยังมาเฉลยให้รู้อีก ผมว่า มันบอกมากเกินไป ผมว่า กาย ริชชี่ ไม่เหมาะกับหนังแนวนี้เลยสักเท่าไหร่ ถ้าเคยดู lock stock กับ snatch มาก่อนหน้าแล้ว อาจจะไม่ชอบหนัง เรื่องนี้ได้ ส่วนตัว ผมก็ไม่ค่อยชอบ แต่ไม่ผิดหวังอะไรนะ เพราะจากหน้าหนังที่เห็น ตย.มา ก็ไม่หวังอะไรอยู่แล้ว แต่ถ้าชอบ ก็ดูเพลิน ๆ ได้ครับ แล้วแต่ จากคุณ : พุงพลุ้ย เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 52 00:06:17

ความคิดเห็นที่ 27 ค.ห.#26 วิจารณ์ได้ตรงใจเป๊ะๆ 100% เลยค่ะ จากคุณ : always be jealous (Always be JEALOUS) เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 17:30:16

ความคิดเห็นที่ 28 ค่อนข้างผิดหวังกับบทภาพยนตร์มากๆ มันเป็นเรื่องที่โคนัน ดอยล์ไม่ได้แต่ง แต่ลงท้ายบอกว่าแต่ง ที่บอกว่าพระเอกใกล้เคียงตัวจริงกับเชอร์ล็อก โฮล์มส ไม่เห็นด้วยเลย ในเรื่องดูเหมือน Dr.Watson จะแน่กว่าเชอร์ล็อก คอยวางท่าดุตลอด แต่ในหนังสือ Dr.Watson สุภาพมากกว่านี้เยอะ และต่างกับ Jude Laws สุดๆ ถ้าเป็นแฟน Sherlock จริงๆ คงรู้ว่า Irene Adler แต่งงานกับทนายความใน Case of Scandal of Behemia และ Irene ไม่ได้รัก Sherlock Holmes แค่ทำให้ Sherlock ยอมรับได้ว่ามีคนแผนสูงกว่าเค้าอยู่ในโลก ถ้าไม่เคยอ่านหนังสือมาก่อน ก็จะว่าเรื่องนี้หนุกอยู่เหมือนกัน แต่แบบว่าอ่านหนังสือโคนัน ดอย มาหมดทุกเล่มเลย รู้สึกว่ามันตรงข้ามกันหมด แล้วคดีแรกๆ เริ่มตั้งแต่เชอล็อกเป็นหนุ่ม 20 ต้นๆ เวลาผ่านไป อย่างมากก็ 30-40 พอ Robert มารับบท เหมือนเอาหมัดหนักๆ มาต่อยหน้าแฟนคลับซะงั้น คนเขียนบท ผูกเรื่องมั่วไปหมด แม้จะยังนำเอาลักษณะบางอย่างมาใส่ก็ตาม เช่น Sherlock ชอบเล่นไวโอลีน สูบไปป์ ปลอมตัว สันนิษฐานแม่นยำ ฯลฯ จากคุณ : geekgal เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 53 02:14:07

ความคิดเห็นที่ 29 อืม ก็ว่ากันไป ต่างคนต่างใจ เราเองก็เป็นทั้งแฟนโฮล์มส์ฉบับนิยาย กะเป็นแฟนกาย ริทชี่่ และชอบ Lock, Stock ฯ มาก เอา 1+1  = เราชอบโฮล์มส์ ฉบับริทชี่มากเลยแฮะ แม้จะรู้สึกว่า พี่วัตสันอาจจะไม่ค่อยเหมือนหนังสือ แต่ไม่รู้สึกไม่ชอบเลยสักนิด แต่ชอบมากกก (หน้าตาดีก็ได้เปรียบนะเนี่ยพี่จู๊ด) จากคุณ : rromd เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 18:34:26