ความคิดเห็นที่ 1 คำถามของ จขกท. นี้มีรายละเอียดที่ต้องอธิบายเยอะทีเดียว ผมขอสรุปเลยละกัน (หลายความเห็นครับ เผื่อสำหรับคนที่ยังไม่เคยรู้ด้วย) เครื่องฉายภาพยนตร์ที่เป็นระบบฟิล์ม ผมขอแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ๆ เลยก็คือ 1. หัวฉายที่ใช้เฉพาะโรงภาพยนตร์ หัวฉายประเภทนี้ บอดี้จะใหญ่ และหนักเอาการ แต่ข้อดีของหัวฉายแบบนี้ก็คือ ภาพจะนิ่งมาก ไม่เต้น หรือกระเพื่อมจนปวดตา ยี่ห้อเครื่องฉายประเภทนี้ ได้แก่ โตกิว่า รุ่น TSS (ญี่ปุ่น), วิคตอรี่ (อิตาลี), เซ็นจูรี่ (อเมริกา) ซึ่ง 3 ยี่ห้อนี้จะพบในโรงภาพยนตร์สแตนด์อะโลน ถ้าเป็นโรงซีนีเพล็กซ์ ก็จะเป็นยี่ห้อ สตรอง (อเมริกา), คริสตี้ (เยอรมนี) แล้วก็ยังมีช่วงหนึ่งที่ Mini Theater กำลังเริ่มเข้ามา ก็มีเครื่องฉายของประเทศจีน ยี่ห้อ Shanghai 1st August รุ่น 104-X2 (ส่วนใหญ่จะเรียกกันว่า เครื่องฉายจีนแดง หรือ 104) ไปดูรูปเครื่องฉายยี่ห้อ สตรอง กัน จากคุณ : หนามเตยแมน (หนามเตยแมน) เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 53 00:47:06

ความคิดเห็นที่ 2 เครื่องฉายยี่ห้อ คริสตี้ ที่ จขกท. ถามถึง จากที่เคยมีประสบการณ์ ยี่ห้อนี้มักจะมีปัญหาจุกจิก น่ารำคาญอยู่บ่อย ๆ แต่ถ้าพูดถึงคุณภาพของภาพ ทั้ง 2 ยี่ห้อไม่ค่อยต่างกันสักเท่าไหร่ ลืมบอกราคาเฉพาะส่วนที่เป็นเครื่องฉาย ก็หลักแสนต้น ๆ ครับ จากคุณ : หนามเตยแมน (หนามเตยแมน) เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 53 00:53:39

ความคิดเห็นที่ 3 มาดูอีกรูปหนึ่ง นั่นก็คือ เครื่องฉาย 104 ที่กล่าวไว้ เครื่องนี้มีขนาดเล็กครับ ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับโรงภาพยนตร์แบบ มินิ เธียเตอร์ ในขณะนั้น ที่สำคัญยังมีส่วนที่เป็น Lamphouse ซึ่งเป็นหลอดซีนอนในตัว ไม่เหมือนหัวโรงขนาดใหญ่ที่มีเตากำเนิดแสงแยกต่างหาก (แถมหนักอีกด้วย) สามารถใช้ไฟบ้าน 220 โวลต์โดยตรงได้เลย เครื่องฉายรุ่นนี้จะประกอบด้วย หัวฉาย 2 เครื่อง และกล่องจ่ายไฟให้เครื่องฉาย 1 ชุด พร้อมอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ล่าสุดไปเห็นเครื่องนี้มา เป็นของใหม่ที่สภาพยังดีอยู่ แม้ว่ามินิ เธียเตอร์จะหายไปนานแล้วก็ตาม ราคาขายอยู่ที่ 80,000 บาท ต่อหนึ่งคู่ ส่วนของมือสองราคาจะถูกลงหน่อย อย่างไรก็ตาม เครื่องฉายรุ่นนี้ก็มีคนที่รักและชอบเครื่องฉายหนังให้ความสนใจมากเช่นกัน เพราะรูปร่างกะทัดรัดนี่แหละ นอกจากนี้ยังมีข้อดีอีกหลายอย่างที่ "หนามเตยแมน" ได้พิสูจน์มาแล้วด้วยตนเอง แก้ไขเมื่อ 02 ม.ค. 53 01:11:19 จากคุณ : หนามเตยแมน (หนามเตยแมน) เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 53 01:10:29

ความคิดเห็นที่ 4 ส่วนหัวฉายในโรงยี่ห้ออื่น ๆ นั้น หนามเตยแมนไม่ได้ค้นมาครับ 2. หัวฉายที่ใช้ในบริการหนังกลางแปลง หัวฉายประเภทนี้ มักจะเป็นลักษณะที่เรียกว่า Portable โดยนำมาชนกับเตากำเนิดแสง ซึ่งสมัยก่อนจะเป็นแบบแท่งถ่าน 2 แท่งชนกัน โดยหลักการเดียวกับตู้เครื่องเชื่อมไฟฟ้า ถ้าเป็นในตอนนี้ก็เป็นหลอดซีนอน (เกี่ยวกับเตากำเนิดแสงตรงนี้ขอไม่กล่าวถึง) ซึ่งยี่ห้อแรกที่นำมาวางจำหน่ายในบ้านเราก็คือ ชินเกียว (Shinkyo) มีทั้งรุ่น GR, Super GR และ M79 ภาพประกอบเป็นรุ่น Super GR ปัจจุบันเครื่องฉายยี่ห้อนี่ไม่มีวางจำหน่ายอีกแล้ว อีกอย่างหนึ่งอะไหล่ของเครื่องฉายยี่ห้อนี้ก็หายากเต็มที เท่าที่เคยเห็นก็จะเป็นของมือสอง แต่สภาพเครื่องก็มีตั้งแต่ค่อนข้างดีไปจนถึงสภาพโทรมเต็มที ราคาขายในสภาพระดับนี้โดยเฉลี่ยไม่เกิน 5,000 บาทครับ แก้ไขเมื่อ 02 ม.ค. 53 10:45:25 จากคุณ : หนามเตยแมน (หนามเตยแมน) เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 53 01:24:47

ความคิดเห็นที่ 5 หลังจากนั้น ก็มียี่ห้อ โตกิว่า (Tokiwa) ของญี่ปุ่นเข้ามา ซึ่งมีอยู่ 2 รุ่น คือ T-54 และ T-60 สำหรับภาพประกอบนี้เป็นรุ่น T-60 ครับ ส่วนรุ่น T-54 ไม่มีเครื่องรุ่นนี้จำหน่ายในบ้านเราแล้ว แต่อะไหล่ยังพอหาได้ครับ ราคาเครื่องรุ่นนี้ (T-60) ของใหม่เกินครึ่งแสนนิด ๆ ปัจจุบันเหลือเพียงเครื่องเดียวที่ร้านขายอุปกรณ์ฉายหนังกลางแปลง ข้างศาลาเฉลิมกรุง ถ้าหมดแล้ว ก็หมดเลย ไม่มีสั่งเข้ามาอีก ยกเว้นอะไหล่ หรือชิ้นส่วนเล็ก ๆ น้อย ๆ หนามเตยแมนเคยเข้าไปถามราคามาแล้วเหมือนกัน ทางร้านได้บอกราคาต่ำกว่าที่บอกไว้ตอนต้น (เจ้าของร้านเค้าดูลักษณะของลูกค้าออกนะครับ) ส่วนของมือสอง เริ่มต้นที่ 25,000 - 35,000 บาทโดยประมาณ ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าของเครื่องเดิมเค้าใส่ OPTION อะไรไว้ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องระบบเสียงสเตอริโอ หรือไม่ก็ติดตั้งหลอด LED สีแดง เพื่ออ่านเส้นเสียงบนฟิล์มที่เป็นสีฟ้า (Cyan Soundtrack) ครับ แก้ไขเมื่อ 02 ม.ค. 53 10:44:14 แก้ไขเมื่อ 02 ม.ค. 53 01:38:43 จากคุณ : หนามเตยแมน (หนามเตยแมน) เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 53 01:28:52

ความคิดเห็นที่ 6 หลังจากที่ 2 ยี่ห้อนี้ได้รับความนิยม ก็เลยมีการก็อบปี้ตัวบอดี้ของเครื่องฉายและชิ้นส่วนต่าง ๆ โดยผลิตในบ้านเราเอง ซึ่งมีอยู่ 3 - 4 ราย หนึ่งในนั้นก็คือ ยี่ห้อ ยามากิว่า (Yamakiwa) ยี่ห้อนี้ได้รับความนิยมจากบรรดาเจ้าของหนังกลางแปลงระดับรากหญ้า เพราะราคาถูก เครื่องใหม่ราคา 45,000 บาท ส่วนเครื่องมือสอง ราคาประมาณ 12,000 - 25,000 บาท (ขึ้นอยู่กับ OPTION ของเจ้าของเครื่องเดิม) ที่สำคัญอะไหล่หาง่าย เพราะผลิตเองในบ้านเรา ล่าสุดทราบมาจากตัวแทนจำหน่าย ที่บริเวณด้านข้างศาลาเฉลิมกรุง บอกว่า ได้มีคนมา Take Over ทั้งอะไหล่และชิ้นส่วนของเครื่องฉายภาพยนตร์ทั้ง 2 ยี่ห้อ นั่นคือ โตกิว่า และยามากิว่าไปเป็นที่เรียบร้อย ส่วนยี่ห้ออื่น ๆ ที่เป็นแบรนด์ไทย ๆ อย่าง วรนันท์ นั้น ปัจจุบันปิดกิจการไปแล้วครับ จากคุณ : หนามเตยแมน (หนามเตยแมน) เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 53 01:51:18

ความคิดเห็นที่ 7 คุณหนามมาทียิบเลย ฟิล์มม้วนนึงนี่เท่าไหร่ครับคุณหนามเตย สมมุติอย่าง Titanic พอดีอยากรู้ว่าถ้าชีวิตนี้ทุ่มทำโรงหนังส่วนตัวจะไหวรึเปล่า จากคุณ : Cookiefish เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 53 01:53:38

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆ ครับ :] จากคุณ : MoMoJunG_4_FouR เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 53 02:08:15

ความคิดเห็นที่ 9 สิ่งหนึ่งที่มีผลต่อภาพและเป็นหัวใจสำคัญด้วย นั่นคือ เลนส์ครับ เลนส์ที่ใช้ในการฉายภาพยนตร์ประกอบด้วย 1. เลนส์ธรรมดา หรือเลนส์ใน สำหรับฉายภาพให้ปรากฏบนจอ 2. เลนส์อะนามอร์ฟิค หรือเลนส์ สโคป สำหรับฉายภาพจากฟิล์มที่มีอัตราส่วน 2.35 : 1 ซึ่งตัวเลนส์จะอยู่ด้านนอก ใช้ควบคู่กับเลนส์ธรรมดา 3. เลนส์แฟลท (FLAT) สำหรับฉายภาพจากฟิล์มที่มีอัตราส่วน 1.85 : 1 รายละเอียดเกี่ยวกับระบบภาพของภาพยนตร์ หาอ่านเพิ่มเติมได้จากลิงค์ http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/2009/04/A7723497/A7723497.html ตามโรงภาพยนตร์ซีนีเพล็กซ์จะใช้เลนส์ที่มีคุณภาพ เช่น ยี่ห้อ อิสโก้ (ISCO) ของเยอรมนี หรือยี่ห้อ ชไนเดอร์ (SCHNEIDER) เพราะเลนส์กลุ่มนี้ จะมีกระบวนการผลิตที่ประณีต ซึ่งใช้วิธีออกแบบที่เรีกว่า Air-spaced กล่าวคือ เป็นการออกแบบเลนส์ โดยไม่มีการใช้น้ำยาเชื่อมชิ้นแก้วให้ติดกันแม้แต่ชิ้นเดียว ทำให้ไม่กลัวความร้อนสูง เลนส์เก่าไปก็ไม่เหลือง ที่สำคัญราคาของเลนส์ยี่ห้อดังกล่าวนี้ แพงไม่ใช่น้อย ประมาณหลักหมื่นปลาย ๆ ถึงหลักแสน เอาแค่คนดูเต็มโรงซักอาทิตย์นึง ก็คืนทุนค่าเลนส์แล้วครับ ส่วนเลนส์ที่ใช้ตามโรงภาพยนตร์ตามต่างจังหวัด หรือหนังกลางแปลง จะใช้เลนส์ยี่ห้อ โคว่า (KOWA), ซันกอร์ (SANKOR), หรือยี่ห้ออื่น ๆ ที่มีคุณภาพใกล้เคียง รวมทั้งเลนส์ที่ใช้ในเครื่องฉาย 104 จีนแดง เลนส์กลุ่มนี้ ตัวเลนส์จะชิดกันมากขึ้น และภายในจะเริ่มซับซ้อน มีชิ้นแก้วซ้อนกันหลายชั้น ทำให้ภาพที่ได้คมชัด ข้อจำกัดที่สำคัญของเลนส์พวกนี้ก็คือ ยังต้องมีการเชื่อมชิ้นเลนส์บางชิ้นให้ติดกันด้วยน้ำยาอยู่ ซึ่งถ้าอายุเลนส์มากขึ้น หรือโดนความร้อนจากหลอดซีนอน เลนส์ก็อาจจะไหม้ และไม่สามารถใช้งานได้อีก ต้องทิ้งสถานเดียว อีกปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อความคมชัดของภาพเหมือนกัน (แต่มักถูกมองข้ามไปอยู่เรื่อย) นั่นก็คือสภาพกลไกของตัวเครื่องฉาย โดยเฉพาะประตู และตัวจับยึดเลนส์ทั้งหลาย โดยเฉพาะโตกีว่า (ที่เป็นรุ่น T-54 และ T-60) กระบอกจับเลนส์นี่เป็นจุดอ่อนเลย เพราะจับยึดเลนส์ได้ไม่นิ่งพอ เวลาฉาย เลนส์จะขยับเขยื้อน โยกเยกไปมาได้  ภาพก็เลยไม่ชัด เทียบกับหัวฉายโรง ซึ่งกระบอกเลนส์มีการล็อคแน่นหนา ประตูฟิล์มก็เรียบและยาว ทำให้จับฟิล์มได้นิ่งสนิท ภาพก็เลยชัดเจนกว่า จากคุณ : หนามเตยแมน (หนามเตยแมน) เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 53 02:39:06

ความคิดเห็นที่ 10 บทสรุปส่งท้ายแล้วครับ (ช่วงหัวค่ำไปดูหนังกลางแปลงมา เรื่อง หนีตามกาลิเลโอ กับวงษ์คำเหลา เลยนั่งดูจนจบทั้ง 2 เรื่อง แล้วเข้ามาเล่นเน็ต จนมาเจอหัวข้อนี้ ก็เลยตอบซะให้จุใจ) สำหรับผู้ที่คิดจะซื้อเครื่องฉายภาพยนตร์ ต้องถามตัวเองก่อนนะครับ เพราะเครื่องฉายภาพยนตร์นั้น มีเรื่องจุกจิกมากครับ ที่สำคัญคุณต้องพร้อมที่จะยอมเสียค่าใช้จ่ายในส่วนที่เกินกว่าราคาขาย หากเครื่องที่ได้มานั้นอยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์ หรือกรณีที่มีความจำเป็นที่จะต้องติดตั้ง OPTION เพิ่มเติมเอง ผมสังเกตเห็นบางคนที่ครอบครองเครื่องฉายภาพยนตร์โดยที่ไม่ได้ศึกษารายละเอียดให้ดี สุดท้ายแล้วต้องประกาศขายเพราะร้อนเงินก็มี แต่ถ้ามีทุนหนาพอ + ครอบครัวไม่เดือดร้อน และต้องรักหรือชอบจริง ๆ (เหมือนหนามเตยแมน) ก็คงไม่มีปัญหา คืนนี้ขอจบแค่นี้ก่อนครับ ใจจริงอยากจะต่อไปถึงวัตถุประสงค์ของการที่คุณจะหาเครื่องฉายมาไว้ครอบครอง เช่น ดูหนังในบ้าน หรือฉายหนังกลางแปลง (กรณีหลังนี่มีรายละเอียดอีกมากเลย) เอาไว้มีโอกาสค่อยตั้งกระทู้ใหม่ละกันครับ จากคุณ : หนามเตยแมน (หนามเตยแมน) เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 53 02:57:57

ความคิดเห็นที่ 11 คุณ หนามเตยแมน นี่รู้เยอะจริงๆ ขอบคุณครับ นานๆ จะมีกระทูโดนใจแบบนี้ จากคุณ : ทองซิว เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 53 09:15:09