 |
ความคิดเห็นที่ 4 |
ถ้าเป็นการฉายภาพยนตร์ในบ้านของเราเอง ไม่ได้เอาไปรับงานฉายหนังกลางแปลง ควรจะเป็นยี่ห้อ โตกิว่า, ยามากิว่า, (หรือชินเกียว ถ้ามี แต่ไม่แนะนำให้เล่นครับ) เหมาะสำหรับห้องขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลาง แต่ถ้าเป็นห้องขนาดค่อนข้างใหญ่ ก็เล่นเครื่องฉาย 104 ไป (รุ่นนี้จะมีภาคกำเนิดแสงเป็นหลอดซีนอนในตัว แถมใช้ไฟบ้านได้สะดวก) กรณีที่เป็นห้องขนาดเล็กหรือขนาดกลาง ครั้งจะเอาเตากำเนิดแสงเข้าไปด้วยคงเกะกะน่าดู เพราะฉะนั้นต้องมีหัวคิดทางช่างเพื่อการดัดแปลงครับ นั่นคือเอาหลอดฮาโลเจน ที่มีลักษณะเป็นหลอดถ้วย ขนาด 250 วัตต์ ไฟดีซี 24 โวลต์ (แบบเดียวกันกับเครื่องฉายฟิล์มสไลด์ หรือ โอเวอร์ เฮด โปรเจคเตอร์ตามสถานศึกษา) ต้องหาหม้อแปลงที่เรียกว่าอะแดปเตอร์มาติดตั้งเพิ่มเติม จึงจะใช้งานได้ ควรระมัดระวังเรื่องการใช้งานของหลอดชนิดนี้ด้วยครับ หา Search เอาได้ใน Google
สาเหตุอีกอย่างหนึ่งที่ไม่แนะนำให้นำเตากำเนิดแสงที่เป็นหลอดซีนอนไปไว้ในบ้าน นั่นคือ อันตรายครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่หลอดระเบิดขึ้นมา แม้แต่เครื่อง 104 ก็ตาม ลืมบอกไปว่า เครื่อง 104 นั้น ใช้หลอดซีนอน 1000 วัตต์ เท่านั้น ส่วนที่ใช้กันทั่วไปทั้งในโรงหรือหนังกลางแปลง จะมีขนาด 3000 - 4000 วัตต์ สูงสุดอยู่ที่ 5000 วัตต์ (โรงไอแม็กซ์นั้น 10000 วัตต์ จึงต้องมีระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ และตอนเปลี่ยนหลอดต้องสวมเกราะชนิดพิเศษ เพราะแรงระเบิดของหลอดชนิดนี้ รุนแรงมากเลยทีเดียว)
เพราะฉะนั้นหลอดซีนอนตั้งแต่ 3000 วัตต์ ขึ้นไป จึงเหมาะสำหรับหนังกลางแปลงครับ นอกจากนี้ ถ้าเตากำเนิดแสงยังเป็นแบบใช้แท่งถ่าน 2 แท่งจี้กัน (หลักการเดียวกันกับเครื่องเชื่อมโลหะ) ก็เหมาะสำหรับฉายภายนอกบ้านเช่นกันครับ นอกจากนี้คุณอาจจะต้องเดินสายไฟภายในบ้านใหม่ ติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัย และควรติดตั้งสายดินเพื่อป้องกันไฟรั่วครับ
สำหรับเครื่องเสียง ก็อาจจะใช้ชุดเครื่องเสียงที่เรามีอยู่ หรืออาจจะซื้อเพิ่มเติมเป็นชุดเล็ก ๆ พร้อมลำโพงคุณภาพใช้ได้ก็พอแล้วครับ
ส่วนจอภาพยนตร์ ก็มีทั้งจอโปรเจคเตอร์แบบสำเร็จรูป หรือจะสั่งตัดเอาก็ได้ตามใจชอบ ซื้อของมือสองอาจจะถูกลงหน่อย
ส่วนเลนส์นั้น คงต้องเล่นของมือสองครับ เพราะเลนส์ใหม่ราคาแพงแน่นอน คนที่เล่นกล้องถ่ายรูปจะทราบดี สิ่งที่ควรสังเกตก็คือ ต้องไม่มีรอยไหม้ รอยขนแมว ขึ้นรา สำหรับราคาของมือสองนั้น เลนส์ธรรมดาหรือเลนส์ใน เริ่มต้นที่ 3,000 บาท ส่วนเลนส์ตัดซีน ควรเริ่มที่ 3,000 บาทเช่นกัน ยกเว้นเลนส์สโคปที่สวมอยู่ข้างนอก อันนี้หนึ่งหมื่นต้น ๆ (ของใหม่ครับ) เพราะฉะนั้นเรื่องเลนส์ก็เป็นเรื่องสำคัญที่คุณต้องรู้ ที่สำคัญต้องรู้จักรักษาให้ดี วิธีการเก็บรักษาก็คล้าย ๆ กับเลนส์ของกล้องถ่ายรูปที่สวมภายนอกครับ ลองถามคนที่เล่นกล้องดูละกัน
ถ้าเป็นการรับฉายภาพยนตร์กลางแปลง อันนี้เรื่องใหญ่ครับ เพราะมีเรื่องจุกจิกมากมาย โดยเฉพาะเครื่องเสียง และลำโพง (ตรงนี้เสียค่าใช้จ่ายมาก) อุปกรณ์ในการตั้งจอ และรถสำหรับขนอุปกรณ์ที่ต้องมีแน่นอน แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญก็คือเรื่องของการเช่าฟิล์ม เพราะเราอยู่พื้นที่ของจังหวัดไหน ก็จะมีตัวแทนจัดจำหน่ายและให้เช่าฟิล์มภาพยนตร์ที่เรียกว่า สายหนัง ดังนั้นจึงต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ทางสายหนังกำหนดมาตามสัญญาที่ระบุ
ผมขอยกคำตอบ จาก คห. 4 ในกระทู้ FILM หนังไปไหน จากลิงค์
http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/2009/11/A8499814/A8499814.html
ซึ่งคำตอบตรงนี้ น่าจะชัดเจนแล้วครับ
...ส่วนสายหนังในต่างจังหวัดที่ได้รับสิทธิ์ ซึ่งนอกเหนือจากการซื้อหนังไปฉายในโรงประจำจังหวัดในสายหนังของตนแล้ว ยังให้สิทธิ์กับบริการหนังกลางแปลงไปฉายได้อีกด้วย สำหรับสายหนังที่ว่านี้ประกอบไปด้วย
1. สาย 8 จังหวัดภาคกลาง
2. สายธนา เอ็นเตอร์เทนเมนท์ (หรือ "ธนารุ่งโรจน์" ที่เรียกกันคุ้นเคยจนติดปาก ซึ่งอยู่ในเครือเดียวกับ "พระนครฟิลม์") สายนี้มีโรงภาพยนตร์ธนา ซีนีเพล็กซ์ และมีบริการให้กับหนังกลางแปลงเช่าฟิล์มไปฉายเฉพาะเขตภาคกลางถึงภาคเหนือ แต่ห้ามปิดวิกล้อมผ้าโดยเด็ดขาด ใน กทม. ต้องไปติดต่อที่บริษัทซึ่งอยู่ที่บางเขน ที่เดียวกับ "พระนครฟิลม์" ส่วนต่างจังหวัดจะมีสำนักงานสาขา เท่าที่ จขคห. ทราบก็มีที่ อยุธยา, นครสวรรค์ ครับ
3. สายอีสาน จะมีผู้จัดจำหน่ายอยู่ 2 แห่ง คือ
3.1 สายสหมงคลฟิล์ม จะมีผู้จัดจำหน่ายรายหนึ่งแถวอีสานตอนบน ตั้งแต่ขอนแก่นขึ้นไป และอีสานด้านตะวันออกแถวอุบลราชธานี จะเป็นของ "เนวาด้า" ครับ สายนี้จะมีหนังของบริษัทสหมงคลฟิล์มเสียเป็นส่วนใหญ่ ส่วนสาย "เนวาด้า" นอกจากจะมีหนังของสหมงคลฟิล์มแล้ว ยังมีหนังจากบริษัทเล็ก ๆ อย่าง เอ็ม พิคเจอร์ส หรือ บ็อกซ์ ออฟฟิศ ด้วย
3.2 สายไฟว์สตาร์ เน็ทเวิร์ค สายนี้มีผู้จัดจำหน่ายหลายราย มีหนังให้เลือกเยอะ ทั้งหนังไทยค่ายไฟว์สตาร์, GTH, RS และหนังเทศจาก UIP, Columbia, Disney และ Fox / Warner
สายนี้ดีหน่อยตรงที่มีหนังกลางแปลงปิดวิกล้อมผ้าด้วย
4. ภาคตะวันออก จะเป็นของ "สมานฟิล์ม" ที่สำคัญสายนี้ก็มีโรงหนัง SF ด้วย แต่ว่าสายนี้ค่าเช่าฟิล์มแพงกว่าที่อื่น
5. ภาคใต้ จะเป็นของ "โคลิเซียม" ครับ ตรงนี้ผมไม่มีข้อมูล
ทีนี้มาที่ประเด็นของ จขกท. เกี่ยวกับการประมูลซื้อขายฟิล์มหนังเรื่อง
การซื้อขายฟิล์มหนังเรื่องโดยทั่วไปนั้นไม่ใช่ได้มาง่าย ๆ เหมือนฟิล์มหนังตัวอย่างที่หาซื้อได้นะครับ
เพราะอะไร
การซื้อขายฟิล์มหนังนั้นเค้ามีการทำสัญญากันระหว่างผู้จัดจำหน่ายและผู้ซื้อนะครับ ถ้าผิดสัญญา ทางผู้ซื้อจะต้องรับผิดชอบ
เท่าที่เคยทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้พบว่าผู้ซื้อนั้นเป็นเพียงผู้ได้รับสิทธิ์จากผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์ (ซึ่งจะเกี่ยวข้องด้วยเรื่องลิขสิทธิ์โดยตรง หรือโดยอ้อมก็ตาม) สำหรับรายละเอียดจะมีดังนี้ครับ
1. กรณีของหนังไทยช่วงปี พ.ศ. 254... - พ.ศ. 2543 ในตอนท้ายของสัญญามีข้อความระบุไว้ว่า "จะต้องส่งฟิล์มคืนบริษัท" ทั้งนี้เกิดมาจากนโยบายของสมาพันธ์ ฯ ที่ต้องการจะอนุรักษ์หนังไว้ แต่แล้วนโยบายดังกล่าวก็ถูกยกเลิก ดังนั้นสัญญาการซื้อขายฟิล์มหนังในปัจจุบันนี้เป็นสัญญาตลอดชีพครับ พูดง่าย ๆ ก็คือผู้ได้สิทธิ์นั้นสามารถนำฟิล์มภาพยนตร์ไปใช้ได้ตลอด จนกว่าจะเสียหายและใช้ไม่ได้ ถ้าจะซื้อฟิล์มจากเขตสายหนังอื่นมาก็สามารถทำได้ แต่ต้องได้มาอย่างถูกต้องนะครับ
2. กรณีของหนังต่างประเทศ มีอยู่ 2 กรณีครับ
2.1 กรณีที่เป็นหนังตึก ได้แก่ UIP, Columbia, Disney และ Fox / Warner นั้น จะต้องคืนฟิล์มกลับบริษัทเพื่อไปทำลาย ซึ่งเป็นนโยบายของต้นสังกัดครับ แต่ก็มีสายหนังตามต่างจังหวัด (ยกเว้นของธนา ฯ และผู้ประกอบการโรงหนังชานเมือง เพราะส่งคืนกลับบริษัทตามสัญญา) ลักลอบนำฟิล์มไปขายต่อให้กับหนังกลางแปลง หรือผู้ที่มีเครื่องฉายหนังเป็นของตัวเองเพื่อชมในบ้าน
2.2 กรณีที่ไม่ใช่หนังตึก สัญญาตลอดชีพครับ
การที่จะซื้อฟิล์มหนังเรื่องมาเป็นสมบัติส่วนตัว จะเอามาฉายดูเล่นภายในบ้าน เอาไว้รับงานกลางแปลง เอาไว้โชว์ให้รู้ว่ามี หรือไว้ส่องแดดดูกันเล่น ๆ ต้องตรวจสอบก่อนว่า
1. เราอยู่เขตของสายหนังไหน
2. สายหนังเขตนั้นได้ซื้อเรื่องนี้หรือไม่
3. สายหนังที่เคยซื้อหนังเรื่องนั้นไว้ ซึ่งตรงกับที่เราซื้อมานั้น สายหนังหมดสิทธิ์การใช้ฟิล์มหรือยัง (ประมาณ 3 - 5 ปี)
ถ้าครบทั้ง 3 ข้อก็สามารถทำได้ครับ ขอยกกรณีของผมเองละกัน
1. สายหนังที่ จขคห. อยู่นั้นเป็นของ ธนา ฯ ครับ และตนเองก็ไม่ได้เป็นสมาชิกด้วย / มีเครื่องฉายเป็นของตัวเองไหม "ปัจจุบันไม่มี แต่อนาคตกำลังจะมีครับ แต่ผมไม่ทำเป็นหนังกลางแปลงหรอก ผมปรับเปลี่ยนเป็นวิธีการอื่น (ขออนุญาตไม่เปิดเผย) โดยที่ไม่ต้องกังวลเรื่องเรตติ้งด้วย เพราะหนังกลางแปลงในตอนนี้เค้าให้ฉายหนังได้เฉพาะใน 3 เรตนี้ที่ระบุไว้นี้เท่านั้น เรตติ้ง น 13+, น 15+, น 18+ ฉายกลางแปลงไม่ได้ ถ้าฉายหนังเรื่อง (แม้แต่ตัวอย่างหนัง) 3 เรตติ้งที่ขึ้นต้นด้วย น ระวังถูกปรับครับ ปรับตั้งแต่ 2 หมื่นถึง 1 แสนบาท แถมยึดฟิล์มด้วย อย่าทำเป็นเล่นนะครับ หนังกลางแปลงแถวบ้าน จขคห. โดนกันมาแล้ว
(1) ส่งเสริม (ส) (2) ทั่วไป (ท) (3) หนังเก่าที่ยังพิจารณาด้วยระบบเดิม (เซ็นเซอร์)
2. ฟิล์มหนังที่ผมซื้อมาเป็นของตัวเองคือเรื่อง "โดราเอมอน ตอน ตำนานสุริยกษัตริย์" ในราคา 2 พันบาทจากผู้ขายซึ่งไปเหมาซื้อมาจากแผงแบกะดินในตลาดคลองถมอีกที
หนังเรื่องนี้ ธนา ฯ ไม่ได้ซื้อไว้ แต่มีหนังกลางแปลงแถวบ้าน จขคห. ก็ซื้อไว้เหมือนกัน แล้วมาโมเมว่าเป็นเจ้าของสิทธิ์หนังเรื่องนี้ในเขตนั้น เพราะเจ้าของหนังกลางแปลงคนนั้นเค้าก็ซื้อขายหรือได้ฟิล์มมาแบบไม่ถูกกฏหมายมาตลอด ดังนั้นหนังกลางแปลงเจ้านี้จึงมีหนังต่างประเทศที่เป็นหนังตึกเยอะ เรื่อง "สปีด เร็วกว่านรก" ภาคแรกก็ยังมี
ฟิล์มหนังเรื่องนี้ เคยเอาออกไปฉายกลางแปลงเมื่องานวันเด็กเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ได้ถอนทุนคืนแถมกำไรนิดหน่อย
กรณีที่ได้ฟิล์มหนังเรื่อง ซึ่งตรงกับที่สายหนังนั้นซื้อไว้และเป็นหนังใหม่ อันนี้จะเสี่ยงครับ ต้องฉายดูกันภายในบ้าน ถ้าจะเอาออกไปฉายกลางแปลง ก็ต้องดูหน่วยหนังที่ไว้ใจได้ครับ...
คำตอบทั้ง 2 กระทู้นี้ น่าจะชัดเจน และเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจครับ
ให้เครดิตภาพสักหน่อย ส่วนใหญ่ก็มาจากเว็บ "คนรักหนัง" http://www.thaicine.com ครับ
แก้ไขเมื่อ 02 ม.ค. 53 12:06:32
จากคุณ |
:
หนามเตยแมน (หนามเตยแมน)
|
เขียนเมื่อ |
:
2 ม.ค. 53 11:56:30
|
|
|
|
 |