ความคิดเห็นที่ 1 คุณย่าเรานอนรักษาที่ พญาไท2  เข้าๆออกๆตลอด เราไปนอนเฝ้าคุณย่าบ่อยมากๆ บางทีเป็นอาทิตย์ๆ ลงมาทานข้าว ซื้อของข้างล่างก็ไม่เคยเห็นเลยนะคะ ถ้าเห็นแบบนี้เราไม่พลาดอยู่แล้วอะ  หรือคุณยายเพิ่งมาวันนั้น เพราะล่าสุดที่เราไปนอนเฝ้าคุณย่าก็เพิ่งกลับมาเมื่อต้นปีค่ะ จากคุณ : SoRciEre เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 53 00:39:50

ความคิดเห็นที่ 2   เซี่ยเซี่ยหนี่=ขอบคุณมาก (ใช่ป่าว??) จส.100 ช่วยได้ป่าวหนิ อาตี๋ อาซ้อ อาซิ้ม แถวนี้แวะไปหน่อยเน่อ จากคุณ : คลามิเซีย เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 53 01:02:32 A:192.168.1.76 X:61.7.191.88 TicketID:123589

ความคิดเห็นที่ 3 ดีใ่จที่ได้อ่านเรื่องแบบนี้ ไม่ใช่ว่าดีใจที่เห็นคนอื่นลำบาก  แต่เราดีใจที่เห็นคนในสังคมยังสนใจ ห่วงใยคนรอบข้างอะค่ะ ขอบคุณ คุณManowZa!!สำหรับความอาทรของคุณมากค่ะ จากคุณ : หนึ่งในใต้หล้า เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 53 01:10:31

ความคิดเห็นที่ 4 คนไทย ส่วนใหญ่ไม่ใจร้ายอย่างที่คิดรอกครับ ถ้าเห็นตำตาอย่างนั้น ผมกล้า บอกเลยว่ายังไงก็มีคนช่วยแน่ๆครับ ผมเห็นที่อนุสาวรีย์ มากกว่า 1 ครั้งครับ เวลาที่เจอคนหลง (แบบประเภทมาจากจีนก็มี)มีคนช่วยกันใหญ่ไม่ว่าจะช่วยโทรศัทพ์ ติดต่อก็เห็น ขายของตามตลาดนัด ช่วยเป็นเงินไม่ได้   ตักข้าวให้กินก็ยังมี (นับถือมาก) เห็นคนหายใจแรงๆ เอามือกุมหน้าอก  คนยังเข้าไปรุมช่วยเลย  กลัวจะเป็นอะไรไป ถ้าคนละแวกนั้น ไม่มีใครช่วย มักจะเกิดจาก " เค้ารู้อยู่แล้วว่าอะไรเป็นอะไรครับ " ไม่ใช่ว่าผมจะมองไปว่า คุณยายจะมาหลอกลวงอะไรนะครับ เพียงแต่ ผมเจอประสบการณ์ แนวๆนี้  เรื่อยๆ บางครั้งไม่ใช่ว่าจนหรืออะไร  ออกมาขอทานก็มี เรียกว่า ขอทานเป็นงานอดิเรกครับ  ครอบครัวก็ไม่รู้จะห้ามยังไง -_-" เป็นความสุขเล็กๆน้อยๆ  ที่ได้เจอกับคน เรื่องเงินนี่ถือว่าเป็น โบนัสซะมากกว่า วันก่อนที่ ราม1  แนวคนแก่ขายลูกอม  (อันนี้ผมยิ่งชอบเพราะทำมาหากินด้วย)ลังเลสักพักว่าจะซื้อ  พอเดินกลับไปซื้อเห็นกำลังทอนเงินลูกค่า เงินทอนเป็นฟ่อนเลยทีเดียว ผมก็ยิ้มๆ เก็บเงินเข้ากระเป๋าตัวเองดีฟ่าครับ น้อยกว่าเงินในมือยายเยอะ ผมแนะนำว่าเจออะไรแบบนี้ ให้ถามคนละแวกนั้นเช่นแม่ค้า อะไรแบบนี้ กลุ่มนี้เค้าจะรู้ดีครับ ว่า  ใครจนจริง ใครมาแนวงานอดิเรก   ใครแกล้งเอ๋อ(แต่จริงๆ พูดจารู้เรื่องทีเดียวเชียว) ----------------------------------- แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 53 01:12:03 จากคุณ : Panda-baker เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 53 01:11:22

ความคิดเห็นที่ 5   สงสัยแบบคห.4เหมือนกัน แต่ไม่กล้าพูด จากคุณ : คลามิเซีย เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 53 02:20:43 A:192.168.1.76 X:124.157.147.150 TicketID:123589

ความคิดเห็นที่ 6 เห็นด้วยกับคุณ Panda-baker ค่ะ อิฉันก็เป็นคนแบบจขกท. แต่หลังๆ ก็ต้องมีลังเลเพราะเจอเหตุการณ์แบบที่คุณ Panda-baker พูดบ่อยเหมือนกัน บางครั้งภาพที่เราเห็นมันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดเสมอไป อีกอย่างอย่าคิดว่าคนไทยใจดำสิค่ะ ยังไงๆ คนไทยก็มีนิสัยที่เอื้ออาทรเสมอค่ะ ปล เมืองนอกเคยมีเคสมาขอทานทุกวัน แต่เคยมีคนสงสัยเลยแอบติดตามดู คุณรู้มั้ยว่าขอทานคนนี้ขับรถเบนซ์รุ่นใหม่เชียวค่ะ ขับเบนซ์มาขอทานทุกวันแต่ขับรถไปแอบจอดไว้ไกลๆ แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 53 02:26:05 จากคุณ : live-walk เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 53 02:24:27

ความคิดเห็นที่ 7 เป็นคนแก่ เราเห็นก็ต้องช่วยไว้ก่อนแบบ จขกท. เหมือนกัน ไม่เคยคิดเรื่องถูกหลอก เพราะส่วนใหญ่ก็จะเจอแค่ครั้งเดียว พอเห็นก็อยากช่วย ไม่งั้นจะรู้สึกตะหงิดๆ ในใจทุกที จากคุณ : nukanka เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 53 03:13:09

ความคิดเห็นที่ 8 พญาไท ค่ะ ไม่ใช่ พญาไทย จากคุณ : n_sadz เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 53 03:43:13

ความคิดเห็นที่ 9   ลองติดต่อสถานทูตจีนดูสิครับ จากคุณ : Lord Larsa เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 53 03:52:23

ความคิดเห็นที่ 10   ผมก็ทนเห็นคุณยายไม่ค่อยได้เหมือนกัน เพราะคุณยายผมเพิ่งเสียไปเมื่อไม่กี่ปีก่อน (ผมติดยายครับ) พอไปไหนมาไหน เจอคุณยายที่กำลังลำบาก อย่างบางคนขายของเล็ก ๆ น้อย ๆ ผมก็จะซื้อลูกอมซักห่อ แต่ให้ 100 บาท หรือถ้าใครไปพันทิพ (ประตูน้ำ) บ่อย ๆ น่าจะเคยเจอคุณยายที่นั่งบนสะพานลอย มีเครื่องชั่งน้ำหนักอันนึง หาเงินได้ทีละบาท ซึ่งผมไม่เคยเห็นใครชั่ง ผมมีงานที่ต้องไปพันทิพบ่อย ๆ ไปทีไรก็จะให้เงินคุณยาย 100 บาททุกครั้ง แต่ก็ไม่เคยพูดคุยอะไรกับแก เคยคิดจะจ้างแกมาช่วยงานที่บ้าน แต่คิดไปคิดมา การงานช่วงนี้ผมก็ไม่ค่อยดีนัก ไม่อยู่ในฐานะจะโอบอุ้มใครได้ขนาดนั้น ก็เลยได้แค่ให้เงินทุกครั้งที่ผ่านไป แต่นี่มันไม่ใช่ทางแก้ปัญหาที่ถูกต้องเลย รัฐบาลกับกระทรวงพัฒนาสังคมฯ สิครับ ต้องหาทางทำอะไรบ้าง จากคุณ : Lord Larsa เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 53 03:58:25

ความคิดเห็นที่ 11 แถวบ้านมีคนตาบอดครอบครัวนึงมาขอเช่าบ้าน ทั้งหมดเป็นขอทาน ตอนแรกก็เปิดร้านนวดตาบอดเฉยๆ นี่แหละ ว่างๆ ก็ออกไปขอทานกัน ค่าเช่าช้าบ้าง แม่เราก็ไม่ได้ว่าอะไร ไปๆมาๆ คนแม่เอาผู้ชายเข้าบ้าน นอนกับเค้า ทั้งๆที่สามีตัวเองก๊อยู่ในบ้าน บ้านเรารู้เพราะลูกสาวเค้าชอบมาเล่าใหฟัง ลูกสาวเค้าตาไม่บอด เลยเห็นทุกอย่าง แถมกร่างมีเรื่องกับชาวบ้านไปทั่ว พูดจาได้น่ารังเกียจมาก บอกว่าเรื่องบนเตียงตัวเก่งอย่างงั้นอย่างงี จากที่ชาวบ้านเคยหยิบยื่นช่วยเหลือ ก็ไม่มี คนนอกก็ได้แต่วิจารณ์ว่าซอยเราไม่มีน้ำใจ ตอนนี้ย้ายหนีไปแล้ว ทิ้งค่าน้ำค่าไฟไว้อีก เราเลยระวัง เวลาจะช่วยใตร จะให้เงินขอทานยังคิดแล้วคิดอีก ไม่ได้งกนะ บางทีเห็นเด็กๆ เล็กๆ มานั่งขอ ลูกเราก็สามขวบกีบสี่ขวบเหมือนกัน จะให้ไม่รู้สึกอะไรเลยก็แปลกไปหน่อยแล้ว แต่ก็กลัวว่าการให้ของเรา มันเป็นการสนับสนุนคนไม่ดีบางกลุ่มหรือเปล่า กลัวเงินมันจะไปอยูกับผู้ใหญ่มากกว่า พิมผิดขอโทษนะ นอนไม่หลับ ไม่ได้เปิดไฟเลนส์ก็ม่ได้ใส่ เลยมองคีบอร์ดไม่เห็น จากคุณ : ทิโมธี เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 53 04:46:11

ความคิดเห็นที่ 12 เฉย ๆ ตอนแรกก็เคยมีสงสาร แต่หลัง ๆ รู้สึกจะมีกันเป็นขบวนการ ทั้งขายพวกมาลัย ขายลูกอม ซึ่งเคยเจอแบบมีรถเก่งขับมาส่ง บางครั้งการให้เงินคนพวกนี้ ก็เป็นการส่งเสริมให้ทำพฤติกรรม แบบนี้อีก  ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วคนเหล่านี้อาจจะไม่ได้จน อาจจะรวยกว่า คนที่ทำงานงก ๆ แล้วเอาเงินไปช่วยด้วยความสงสารเสียอีก จำได้ว่าเคยมีการทำข่าว พวกคนจีนที่มาขอทานเมืองไทย ซึ่งทำกัน เป็นขบวนการเลย  ทั้งมีแบบเป็นพระ บางคนทำเป็นหลงทางขอเงิน บอกโดนขโมยเงินไม่มีเงินกลับประเทศ ประมาณนี้  ซึ่งมีจำนวนมาก มากันเป็นเดือน ๆ พอได้ตังค์เยอะ ๆ หน่อยก็เอาไปเที่ยว แล้วกลับ ประเทศไป แล้วก็มาใหม่ สำหรับเรา ขอช่วยคนรอบข้างดีกว่าที่จะไปช่วยคนที่ไกลตัว บางครั้งการช่วยเหลือด้วยความสงสารหรืออะไรก็แล้วแต่ ก็มีส่วน สนับสนุนให้เกิดพฤติกรรมคล้าย ๆ กันตามมา เช่น คนแก่ขายลูกอม ขายพวกมาลัย  แม่อุ้มลูก ๆ มานั่งขอทาน จากคุณ : Two ways เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 53 07:44:58

ความคิดเห็นที่ 13 น่าสงสารคุณยายจังเลยค่ะ ไม่ได้อยู่แถวนั้นด้วยซิ จะได้ไปดูให้ จากคุณ : ไปน่ารักไกลไกลหน่อย เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 53 08:07:38

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ เรื่องที่ว่าเป็นแก๊งค์หลอกลวงพวกนั้นเราก็เข้าใจค่ะ เราเองก็ไม่ได้ช่วยพร่ำเพรื่อ เราก็ดูเหมือนกันค่ะ แต่ส่วนมากที่เรายินดีช่วยเหลืออย่างเต็มใจ นั่นก็คือ คนแก่ค่ะ เราไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ถ้าเป็นคนแก่เราอดไม่ได้ทุกทีค่ะ อาจเป็นเพราะโตมากับย่า จริงๆ เราก็อยู่กับพ่อแม่ แต่ว่าย่าจะใกล้ชิดเรามากกว่า หลายๆคนเคยบอกว่า พวกแก๊งคุณยายที่ขายลูกอมตรงอนุสาวรีย์ ทำเป็นแก๊งค์ เป็นธุรกิจ แล้วยังไงหรอคะ คือเรามองว่า ถ้าเค้ารวมตัวกันช่วยกันหากิน โดยขายลูกอมเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งราคาต่อถุง โอเคมันก็แพงกว่าซื้อตามร้านทั่วๆ ไป แล้วผิดด้วยหรอคะ เค้าก็ทำงาน หาเลี้ยงชีพ อีกอย่างเป็นคนแก่แล้ว ยังต้องมาลำบากทำงานแบบนี้อีก คิดว่าเิงินที่เราช่วยเค้าไปนั่นจะทำให้เค้าร่ำรวยได้มากขนาดไหนกันเชียวคะ และสำหรับเรา ถ้าเราช่วยคุณยายแค่เงินไม่กี่สิบบาท แล้วจะทำใ้ห้คุณยายรวยขนาดมีรถเบนซ์ขี่ได้ เราก็จะดีใจมากค่ะ เราดีใจจริงๆ นะ เพราะนั่นคือคุณยายเค้าจะได้พ้นทุกข์และมีความสุขในบั้นปลายชีวิตซักที เราไม่เคยกลัวว่าเราจะโดนหลอก แล้วถ้าคิดในอีกมุม ถ้าเป็นแก๊งค์ที่หลอกคนแก่ๆ ต่างจังหวัดมาเร่ขายของ แล้วเรารู้ว่าเงินนพวกนั้นจะตกไปเป็นของพวกที่หลอกคนแก่มาตกระกำลำบาก เราก็ยังยินดีให้ เพราะอย่างน้อย ก็ยังเป็นการช่วยคนแ่ก่ที่ถูกหลอกมาทางอ้อม อย่างน้อยเค้าก็ีมีเงินให้พวกที่หลอกเค้ามา ไม่ต้องถูกทำร้ายที่หาเงินไม่ได้ จะบอกว่าเราช่วยผิดๆ ก็ได้นะ แต่ถามหน่อยค่ะ มีใครทำได้มากกว่านี้บ้าง ที่บอกว่าไม่ใ้ห้ส่งเสริม ให้แก้ปัญหาให้ถูกต้อง ให้รัฐบาลจัดการ อย่างนั้นอย่างนี้ มันทำได้มั๊ยละคะ เมื่อไหร่จะทำได้ แล้วแก้ปัญหาด้วยการไม่ให้ คิดว่าพวกแก๊งค์ที่หลอกคนแก่มามันจะเข็ด มันจะเลิกง่ายๆ หรอคะ เราอาจจะคิดผิดที่ช่วยส่งเสริมต่อไป แต่เราคงทนเดินผ่านไปเฉยๆ ไม่ได้หรอกค่ะ เพราะสิ่งที่เราจะช่วยได้เราก็ทำได้แค่นี้ จะไปหวังให้รัฐบาลจัดการ กวาดล้าง ไม่รู้จะอีกกี่ชาติค่ะ ถึงจะทำได้ ส่วนคุณยายชาวจีนที่เราเจอ ดูยังไงก็ไม่น่าใช่พวกหลอกลวง แต่ถึงคุณยายจะหลอกลวง เราก็ยังดีใจค่ะ นั่นหมายถึง คุณยายจะไม่ลำบากอย่างที่เราเห็น เราดีใจจริงๆ ค่ะ ถ้าความจริงคุณยายจะมีชีิวิตที่สบาย ไม่ได้ลำบากอะไรอย่างที่เราคิด แล้วเราไม่เคยคิดเสียดาย เพราะเราช่วยด้วยเจตนาดีของเรา และไม่เคยโกรธ หรืออาฆาตแค้น ถ้าเกิดว่ารู้ว่าเค้าหลอก เพราะเราเชื่อค่ะว่าใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น ถ้าเราทำดี ความดีมันก็อยู่ที่เราค่ะ ถ้าคุณยายเหล่านั้นไม่ได้ลำบากจริงๆ เราก็ดีใจด้วยจริงๆ ค่ะ และสำหรับคนใกล้ตัว ไม่ต้องห่วงค่ะ เรารักพ่อ แม่ ปู่ ย่า ของเราเสมอ และเป็นลูกเป็นหลานที่ดีแน่นอนค่ะ จากคุณ : ManowZa!! เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 53 16:06:52

ความคิดเห็นที่ 15 อืม....เรื่องนี้พูดยากจริงๆ ความขัดแย้งนี้ก็มีอยู่ในใจของเรามาโดยตลอดเหมือนกัน ทุกครั้งเห็นคนแก่ขอทาน ขายลูกอมฯลฯ รู้สึกสงสารมากๆ แต่ลึกๆก็อดที่จะแอบระแวงนิดๆไม่ได้ แต่ก็ชื่นชมในน้ำจิตน้ำใจของคุณ จขกท.นะคะ และก็เห็นด้วยกับคุณ คห. 4 เช่นกันค่ะ เคยเจอกรณีคล้ายๆกันนี้กับตัวเองมาหลายครั้ง ถือว่ามาร่วมแชร์ประสบการณ์ก็แล้วกันนะคะ ไม่ได้มีจุดประสงค์จะมาขัดแย้งอะไรกับผู้ใด เคยมีครั้งนึงประมาณกลางปีที่แล้ว ที่อนุสาวรีย์ชัยฯ ตรงหน้าเซ็นเตอร์วันน่ะค่ะ เห็นมีชายแก่ ขาพิการนั่งเป่าขลุ่ยขอทานอยู่ ตั้งขาเทียมไว้ข้างๆกระป๋องเงิน จังหวะนั้นความสงสารมาก่อน ไม่ทันคิดอะไรเลย ก็ให้เงินไปเล็กน้อย แล้วหูก็ได้ยินแว่วๆว่า แกพูดตอบว่า "เซี่ยเซี่ย" แต่ก็ไม่แน่ใจ เลยไม่ได้อะไร แต่เผอิญวันนั้นนัดกับเพื่อนคนจีนพอดี พอเจอกัน ก็เลยพาเค้าไปดูอีกที เค้าก็ลองหย่อนตังค์ใปสิบบาท ลุงคนนั้นก็หันมา "เซี่ยเซี่ย" จริงๆ เพื่อนเลยสัมภาษณ์เลย สรุปว่า ที่ลุงแกมาขอทานเพราะมันเป็นงานสบายๆที่ได้เงิน ดีกว่านอนอยู่บ้าน ดีกว่าเล่นไพ่นกกระจอกไปวันๆ เพื่อนก็ถามว่าไม่อายเหรอ ไม่รู้สึกผิดเหรอ เค้าก็บอกว่าไม่เลย ทำไมต้องอายหรือรู้สึกผิดด้วย ก็มันเป็นงานสุจริต เพื่อนเราก็รู้สึกหงุดหงิดและละอายนิดๆ ที่เห็นคนร่วมชาติมีแนวความคิดแบบนี้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ อีกเรื่องนึง ประมาณสองปีที่แล้ว ที่หน้าโรงเรียนเทพลีลา รามคำแหงค่ะ ชายชาวจีนสภาพน่าสงสารมาก มีป้ายภาษาไทยเขียนอธิบายความเจ็บป่วยทุกข์ยากไว้ (ไม่รู้ใครเป็นคนเขียน และก็ไม่รู้ว่าเป็นความจริงรึเปล่า แต่ตอนนั้นเรามีแต่ความสงสาร เลยไม่ได้คิดอะไร) ท่าทางเหมือนคนป่วยใกล้จะไม่ไหวอยู่รอมร่อ เลยเข้าไปคุยด้วย ยิ่งคุยก็ยิ่งสงสาร สารพัดความเจ็บป่วยโชคร้ายที่เค้าและครอบครัวมาเจอที่เมืองไทย ตอนนี้เลยต้องขอทานหาเงินรักษาตัวเบื้องต้นแล้วค่อยกลับเมืองจีน เราฟังแล้วแทบร้องไห้ เลยให้ไปหนึ่งร้อย แต่ก็ไม่รู้จะช่วยอะไรได้มากกว่านี้ แล้วตอนนั้นก็ต้องรีบไปทำงานต่อ จากนั้นก็รู้สึกแย่อยู่ตลอด โทรคุยกับแม่ เล่าให้แม่ฟัง (แม่อยู่ต่างจังหวัด) ขอคำปรึกษาว่าจะมีวิธีอะไรช่วยเค้ามั้ย เพราะแม่ชอบดูรายการพวกประชาชนร้องทุกข์ สถานีประชาชน อะไรพวกนี้มาก แม่ก็บอกว่า ระวังจะเป็นพวกแก๊งค์ต้มตุ๋น เราเลยเพิ่งฉุกคิดขึ้นมาได้ กะว่ากลับไป จะลองไปดูอีกทีว่ายังอยู่รึเปล่า ถ้ายังอยู่ก็จะช่วยติดต่อสถานฑูตจีนให้ แต่ก็ไม่เคยเจอขอทานคนนั้นแถวนั้นอีกเลย(ตอนนี้เราก็ยังอยู่แถวรามฯอยู่ค่ะ) สรุปเลยไม่รู้เหมือนกันค่ะว่างานนี้ตัวเองโดนต้มรึเปล่า แต่ก็ไม่คิดอะไรมาก เพราะถือว่าการทำบุญทำทานนั้น บุญจะเกิดก็ต่อเมื่อเรามีเจตนาที่ดีและตั้งใจทำบุญจริง ๆ  ส่วนเรื่องอื่นๆ มันก็อยู่นอกเหนือการควบคุมของเราแล้วค่ะ จากคุณ : อุดอิด เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 53 20:40:48

ความคิดเห็นที่ 16 ผมเคยเจอแล้ว ที่แถวฟอร์จูนรัชดา ให้ไป 100 บาทเหมือนกัน แต่ไม่แน่ใจว่าคนเดียวกันหรือเปล่า ยายแกพูดไทยไม่ได้อ่า ไม่รู้ว่าเขาหลอกหรือเปล่า แต่ก็เต็มใจช่วยครับ จากคุณ : Melody Boys เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 53 10:58:20

ความคิดเห็นที่ 17 ผม#4 ครับ เจ้าของกระทู้ทำดีแล้วครับ     เพียงแต่เวลาเราเอามา อภิปรายกันในกระทู้ ผมก็พยายาม ให้เห็นข้อมูลรอบด้าน ส่วนการตัดสินใจเป็นเรืองของแต่ละคน ผมเองเอาจริงๆ  เจอมาขอเงินนี่ให้เกือบทุกราย - -" จากคุณ : Panda-baker เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 53 20:34:57