Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
[REVIEW ไม่สปอย] "5 พยัคฆ์พิทักษ์ซุนยัดเซ็น" ===> "เพื่อ" ประชาธิป "ตายยยย" !!??  

ไปดูกลับมาสด ๆ ร้อน ๆ กับหนังจีนที่น่าสนใจอีกเรื่องนะครับกับขบวน 5 สีพิทักษ์ซุนยัดเซ็น ทีแรกคิดว่าจะไม่มารีวิวดีกว่า แต่ตัวหนังถือว่าดีได้มาตรฐานและมีจุดเด่นที่น่าดูเยอะอยู่ครับ ก็ไม่น่าปล่อยผ่านไปเฉย ๆ นัก



ผมรีวิวยาวยืดเยื้อเพราะอยากคุยละเอียด ๆ ตามเคยนะครับ ถ้าใครไม่อยากอ่านก็ข้ามไปที่ คห.1 ได้เลย ผมสรุปไว้สั้น ๆ ครับ



เนื้อเื่รื่องคร่าว ๆ

เรื่องราวว่าด้วยสมัยปี ค.ศ.1900 ที่ ดร.ซุนยัดเซ็น หมายมั่นจะวางแผนก่อปฏิวัติโค่นล้มราชวงศ์ชิงที่บั่นทอนความก้าวหน้าของประเทศจีนมาตลอด หวังจะนำประเทศจีนเข้าสู่ยุคประชาิธิปไตยให้เทียบทันชาติตะวันตก แต่นั่นเอง เหล่าเจ้าขุนมูลนายทั้งหลายย่อมไม่เห็นด้วย และแล้วซุนยัดเซ็นก็กลายเป็นเป้าหมายที่เหล่าราชวงศ์ชิงต้องการสังหารมากที่สุดในเวลานั้น

ประกอบกับที่ ดร.ซุน จะเดินทางกลับมาที่ฮ่องกงเพื่อวางแผนก่อปฏิวัติครั้งใหญ่ งานนี้แผนการล่าสังหารจึงเริ่มขึ้น

แต่แน่นอนว่า เหล่าผู้ที่คาดหวังจะให้จีนเป็นประชาธิปไตย ก็ไม่ใช่ว่าเล็กน้อยหรือไก่กา มีคนอีกมากมาย อีกหลายชนชั้น ตั้งแต่เศรษฐียันรากหญ้า ที่ต้องการมองเห็นจีนก้าวหน้าเทียบเท่าเวทีโลกเช่นกัน แผนการล่าสังหาร ดร.ซุน ในครั้งนี้ พวกเขาก็จะยอมให้มันเป็นผลสำเร็จไม่ได้ และแล้วดรีมทีมผู้พิทักษ์ที่พร้อมสู้ตายเพื่อซุนยัดเซ็นก็ถูกรวบรวมขึ้น !!!!

นั่นคือเรื่องราวคร่าว ๆ ของภาพยนตร์เรื่องนี้ครับ ทีนี้มาดูกันซิว่า มีอะไรน่าสนใจหรือน่าติติงกันบ้าง

ทีมสร้างหลักของเรื่องนี้ คือทีมงานเดียวกับที่สร้างเรื่อง Warlords สามอหังการ์จ้าวสุริยา ที่ฉายไปเมื่อสองสามปีก่อน ก็กวาดรางวัลไปเยอะอยู่โดยเฉพาะงานด้านภาพและเสียง แต่ส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบเรื่องนี้เอาซะเลยเพราะรู้สึกว่าบทมันดราม่าแบบจับยัดเยอะเกินจนเอียน ดูจนจบแล้วก็รู้สึกว่าหนังมันว้าเหว่ชอบกล

แต่สำหรับเรื่องนี้ หากเทียบกับเรื่องก่อนแล้ว ถือว่ามีจุดที่พัฒนา (ในมุมที่ผมคิดว่าดีขึ้น) เยอะทีเดียวครับ


1.ข้อดี

- เรื่องของฉาก
เป็นจุดที่ดีที่สุดของหนังแล้วครับเพราะงวดนี้เซ็ตเมืองฮ่องกงเมื่อร้อยปีที่แล้วออกมาอย่างใหญ่เลย และก็ถือว่าทำได้ดีครับ ตึกรามบ้านช่อง แสงสี ละเอียดทีเดียว สมกับที่โฆษณาว่าลงทุนไปมหาศาล ก็ได้ผลครับ หลายฉากชวนให้ผมตื่นตามากมาย จุดนี้หากเทียบกับ Warlords แล้ว เรื่องนั้นก็ถือว่าเป็นการสร้างฉากจีนย้อนยุคได้ตามมาตรฐาน แล้วก็ไม่ค่อยเน้นฉากเท่าไหร่ เทียบกันแล้วเรื่องนี้เลยดูมีจุดขายใหม่ที่น่าสนใจมากขึ้นครับ





- เรื่องของเนื้อหา
ในส่วนนี้ ผมว่ามีทั้งข้อดีและข้อเสียนะ แต่ข้อเสียขอเก็บไว้พูดท้าย ๆ สำหรับเรื่องนี้ แม้จะมีชื่อเรื่องว่า "5 พยัคฆ์พิทักษ์ซุนยัดเซ็น" ก็จริง ทว่าเนื้อหาลึก ๆ แล้ว ผมมองเห็นถึงความพยายามนำเสนอแง่มุมของประชาชนในชนชั้นต่าง ๆ โดยเฉพาะชนชั้นล่าง ที่มีต่อระบอบการปกครอง และความคิดแนวใหม่ที่ต้องการเห็นบ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น รวมไปถึงการเรียกร้องสิทธิในการมีสิทธิมีเสียงทางสังคม ตามหลักของประชาธิปไตยนะ

เรื่องนี้ก็ำนำเสนอชีวิตของคนในกลุ่มต่าง ๆ หลากหลายแนว ผ่านจุดร่วมเดียวกันคือทุกคนมุ่งหวังในประชาธิปไตยนี่แหละ แม้ในเรื่องอาจจะไม่เห็นตัวละครพูดคุยตรงนี้กันชัดเจนนัก แต่เราจะเห็นได้ในการกระทำ ความสนใจ และวิธีการตัดสินใจของตัวละคร ที่ใส่มาอย่างแนบเนียน และที่สำคัญคือ

"ไม่ยากเกินไปที่จะเข้าใจ"
ครับ

แต่ในขณะเดียวกัน การนำเสนอแบบนี้เนี่ยแหละ ทำให้เรามองเห็นอนาคตอันคร่าว ๆ ได้เช่นกันว่า เพราะเหตุใด ประเทศจีนถึงต้องกลับมาเป็นสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ เพราะเหตุใดถึงไม่อาจใช้ประชาธิปไตยในการปกครองได้ ในตัวหนังก็มีบางอย่างที่แย้ม ๆ ความรู้สึกที่ชวนให้มองต่อได้ในแนวทางนี้อยู่บ้าง แต่ไม่ขอยกตัวอย่างนะครับเพราะเป็นจุดที่สปอยเนื้อเรื่อง ลองไปสังเกตดูละกันว่าคิดอย่างที่ผมคิดหรือเปล่า





- ตัวละคร
จริงอยู่ว่าหน้าหนังขึ้นหราว่าพวกเขาคือ "5 พยัคฆ์พิทักษ์ซุนยัดเซ็น" หรือ บอดี้การ์ดและเหล่ามือสังหาร แต่หนังไม่ได้จบแค่นำเสนอพวกเขาในแง่มุมนั้น พวกเขาคือตัวละครหลักที่โลดแล่นบนเนื้อเรื่องตั้งแต่ต้น จวบจนจบเรื่อง อย่างที่กล่าวในส่วนของบทแล้วว่า เรื่องนี้พยายามนำเสนอเรื่องราวชีวิตของคนหลาย ๆ กลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น ตำรวจ พ่อค้า นักแสดงงิ้ว หรือแม้แต่ขอทาน หรือจนไปถึงระดับขุนศึก

ซึ่งที่มาที่ไปของตัวละครก็คือสิ่งเหล่านี้นั่นเองครับ ทำให้ตัวละครทุกตัวไม่มีใครดูด้อยค่ากว่าใคร มีความสำคัญต่อตัวพวกเขาเอง และเนื้อหาส่วนรวม ที่สัมพันธ์กันทั้งสองฝ่ายทั้งสิ้น ผมอาจจะคิดเกินไปก็ได้ถ้าจะบอกว่า แม้แต่การกระจายบทให้กับตัวละครเรื่องนี้ยังพยายามมีเอกลักษณ์ของประชาธิปไตยเลยจริง ๆ (ฮา)

ดังนั้นถ้าจะสรุปข้อดีระหว่างงานสร้าง บท และสีสันของตัวละครนั้น ก็ผสมผสานกันได้ค่อนข้างสนุกน่าติดตามครับ เพราะไม่ได้แค่มีประเด็นของการปกป้องหรือไล่ฆ่าซุนยัดเซ็นเท่านั้นครับ แต่เนื้อเรื่องเฉพาะของตัวละครแต่ละตัว มันแสดงให้เห็นถึงชีวิตเล็ก ๆ ของประชาชนที่พลิกผัน รื่นรมย์ หดหู่ สนุกสนาน รุ่งเรือง ตกต่ำ แต่ทุกคนต่างเกี่ยวโยงกันด้วยภาระกิจพลิกชาติทั้งสิ้น และพร้อมที่จะ "สู้เพื่อตาย" เพื่อประชาธิปไตยกันอย่างสุดใจขาดดิ้น นับเป็นข้อดีเพียว ๆ ของภาพยนตร์เรื่องนี้ครับ




2.ข้อเสีย

ทีนี้ ที่ผ่านมาผมจะมองเห็นข้อเสีย ที่แฝงอยู่ในข้อดี ถ้าสายตาผมไม่ได้มองอะไรผิดพลาดไปมากนัก เรื่องนี้ก็ยังคงมีตำหนิที่ปะปนกับจุดที่เป็นข้อดีอยู่ครับ




- เนื้อหาระหว่าง การปกป้องซุนยัดเซ็น กับ ขบวนการผู้พิทักษ์
จริงอยู่ว่ามันเป็นข้อดีที่น่าสนใจ เพราะทำให้เราเห็นว่า ผู้ปฏิบัติภาระกิจระดับชาติครั้งนี้ มีที่มาที่ไปของแต่ละคนอย่างไร เพียงแต่ว่า หลาย ๆ ฉาก หลาย ๆ ช่วง ของภาพยนตร์เรื่องนี้ ส่วนตัวผมว่าก็ยังเกลี่ยน้ำหนักได้ไม่สวยนักครับ โดยเฉพาะฝั่งทางซุนยัดเซ็น ที่แม้ว่าผู้ชมจะรู้จัก ในหนังจะพูดถึงว่ามีความสำคัญมากมายขนาดไหน แต่หนังก็ให้น้ำหนักทางกลุ่มผู้พิทักษ์มากกว่าอย่างเต็มที่ อันนี้ถือว่าเป็นไปตามโจทย์ที่หนังต้องการสร้างเรื่องราวที่น่าติดตามของชีวิตคนแต่ละคน

แต่ผมกลับรู้สึกว่า ตัวหนังเองพยายามทำให้ซุนยัดเซ็นดูเป็นบุคคลที่ทรงคุณค่า มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด แต่ด้วยที่ไม่ค่อยพูดถึง หรือส่วนที่พูดถึงหรือมีบทบาทในเรื่อง ก็ไม่ได้แสดงถึงความสำคัญที่น่าเอาชีวิตเข้าแลกสักเท่าไหร่ ผมมองว่าแค่คำพูดบอกเฉย ๆ ว่าดียังงั้นยังงี้ ไม่มากพอครับ

นึกแล้วก็ชวนให้ลองเทียบ "มังกรสร้างชาติ" ดู ที่แม้หนังจะไม่ละเอียดมาก แต่ก็ทำให้รู้สึกในความยิ่งใหญ่ของเหมาเจ๋อตงและแง่มุมต่าง ๆ ของเจียงไคเชคได้อย่างมีเสน่ห์ จุดนี้ก็ต้องว่าตามตรงว่ายังขาดอยู่เล็กน้อยครับ ถ้ามีมากกว่านี้อีกนิดก็จะสมบูรณ์แบบขึ้น




- ดราม่าอื่น ๆ
แม้ว่าสไตล์ของผู้กำกับคนนี้ ผมจะไม่ชอบการเล่าเรื่องที่พยายามโยงทุกอย่างให้ดราม่าไว้ก่อน แต่ผมก็เห็นว่าเรื่องนี้ยังคงไปแนว ๆ นี้อยู่มากไปครับ ดราม่ากันจนหยดสุดท้าย มันก็ดีในแง่นึงนะ แต่อีกแง่นึง เราจะเดาได้ไม่ยากเลยสำหรับบทดราม่าแบบนี้ที่จะรู้ว่าสุดท้ายแล้ว จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง หลาย ๆ ฉากที่ดูออกว่าเดี๋ยวมันจะต้องยังงี้แน่ ๆ แล้วมันก็เป็นยังงั้นจริง ผมคิดว่า บางทีดราม่าหนัก ๆ เนี่ย ก็ไม่จำเป็นต้องให้มันเป็นแบบนี้เสมอไปก็ได้นะ นานเข้ามันก็จะกลายเป็นสูตรสำเร็จเกินไป




- คิวบู๊
เรื่องนี้ผมคาดหวังอีกจุดนึงคือคิวบู๊ของเหล่าผู้พิทักษ์ปะทะมือสังหาร ไม่แน่ใจว่าท่าน ๆ อื่นจะชอบหรือไม่ แต่ส่วนตัวมีหลายฉากที่ผมค่อนข้างผิดหวัง ผมอาจจะมีความรู้สึกว่า "5 พยัคฆ์พิทักษ์ซุนยัดเซ็น" คำนี้ มันน่าจะเห็นอะไรจากการต่อสู้มากกว่านี้ การดีไซน์คิวต่อสู้ มุมกล้อง จังหวะตัดต่อ เรื่องนี้ก็ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่สักเท่าไหร่ครับ (สรุปง่าย ๆ คือผมว่ามันสู้กันธรรมด๊า ธรรมดา ไอ้ตัวที่ว่าเป็นกังฟู ก็งั้น ๆ ไม่น่าตื่นตาเท่าไหร่) ถ้าใครจะไปดูเพื่อหวังฉากแอ็คชั่นเท่ห์ ๆ อย่าหวังมากนักครับ อาจจะมองว่าดูดีกว่าที่ผมว่าไว้ก็ได้





ดังนั้นถ้ารวม ๆ ทั้งหมดนี้แล้ว ผมว่าเรื่องนี้ก็ไม่ได้ถือว่าสุดยอดไปกว่าหนังเนื้อหาช่วงเวลาใกล้ ๆ กันอย่าง "มังกรสร้างชาติ" สักเท่าไหร่ครับ มีจุดดีกับจุดเสียคนละจุดก็จริง แต่มีพอ ๆ กันทั้งสองเรื่อง เรื่องนึงเป็นสารคดีที่เล่าเรื่องแบบ "พื้น ๆ" ไปหน่อย อีกเรื่องนึงก็เป็นหนังดราม่าอิงประวัติศาสตร์ที่ "ฟูมฟาย" ไปนิด



แต่ถึงอย่างไรก็เป็นหนังดีรับปีใหม่อีกเรื่องนึงที่ คอหนังประวัติศาสตร์ตะวันออกและหนังดราม่า ก็ไม่น่าพลาดครับ


แก้ไขเมื่อ 10 ม.ค. 53 18:31:14

แก้ไขเมื่อ 10 ม.ค. 53 00:50:13

แก้ไขเมื่อ 10 ม.ค. 53 00:47:30

แก้ไขเมื่อ 10 ม.ค. 53 00:46:02

จากคุณ : นักกวีจากเงามืด
เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 53 00:42:35




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com