ความคิดเห็นที่ 1 รูปแรก เราจะเริ่มจาก แม่แตงไปแม่น้ำงัดทางช่อแลก่อน ซึ่งปัจจุบันเป็นเขื่อน:-)ัด จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 01:02:23

ความคิดเห็นที่ 2 เอกสารทางประวัติศาสตร์ ได้จากหนังสือตำนานเมืองเหนือ โดย สงวน โชติสุขรัตน์ ตรงที่วงกลมด้วยดินสอ ระบุปี พ.ศ.ผิด  พระเจ้าเม็งราย สร้างเมืองพร้าว ก่อนมายึดเมืองหริภูญชัย(จังหวัดลำพูน) ปี พ.ศ.1824 ก่อนพระนเรศวรสวรรณคต 324 ปี เอกสารระบุถึงเมืองแกน จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 01:24:01

ความคิดเห็นที่ 3 ดูจากแผนที่ต้องเดินไปตามเส้นทางนี้ จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 01:25:33

ความคิดเห็นที่ 4 จากรูปที่ 1 ไป 2 นั้น คือเส้นทางจากแม่น้ำงัด เลาะตามช่องเขา ซึ่งปัจจุบันเป็นเขื่อน ซึ่่งสร้างขึ้นในศรรตวรรศที่ 20 ดังนั้น ในสมัยก่อนการเดินทางจะต้องเลาะช่องเขา ไปตามแม่น้ำงัดเส้นนี้ขึ้นไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ดังภาพ จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 02:05:43

ความคิดเห็นที่ 5 พอถึงจุดที่ 2 แล้วจะต้องขึ้นเหนือไปเมืองพร้าว  ซึ่งช่วงนี้จะเป็นที่ราบ จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 02:12:36

ความคิดเห็นที่ 6 จากเมืองพร้าวจะเดินทางขึ้นไปยังตำบลป่าใหม่ จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 02:31:20

ความคิดเห็นที่ 7 จากตำบลป่าใหม่เดินทางเลาะช่องเขาที่ ตำบลสันทราย อำเภอพร้าว ซึ่งปัจจุบันเป็นทางหลวง หมายเลข 1346 จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 02:33:32

ความคิดเห็นที่ 8 ลืมรูป - -" จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 02:34:24

ความคิดเห็นที่ 9 จากตำบลสันทราย  จากนั้นจะเป็นทางขึ้นเขา จะเป็นทางที่สูงที่สุด ของเส้นทางสายนี้  ซึ่งมีความสูงประมาณ 2,300 -2,400 ฟุต จากระดับน้ำทะเล ที่เห็นหมายเลข 5 สองหมายเลข คือ ทางซ้ายไปตามถนนเส้นปัจจุบัน 1346  ถ้าขวามือ จะเป็นทางที่ชันน้อยกว่า  น่าจะเดินได้ง่ายกว่า จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 02:38:27

ความคิดเห็นที่ 10 จาก 5- 6 จะเป็นทางลงเขา  ซึ่งเทือกเขาซ้ายและขวามือจะเป็นต้นน้ำของแม่น้ำหลายสาย เป็นสาขาของแม่น้ำฝาง จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 02:41:21

ความคิดเห็นที่ 11 จาก 6-7 จะเ็ป็นช่องทางระหว่างภูเขา สามารถเดินลัดเลาะไปตามแม่น้ำหรือที่ราบก็ได้ จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 02:43:04

ความคิดเห็นที่ 12 จาก 7 - I  จะเป็นที่ราบที่สามารถเดินไป ต.ศรีดงเย็น อ.ไชยปราการได้ ถ้าเดินไปตามสัญลักษณ์ G- H - I จะไปตามแม่น้ำฝาง  ซึ่งจะเป็นเส้นทางที่บรรจบกับเส้นทางแม่แตง -เชียงดาว -เมืองงาย - ปิงโค้ง -ศรีดงเย็นได้ ดังจะได้นำภาพมาให้ชมต่อไป แก้ไขเมื่อ 11 ม.ค. 53 02:49:11 จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 02:47:10

ความคิดเห็นที่ 13 ขอคั่นรายการด้วย บทความจาก  รายงานการวิจัย  การสืบค้นประวัติศาสตร์เมืองพร้าวผ่านกระบวนการศึกษาวัดร้าง อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่   โดยมนัส ตันสุภายนและคณะ ที่ขีดเส้นใต้สีแดง คือเส้นทางที่ได้กล่าวมาแล้ว  และเส้นสีน้ำเงิน จากบทความทำให้สามารถทราบได้ว่ามีเส้นทางหลักอีกเส้นทาง  ที่จะได้กล่าวต่อไป จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 02:56:11

ความคิดเห็นที่ 14 ตามประวัติศาสตร์ พระเจ้ามังรายสามารถชนะอาณาจักรหริภูญชัยได้ ในปี 1824  และได้สร้างเมืองเวียงกุมกาม เป็นเมืองหลวง  หลังจากนั้นได้สร้างเมืองเชียงใหม่เป็นศูนย์กลางการปกครองของอาณาจักรล้านนา ในอีก 15 ปี ต่อมา ซึ่งราชวงศ์มังรายสามารถ ครองอาณาจักรล้านนา ถึง พ.ศ.2101(รวมระยะเวลา 277 ปี)  ก่อนจะตกเป็นเมืองขึ้นของหงสาวดี ในยุคของพระเจ้าบุเรงนอง ก่อนการสวรรคตของสมเด็จพระนเรศวร 47 ปี (พระนเรศวรสวรรคต ปี พ.ศ.2148) หรือก่อนที่พระเอกาทศรถจะเสด็จมาเส้นทาง เชียงใหม่ - ฝาง 47 ปี เช่นกัน ซึ่งก่อนที่จะถึงยุคอาณาจักรล้่านนาตกเป็นเมืองขึ้นของพม่า  ระบุว่าเมืองพร้าวเป็นเมืองชั้นในของอาณาจักรล้านนา  ซึ่งพระเจ้ามังรายใช้เป็นเมืองที่จัดเตรียมเสบียงอาหาร และซ่องสุมผู้คน และเมื่อยึดครองอาณาจักรล้านนาได้แล้ว จึงมีเจ้าเมืองที่ปกครองเมืองพร้าวสืบต่อกันมาจนอาณาจักรล้านนาล่มสลาย และจากเอกสารหน้านี้ ระบุว่า  ช่วงเวลาที่เมืองพร้าวเป็นเมืองลูกของเมืองเชียงใหม่นั้น ช่วงเวลานั้นก็ยังมีเส้นทางอีกเส้นทาง ที่สามารถใช้ในการเดินทางค้าขายหรือใช้เป็นเส้นทางเดินทัพได้ในช่วงเวลานั้น คือ เส้นทางที่ 2  เส้นทางจาก เชียงใหม่-แม่แตง-เชียงดาว-เมืองงาย-ปิงโค้ง-ศรีดงเย็น-ไชยปราการ-ฝาง (จะใช้สัญลักษณ์ A-I และเส้นอักษรสีน้ำเงิน) จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 03:32:34

ความคิดเห็นที่ 15 จากแผนที่เริ่มจากแม่แตง ขึ้นไปทางเหนือ จะผ่านเชียงดาว -เมืองงาย-ปิงโค้ง-ศรีดงเย็น-ไชยปราการ-ฝาง จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 03:38:48

ความคิดเห็นที่ 16 มาเป็นกำลังใจให้พี่โอจิค่ะ จากคุณ : Par&Par เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 03:45:11

ความคิดเห็นที่ 17 จากแม่แตงมาเมืองงาย ซึ่งปัจจุบันเป็นถนนหมายเลข 107 ช่วงนี้จะลัดเลาะแม่น้ำปิงขึ้นไป จนถึงเมืองงาย  ต่อจากนั้นจะเป็นแม่น้ำแม่ป๋าม ตำบลปิงโค้ง ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีแม่น้ำอยู่เกือบตลอดเส้นทาง ดังคำกล่าวจากหนังสือ A Thousand miles on an elephant in the Shan states   แต่งโดย Author Hallett (พ.ศ.2427) ซึ่ง Mr.Hallett  ได้เดินทางเส้นนี้ และระบุการเดินทางช่วงนี้ว่า การเดินทางจากเชียงดาวไปเมืองฝาง คณะเดินทางเดินทางออกจากเชียงดาว ผ่านดอยหลวงเชียงดาว ดอยนางระหว่างทางได้หยุดพัก และไปสำรวจเวียงชัย (Viang Chai) ซึ่งเป็นเมืองเก่ามีซากปรักหักพังของเจดีย์ บริเวณรอบเวียงมีกำแพงดินและคูเมืองอยู่ 2 ด้าน แล้วกลับมายังที่พักออกเดินทางข้ามเนินเตี้ยๆประมาณ 1 ไมล์ก็จะถึงห้วยทราย (Hauy Sai) ซึ่งเป็นลำธารเล็กๆโดยเป็นแนวแบ่งเขตระหว่างเชียงดาวและเมืองงาย  และแวะพักที่ Ban Meh Kaun (บ้านแม่ข้อน) ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองงายประมาณ 1 ไมล์ เมืองงายเป็นเมืองที่มีประชากรประมาณ 100 ครัวเรือน ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของแม่น้ำปิงประมาณ 1 ไมล์ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่แม่น้ำปิงไหลเปลี่ยนทิศจากตะวันออกเฉียงใต้เปลี่ยนไปเป็นทิศใต้ เมืองงายเคยโดนพวกเงี้ยวเผาเมื่อปี 1869 ภายใต้การนำของ Roy Sam(ฮ้อย สาม) ผู้ครองเมืองแหง (Maung Hang) ชาวคณะออกจากเมืองงายในวันถัดไปมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกข้ามแม่น้ำปิง (กว้างประมาณ 10 ฟุต ลึก 10 ฟุต น้ำลึก 1 ¾ ฟุต) จากแม่น้ำข้ามเนินเตี้ยๆ ขึ้นป่าสักเดินเลาะตามแนวลำธาร Meh  Na Oi จนกระทั่งถึงที่ราบสูงตอนหนึ่ง  และผ่านช่องเขาที่ดอยผาหยาดผาใหญ่ (Loi Pa-Yat Pa-Yai) ซึ่งเป็นหน้าผาหินปูนสูงขึ้นมาจากแม่น้ำปิงประมาณ 300 ฟุต หลังจากเดินเลาะเลียบ Meh Na Oi ไปได้ประมาณ 6 ไมล์ ลำธารสายนี้ก็ไหลลงสู่ลำน้ำแม่ป๋าม (Meh Pam)  ซึ่งไหลไปบรรจบกับแม่น้ำปิงทางด้านทิศใต้ของเมืองงาย การเดินทางช่วงต่อมาจะเดินลงสู่น้ำแม่ปอย (Meh Poi) คืนนั้นคณะเดินทางพักแรมที่ Pang Pau ริมฝั่งแม่ปอย ซึ่งอยู่สูงเหนือระดับน้ำทะเล 2357 ฟุต  ลำธารสายนี้ไหลไปทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือ เช้าวันถัดมาหลังจากข้าม Meh Poi แล้ว ก็เดินขึ้นสูงไปสู่ประตูดิน (Pa too Din or Eastern gate)  และ ต่อไปยังประตูผา (Pa too Pa or stone Gate) ซึ่งระยะทางช่วงนี้เป็นช่วงที่มีความยากลำบากมากต้องปีนขึ้นไปช้าๆ ทางที่ใช้เดินได้มีความกว้างอย่างมาก 18 นิ้ว ไม่ไกลจากเนินเขาไปทางทิศเหนือ พบบ่อน้ำธรรมชาติ 2 แห่งเรียกว่า Hoo Low มีความกว้างประมาณ 6 และ 10 ฟุต ตามลำดับ หลังจากผ่านช่วงนี้ไปจะเป็นทางเดินลงที่ค่อนข้างสบาย ซึ่งจะนำไปสู่ที่ราบที่ชื่อว่า Nong Vee-a ซึ่งทอดยาวไปทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือคู่กับทิวเขาหินปูนที่ชื่อว่า Loi Tum Tap Tow ซึ่งมีความสูงประมาณ 1200 ฟุตจากพื้นราบ  อีก 4 ไมล์หลังผ่านเทือกเขาสูง พบแอ่งที่ชื่อว่า Boo-arks ซึ่งเกิดจากการยุบตัวของแผ่นดินบริเวณถ้ำในเขาหินปูน จากตรงนี้อีกครึ่งไมล์จะพบถ้ำหินปูนที่ชื่อว่า ถ้ำตับเต่า (Tum Tap Tow) Boo arks เป็นเขตด้านตะวันตกสุดของที่ราบซึ่งมีแม่น้ำฝางไหลผ่านเพื่อไปบรรจบกับแม่น้ำแม่กกที่ไหลผ่านเชียงรายลงสู่แม่น้ำโขง  แม่น้ำฝางอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของ Boo arks ประมาณ 2 ไมล์  แม่น้ำบริเวณนั้นกว้างประมาณ 30 ฟุต ลึก 6 ฟุต มีน้ำอยู่ 1 ½ ฟุต ซึ่งอยู่ห่างจากเชียงใหม่ 65 ½ ไมล์ที่ระดับ 1747 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเล ซึ่งคณะเดินทางพักที่นี่ 1 คืน เช้าวันรุ่งขึ้นก็ออกเดินทางออกจากที่ราบผ่านเวียงห้อ (Viang Hau or Chinese fort) ผ่านเวียงห้อไปประมาณ 1 ไมล์ก็จะพบ Ban Meh Kih ซึ่งเป็นทางเชื่อมระหว่างเชียงใหม่ พร้าว และ เมืองแกน (Muang Ken)  ซึ่งเป็นหมู่บ้านแรกที่พบหลังจากออกจากเมืองงาย  คืนนี้คณะเดินทางพักที่หมู่บ้าน Ban Meh Soon  ซึ่งอยู่ใกล้ Viang Hau   หลังจากผ่านเวียงห้อก็จะไปเจอหมู่บ้านชื่อ Ngio-Kow  ผ่านป่า ทุ่งหญ้า แล้วเข้าสู่เมืองฝาง เครดิต : แปลโดยล่องฟ้า (คลับเพชรพระอุมา &คนรักหนัง) ปล.ซึ่งสถานที่ที่กล่าวถึง บางแห่งจะต้องสำรวจจากพื้นที่จริงอีกครั้ง แก้ไขเมื่อ 12 ม.ค. 53 13:35:35 แก้ไขเมื่อ 11 ม.ค. 53 10:26:27 จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 03:57:16

ความคิดเห็นที่ 18 จากนั้น จึงวิเคราห์เส้นทางโดยละเอียด  โดย Google Earth จาก เมืองงาย -ปิงโค้ง(A) จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 04:00:42

ความคิดเห็นที่ 19 ตำบลปิงโค้ง จะเป็นที่ราบ ซึ่งสามารถเดินทัพนับหมื่นได้อย่างสบาย จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 04:03:58

ความคิดเห็นที่ 20 จาก ฺB-C จะยังอยู่ในเขตตำบลปิงโค้ง ทางจะเริ่มเป็นเนินเตี้ยๆ  ทางที่เดินสะดวกที่สุดก็น่าจะเป็นทางถนนเส้นสีเหลือง (ทางหลวง หมายเลข 107) แก้ไขเมื่อ 11 ม.ค. 53 10:29:23 จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 04:08:59

ความคิดเห็นที่ 21 ช่วงนี้จะมีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่  เรียกได้ว่า คน หรือ ช้าง-ม้า-วัว-ควาย ไม่ขาดแคลน แก้ไขเมื่อ 11 ม.ค. 53 04:11:14 จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 04:10:47

ความคิดเห็นที่ 22 จาก C-D เดินทวนแม่น้ำแม่ป๋ามขึ้นไป  จะเริ่มขึ้นเนินเล็กๆ จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 04:12:46

ความคิดเห็นที่ 23 เดินไปเรื่อยๆ จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 04:14:01

ความคิดเห็นที่ 24 จาก E-F จะเป็นช่วงที่ขึ้นเขา ซึ่งจุด F จะเป็นจุดที่สูงที่สุด ในการเดินทางเส้นทางนี้  ซึ่งมีความสูง ประมาณ 2,400 ฟุต   จะมีความสูงๆกว่าไปทางพร้าวเล็กน้อยเท่านั้น จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 04:16:42

ความคิดเห็นที่ 25 จากจุด F ซึ่งเป็นจุดสูงที่สุดของเส้นทางสายนี้แล้ว หลังจากนั้นพักให้หายเหนื่อยสักหน่อย  แล้วค่อยลงเขากัน จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 04:20:44

ความคิดเห็นที่ 26 จากจุด G ด้านขวามือ จะเป็นแม่น้ำฝาง ซึ่งเรียกได้ว่าเส้นทางสายนี้มีแม่น้ำตลอดเกือบเส้นทาง ถ้าดูรูปจาก คห.12  จะอยู่ไม่ห่างจากทางที่มาจากเมืองพร้าวเท่าไหร่แล้ว จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 04:23:02

ความคิดเห็นที่ 27 จาก H-I ก็มาถึง ตำบลศรีดงเย็น อำเภอไชยปราการ หลังจากนั้นก็เป็นที่ราบยาวไปจนถึงเมืองฝาง ซึ่งจะเป็นจุดหมายปลายทางจุดเดียวกับเส้นทางเมืองพร้าว จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 04:25:01

ความคิดเห็นที่ 28 จากการสันนิษฐาน ทางที่ 1 คือ เส้นทางจาก แม่แตง-แม่น้ำังัด(ช่อแล)-เมืองพร้าว-ตำบลสันทราย-ศรีดงเย็น  เมื่อวัดจากระยะทางใน Google (เดินเป็นเส้นตรงวัดผ่านแต่ละจุด) จะคำนวณระยะทางได้ ประมาณ 76.81 กิโลเมตร ทางที่ 2 คือ เส้นทางจาก แม่แตง-เชียงดาว-เมืองงาย-ปิงโค้ง-ศรีดงเย็น เมื่อวัดจากระยะทางใน Google (เดินเป็นเส้นตรงวัดผ่านแต่ละจุด) จะคำนวณระยะทางได้ ประมาณ 65.62 กิโลเมตร สรุปได้ว่า เส้นทางเชียงดาวจะใกล้กว่าเส้นทางพร้าวไม่น้อยกว่า 10-20 กิโลเมตร เส้นทางเชียงดาวจะมีแม่น้ำให้ใช้ตลอดทาง จากหลักฐานเอกสารทางประวัติศาสตร์ ถ้าเป็นการค้าขาย สามารถไปได้ทั้งสองเส้นทาง เพราะอยู่ที่จุดหมายปลายทาง   แต่ถ้าเป็นเส้นทางเดินทัพ ซึ่งมีกำลังพลเป็นจำนวนมาก  น่าจะเซฟระยะเวลาให้ถึงเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ จากการสันนิษฐานเบื้องต้น มีความเป็นไปได้ว่า พระเิอกาทศรถน่าจะใช้เส้นทางที่สอง(เส้นทางเชียงดาว) มากว่าเส้นทางแรก (เส้นทางพร้าว) ซึ่งทั้งหมดทั้งมวล จะมีการสำรวจเส้นทางอีกครั้งในเร็วๆนี้ เป็นอันจบตอนภาคนี้ ไว้แค่นี้ก่อนครับ  ราตรีสวัสดิ์ครับ \-0-/ แก้ไขเมื่อ 11 ม.ค. 53 04:37:32 จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 04:36:56

ความคิดเห็นที่ 29 ...^_^...ขอบคุณครับ... จากคุณ : ฟองฟ้า ละอองเมฆ เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 06:56:45

ความคิดเห็นที่ 30 โอจิ...ขอบคุณค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ จากคุณ : naragorn เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 07:35:18

ความคิดเห็นที่ 31 หง่า...   ดูเส้นทางแล้ว....     หง่า   -_-" จากคุณ : ฟาฬ เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 09:10:32

ความคิดเห็นที่ 32 คำนับอ๊ะจิ  สุดยอด  พี่แพ้แผนที่ จากคุณ : jittra เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 09:31:16

ความคิดเห็นที่ 33 ปรบมือให้ดังๆ แปะๆๆๆๆ .... จากคุณ : ต้นไพร เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 09:53:41

ความคิดเห็นที่ 34 เยี่ยมมาก ข้อมูลแน่นเปรี๊ยะ อยากช่วย แต่ช่วยไม่ได้... เอาใจช่วยแล้วกันนะคะ โอจิ สู้สู้ จากคุณ : waisayanee เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 12:12:59

ความคิดเห็นที่ 35 สวยจัง เป็นกำลังใจให้นะ เดี๋ยวค่อยๆ อ่าน เนื้อหาเยอะมาก งงๆ เยอะเลย หุหุ จากคุณ : เ จ้ า ตั ว ร้ า ย เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 15:31:17

ความคิดเห็นที่ 36 แม้พี่โอจะสรุปไปแล้วนะครับ แต่ก็มีชื่ออ้างหลายชื่อที่ไม่ได้ระบุในกูเกิลเอิร์ท เหมือนเดิมครับ ผมมาระบุจุดที่กล่าวอ้างในความคิดเห็นที่ 17 นะครับ ใส่ลงไปในกูเกิลเมพ แบบคร่าวๆครับ เพราะชื่อในตอนเดินทาง กับชื่อตอนนี้อาจจะไม่เหมือนกัน ซึ่งบางแห่งผมไม่เคยได้ยิน แต่บางแห่งก็ยังใช้ชื่อเดิมครับ ขออนุญาตใส่ชื่อที่ปรากฏ แทนฉบับที่แปลใน คห 17 ไปเลยนะครับ ออกจากเชียงดาว ผ่านดอยหลวงเชียงดาว ดอยนาง ....ออกเดินทางข้ามเนินเตี้ยๆประมาณ 1 ไมล์ก็จะถึงห้วยไส้ (Hauy Sai) ซึ่งเป็นลำธารเล็กๆโดยเป็นแนวแบ่งเขตระหว่างเชียงดาวและเมืองงาย  และแวะพักที่ บ้านแม่ข้อน (Ban Meh Kaun) ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองงายประมาณ 1 ไมล์ จากคุณ : KkTpCmu เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 19:56:04

ความคิดเห็นที่ 37 (อ่านแล้วบางทีก็งง เพราะหน่วยวัดที่ใช้ไม่เหมือนกัน หุๆ) ออกจากเมืองงายมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกข้ามแม่น้ำปิง จากแม่น้ำข้ามเนินเตี้ยๆ ขึ้นป่าสักเดินเลาะตามแนวลำธาร น้ำแม่นาอ้อย (Meh  Na Oi) จนกระทั่งถึงที่ราบสูงตอนหนึ่ง  และผ่านช่องเขาที่ดอยผาหยาดผาใหญ่ (Loi Pa-Yat Pa-Yai -หาไม่เจอครับ) ซึ่งเป็นหน้าผาหินปูนสูงขึ้นมาจากแม่น้ำปิงประมาณ 300 ฟุต หลังจากเดินเลาะเลียบ Meh Na Oi ไปได้ประมาณ 6 ไมล์ ลำธารสายนี้ก็ไหลลงสู่ลำน้ำแม่ป๋าม (Meh Pam)  ซึ่งไหลไปบรรจบกับแม่น้ำปิงทางด้านทิศใต้ของเมืองงาย การเดินทางช่วงต่อมาจะเดินลงสู่น้ำแม่ปอย (Meh Poi) คืนนั้นคณะเดินทางพักแรมที่ Pang Pau ริมฝั่งแม่ปอย (ตรงนี้งงๆกับคณะเดินทางครับ เพราะการเดินทางวกวนเหมือนกัน แต่อย่างที่บอกครับ ชื่อตอนนั้นกับตอนนี้อาจไม่เหมือนเดิม) จากคุณ : KkTpCmu เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 20:00:35

ความคิดเห็นที่ 38 ข้าม น้ำแม่ปอย Meh Poi แล้ว ก็เดินขึ้นสูงไปสู่ประตูดิน (Pa too Din or Eastern gate)  และ ต่อไปยังประตูผา (Pa too Pa or stone Gate)- ก็ยังหาไม่เจอ แต่เดาว่า อยู่ในกรอบสีน้ำเงินครับ เป็นบริเวณที่พบหินปูนครับ พบบ่อน้ำธรรมชาติ 2 แห่งเรียกว่า Hoo Low  (ผมไปเจออีกที่ชื่อห้วยน้ำฮูหลวง - ในแผนที่เขียนว่าน้ำฮู) หลังจากผ่านช่วงนี้ไปจะเป็นทางเดินลงที่ค่อนข้างสบาย ซึ่งจะนำไปสู่ที่ราบที่ชื่อว่า Nong Vee-a ซึ่งทอดยาวไปทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือคู่กับทิวเขาหินปูนที่ชื่อว่า Loi Tum Tap Tow ซึ่งมีความสูงประมาณ 1200 ฟุตจากพื้นราบ  อีก 4 ไมล์หลังผ่านเทือกเขาสูง พบแอ่งที่ชื่อว่า Boo-arks ซึ่งเกิดจากการยุบตัวของแผ่นดินบริเวณถ้ำในเขาหินปูน  (ไม่เจอสถานที่ที่กล่าวในช่วงนี้เลยครับ แต่ เส้นทางนี้ลำบากไม่เหมาะจะเป็นเส้นทางเดินทัพแน่ๆครับ) จากตรงนี้อีกครึ่งไมล์จะพบถ้ำหินปูนที่ชื่อว่า ถ้ำตับเต่า (Tum Tap Tow) Boo arks เป็นเขตด้านตะวันตกสุดของที่ราบซึ่งมีแม่น้ำฝางไหล จากคุณ : KkTpCmu เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 20:08:42

ความคิดเห็นที่ 39 รายงานแค่นี้นะครับ หวังว่าคงพอเป็นประโยชน์บ้าง บุญรักษาครับ จากคุณ : KkTpCmu เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 20:11:01

ความคิดเห็นที่ 40 ออกจากเมืองงายมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกข้ามแม่น้ำปิง จากแม่น้ำข้ามเนินเตี้ยๆ ขึ้นป่าสักเดินเลาะตามแนวลำธาร น้ำแม่นาอ้อย (Meh  Na Oi) จนกระทั่งถึงที่ราบสูงตอนหนึ่ง  และผ่านช่องเขาที่ดอยผาหยาดผาใหญ่ (Loi Pa-Yat Pa-Yai -หาไม่เจอครับ) ซึ่งเป็นหน้าผาหินปูนสูงขึ้นมาจากแม่น้ำปิงประมาณ 300 ฟุต หลังจากเดินเลาะเลียบ Meh Na Oi ไปได้ประมาณ 6 ไมล์ ลำธารสายนี้ก็ไหลลงสู่ลำน้ำแม่ป๋าม (Meh Pam)  ซึ่งไหลไปบรรจบกับแม่น้ำปิงทางด้านทิศใต้ของเมืองงาย การเดินทางช่วงต่อมาจะเดินลงสู่น้ำแม่ปอย (Meh Poi) คืนนั้นคณะเดินทางพักแรมที่ Pang Pau ริมฝั่งแม่ปอย (ตรงนี้งงๆกับคณะเดินทางครับ เพราะการเดินทางวกวนเหมือนกัน แต่อย่างที่บอกครับ ชื่อตอนนั้นกับตอนนี้อาจไม่เหมือนเดิม จากคุณ : KkTpCmu พอได้ดูตามแผนที่ที่คุึณ kk ทำขึ้น แล้วกลับไปดูต้นฉบับใหม่ปรากฎว่าผมแปลผิดครับ คือ หลังจากออกจากช่องเขาตรง ดอยผาหยาดผาใหญ่ประมาณ 6 ไมล์ก็ไปเจอลำธารสายหนึ่งทางด้านขวามือไหลลงน้ำแม่ป๋าม ก่อนจะเดินลงสู่น้ำแม่ปอยครับ ขอโทษจริงๆครับ  ^_^ จากคุณ : ล่องฟ้า เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 21:57:13

ความคิดเห็นที่ 41 ขอบคุณมากครับ จากคุณ : ChocolateMousse เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 53 23:30:06

ความคิดเห็นที่ 42 ตกลงว่า เลยปิงโค้งไปแล้วน้ำแม่ปอยใช่หรือเปล่าครับ ไม่ใช่น้ำแม่ป๋ามนะ ไว้ค่อยไปพิสูจน์ของจริงดูอีกที  คาดว่ากลางเดือนกุมภาพันธ์ครับ K คาดว่าจะสำรวจ  เส้นทางคร่าวๆ ดังนี้ โดยไล่ตั้งแต่ ทางแม่แตง-เชียงดาว-งาย-ศรีดงเย็น ครับ ช่วงนี้คาดว่าคงเก็บรายละเอียดเท่าที่จะเก็บได้ครับ   ขากลับคาดว่าน่าจะกลับเส้นทางพร้าวครับ  ออกทางเขื่อนแม่่งัด ตำบลช่อแล  บางทีอาจแวะพักที่นั่นกัน 1 คืน แก้ไขเมื่อ 12 ม.ค. 53 08:32:46 จากคุณ : โอจิ (Oji_yoyo) เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 53 08:31:54

ความคิดเห็นที่ 43 ได้ความรู้เพิ่มเติมดีครับ  ทุกท่านเลย^-^ แก้ไขเมื่อ 12 ม.ค. 53 10:28:36 จากคุณ : P Q BOY เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 53 10:27:58

ความคิดเห็นที่ 44 เก่งจัง สู้ๆค่ะ เป็นกำลังใจให้นะ จากคุณ : ฟ้าเปลี่ยนสี (kaewla) เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 10:06:03

ความคิดเห็นที่ 45 ไปด้วยคน !~ ถ้าตรงเสาร์อาทิตย์นะ... จากคุณ : SayHello เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 53 20:45:20

ความคิดเห็นที่ 46 ได้เกร็ดข้อมูลมาอีกนิดครับ จากคนในพื้นที่ครับ หมู่บ้านห้วยไส้ ในภาพ คห36 นั้น ความจริงปัจจุบันอยู่ตรงสามแยก พอดี หมู่บ้านเปลี่ยนชื่อเป็น ไตรสภาวะคราม (จำผิดไหมเนี่ย) เดิมที่หมู่บ้านนี้เกิดโรคระบาด (โรคท้าวแสนปม-ชื่อโรคไม่แน่ชัดนะครับ) แล้วหลังจากนั้นก็มีการตั้งหมู่บ้านขึ้นมาใหม่ บ้านห้วยไส้ปัจจุบัน จะอยู่ไปทางเหนือของเมืองงาย เป็นคนละหมู่บ้านที่อ้างถึงครับ ที่เชียงดาวเพิ่งทำละคร แต่เนื้อเรื่องดำเนินสมัยพระเจ้าตาก มีการกล่าวอ้างอิงถึง อ.พร้าวด้วย แต่ผมยังไม่ทราบรายละเอียดครับ ท่านอื่นมีข้อมูลไหมครับ บุญรักษาครับ แล้วจะมารายงานเป็นระยะๆครับ จากคุณ : KkTpCmu เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 53 13:14:02