ความคิดเห็นที่ 1 วิธีแกะป้ายสติกเกอร์ จากคุณ : kiraphat_delpiero เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 19:48:41

ความคิดเห็นที่ 2 เคยมีปัญหากับขวดหรือแก้วใบใหม่ที่ซื้อมาแล้วมีป้ายติดราคา ที่สติกเกอร์ป้ายราคาติดแน่นแกะเท่าไหร่ก็แกะไม่ออกใบนั้นหรือปล่าวครับ. ************************** ..ถ้าอยากจะแกะเจ้าป้ายสติกเกอร์ที่ติดแน่นอันนั้นออกอย่างง่าย ดายละก็.. เรามีวิธีทำให้แกะออกมาแบบง่าย ๆนิดเดียวครับ..แล้วไม่ทำให้หัวเสีย เปลืองเวลาอีกด้วย.. เขาทดสอบกันมาอย่างดีแล้วว่า "ครีมทามือ (จะเป็นยี่ห้ออะไรก็ได้) นำครีมทามือ มาทาที่ป้ายติดราคาหรือสติกเกอร์ที่เราอยากจะแกะออก.. ทาให้ทั่ว ๆ แล้วถ้าใช้มือทาถูกดหรือขูด ให้แรง ๆ หน่อยก็จะดีมากครับ ..แล้วดูสิครับ..แค่นี้ก็สามารถจะดึงและลอกป้ายสติกเกอร์ออกมาได้อย่างง่ายดาย .. แต่ถ้ายังคงมีเหลือติดอยู่อีกบางส่วน..ก็ให้เอาเล็บมือสะกิดออกเบา ๆ ก็จะหลุดออก จนหมดครับ แล้วก็ขั้นสุดท้ายครับ..เมื่อลอกสติดเกอร์ออกหมดแล้ว...ก็ให้เอากระดาษทิชชู่ เช็ดครีมที่ทาไว้ให้สะอาด..ครับ ...เป็นเสร็จพิธี..เห็นไหมครับ..สะอาดหมดจด และไม่มีเศษกาวจากสติกเกอร์ติดให้เหนียวมือตรงไหนเลย.. แก้คำผิด แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 53 19:53:12 จากคุณ : kiraphat_delpiero เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 19:50:24

ความคิดเห็นที่ 3   มาช่วย ให้จขกท ไม่เหงาค่ะ ปกติเวลาแกะไม่ออก จะใช้คนอื่น  55 แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 53 19:54:20 จากคุณ : น้องหนูไม่รู้เรื่อง (น้องหนูไม่รู้เรื่อง) เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 19:52:54

ความคิดเห็นที่ 4 หวัดดีค่ำๆ ครับ คุณน้องหนูไม่รู้เรื่อง จากคุณ : kiraphat_delpiero เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 19:53:52

ความคิดเห็นที่ 5   หวัดดีค่ะ คุณ kiraphat_delpiero ^ ^ จากคุณ : น้องหนูไม่รู้เรื่อง เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 19:56:45

ความคิดเห็นที่ 6 วิธีการทำสติกเกอร์ให้ลอกออกแบบง่าย ๆ ติดก็ง่าย(วิธีที่ 2) วิธีที่ 2 โดยใช้ครีมที่ใช้ทามือเหมือนกันครับ แล้วยังแถมใช้งานได้หลายครั้งหลายหนอีกด้วยครับ ....ผู้ที่ชอบเก็บสะสมสติกเกอร์ทุกท่านนั้นคงจะต้องชอบวิธีนี้อย่างแน่นอนเลย... เพราะว่า พวกสติกเกอร์ที่เราหามาอย่างยากเย็นทุกอันนั้น บางอันก็ให้ความทรงจำที่ดี ๆ เป็นที่ระลึก ของเรานะครับ ดังนั้นจึงอยากเก็บเอาไว้ใช้ให้นาน ๆ แต่มันก็มาเสียอยู่ตรงที่ว่า เมื่อแปะติด ไปที่สมุดแล้วก็จบไปเลย ครั้งนั้นคือลอกออกมาใช้ไม่ได้อีกแล้วตลอดกาล... บางทีก็อยากจะ นำมาแลกเปลี่ยนกับเพื่อนนั้นก็หมดหวังจริง ๆนะครับ น่าเสียดายและก็น่าโมโหอีกต่างหากด้วย เคล็ดลับอันที่จะนำมาเสนอแนะนี้คงจะช่วยแก้ปัญหาอันนั้นได้นะครับ !! แล้ววิธีนี้ยังสามารถที่จะช่วยพวกคุณแม่ ๆทั้งหลายที่มีพวกคุณลูก ๆ ที่พวกเธอหละก็ชอบที่จะนำสติกเกอร์ที่แกะลอกอย่างยากเย็นพวกนี้นั้นไปแปะไว้ตามตู้เสื้อผ้าหรือตามตู้เย็นนะครับ เคล็ดลับของ ๆที่จะนำมาใช้ในวิธีก็คือครีมที่ใช้ทามือครับ หนทางแก้ใขปัญหานั้นมันอยู่ตรงตอนต้นก่อนที่จะนำมาใช้แค่นั้นเองแหละครับ คือว่าก่อนที่จะนำสติกเกอร์อันนั้นมาแปะลงไปที่สมุด ,ตู้เสื้อผ้าหรือตามตู้เย็นนั้นให้นำครีมที่ใช้ทามือ มาทาไปตรงที่ด้านหลังของสติกเกอร์เสียก่อนเท่านั้นเอง ก็จะหมด ปัญหาทันที !! แล้วทีนี้เราก็มาทำการพิสูจน์กันดูดีกว่านะครับ ขั้นแรกเราได้นำสติกเกอร์ที่ทาครีมด้านหลังกับสติกเกอร์ที่ไม่ได้ทำอะไรมาแปะไปที่สมุด ผลออกมาว่าสติกเกอร์ที่เราทาครีมลงไปที่ด้านหลังนั้นลอกออกมาได้อย่าง ง่ายดายไม่มีปัญหาว่าฉีกขาดตรงไหนเลยด้วย แล้วยังแถมอีกด้วยว่าเมื่อนำสติกเกอร์ที่ลอกออกมาจากสมุดเมื่อสักครู่นี้ไปติดอีกที่หนึ่งก็ติดลงไปได้อย่างง่ายดาย เหมือนของไหม่ ๆ เลยคือกาวด้านหลังก็ยัง คงอยู่ในสภาพใหม่เหมือนเดิมและไม่เสื่อมสภาพลงไปสักนิดเดียว จากคุณ : kiraphat_delpiero เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 19:58:13

ความคิดเห็นที่ 7 ....ทางเราได้ทำการพิสูจน์ว่าสติกเกอร์ที่นำมาทาครีมลงไปด้านหลังนั้นจะใช้การได้นาน เท่าไหร่? ด้วยการแปะและลอกออกจากสมุดถึง 100ครั้ง ผลปรากฏว่าก็ยังใช้ได้อยู่อย่างเดิม ไม่มีปัญหากาวด้านหลังจะเสื่อมสภาพแต่อย่างใด... ....การที่ทาครีมที่ใช้ทามือลงไปนั้นแล้วทำให้แปะลงไปและลอกออกมาได้แบบง่าย ๆ นั้นเป็นผลมาจาก ที่ว่า ตัวสารน้ำมันที่อยู่ในครีมทามือนั้นจะซึมเข้าไปผสมผสานกับกาวที่ติดอยู่ที่ด้านหลังของ สติกเกอร์อย่างสมดุล และคล้องจองกันอย่างน่าทึ่งที่สุดนั่นเอง น้ำมันในครีมที่ใช้ทามือจะเข้าไปผสมผสานกับกาวของสติกเกอร์ และกลายเป็นแป้งที่มีคุณสมบัติแกะและลอกและใช้ได้นานหลายครั้งอย่างที่เห็นนั้นแหละครับ จากคุณ : kiraphat_delpiero เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 20:08:02

ความคิดเห็นที่ 8 ข้อควรระวัง... สติกเกอร์ที่นำมาทาครีมที่ใช้ทามือลงไปนี้มีผลที่แน่นอนหลังจากที่สำรวจมาอย่างถี่ถ้วนแล้วว่า สามารถใช้งานได้นานถึง 20 ครั้งเป็นอย่างน้อยโดยไม่ต้องวิตกกังวล ใด ๆ ทั้งสิ้น....ข้อที่ควรระวังก็มีอยู่เหมือนกันครับคือว่า... เคล็ดลับวิธีนี้เมื่อใช้แปะลงไป โดยไม่แกะลอกออกมาเลยภายในเวลา 4วัน น้ำมันที่ใช้ทามือนั้นบางครั้งก็อาจจะระเหยหายไปได้เหมือนกันเพราะในน้ำมันทามือในแต่ละยี่ห้อนั้นมีน้ำมันน้อยน้ำมัน มากอันนี้ขึ้นอยู่กับเจ้าของสูตรเขา... ถ้าเกิดน้ำมันของครีมทามือระเหยออกไปบางครั้งก็ อาจจะมีผลให้แกะลอกออกมายากขึ้นเฉย ๆ ก็มีเป็นบางกรณีเหมือนกันครับ... ดังนั้นจึง อยากที่จะให้คอยระวังนิดหน่อยอย่างเช่นสติกเกอร์ที่เรานำมาทำเคล็ดลับอันนี้ แล้วนำไปใช้กับสติกเกอร์ที่ติดกับวีดีโอของโทรทัศน์นั้นก็เหมือนกันถ้ามีปัญหาก็ให้นำกลับมา ทาครีมที่ใช้ทามือลงไปอีกครั้ง...ก็สามารถที่จะช่วยได้ครับ.... จากคุณ : kiraphat_delpiero เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 20:10:15

ความคิดเห็นที่ 9 วิธีทำส้มที่มีรสเปรี้ยวให้หวาน อันนี้น่าลองทำ จากคุณ : kiraphat_delpiero เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 20:12:31

ความคิดเห็นที่ 10 มะมีใครเลย รึกระทู้จะเปลี่ยวซะเเล้ว >_< เข้าเรื่อง วิธีทำส้มที่มีรสเปรี้ยวให้หวาน ถ้าเกิดไปซื้อส้มมาแล้วเกิดเป็นส้มเปรี้ยวเข้าหล่ะ !! **วิธีที่จะบอกนี้สามารถทำให้ส้มเปรี้ยวนั้นมีรส หวานขึ้นมาได้ครับ.. ************************ จากคุณ : kiraphat_delpiero เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 20:14:39

ความคิดเห็นที่ 11 โฮ่ น่าสนใจ เดี๋ยวกลับมาอ่านนะค๊า จากคุณ : อมลมณี เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 20:15:34

ความคิดเห็นที่ 12 ...ส้มเป็นผลไม้ที่มีวิตามิน c มากใช่ไหม?..ส้มเปรี้ยว บางคนก็อาจชอบ แต่ถ้าเกิดไม่ชอบขึ้นมาหละก็.. เชิญทำส้มเปรี้ยวให้หวานขึ้นมาเองด้วยวิธีนี้ดูสิครับ.. ...วิธีทำก็มีอยู่ว่า....ให้เอาไปแช่ในอ่างอาบน้ำที่มีอุณภูม 40 องศา..แช่ไว้ประมาณ 10 นาทีเป็นใช้ได้แล้ว อะไรจะอย่างนั้น..ส้มเปรี้ยวก็จะหวานขึ้นมาอย่างน่า อัศจรรย์จริง ๆ นิดหนึ่งค่ะ..คือส้มที่แช่อยู่ในน้ำร้อนนั้น เวลานำขึ้นมาจะยังอุ่นอยู่ ให้วางไว้ให้เย็นก่อนนะครับหรือ จะเอาไปใส่ไว้ในตู้เย็นให้เย็นก่อนครับ ทำไม, เมื่อแช่ในน้ำร้อน 40 องศาแค่ 10 นาที รสจึงเปลี่ยนเป็น หวานขึ้นมาได้??? การทดสอบ..ให้นำส้มลูกเปรี้ยวลูกนั้น มาผ่าแบ่งออกเป็น สองซีก..เอาซีกแรกวางไว้ต่างหาก.. แล้วเอาซีกที่สองไปแช่ในน้ำร้อน 40 องศา ซีกที่แช่ในน้ำร้อนรสจะเปลี่ยนเป็นหวานอย่างประหลาด ..จริง ๆ แล้ว..ส้มไม่ได้เปลี่ยนรสไปหรอกครับ..เพียงแต่ความเปรี้ยว โดนทำลายออกไปเท่านั้น... เพราะเมื่อนำส้มทั้งสองซีกที่ทดลองนั้นมาวัดระดับความหวานเปรี้ยว แล้วจะมีระดับเท่ากันหมด.. แต่ที่หวานขึ้นมานั้นเพราะเมื่อนำไปแช่ในน้ำร้อน นั้นความร้อนจะใช้อุณภูมนั้นทำลายความเปรี้ยวที่มีผสมปนกับความหวานนั้น จนหมดความเปรี้ยวครับ... ส้มจึงหวานขึ้น ข้อระวังน้ำร้อน40องศา นั้นไม่ใช่น้ำเดือดนะคะ บางคนอาจจะเข้าใจผิด.. เดี๋ยวเอาส้มไปต้มในน้ำเดือด ..ส้มจะกลายเป็นส้มต้มไปครับ.. เขาบอกว่าน้ำในอ่างอาบน้ำความร้อน 40 องศา ดีที่สุด..ถ้าไม่มีอ่างน้ำก็ต้มน้ำให้เดือด.. แล้ววางพักไว้สักครู่หนึ่งกะว่าสักประมาณ 40องศาครับ.ถ้าไม่มีองศาวัดก็ลองใช้มือแตะ ๆ ดูมือจุ่มลงไปได้ก็กำลังดีครับ แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 53 20:35:55 จากคุณ : kiraphat_delpiero เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 20:18:22

ความคิดเห็นที่ 13   ดีจังค่า... จากคุณ : มะนาวขม-ชะอมหวาน เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 20:23:24

ความคิดเห็นที่ 14 หากจะตั้งกระทู้แบบนี้ มาตั้งที่ "กระทู้นอกเรื่อง" กระทู้นอกเรื่องก็ได้ครับ อยู่ในเฉลิมไทยเหมือนกัน จากคุณ : โควี เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 20:23:35

ความคิดเห็นที่ 15 หวัดดีครับคุณ : มะนาวขม-ชะอมหวาน   และขอบคุณครับ คุณ : โควี วิธีเป่าผมที่เปียกน้ำให้แห้งเร็วกว่าปกติ วิธีเช็ดเส้นผมที่สระมาใหม่ ๆ ให้แห้งไว ๆ:- ใช้เวลาน้อยที่สุด... เป่าผมที่เปียกน้ำให้แห้งไว ๆ ด้วยผ้าขนหนูที่แห้งนั้นสามารถอมน้ำได้เป็นอย่างดี และตามที่เคล็ดลับ วิธีนี้ของเราได้บอกให้ใช้ผ้าขนหนูแห้งอีกผืนวางลงไปบนเส้นผมที่เปียกน้ำ อีกครั้ง แล้วค่อยให้ใช้ไดร์เป่าผม เป่าลงไปนั้น...ด้วยผ้าขนหนูจะช่วยซับน้ำ ขึ้นมาไว้ที่ตัวผ้า และไอความร้อนจากไดร์เป่าผมที่อังไปบนตัวผ้านั้นจะช่วยเร่งให้ น้ำที่ซับขึ้นมาอยู่บนผ้านั้นระเหยออกไปได้เร็วกว่าปกติอีกด้วย จึงมีสามารถที่จะ ทำให้ผมที่เปียกน้ำนั้นแห้งเร็วกว่าปกตินั่นเองครับ... ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมเส้นผมจึงไม่ เสียนั้น ก็เป็นด้วยเพราะว่า..... ไอความร้อนจากไดร์เป่าผม นั้นไม่ผ่านไปถึงตัวเส้นผมแต่โดยตรง จึงไม่สามารถทำให้เส้นผมเสียแห้งกรอบได้เลยสักนิดว่าอย่างนั้น ... ...มีข้อควรระวังนิดหน่อยก็ตรงที่ว่าเวลาเป่าไดร์ไปบนผ้าขนหนูแล้วจำเป็นที่จะต้องใช้มือคอยขยี้ไปบนผ้าขนหนูให้ทั่วด้วยนั้น ถ้าไดร์มีความร้อนมากเกินไป อาจเกิดอันตรายได้ ก็ให้ปรับระดับความร้อนให้ต่ำหน่อยก็ดีครับ.... จากคุณ : kiraphat_delpiero เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 20:29:08

ความคิดเห็นที่ 16 2 จากคุณ : kiraphat_delpiero เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 20:30:41

ความคิดเห็นที่ 17 ความรู้ใหม่ จากคุณ : stacynarak เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 20:32:00

ความคิดเห็นที่ 18 ระงับการจามเมื่อเวลาที่ไม่อยากจะให้จามได้ด้วยนิ้วมือของเราเองก็ได้ การที่คนเราเกิดอาการจามขึ้นมานั้นก็เป็นด้วยว่า ได้มีพวกเศษขี้ฝุ่นหรือขี้ผงเล็ก ๆ ซึ่งเป็นเสมือนสิ่งแปลกปลอมที่ร่างกายของเราไม่ต้องการได้เกิดหลงเข้าไปอยู่ข้างในรูจมูกของเรามากเกินไป หรือจะเรียกอีกอย่างให้ง่าย ขึ้นก็ว่าเกิดมีขนาดมากเกินโคต้าอะไรทำนองนั้น... และทีนี้เมื่อเป็นเช่นนั้น มันสมองของเราตอนนั้นก็จะออกคำสั่งไปที่เส้นประสาท ที่จมูกให้ทำอาการที่เรียกว่าจาม...นั้นออกมา เพื่อหมายที่จะไล่หรือล้างเศษขี้ฝุ่นหรือ ขี้ผงเล็ก ๆ เหล่านั้นให้กับเรานั่นเอง.... และเส้นประสาทตรงจมูกของเรานี้ก็จะมีความยาวมาจนถึงตรง ขอบปากของเรานั่นเลยทีเดียว ตรงนี้ที่เราบอกให้ใช้นิ้วสองนิ้ว ยกขึ้นไปสัมผัสตรงจุดที่อยู่ติดปรือใต้จมูกอย่างกระทันหันนั้น... จึงเป็นผลที่จะทำ ให้มันสมองซึ่งกำลังจะออกคำสั่งหรือบงการอยู่ว่าจงจามออกมา และด้วย แรงกระทบอย่างกระทันหันนี้นี่เอง... มันสมองจึงเกิดการลังเลและสั่งให้ยกเลิก การจามครั้งนั้นเสียในทันที ว่ามาอย่างนี้นี่เองแหละ... แต่จะว่าไปการจามออกมานั้นเป็นสิ่งที่ดีเพราะจะได้ช่วยไล่พวก เศษขี้ฝุ่นและขี้ผงเล็ก ๆ ที่หลงเข้ามาอยู่ในรูจมูกให้กับเรานะครับ ไม่ได้มีผลเสียแต่อย่างใด...พวกเด็ก ๆสมควรที่จะปล่อยให้จาม กันได้อย่างอิสระเสรีนั่นแหละดี อย่าไปฝืนดีกว่า...ว่าไหมเอ่ย?? เคล็ดอันนี้คิดว่าคงจะเหมาะกับผู้ที่กำลังจะทำธุระ หรือพบปะผู้คนที่สำคัญๆ หรือเวลาที่ไม่อยากให้มีอาการจามเกิดขึ้นแล้วละก็ วิธีนี้คงจะสามารถช่วยท่าน ได้อะไรทำนองนั้นนะครับ.... จากคุณ : kiraphat_delpiero เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 20:34:50

ความคิดเห็นที่ 19 รูปใหญ่ไป ลดขนาดไม่เป็น และหมดแค่นี้ครับ ขอบคุณครับ บ๊ายบาย จากคุณ : kiraphat_delpiero เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 20:37:06

ความคิดเห็นที่ 20   ขอบคุณ จขกท. มากๆเลยจ้ะ....ได้ความรู้ใหม่ๆเยอะเลย....^_^ จากคุณ : .....**{~_^}**..... (สางฝอย) เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 21:01:11

ความคิดเห็นที่ 21 เดี๋ยวไปลองเป่าผมดีกว่า... ปล.เรื่องจามนี่เตยลองทำ ก็ได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้างอ่ะค่ะ แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 53 21:03:47 จากคุณ : pinkybeamy เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 21:03:03

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณมากค่ะ  แล้วจะทดลองดู จากคุณ : gold digger เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 21:07:27

ความคิดเห็นที่ 23 ชอบวิธีทำส้มให้มีรสหวานนะ  จะนำไปลองใช้ดู  มันจะยังคงสดอร่อยๆอยู่รึเปล่า จากคุณ : aonton เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 21:24:37

ความคิดเห็นที่ 24 วิธีการน่าสนใจมากเลยค่ะ เดี๊ยวจะรองเอาวิธีเป่าผมไปลองดูมั่ง ^^ ขอบคุณนะค้า จากคุณ : บะหมี่เกี๊ยวเยี่ยมที่สุด!! เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 21:42:31

ความคิดเห็นที่ 25 น่าจะไปตั้งในห้องหว้ากอด้วย จะได้พิสูจน์กันว่าได้ผลจริงรึเปล่า 555 จากคุณ : k-yoshiki เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 21:50:58

ความคิดเห็นที่ 26 จะจดจำ นำไปใช้ ขอบคุณมากค่า จากคุณ : Pagee3324 เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 21:55:37

ความคิดเห็นที่ 27 เดี๋ยวจะลองทำเรื่องส้มดูนะคะ ขอบคุณกับความรู้ใหม่ๆค่ะ จากคุณ : ราเม็งคุง เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 22:03:10

ความคิดเห็นที่ 28 ไปลองเป่าผมมาแล้วค่า แห้งไวมาก คุณภาพชีวิตดีขึ้นจริงๆ ขอบคุณนะคะ อิอิ จากคุณ : นราเกตต์ เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 22:37:14

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณ จขกท มากมาย มีประโยชน์จริงจ๊ะ จากคุณ : ฮ่องเต้น้อย เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 22:46:38

ความคิดเห็นที่ 30 น่าลองใช้ทุกอย่างเลยค่ะ ขอบคุณมากค่าที่อามาฝาก จะลองไปใช้ดูน๊า่ จากคุณ : Rosybabe เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 22:50:39

ความคิดเห็นที่ 31 arigatou omoshirokatta ขอบคุณค่ะ น่าสนใจจังเลยอ่าาา เห็นเอามาจากญี่ปุ่นเลยขอตอบแบบญี่ปุ่นบ้าง อิอิ เดี๋ยวไปสระผมแล้วจะลองทำบ้าง จากคุณ : Pearlly เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 23:12:27

ความคิดเห็นที่ 32 เอาครีมทามือแล้วลูบไล้ให้ทั่ว จนมือนุ่ม หาตะไบมาตะไบเล็บให้สวยงาม แล้วตะโกนบอกคนอื่นให้แกะสติ๊กเกอร์ให้ จากคุณ : ritjit เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 04:35:29